ปรับแผนลงใต้ ค้นหาผู้สูญหาย ร.ล.สุโขทัย อับปาง

กองทัพเรือ 4 ม.ค. – โฆษก ทร.เผยการค้นหาผู้สูญหายจากเรือหลวงสุโขทัยอับปาง อีก 5 นาย ในอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร ครบ 33 เกาะแล้ว ปรับแผนลงใต้ ค้นหาต่อที่หมู่เกาะอ่างทอง

พลเรือเอก ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่าปัจจุบัน กองทัพเรือ ยังคงดำเนินการค้นหาผู้สูญหายจากเรือหลวงสุโขทัยอับปาง อย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะตามแนวชายฝั่ง ซึ่งชุดปฏิบัติการพิเศษของ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ ได้แบ่งกำลังออกเป็น 3 ชุด ประกอบด้วย ชุดค้นหาใต้น้ำ ชุดค้นหาผิวน้ำ และชุดค้นหาบนเกาะ โดยได้ปูพรมค้นหา ตามเกาะต่างๆในพื้นที่จังหวัดชุมพร รวมถึงอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพรซึ่งมีเกาะทั้งหมด 33 เกาะ โดยก่อนหน้านี้ ได้ทำการสำรวจไปแล้ว 25เกาะ และเมื่อวานนี้ (3 มกราคม 2566) ได้ทำการสำรวจ 8 เกาะ ประกอบด้วย เกาะคางเสือ เกาะรังห้า เกาะมะพร้าว เกาะยอ เกาะขี้นก เกาะรางบรรทัด เกาะคราม และเกาะพิทักษ์ ซึ่งถือว่าได้ทำการสำรวจครบทุกเกาะของจังหวัดชุมพรแล้ว แต่อย่างไรก็ตามกองทัพเรือ ยังไม่หยุดการค้นหากำลังพลที่สูญหาย ซึ่งยังเหลืออีก 5 นาย โดยได้มีการส่งชุดปฏิบัติการพิเศษเรือยาง ร่วมกับหน่วยงานต่างๆเข้าค้นหาในพื้นที่อื่นที่คาดว่าจะพบร่างของกำลังพลต่อไป โดยในวันนี้(4 ม.ค.) จะเข้าทำการค้นหาใน พื้นที่หมู่เกาะอ่างทอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ผลการปฏิบัติจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีการพบผู้สูญหายเพิ่ม


โฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า สำหรับในช่วงบ่ายวันนี้จะ มีพิธีพระราชทานเพลิงกำลังพลที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์เรือหลวงสุโขทัยอับปาง จำนวน 2 นาย ประกอบด้วย จ่าเอก ไพร ร่วมญาติ ณ ฌาปนสถานกองทัพเรือสัตหีบ ในเวลา 15.00 น โดยมี พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ผู้แทนผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธี และ พันจ่าเอก คุณากร จริยศ หรือ หมอแชมป์ ณ วัดศรีวโณภาสสถิตย์พร ต.แกลง อ.เมือง จ.ระยอง ในเวลา 16.00 น. โดยมี พลเรือโท สุทิน หลายเจริญ ผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ ผู้แทนผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธี โดยในวันพรุ่งนี้ (5 มกราคม 2566) เวลา 10.00 น. กองทัพเรือจะจัดให้มีพิธีลอยอังคาร พันจ่าเอกคุณากร และ จ่าเอก ไพร บนเรือหลวงนเรศวร โดยมี พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ เป็นประธานในพิธี

ทั้งนี้ในส่วนของสิทธิกำลังพลและการให้ความช่วยเหลือแก่ครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบนั้น ทางกองทัพเรือ โดย พลเรือเอก เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ มีความเป็นห่วงครอบครัวกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตรวมถึงกำลังพลที่ยังคงสูญหายเป็นอย่างมาก โดยได้เร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสิทธิกำลังพล ดำเนินการเพื่อให้การช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อน แก่ครอบครัวของกำลังพลในด้านต่าง ๆ ตามระเบียบข้อบังคับอย่างเร่งด่วน
โดย เงินช่วยเหลือแก่ทายาทผู้สูญเสีย ประกอบด้วยเงินจากส่วนต่างๆ 5 ส่วน ดังนี้ 1.เงินตามสิทธิด้านกำลังพล เช่น เงินช่วยพิเศษ บำเหน็จตกทอด และบำนาญพิเศษ ทั้งนี้ เป็นไปตามสิทธิด้านกำลังพลของกำลังพลแต่ละราย โดยมีขั้นตอนการเบิกจ่ายตามหลักเกณฑ์และระเบียบแบบแผนที่ทางราชการกำหนด 2.เงินจากกองทุนต่างๆ ของกองทัพเรือ เช่น กองทุนน้ำใจไทยเพื่อผู้เสียสละในจังหวัดชายแดนภาคใต้และพื้นที่รับผิดชอบกองทัพเรือ 3.เงินประกันภัย เช่น เงินประกันภัยหมู่กองทัพเรือ 4. เงินสวัสดิการกองทัพเรือ และ เงินฌาปนกิจกองทัพเรือสำหรับผู้ที่เป็นสมาชิก 5. เงินที่หน่วยงานภาคเอกชนร่วมบริจาคเพื่อช่วยเหลือครอบครัวกำลังพล


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองทัพเรือ สรุปการช่วยเหลือผู้ประสบภัย (วันที่ 4 มกราคมม 2566) เวลา 11.00 น. ยอดกำลังพล 105 นาย รอดชีวิต จำนวน 76 นาย เสียชีวิตรวม 24 นาย ( อยู่ในระหว่างการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล 1 นาย)
สำหรับรายชื่อกำลังพลที่เสียชีวิต ซึ่งสามารถเพื่อยืนยันตัวบุคคลได้แล้ว จำนวน 23 นาย ประกอบด้วย 1. ว่าที่เรือเอก สามารถ แก้วผลึก 2. พันจ่าเอก อัชชา แก้วสุพรรณ์ 3.พันจ่าเอก สมเกียรติ หมายชอบ 4.พันจ่าเอก อำนาจ พิมที 5. จ่าเอก จักร์พงศ์ พูลผล 6.จ่าเอก บุญเลิศ ทองทิพย์ 7.จ่าเอกชูชัย เชิดชิด 8. จ่าโท ธวัชชัย สาพิราช 9.จ่าโท สหรัฐ อีสา 10.จ่าตรี สถาพร สมเหนือ 11.จ่าตรี นพณัฐ คำวงค์ 12.จ่าตรี ศุภกิจ ทิวาลัย13. จ่าตรี ศราวุธ นาดี 14.จ่าตรี สิริธิติ งามทอง 15. พลทหาร อัครเดช โพธิ์บัติ 16. พลทหาร จิราวัฒน์ ธูปหอม 17. พลทหาร สิทธิพงษ์ หงษ์ทอง 18. พลทหาร วรพงษ์ บุญละคร19.พลทหาร ปรีชา รักษาภักดี 20. พลทหาร จำลอง แสนแก 21.พันจ่าเอก คุณากร จริยศ22.พลทหาร ชลัช อ้อยทอง 23. จ่าเอก ไพร ร่วมญาติ

รายชื่อกำลังพลที่ยังคงสูญหาย รวม 6 นาย ( มี 1 นายที่อยู่ในระหว่างการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล ซึ่งยังไม่ได้ตัดยอดในจำนวนนี้) เป็นกำลังพล เรือหลวงสุโขทัย จำนวน 3 นาย ได้แก่ 1. ว่าที่ นาวาตรี พลรัตน์ สิโรดม 2. จ่าตรี โสภณ วงษ์สนิท 3. พลทหาร ชัยชนะ ช่างวาด

ส่วนกำลังพล หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน จำนวน 2 นาย ได้แก่ 1.พันจ่าเอก จิราวัฒน์ เจริญศิลป์ 2. พลทหาร ทวีศักดิ์ แซ่เซียว และเป็นกำลังพล หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง จำนวน 1 นาย คือ 1. พลทหาร อับดุลอาซิส มะแอ.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เชียงใหม่อากาศแปรปรวน เจอลมหนาว-ฝนตก 3 วันติด

ชาวเชียงใหม่เจอลมหนาวและฝนตกต่อเนื่อง 3 วันติด อุตุฯ ย้ำอากาศแปรปรวน เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย ยังมีฝนตกและลมหนาว แนะรักษาสุขภาพ

“อัจฉริยะ” ยื่นสอบปม “ทนายตั้ม” ปูดข่าวผู้บริหารปลอมเอกสารขยายอายุเกษียณ

“อัจฉริยะ” ยื่นหนังสือตรวจสอบข้าราชการช่วยผู้บริหารรัฐวิสาหกิจปลอมเอกสารขยายอายุเกษียณ คาดอาจมีทนายดังเข้าไปเอี่ยว เสนอตำรวจให้สอบพยานรายสำคัญที่เป็นประโยชน์กับ “มาดามอ้อย”

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊ก บช.ก. สอบปากคำ

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊กสอบสวนกลาง สอบปากคำ นานกว่า 5 ชั่วโมง ขณะที่พนักงานสอบสวนเตรียมเข้าค้น “ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม” เช้าพรุ่งนี้ หาหลักฐานเพิ่ม ก่อนฝากขังช่วงบ่าย ค้านประกันตัว

“บิ๊กอ้อ” เผย “ทนายตั้ม-ภรรยา” มีพฤติการณ์หนี-ยุ่งเหยิงพยานฯ

“บิ๊กอ้อ” ชี้ตำรวจต้องออกหมายจับ “ทนายตั้ม” เหตุพบพฤติการณ์เตรียมหลบหนีออกนอกประเทศ และยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน นอกจากนี้ยังมีคดีต่อเนื่อง 3 คดี เตรียมแจ้งข้อหาเพิ่ม

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศเย็นตอนเช้า-ภาคใต้ฝนหนัก

กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศเย็นในตอนเช้า เตือนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง พร้อมอัปเดตเส้นทางพายุ “หยินซิ่ง”

MOU44

MOU 44 ผลประโยชน์ชาติ กับ การเมือง ตอนที่ 1

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เรื่องเอ็มโอยู 44 และเส้นแบ่งอาณาเขตทางทะเล หรือเส้นเคลม กลายเป็นปมร้อน ท่ามกลางความกังวลถึงผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และสิทธิเหนือเกาะกูด ติดตามความเห็นและมุมมองจากผู้เกี่ยวข้องในรายงาน “ปมร้อน เอ็มโอยู 44 ผลประโยชน์ชาติ กับ การเมือง”

ทนายตั้ม

“ทนายตั้ม” สร้างตัวตนผ่านสื่อ หวังหาผลประโยชน์หรือไม่

หลังจากพนักงานสอบสวนควบคุมตัว “ทนายตั้ม” และภรรยา เข้าเรือนจำไปแล้ว มีคำถามตามมาว่า ทนายคนดังสร้างตัวตนจนโดดเด่นในสังคม เพื่อหาผลประโยชน์จากความน่าเชื่อถือที่สร้างไว้หรือไม่

ระเบิดปากีสถาน

ยอดเสียชีวิตจากเหตุระเบิดสถานีรถไฟปากีสถานเพิ่มเป็น 24 รายแล้ว

เหตุระเบิดสถานีรถไฟในเมืองเควตตา ทางตะวันตกเฉียงใต้ของปากีสถาน ตายเพิ่มเป็นอย่างน้อย 24 ราย บาดเจ็ดมากกว่า 40 ราย