ภท.เปิดตัว 4 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครพนม

นครพนม 4 ธ.ค. – ภท.เปิดตัว 4 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครพนม สุดยิ่งใหญ่ คนแห่ร่วมนับหมื่น ลั่นหากได้เหมาจังหวัดมอบ รมต.ให้ “ครูแก้ว” ด้าน “อนุทิน” ขอประชาชนเลือก ภท. เป็นแกนนำรัฐบาล เชื่อสร้างปรองดองให้คนในชาติได้


พรรคภูมิใจไทย นำโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นำคณะรัฐมนตรีของพรรค ผู้บริหารพรรค แกนนำ และ ส.ส.ของพรรค อาทิ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรค นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย ในฐานะรองหัวหน้าพรรค น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายทะเบียนพรรค ร่วมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครพนม ของพรรคทั้ง 4 เขต ประกอบด้วย เขต 1 นางพูนสุข โพธิ์สุ เขต 2 นายศุภชัย โพธิ์สุ เขต 3 นพ.อลงกต มณีกาศ และเขต 4 นายชูกัน กุลวงษา โดยมีชาวนครพนมกว่า 12,000 คน ร่วมฟังการปราศรัยเต็มพื้นที่สถานที่จัดงาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่เดินทางมาถึง นายอนุทิน ถึงกับเอ่ยขึ้นว่า รู้สึกตื่นเต้น และประหม่า เพราะไม่เคยเห็นประชาชนมาฟังการปราศรัยมากขนาดนี้


จากนั้น ผู้สื่อข่าวถามถึงการเดินทางมา จ.นครพนม ในครั้งนี้ โดยนายอนุทิน กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ ในพื้นที่ จ.นครพนม เราหวังทุกเขต หลังจากการเลือกตั้งครั้งที่แล้วได้มา 1 ที่นั่ง คือ นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ซึ่งครั้งนี้เราเลือกคนที่ชำนาญพื้นที่ ทุ่มเท และเสียสละ

เมื่อถามว่า ดูเหมือนว่าครั้งนี้ พรรคภูมิใจไทยจะคาดหวังจังหวัดริมโขงเป็นพิเศษ นายอนุทิน ระบุว่า เราคาดหวังทุกจังหวัด เพราะพรรคมีเวลาเตรียมตัวเลือกตั้งทั่วประเทศ

อย่างไรก็ตาม นายอนุทิน ปฏิเสธตอบคำถามประเด็นกัญชา ที่นายบัญญัติ เจตนจันทร์ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาตอบโต้ว่าไม่มีการจัดฉากเด็กพี้กัญชา โดยระบุว่า ขอคุยเรื่องการลงพื้นที่วันนี้ ไม่พูดเรื่องอื่น


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศก่อนการปราศรัย มีประชาชนคล้องมาลัยและผูกผ้าขาวม้าคาดเอวนายอนุทิน และคณะ ตลอดทางเดิน ทั้งนี้ เนื่องจากประชาชนมีจำนวนมาก จนชาวบ้านมองไม่เห็นนายอนุทิน ทำให้นายอนุทิน ต้องปีนเก้าอี้ขึ้นไปโบกมือทักทายประชาชนที่มาฟังการปราศรัย และมีคุณยายโน้มคอนายอนุทินมาหอมแก้มแบบไม่ทันตั้งตัว ทำให้นายอนุทินถึงกับเขินอาย โดยจังหวะหนึ่งได้โพสท่าถ่ายรูปกับป้ายเชียร์ที่มีข้อความว่า “อนุทินต้องเป็นนายกฯ” และป้ายเชียร์ระบุว่า “อนุทิน นายกฯ คนต่อไป” และสำหรับการจัดเวทีปราศรัยครั้งนี้ พรรคภูมิใจไทยได้นำต้นกัญชา 4 ต้น ใส่กระถางมาประดับเวทีปราศรัยด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ จ.นครพนม ถือเป็นศึกสามเส้าที่แข่งขันกันระหว่างพรรคพลังประชารัฐ พรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย เพื่อช่วงชิงพื้นที่ 4 เขต โดยการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา พรรคภูมิใจไทยได้ ส.ส. 1 ที่นั่ง จากนายศุภชัย โพธิ์สุ ที่เหลือเป็น ส.ส.พรรคเพื่อไทย ซึ่งมีฐานที่มั่นมาโดยตลอดตั้งแต่อดีตที่เป็นพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน จนถึงเพื่อไทยในปัจจุบัน

จากนั้น เวลา 16.45 น. นายอนุทิน กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า ตนไม่เคยเห็นผู้คนมามากขนาดนี้ ตอนนี้หัวใจพองโต ฝันเป็นจริงแล้ว ตนรู้สึกผูกพันกับชาวนครพนม มือของประชาชนคือสิ่งที่คุ้มกะลาหัวตน และพรรคภูมิใจไทย เราคิดได้อย่างเดียว คือ ต้องรับใช้ประชาชนจนสุดความสามารถ ครูแก้วดูแลพี่น้องคนเดียวไม่ไหว ต้องแถมอีก 3 ถ้ารวมเป็นปึกแผ่น นครพนมจะมีรัฐมนตรี ถ้าเลือกภูมิใจไทยจะได้เปลี่ยนจากรองประธานสภาฯ เป็นรัฐมนตรี

“ครั้งที่แล้วพี่น้องเลือกครูแก้ว 1 คน ซึ่งท่านคอยติดตามผลประโยชน์ของชาวนครพนมอย่างใกล้ชิด ทำผลงานมากมาย คนเดียวยังทำได้ขนาดนี้ ปีหน้าถ้ามา 4 คน จะทำได้มากขนาดไหน อีก 3-4 เดือน ขอให้ทุกคนอย่าปันใจ” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ตนเป็นคนเชื่อเรื่องดวง เมื่อปี 2518 พระธาตุพนมทลายลงมา มีการขอรับบริจาคประชาชนทั้งประเทศผ่านสถานีโทรทัศน์ ตอนนั้นตนอายุ 9 ขวบ ได้แคะกระปุก 2,000 บาท ให้ยายพาไปร่วมบริจาค เพราะถ้าใครบริจาค 1,000 บาท จะได้ออกทีวี จึงเป็นครั้งแรกที่ตนได้ออกทีวี แล้วตนได้รูปจำลองพระธาตุพนม คิดว่าวันหนึ่งจะต้องได้มา อีก 10 ปีต่อมา หมอดูบอกต้องไปสร้างพระจังหวัดริมโขง ตนจึงได้มาสร้างพระแถวพระธาตุพนม อธิษฐานกี่ครั้งก็ขอให้ได้มานครพนมบ่อยๆ หลังจากนั้นพอได้เป็นรัฐมนตรี ก็ได้มานครพนมปีละ 5-6 ครั้ง วันนี้เชื่อว่าพี่น้องนครพนมจะไม่ทอดทิ้งตน จากนี้อีก 3-4 เดือน จะมีการเลือกตั้ง พรรคภูมิใจไทยขอ 4 คน เราจะขอรับใช้พี่น้องอย่างเต็มที่ ขอให้อีสานเหนือเลือกภูมิใจไทยให้หมด อีสานใต้ไม่ต้องห่วง เป็นหน้าที่ของนายศักดิ์สยาม ตนคิดว่าไม่มี รมว.สาธารณสุข คนไหนอยู่ครบ 4 ปี แล้วเข้าใจ อสม.ได้มากขนาดนี้ ตนมาในช่วงที่ประเทศไทยมีโควิด-19 เห็นกับตาว่า อสม. ทำงานหนักขนาดไหน ดังนั้น เรื่อง อสม. ต้องให้อนุทินดูแลเท่านั้น

“เรามีนโยบายพักหนี้ 1 ล้านบาท เป็นเวลา 3 ปี เราจะไม่ขัดแย้งกับใคร ถ้าประชาชนมีความสุข ในกระเป๋ามีเงิน ก็จะไม่ไปทะเลาะกับใคร เรื่องราคาพืชผลการเกษตร เราจะไม่มีนโยบายแบบจำนำข้าว ไม่ประกันราคา เพราะเคยก่อให้เกิดความสงสัย เกิดคอร์รัปชัน แต่พรรคภูมิใจไทยจะทำเป็นสัญญา พี่น้องเกษตรกรรู้ก่อนว่าจะขายได้เท่าไหร่แล้วค่อยปลูก เอาหนังสือสัญญาไปกู้เงินมาก่อนได้ ประกันราคาข้าวกว่าจะได้เงินส่วนต่าง พี่น้องก็แห้งหมด” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า พรรคภูมิใจไทยพูดไม่เก่ง แต่ทำงานเก่ง พูดแล้วทำ สิ่งสำคัญที่สุดพรรคยึดถือสไตล์หัวหน้าพรรคที่ชื่ออนุทิน คือ กินกันฉันด้วย ใครมีความสุขขอมีความสุขด้วย แต่ตีกันขอป่วยลูกเดียว ประเทศไทยไม่ใช่สนามรบ สนามมวย หรือทุ่งสงคราม พรรคไม่เคยเชื่อว่าความเกลียดชังจะทำให้ประเทศเจริญ เราจึงดำรงตนเสมอมาว่า จะไม่ร่วมสังฆกรรมกับอะไรทั้งสิ้นที่ก่อให้เกิดความรุนแรง ความเกลียดชัง แตกความสามัคคี เราไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะทำให้ประเทศมีความมั่นคง เราต้องเทิดทูนสถาบัน รัก และสามัคคีกัน ประเทศจึงจะเดินได้ ถ้าเลือกเรามากๆ จะไม่เป็นแค่กรรมการห้ามมวยเท่านั้น แต่เราจะจับให้เขามาดีกันให้ได้ ขอให้เชื่อว่าพรรคเราทำได้ ที่ผ่านมาเราเสียโอกาสไปมากแล้ว ขอให้พรรคภูมิใจไทยได้เข้ามาทำงาน เราอาจไปทะเลาะกับคนอื่นบ้าง แต่ไม่นานก็ดีกัน ดังนั้น เข้าคูหาเมื่อไหร่ขอให้กากบาทเลือกพรรคภูมิใจไทย. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 หวัง GBC ได้ข้อสรุปที่ดี ลั่นไม่ถอยกำลังทหาร

กองทัพบก 4 ส.ค. – แม่ทัพภาค 2 ลั่น ไม่ถอยกำลังทหาร หวังถก GBC ได้ข้อสรุปที่ดี แต่ยังคาดหวังอะไรไม่ได้หากสองประเทศยอมรับเงื่อนไขซึ่งกันและกันก็จบง่าย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปชายแดนไทย-กัมพูชา (GBC) ที่ประเทศมาเลเซีย ว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าคุยเรื่องอะไรกัน แต่ก็คาดหวังว่าจะเป็นไปในทิศทางที่ดี หาข้อตกลงร่วมกันให้ดีที่สุด ส่วนที่หลายฝ่ายมีความกังวลสถานการณ์ชายแดน หลังวันที่ 7 สิงหาคม จะมีความตึงเครียดนั้น พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของผู้นำทั้งสองประเทศ จะเจอกันตรงจุดไหน หากยอมรับเงื่อนไขซึ่งกันและกัน ก็จบง่าย ซึ่งตอนนี้ยังคาดเดาอะไรไม่ได้ ว่าผลจะออกมาอย่างไร เมื่อถามว่า ประเด็นเรื่องการถอนกำลัง พล.ท.บุญสิน ยืนยันว่า “กองทัพไม่ถอย เพราะเรารุกในเขตพื้นที่อธิปไตยของเรา” สำหรับการดูแลชายแดนไทย-กัมพูชา กองทัพทั้งสองประเทศได้ปฏิบัติตามข้อตกลงการหยุดยิง ที่สองรัฐบาลได้พูดคุยกันไว้เพื่อความสงบสุขบริเวณชายแดน ซึ่งเราพยายามทำให้ดีที่สุด แต่ยอมรับว่า มีปัญหาเรื่องโดรนไม่ทราบฝ่าย ซึ่งกองทัพภาคที่ 2 ได้บูรณาการหน่วยงานทุกภาคส่วน เพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์ดีขึ้น รวมถึงการติดตามกลุ่มบุคคลที่ทำตัวเป็นสายลับ และไส้ศึก […]

สำนักโฆษก กห. พาย้อนเหตุการณ์ยุคเขมรแดงปี 1979-1980

4 ส.ค.- เตือนความจำเขมร! สำนักโฆษกกระทรวงกลาโหม โพสต์ย้อนเหตุการณ์ไทยช่วยเขมร ยุคเขมรแดง ปี 1979-1980 เปิดประตูรับคนเขมรเป็นที่พึ่งสุดท้าย-เปิดค่ายพักพิงแบบไม่ลังเล วันนี้(4 ส.ค.2568) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจสำนักโฆษกกระทรวงกลาโหม ได้เผยแพร่ข้อมูลการช่วยเหลือของฝ่ายไทยที่มีต่อชาวกัมพูชาในยุคเขมรแดง โดยข้อความระบุว่า จากคนที่หนีตายสู่คนที่หันปากกระบอกปืนกลับมา” เมื่อ ‘เขมร’ ลืมทุกอย่างที่ไทยเคยมอบให้ ปี 𝟏𝟗𝟕𝟗… ชาวกัมพูชานับแสน นับล้าน วิ่งหนีตายจากนรกบนดินที่ชื่อว่า “เขมรแดง” ข้ามพรมแดนมายังไทย ในสภาพหมดเรี่ยวแรง หิวโหย และเกือบสิ้นลมหายใจ คนไทยเปิดประตูให้เขาพักพิง ตอนนั้นประเทศไทยไม่ได้เป็นเพียง “เพื่อนบ้าน” แต่กลายเป็น “ที่พึ่งสุดท้าย” เราส่งอาหาร เราเปิดค่ายพักพิง เราช่วยเหลือทั้งในนามรัฐบาล องค์กรพัฒนาเอกชน และแม้แต่ชาวบ้านธรรมดา ๆ ที่ยอมแบ่งข้าวเพียงคำเดียวให้ผู้ลี้ภัยชาวกัมพูชา การอพยพที่ไม่มีแผนที่เริ่มตั้งแต่ต้นปี 𝟏𝟗𝟕𝟗 จนถึงต้นยุค 𝟏𝟗𝟖𝟎𝐬 มีชาวกัมพูชาจำนวนมหาศาล บางแหล่งบอกว่ารวมกันถึง 𝟔 แสนถึง 𝟖 แสนคน อพยพอย่างไร้ทิศทางบางคนเดินเท้าเป็นร้อยกิโลเมตรจากกลางประเทศกัมพูชา หลายคนไร้เอกสาร ไม่มีอาหาร ไม่มีเป้าหมาย […]

กต. จัดบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศ

ก.ต่างประเทศ 4 ส.ค.-กต. จัดบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา คาดแจงข้อมูลที่บิดเบือน หลังกัมพูชาปล่อยเฟคนิวส์ต่อเนื่อง ด้าน “มาริษ” ย้ำไทยไม่ได้เริ่มก่อน ยึดแก้ปัญหาผ่านกลไกทวิภาคี เรียกร้องกัมพูชายึดหลักสันติวิธี-จริงใจ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ร่วมกับ นายปิยภักดิ์ ศรีเจริญ อธิบดีกรมเอเชียตะวันออก และ นางสาวพินทุ์สุดา ชัยนาม อธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ ณ ห้องนราธิป กระทรวงการต่างประเทศ โดยคาดว่าจะเป็นการชี้แจงข้อเท็จจริงภายหลังจากที่ฝ่ายกัมพูชามีการให้ข้อมูลที่บิดเบือนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ก่อนการบรรยาย นายมาริษ กล่าวเปิดโดยขอบคุณผู้ที่เข้าร่วมรับฟังการบรรยายในวันนี้ พร้อมชี้แจงถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และท่าทีของไทยต่อกรณีดังกล่าว โดยตนตั้งใจจะแบ่งการบรรยายเป็น 2 ประเด็นหลัก คือ 1. การเจรจาหยุดยิงที่มาเลเซียเมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งไทยขอประท้วงต่อฝ่ายกัมพูชากรณีที่ละเมิดกฎหมายมนุษยชนและใช้ความรุนแรง โดยมีเป้าหมายแบบไม่เลือกเป้าและโจมตีไปที่พลเรือน รวมถึงการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งขัดต่อหลักการของอนุสัญญาออตโตวา ในขณะที่ไทยปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างเคร่งครัด จึงหวังเป็นอย่างยิ่งให้กัมพูชาปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างจริงใจด้วยเช่นกัน ภายใต้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ ส่วนประเด็นที่ 2 คือการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC ระหว่างวันที่ 4-7 สิงหาคม […]

EOD ทำลายวัตถุระเบิด ใกล้ปั๊มน้ำมันบ้านผือ จ.ศรีสะเกษ 

ศรีสะเกษ 4 ส.ค. – เจ้าหน้าที่อีโอดีเก็บกู้จรวด BM 21 ที่กัมพูชายิงเข้ามาตกและฝังอยู่ในพื้นถนนกันทรลักษ์อีกจุด ใกล้กับปั๊มน้ำมันที่ถูกกัมพูชายิงใส่วันที่ 24 ก.ค. เช่นเดียวกัน บรรยากาศตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่ชุดเก็บวัตถุระเบิดหรือ EOD จากตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ ตำรวจ ตชด.ที่22 อุบลราชธานี และเจ้าหน้าที่จากศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ศูนย์บัญชาการทางทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย หรือ TMAC เข้าเตรียมความพร้อมเพื่อเก็บกู้ทำลายวัตถุระเบิดแรงสูง ประเภท BM21 ที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่ แล้วตกลงไปฝังอยู่ในถนน กันทรลักษ์-เขาพระวิหาร ในพื้นที่ อำเภอกันทรลักษ์ เป็นจรวด BM 21 ที่ถูกยิงมาในวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ร้านสะดวกซื้อภายในปั๊ม ปตท. บ้านผือ ระเบิดจุดนี้ อยู่ห่างจากปั๊ม ปตท. บ้านผือ ประเมาณ 500 เมตร และห่างจากจุดที่มีการเก็บกู้ จรวดบีเอ็ม 21 บนถนนกันทรลักษ์ลูกแรก ในวันที่ 2 สิงหาคม […]