กรุงเทพฯ 17 ธ.ค. – ส.ส. เริ่มทยอยลาออกย้ายสังกัด พรรคการเมืองเริ่มเตรียมพร้อมจัดทัพ เสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในนามพรรค
เข้าสู่ช่วงท้ายของวาระสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ที่จะครบ 23 มีนาคมปีหน้า แต่ระหว่างทางอาจมีการยุบสภาฯ ก่อน ทำให้พรรคการเมืองเริ่มเตรียมพร้อมจัดทัพเตรียมเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในนามพรรค แม้จะยังไม่ประกาศชัด แต่มีเค้ารางให้เห็นเด่นๆ เช่น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ยังเดินหน้าขอทำงานต่อ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย
ขณะที่ซีกฝ่ายค้าน มีอุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร หรืออาจจะมีนายเศรษฐา ทวีศิลป์ รวมถึงนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ซึ่งนักวิชาการมองตรงกันว่าถ้าทำโพลตอนนี้ อุ๊งอิ๊งน่าจะมีคะแนนนำ แต่โอกาสจะได้เป็นนายกฯ น่าจะน้อยกว่าคนจากซีกรัฐบาล เพราะด้วยเงื่อนไขบทเฉพาะกาลตามรัฐธรรมนูญ ที่ให้ ส.ว. มีส่วนเลือกนายกรัฐมนตรี จึงมองว่านาทีนี้ พลเอกประยุทธ์ยังมีภาษีดีที่สุด
หากพลเอกประยุทธ์ อยากกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง 2 ป. ต้องทำโจทย์ของการได้ ส.ส. ตามเป้า หลัก 100 เพื่อความชอบธรรม แม้รัฐธรรมนูญจะเปิดช่องให้พรรคการเมืองที่มี ส.ส. เพียง 25 เสียง สามารถเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีได้ก็ตาม ไม่เช่นนั้นไม่สามารถเดินหน้าได้ และอาจต้องยอมหลีกทางให้พรรคการเมืองในซีกเดียวกัน คือภูมิใจไทย หากได้เสียงมากกว่า เป็นนายกรัฐมนตรีแทน
นาทีนี้ยังฟันธงอะไรไม่ได้จนกว่าจะเห็นผลการเลือกตั้งว่าแต่ละพรรคมี ส.ส. ในมือเท่าไร ซึ่งในส่วนของพรรคเพื่อไทย หากอยากให้คนของตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรีจะต้องแลนสไลด์ได้ ส.ส. ไม่น้อยกว่า 250 เสียง จน ส.ว. ไม่อาจทานกระแสประชาชน แต่ถ้าไม่ถึงคงลำบาก และหากยังอยากเป็นรัฐบาลก็ต้องยอมสลายขั้ว แต่ยังเชื่อว่าเพื่อไทยจะไม่ร่วมกับพรรคที่มีชื่อพลเอกประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่เช่นนั้นเชื่อว่าพังแน่นอน.-สำนักข่าวไทย