“จุรินทร์” เปิดงานม้ง ดันขายซอฟต์พาวเวอร์

เชียงใหม่ 18 ธ.ค.- “จุรินทร์” บุกเชียงใหม่ เปิดงานม้ง ดันขายซอฟต์พาวเวอร์ สร้างแต้มต่อเอสเอ็มอีม้ง ออกบูธต่างประเทศขายสินค้า


วันที่ 18 ธันวาคม 2565 เวลา 11.30 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดงาน Hmong Economic Leaders 2022 พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และนายชวภณ เจริญธนเดชากร นายกสมาคมพ่อค้าม้งไทย ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติจังหวัดเชียงใหม่ ในงานมีผู้นำม้งองค์กรต่างๆ ประชาชนม้ง นักเรียนนักศึกษาทั่วไปเข้าร่วมกว่า 1,000 คน โดยการประสานงานของ ร.ท.วิศธร เถาตระกูล หรือทนายเต้ย ซึ่งมีพี่น้องชาวม้งให้การต้อนรับเป็นอย่างดีต่างดีใจและเข้ามาขอถ่ายรูปเซลฟี่ร่วมกับนายจุรินทร์เป็นจำนวนมาก บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก

นายจุรินทร์ กล่าวว่า โอกาสที่จะได้พบกับพวกเราพร้อมหน้าโดยเฉพาะพี่น้องชาวม้งไม่ถึงกับง่าย นอกจากเดินทางไปเยี่ยมในพื้นที่ซึ่งไปไม่ทั่ว เพราะพี่น้องชาวม้งในไทยมีเกือบ 500,000 คน กระจายกว่า 14 จังหวัดทั้งเชียงใหม่ เชียงราย น่าน แพร่ ตาก ลำปาง พะเยา เพชรบูรณ์ แม่ฮ่องสอน กำแพงเพชร พิษณุโลก เลย กาญจนบุรี สุโขทัย และยะลา เป็นต้น เดิมพี่น้องชาวม้งประกอบอาชีพเกษตรกรรมต่อมาพัฒนาเป็นอาชีพที่หลากหลายมากขึ้น เกษตรกรรมยังถือเป็นอาชีพดั้งเดิมสืบทอดจนวันนี้ โดยพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเปลี่ยนความคิดความอ่านของพวกเราเลิกปลูกยาเสพติด หันมาปลูกพืชเศรษฐกิจดำรงชีพ ผลจากอาชีพเกษตรกรรมที่ถูกต้องกลายเป็นการสร้างพัฒนาการให้ลูกหลานชาวม้งเติบโตเป็นวิศวกร สถาปนิก พ่อค้า ทหาร ผู้พิพากษา ข้าราชการ นักธุรกิจ ภาคเอกชนที่ประสบความสำเร็จในหลากหลายวิชาชีพและวันนี้มี 10 ท่านที่เป็นต้นแบบความสำเร็จของพี่น้องชาวม้งช่วยถ่ายทอดเส้นทางสู่ความสำเร็จ กิจกรรม Hmong Economic Leaders 2022 วันนี้สร้างสรรค์อย่างยิ่ง ควรค่าแก่การสนับสนุน และตนยินดีช่วยสนับสนุนพวกเรา


“เศรษฐกิจเปลี่ยนไปเยอะ เราต้องรู้เท่าทันโลก เท่าทันสถานการณ์โลก ปีหน้าน่าห่วง เพราะเศรษฐกิจจะชะลอตัว ปีที่แล้ว +6% ปีนี้แนวโน้ม +3.2% และปีหน้าคาดว่า +2.7% เพราะสถานการณ์โควิด สงครามรัสเซีย-ยูเครนยังไม่รู้จบเมื่อไหร่ และภาคการผลิตสำคัญที่ขาดแคลนวัตถุดิบ ทำให้เศรษฐกิจพัฒนาได้ไม่โตอย่างที่อยากเห็น ถ้าโลกโตเราก็ได้ประโยชน์ด้วย จะขายของได้ดีขึ้น แต่ไทยยังดีเพราะแนวโน้มเศรษฐกิจไทยสวนกระแสโลก ปีนี้เราบวกและปีหน้าคาดการณ์ว่าจะบวกมากกว่าปีนี้ เราต้องลงมือทำ หลายฝ่ายต้องช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ปีหน้า 1. การส่งออกยังเป็นหัวใจสำคัญ 2.การท่องเที่ยวจะเป็นตัวช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ 3.การลงทุนจากต่างประเทศ” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าว

นายจุรินทร์ได้กล่าวต่อว่า สำหรับการส่งออกปีนี้ที่ตนรับผิดชอบ ปีที่แล้วทำรายได้เข้าประเทศ 8.5 ล้านล้านบาท ปีนี้แนวโน้มเพิ่มเป็น 9 ล้านล้านบาท และปีหน้าจะเพิ่มเป็น 9.25 ล้านล้านบาท และปีนี้แนวโน้มเป็นบวกประมาณ 7% ปีหน้าแม้เศรษฐกิจโลกมีปัญหาแต่ยังเป็นบวก การส่งออกถ้าระบายได้ดี พืชผลการเกษตรราคาก็สูงขึ้น ไม่ใช่ดีเฉพาะพ่อค้าแต่ลงลึกไปถึงเกษตรกร ให้มีเงินมาใช้พัฒนาประเทศ เหลือทำงบประมาณแผ่นดิน สร้างถนน โรงเรียนให้กับพวกเรา และการท่องเที่ยวยังคงมีความสำคัญ ปีนี้นักท่องเที่ยวครบ 10,000,000 คนตามเป้าหมาย ปีหน้าแนวโน้มจะดีขึ้นทิศทางการท่องเที่ยวจากนี้ คือเร่งดึงนักท่องเที่ยวรายได้สูง และต้องขายซอฟต์พาวเวอร์ จากอาหาร วิถีชีวิต และสำคัญอย่างยิ่งกับพี่น้องชาวม้งเพราะเรามีฐานรากของความเป็นวัฒนธรรมที่เป็นอัตลักษณ์ มีวิถีชีวิต ชุดแต่งกายที่เป็นเรา ถ่ายทอดรุ่นต่อรุ่น คือซอฟต์พาวเวอร์ ประเทศไทย ถือว่ามีซอฟต์พาวเวอร์ที่เข้มแข็งเป็นลำดับที่ 6 ของเอเชีย รองจาก จีน ญี่ปุ่น เกาหลี อินเดียและสิงคโปร์ ในอาเซียนไทยเป็นที่ 2 รองจากสิงคโปร์ ไทยมีจุดขายด้านการท่องเที่ยวด้วยการขายซอฟต์พาวเวอร์ ถ้าทำธุรกิจอย่าลืมซอฟต์พาวเวอร์ และที่ต้องพัฒนาต่อไปคือท่องเที่ยวชุมชน ทุกชุมชนมีซอฟต์พาวเวอร์ มีอัตลักษณ์ของความเป็นตัวเอง ชุมชนชาวม้งจะเป็นท่องเที่ยวอีกจุดหนึ่ง รวมตัวในชุมชนขายการท่องเที่ยว

แต่อย่างไรก็ตามภาคการผลิตก็จะมีความสำคัญโดยเฉพาะกับนักธุรกิจชาวม้งที่มีพื้นฐานการเกษตร การผลิตทางการเกษตรยุคต่อไป จะเปลี่ยนไปตามบริบทการพัฒนาของโลก จะมีกฎเกณฑ์กติกามากมายเราต้องตามให้ทัน ตนเป็นประธานที่ประชุม RCEP 15 ประเทศ เป็น FTA ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีจีดีพีรวมกัน 1 ใน 3 ของโลก ตนนั่งเป็นประธานที่ประชุมจนเคาะลงนามได้ในอีก 2 ปีต่อมา ต่อไปไทยส่งสินค้าไปขายใน 14 ประเทศอนาคตภาษีเป็นศูนย์ จะได้เปรียบกว่าประเทศนอกสมาชิก และไม่กี่วันนี้เพิ่งประชุมเอเปคและตนเป็นประธานที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจเอเปค ซึ่งกำลังจะพัฒนาเป็น FTA ในอนาคตมี 21 เขตเศรษฐกิจ จีดีพี 2 ใน 3 ของโลก แต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันทั้ง RCEP และเอเปคคือ ต่อไปนี้ไม่ว่าจะผลิตสินค้าเกษตร ภาคบริการหรืออื่นๆ ต้องเดินหน้าไปสู่การ “สร้างความยั่งยืน” ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ลดคาร์บอน และอื่นๆ ถ้าไม่ทำก็จะไม่ซื้อหรือตั้งกำแพงภาษีจนขายไม่ได้ ให้เราพัฒนาสินค้าเกษตรไปสู่ความยั่งยืนโดยใช้ “ตลาดนำการผลิต” ทั้งสองกลไกให้ความสำคัญกับเอสเอ็มอีและไมโครเอสเอ็มอี เป็นเรื่องดีที่ให้ความสำคัญจะเป็นฐานรากของการพัฒนาเศรษฐกิจเกษตร อุตสาหกรรมและการค้าของโลกต่อไป


“กระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญกับธุรกิจเพื่อนชาวม้งทั้งหลายที่เป็นเอสเอ็มอี ถ้าสินค้ามีศักยภาพ ตนให้ Handicap จะมีแต้มต่อ ต่อไปนี้การแสดงสินค้าที่ประเทศใกล้เคียง ตนให้เป็นนโยบายไปแล้ว รัฐบาลให้โอกาสอย่างน้อยกระทรวงพาณิชย์และตนให้โอกาสการออกบูธต่างประเทศ เปิดโอกาสให้เอสเอ็มอีที่มีศักยภาพ ร่วมออกบูธกับกระทรวงได้ส่วนหนึ่ง” นายจุรินทร์กล่าว .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สิ้นพระเอกดัง “ไพโรจน์ สังวริบุตร” จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี

3 มิ.ย.- วงการบันเทิงเศร้า… สิ้นพระเอกดัง “เอ๋” ไพโรจน์ สังวริบุตร นักแสดง-ผู้กำกับในตำนาน จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี แฟนคลับร่วมแสดงความอาลัย ข่าวเศร้าช็อกวงการบันเทิง เอ๋-ไพโรจน์ สังวริบุตร เสียชีวิตอย่างสงบ เมื่อเวลา 03.00 น. (3 มิ.ย.68) ที่จังหวัดนครราชสีมา สิริอายุได้ 72 ปี กำหนดสวดพระอภิธรรม ณ วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร สำหรับพิธีรดน้ำศพ จะมีขึ้นในวันที่ 4 มิถุนายน 2568 โดยข้อมูลจากเพจดาราภาพยนตร์ เผยการจากไปของพระเอกรุ่นใหญ่ สร้างความโศกเศร้าให้กับวงการบันเทิงไทยอย่างมาก หากเอ่ยถึงชื่อ “ไพโรจน์ สังวริบุตร” คนไทยหลายรุ่นคงต้องนึกถึงชายหนุ่มร่างโปร่ง ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม และแววตาทะเล้นที่ปรากฏอยู่บนจอเงินในบท “ตั้ม” จากภาพยนตร์ วัยอลวน อันโด่งดังในยุค 2510–2520 เขาคือพระเอกผู้ก้าวข้ามกาลเวลา จากภาพลักษณ์ของวัยรุ่นสุดแนวในวันนั้น สู่ผู้กำกับภาพยนตร์มากฝีมือในวันนี้ และยังคงยืนหยัดเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ไทย “ไพโรจน์ สังวริบุตร” เกิดเมื่อวันที่ 18 […]

Thai drone illegally enters Cambodian airspace, intercepted by Cambodian troops

กัมพูชาอ้างสกัดโดรนที่ส่งจากฝั่งไทย

พนมเปญ 3 มิ.ย.- สื่อกัมพูชารายงานว่า ทหารกัมพูชาสกัดอากาศยานไร้คนขับหรือโดรนที่อ้างว่าส่งจากฝั่งไทยเข้าไปสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์รายงานวันนี้ว่า กองทัพไทยยังคงละเมิดดินแดนของกัมพูชา โดยล่าสุดได้ส่งโดรนไปบินเหนือพื้นที่แนวหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา และถูกกำลังพลกัมพูชาสกัดไว้ได้ แขมร์ไทมส์อ้างรายงานจากชายแดนว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 มิถุนายน ทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่บริเวณแนวหน้าในจังหวัดพระวิหารสามารถสกัดโดรนลำหนึ่งที่เข้ามาในน่านฟ้ากัมพูชาเพื่อวัตถุประสงค์ในการสอดแนม ผลการประเมินเบื้องต้นชี้ว่า โดรนลำนี้ถูกส่งโดยกองทัพไทย เพื่อเก็บข้อมูลข่าวกรองเรื่องการประจำการและการเคลื่อนย้ายกำลังพลของกองทัพกัมพูชา.-814.-สำนักข่าวไทย

ล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ถอยหนีชนดะ

ขอนแก่น 3 มิ.ย. – ระทึก ผู้ต้องหาถอยรถหนี ชนจยย.สายตำรวจ ขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ก่อนจนมุมรถไถลข้ามเลนพลิกตะแคง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพรถยนต์สีขาวจอดคุยกับชายคนหนึ่งที่ยืนริมถนนกสิกรทุ่งสร้าง หน้าตลาดจอมพล เขตเทศบาลนครขอนแก่น ทันใดนั้น รถคันดังกล่าวก็ถอยหลังอย่างรวดเร็ว พุ่งชนรถจักรยานยนต์ที่ขี่อยู่ด้านหลังล้ม 2 คัน และพยายามเร่งเครื่องหลบหนีจนไปชนกับรถคันอื่นอย่างแรง แล้วไถลข้ามเลนพลิกตะแคงอยู่ข้างทาง เมื่อเวลา 22.45 น. วานนี้ (2 มิ.ย.) คนขับปีนออกจากหน้าต่าง มีท่าทีขัดขืน แต่สุดท้ายก็ยอมออกมาจากรถ หลังจากนั้นตำรวจพาเดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม และมีชายอีกคนออกมาจากหน้าเป็นรายที่สอง ตำรวจจึงควบคุมตัวที่ข้างทาง ต่อมา รถกู้ชีพมาถึงที่เกิดเหตุและทำการปฐมพยาบาลทั้งชายสองคนและสายลับที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นเหตุขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้า ภายในรถมีบุหรี่ไฟฟ้าวางอยู่ ก่อนจะคุมตัวขึ้นรถกระบะไป สภ.เมืองขอนแก่น พ.ต.อ.พรศักดิ์ งานดี ผู้กำกับการตำรวจสืบสวนจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า นายอนุพงษ์ อายุ 35 ปี เป็นคนขายบุหรี่ไฟฟ้า ส่วนนายณัฐพล อายุ 37 ปี เป็นคนขับรถยนต์คันที่เกิดเหตุ มีพฤติกรรมลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า ผ่านเฟซบุ๊กให้กับลูกค้าทั่วไปที่สั่งซื้อ จึงวางแผนล่อซื้อ […]

ทรงพระเจริญ

ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี ร่วมแปรอักษร แสดงพลังความจงรักภักดี

สงขลา 2 มิ.ย. – จังหวัดสงขลา จัดกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” ประชาชนกว่า 5,000 คน ร่วมแปรอักษร “ทรงพระเจริญ คนสงขลารักพระราชินีฯ” แสดงพลังความจงรักภักดีอย่างยิ่งใหญ่ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568 วันนี้ 2 มิถุนายน 2568 เวลา 16.30 น. ที่สนามกีฬาติณสูลานนท์ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยนางปวีณ์ริศา เกิดสม ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสงขลา นำคณะรองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ นักเรียน นักศึกษา และประชาชนชาวสงขลากว่า 5,000 คน ร่วมกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” เพื่อแสดงความจงรักภักดีและเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ย้ำรัฐบาลยึดหลักอธิปไตย-ประโยชน์สูงสุดของประเทศ

กรุงเทพฯ 4 มิ.ย. – นายกฯ ย้ำรัฐบาลไม่นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ วันนี้ (4 มิ.ย.68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์เรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รัฐบาลยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ “ดิฉันขอย้ำอีกครั้งว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และได้บูรณาการการทำงานอย่างใกล้ชิดระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานความมั่นคง เพื่อประเมินสถานการณ์อย่างรอบด้าน” นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า เรารวบรวมข้อมูลจากทั้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ภาพแผนที่จากเทคโนโลยีและการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ ตลอดจนพิจารณาอย่างเคร่งครัดภายใต้หลักกฎหมายระหว่างประเทศ โดยมีเป้าหมายคือการปกป้องอธิปไตยของชาติและผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ หากมีความคืบหน้า รัฐบาลจะมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดเป็นระยะ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและรอบด้านต่อไป.-314-สำนักข่าวไทย

ม็อบรถบัส 2 ชั้น ขู่บุกกรุง ค้านคำสั่งห้ามใช้เส้นทางเขาพับผ้า

ตรัง 4 มิ.ย. – ม็อบรถบัส 2 ชั้น ชุมนุมคัดค้านคำสั่งห้ามใช้เส้นทางเขาพับผ้า อ้างไม่ชอบ กม.-เส้นทางไม่เข้าหลักเกณฑ์กำหนด ขู่เคลื่อนขบวนพันคันบุกกรุง หากไม่ได้รับแก้ไข บริเวณอันดามันเกตเวย์ บนเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 เขาพับผ้า เครือข่ายผู้ประกอบการรถบัส 2 ชั้น ในนามสมาคมรถโดยสารสองชั้นไทย กว่า 100 คัน พร้อมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ราว 200 คน ชุมนุมคัดค้านคำสั่ง กรมการขนส่งทางบกที่ห้ามรถบัส 2 ชั้นใช้เส้นทาง 7 แห่งทั่วประเทศ การชุมนุมครั้งนี้ เป็นการรวมตัวของผู้ประกอบการจากทั้งภาคใต้ ภาคกลาง และภาคตะวันออก เพื่อประท้วงคำสั่งที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.68 สำหรับรถทัวร์ และวันที่ 1 มิ.ย.68 สำหรับรถประจำทาง โดยชูป้ายข้อความต่างๆ รวมถึงการเรียกร้องให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมและอธิบดีกรมการขนส่งทางบกลาออกจากตำแหน่ง นายสุริยะ แกล้วทนงค์ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารสองชั้นไทย เปิดเผยว่า การสำรวจเส้นทางเขาพับผ้า พบว่าไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่ต้องประกาศห้าม เนื่องจากมีความลาดชัน 8% […]

หัวโจกปล้นบุหรี่ไฟฟ้า กลับลำ ยันไม่มีคนในชี้เป้า

กทม. 4 มิ.ย. – คุมตัว “แบงค์” หัวโจกปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลางกรมศุลฯ ทำแผน เจ้าตัวกลับลำอ้างลงมือครั้งแรก ไม่มีใครชี้เป้า ปัดเจตนาชน รปภ.ดับ กลางดึกที่ผ่านมาตำรวจ สน.ท่าเรือ พร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษ กว่า 20 นาย ควบคุม 5 ผู้ต้องหาแก๊งปล้นบุหรี่ไฟฟ้า ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ บริเวณ ตู้คอนเทนเนอร์ ในโกดังสเตเตียม ถนนท่าเรือ 1 เขตคลองเตย จากนั้นในช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 คนไปฝากขังผัดแรกที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ส่วนนายแบงค์ หัวโจก พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพอย่างเงียบๆ เพราะเกรงว่านายแบงค์จะถูกญาติ รภป. ผู้เสียชีวิต รุมประชาทัณฑ์ ภายหลังจากทำแผนประกอบคำรับสารภาพเสร็จสิ้นแล้ว พนักงานสอบสวนได้คุมตัวนายแบงค์กลับมา คุมขังที่ สน.ท่าเรือ เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม ผู้สื่อข่าวได้พยายามซักถามว่านายแบงค์ก่อเหตุมาแล้วกี่ครั้ง นายแบงค์ อ้างว่าก่อเหตุขโมยบุหรี่ไฟฟ้ามาเพียงครั้งเดียว ส่วนนำไปขายใครนั้น นายแบงค์ไม่ตอบ และยืนยันว่าการก่อเหตุนี้ ไม่มีคนในมาชี้เป้า เพราะบริเวณนั้นใครก็รู้ว่าเป็นพื้นที่เก็บสินค้าที่ต้องการทำลาย พร้อมยกมือไหว้ขอโทษครอบครัว รปภ.ที่เสียชีวิต และยอมรับว่าตนเองไม่ได้ตั้งใจถอยรถชน […]

“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่ชายแดนติดตามสถานการณ์ไทย-กัมพูชา

อุบลราชธานี 4 มิ.ย. – “ภูมิธรรม” ลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ย้ำกองทัพไม่ขัดแย้งรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ลงพื้นที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เพื่อติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเกิดกรณีการปะทะกันที่ช่องบก โดยระบุว่า การมาครั้งนี้ตั้งใจมาให้กำลังใจกำลังพลที่อยู่แนวหน้า ซึ่งกำลังเตรียมความพร้อมในการดูแลและป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น รวมถึงดูพื้นที่จริง ซึ่งเบื้องต้นพบว่า ข่าวทหารกัมพูชาวางกับระเบิดเป็นของเก่า เวลานี้เรากำลังใช้ทางออกที่โลกอยากเห็น และเรายังไม่ได้เสียอธิปไตยตรงไหนไป สิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละจุด เราอยากให้มันค่อยๆ คลายไป เรากำลังใช้มาตรการทางการทูตเชิงรุก เริ่มต้นจากเล็กไปหาใหญ่ และมาตรการต่างๆ ที่จะมีเพิ่มขึ้น เราตกลงกันแล้วว่า จะคุยด้วยกันตลอด ไม่ได้มีปัญหาอะไร มันไม่ได้ถึงขั้นนั้น เพราะยังไม่มีอะไร เราคำนึงถึงชีวิตของพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดน เราจะใช้กระบวนการสันติวิธีให้ถึงที่สุด ถ้ามีอะไรเกินเลย ฝ่ายที่อยู่แนวหน้าจะต้องแจ้งเรา ซึ่งจะดำเนินการโดยทันทีทันใด ยืนยันกองทัพกับฝ่ายการเมืองไม่มีปัญหากัน .-สำนักข่าวไทย