ทำเนียบ 22 ธ.ค.-นายกฯ มอบนโยบายหน่วยงาน กอ.รมน. และส่วนราชการด้านความมั่นคง ให้ยึดหลัก 5 ป. ไปสู่การปฏิบัติ หวังผลสัมฤทธิ์ที่สูงขึ้นในงานรักษาความมั่นคง และงานพัฒนา
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ครั้งที่ 1/2565 และเป็นประธานสรุปผลการปฏิบัติงานและแถลงแผนการปฏิบัติงานประจำปีของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เพื่อให้ผู้บริหาร กอ.รมน. (ส่วนกลาง) กอ.รมน.ภาค กอ.รมน.จังหวัด และหัวหน้าส่วนราชการด้านความมั่นคงที่เกี่ยวข้อง รับทราบผลการปฏิบัติงานในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 แผนการปฏิบัติงานในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 และนำนโยบายนายกรัฐมนตรียึดเป็นกรอบแนวทางในการปฏิบัติงานต่อไป โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการด้านความมั่นคง คณะกรรมการอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร คณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐวุฒิสภา หัวหน้าส่วนราชการด้านความมั่นคง ผอ.รมน.ภาค ผอ.รมน.จังหวัด และผู้บริหารของ กอ.รมน. เข้าร่วมงาน
ภายหลังการประชุม นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมนิทรรศการผลการดำเนินการของ กอ.รมน. ที่ผ่านมา เช่น การแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน (ภาคเหนือโมเดล) ตามการขับเคลื่อน BCG Model ของรัฐบาล แอปพลิเคชันแผนที่สถานการณ์ร่วม (Common Operation Map: COM) การสร้างเครือข่ายเยาวชน ตามศาสตร์พระราชาในศูนย์การเรียนรู้ สู่การสร้างอาชีพ ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ตำบลดงขี้เหล็ก ตำบลต้นแบบ ของจังหวัดปราจีนบุรี โดยนายกรัฐมนตรี ชื่นชมผลการดำเนินงานของ กอ.รมน. ที่บูรณาการความร่วมมือทุกภาคส่วนจนเกิดผลสำเร็จตามเป้าหมาย พร้อมแนะนำให้มีการศึกษาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ผลสำเร็จที่เกิดขึ้นระหว่างกัน เพื่อสามารถนำปรับใช้ได้ให้สอดคล้องกับบริบทและศักยภาพของแต่ละพื้นที่ให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและเกิดประโยชน์ต่อประชาชนทั้งในระดับพื้นที่และโดยรวมอย่างแท้จริง
นายกรัฐมนตรี ในฐานะนายกรัฐมนตรี และ ผอ.รมน.กล่าวมอบนโยบาย ว่า มีความคาดหวังผลสัมฤทธิ์ที่สูงยิ่งขึ้นไป ทั้งในงานรักษาความมั่นคง เพื่อสนับสนุนแผนงานต่างๆ ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และงานพัฒนา ที่สอดรับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 รวมถึงเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน หรือ (SDGs) ของสหประชาชาติ โดยที่จะต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
นายกรัฐมนตรี ยังมอบแนวทางการทำงานร่วมกัน ในปีงบประมาณ 2566 ด้วยหลักการ “5 ป” ได้แก่ 1. “ป1” หัวใจสำคัญ คือ การทำงานใกล้ชิด และรับฟังเสียงของประชาชน แปลงไปสู่แผนการปฏิบัติ รวมทั้ง กอ.รมน. ต้องสร้างศรัทธา ความเชื่อมั่น และความไว้เนื้อเชื่อใจต่อสาธารณชน ใช้จ่ายงบประมาณตามระเบียบ มีประสิทธิภาพ โปร่งใส ตรวจสอบได้ด้วยการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ หรือ “ITA” (ไอ-ที-เอ)
2.“ป2” คือ ต้องปฏิรูปการทำงาน ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การแก้ปัญหา และการให้บริการประชาชน ทั้งยกระดับการทำงานภายใน กอ.รมน. เอง และการสนับสนุนงานของรัฐบาลในภาพรวมด้วย เช่น การแก้ปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืน ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยขอให้ทุกส่วนราชการให้ความสำคัญ การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยยึดหลัก“อยู่รอด ปลอดภัย พอเพียง ยั่งยืน” เพื่อการเดินหน้าไปสู่อนาคตที่ดีกว่า
3. “ป3” คือ การทำงานอย่างประสานสอดคล้อง และเชื่อมโยงเป็นเนื้อเดียวกัน อย่างไร้รอยต่อ มุ่งขยายเครือข่ายประชาชน และกระชับกลไกประชารัฐทั่วประเทศ ตลอดจนเชื่อมสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านและมิตรประเทศ ในฐานะ หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ โดยเฉพาะเครือข่ายข่าวภาคประชาชนจะมีส่วนสำคัญในการ “ต่อหู เพิ่มตา” ในการเฝ้าระวังและแจ้งเตือน
4. “ป4” คือ ขอให้ประยุกต์หลักการทรงงาน ศาสตร์พระราชา และหลักวิชาการต่างๆ มาใช้ในการทำงานได้เหมาะสมกับแต่ละภารกิจและสถานการณ์ เช่น เผยแพร่องค์ความรู้ “โคก หนอง นา โมเดล” ให้ประชาชนเข้าใจอย่างแท้จริง โดยปัจจุบัน รัฐบาลได้ริเริ่ม “โครงการข้าวรักษ์โลก BCG Model” ที่มุ่งปฏิรูปกระบวนการปลูกข้าวของไทย ให้มีต้นทุนลดลง และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้อยากให้ช่วยกันปลูกป่าในใจคน ผ่านโครงการ “ป่าชุมชน” ช่วยให้คนรักป่า -อยู่กับป่า เป็น Food Bank เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว ตลอดจนรณรงค์ปลูกไม้ยืนต้น โดยเฉพาะไม้มีค่า ที่จะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจในอนาคตด้วย
5. “ป5” คือ ให้ความสำคัญกับงานประชาสัมพันธ์ โดยมุ่งสร้างการตระหนักรู้ ทำความเข้าใจ โดยใช้ช่องทางสื่อสารดั้งเดิม วิทยุชุมชน หอกระจายข่าว ควบคู่เพิ่มช่องทางออนไลน์ สื่อโซเชียล บนแพลตฟอร์มดิจิทัลให้มากขึ้นด้วย เพื่อเข้าถึงคนรุ่นใหม่ โดยปัจจุบันมีการปลูกฝังและถ่ายทอดแนวความคิดที่ไม่ดีให้กับเยาวชนไทย ทั้งด้านการเมือง สถาบันหลักของชาติ ตลอดจนการเผยแพร่ Fake News ทำให้เกิดความเข้าใจผิด สร้างความแตกแยก รวมถึงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ฝ่ายตรงข้ามปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ โดยเพิ่มการปลุกระดมเยาวชน แทนการใช้กำลังต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ ดังนั้น ทุกฝ่ายต้องเร่งการสื่อสาร ประชาสัมพันธ์เชิงรุกในทุกแพลตฟอร์ม ใช้น้ำดี ไล่น้ำเสีย และสร้างภูมิคุ้มกันในสังคมให้เข้มแข็ง
“นอกจากการยึดหลัก “5ป” ข้างต้น เป็นแนวทางในการทำงานแล้ว การพัฒนาศักยภาพ บุคลากรของ กอ.รมน. ก็มีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง ทั้งในเรื่องประสิทธิภาพ และคุณภาพการปฏิบัติงานในทุกระดับ อีกทั้งมีทัศนคติที่ดีในการทำงาน สามารถขับเคลื่อนและประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานอื่น ภาคส่วนอื่นๆ ได้เป็นอย่างดีด้วย พร้อมขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้ร่วมกันทำงานทุกภารกิจ รวมทั้งด้านการต่อต้านการค้ามนุษย์ ที่ส่งผลให้สถานการณ์การค้ามนุษย์ในไทยได้รับการยกระดับที่ดีขึ้นและพยายามยกระดับให้เป็นระดับที่ดียิ่งขึ้นต่อไป” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย