รัฐสภา 30 พ.ย.-พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ไม่กังวลคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ประเด็นกฎหมายลูก ส.ส. ยันพร้อมสู้และส่งผู้สมัครทุกเขต มั่นใจ “พล.อ.ประยุทธ์” แยกพรรคครั้งหน้าตั้งรัฐบาลไม่ได้แน่ เว้นแต่จะโกง
พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ระบุว่าไม่สามารถคาดเดาใจศาลรัฐธรรมนูญได้ว่าจะวินิจฉัยร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.ออกมาอย่างไร เพราะกรณีของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรียังอยู่ได้เกิน 8 ปี แต่หากศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ว่าการคำนวณส.ส.หารด้วย 100 ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ ก็ไม่กังวลและต้องส่งให้สภาพิจารณากันใหม่ แต่หากพิจารณาไม่ทันก็ต้องออกเป็นพระราชกำหนด ซึ่งขอย้ำว่ารัฐบาลจะต้องออกกฎหมายให้เป็นประโยชน์กับประชาชน ไม่ใช่เป็นประโยชน์กับตนเอง โดยกติกาต้องเป็นธรรม หากกติกาไม่เป็นธรรมบ้านเมืองก็จะไม่สงบ
ทั้งนี้ในส่วนของพรรคเสรีรวมไทยพร้อมสู้ทุกกติกาและตั้งใจจะส่งผู้สมัครให้ครบทั้ง 400 เขต แม้ว่าผู้สมัครจะไม่เป็นที่รู้จักในบางพื้นที่แต่ก็คาดหวังว่าจะได้คะแนนบัญชีรายชื่อ พร้อมกันนี้ขอเรียกร้องให้ประชาชนเลือกคนดีเข้ามาทำงาน อย่าเลือกคนซื้อเสียงเพราะเข้ามาแล้วก็จะต้องโกง
สำหรับกรณี ที่ส.ว. ยังมีสิทธิเลือกนายกรัฐมนตรีด้วย จะส่งผลอย่างไรนั้น พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์กล่าวว่า หากไม่อยากได้รัฐบาลชุดนี้ ก็ต้องเลือกฝ่ายค้านให้ได้เกิน 260 คน เพราะแม้ว่ารัฐบาลมี 240 เสียงแล้วเลือกนายกรัฐมนตรีได้จากส.ว. แต่ก็ไม่สามารถบริหารประเทศชาติได้ เพราะฝ่ายค้านสามารถถล่มได้ทุกเรื่อง ดังนั้นไม่กังวลหากส.ว.จะโหวตเลือกใครเป็นนายกรัฐมนตรี
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังกล่าวถึงการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนว่าที่ผ่านมาพรรคการเมืองต่างเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นการปรับแก้และสนับสนุนสิ่งที่เป็นประโยชน์กับตัวเอง แต่เห็นว่าร่างแก้ไขฉบับประชาชน เป็นประโยชน์ซึ่งเคยเสนอมาแล้วแต่ตอนนั้นไม่ผ่าน มาครั้งนี้คิดว่าคนที่เคยไม่สนับสนุนอาจจะมองเห็นสิ่งที่เป็นประโยชน์กับประชาชน อย่างไรก็ตามขอรอดูรายละเอียดเนื้อหาของร่างที่เสนอมาก่อน หากเป็นประโยชน์ก็พร้อมสนับสนุน
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวด้วยว่าจากการลงพื้นที่ส่วนใหญ่ตอนนี้ ต่างไม่มีใครสนับสนุนพลเอกประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว เพราะเห็นว่าบริหารประเทศมาไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น และยังตั้งข้อสังเกตว่าตอนที่สังกัดอยู่พรรคพลังประชารัฐยังไม่ได้ ส.สเข้ามาเป็นอันดับ 1 จึงเชื่อว่าหากแยกไปอยู่อีกพรรค คะแนนก็น่าจะแบ่งกันไป จึงเชื่อว่าไม่ได้จัดตั้งรัฐบาลยกเว้นว่าจะ”โกง” ซึ่งจะโกงวิธีไหนตนไม่ทราบเพราะตนโกงไม่เป็น แต่ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา เห็นว่าการคำนวณคะแนนส.ส.บัญชีร่ยชื่อ ก็ไม่ค่อยเป็นธรรม พรรคตนต้องได้คะแนน 80,000 เสียงจึงจะได้สส 1 คนแต่พรรคปัดเศษได้คะแนน 30,000 เสียงได้ส.ส. 1 คนแล้ว.-สำนักข่าวไทย