“พีระพันธุ์” เปิดสาขาพรรค รทสช. พัทลุง

พัทลุง 19 พ.ย.- “พีระพันธุ์” เปิดสาขาพรรครวมไทยสร้างชาติ จ.พัทลุง ยิ่งใหญ่ “วิสุทธิ์” ส่งลูกชายลงเขต 2 พร้อมมั่นใจกวาดเก้าอี้ครบ 3 เขต


“พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นประธานเปิดสาขาพรรครวมไทยสร้างชาติ จ.พัทลุง ยิ่งใหญ่ ท่ามกลางสมาชิกพรรคร่วมงานมากกว่า 3,000 คน ระบุถ้าให้โอกาสรวมไทยสร้างชาติ ทุกคนจะได้พรรคที่ต่อสู้เพื่อประชนแบบไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย ขณะ “วิสุทธิ์ ธรรมเพชร”ในฐานะ “บ้านใหญ่พัทลุง”และรองหัวหน้าพรรคฯ มั่นใจกวาดเก้าอี้ได้ครบ ระบุคัดเข้มคนมีคุณภาพ ประสบการณ์ทำงานใกล้ชิดชาวพัทลุงลงสนามแน่พร้อมเปิดตัวลูกชาย “เดี่ยว” – “นิติศักดิ์ ธรรมเพชร” ลงเขต 2 หวังทำงานสร้างความเท่าเทียม เป็นธรรมให้ประชาชนเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นตามนโยบายพรรค

เมื่อวันที่ 19 พ.ย. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อม นายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรคฯ นายวิสุทธิ์ ธรรมเพชร รองหัวหน้าพรรคฯ เดินทางไปยัง หอประชุมเฉลิมพระเกียรติมหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุง อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง เพื่อร่วมกันเปิดสาขาพรรครวมไทยสร้างชาติ จ.พัทลุง พร้อมเปิดตัวนายนิติศักดิ์ ธรรมเพชร นักการเมืองหนุ่มไฟแรง ว่าที่ผู้สมัครเขต 2 ทายาทนักการเมืองตระกูลธรรมเพชร ท่ามกลางสมาชิกพรรค และผู้สนับสนุนที่เดินทางมาให้กำลังใจคึกคักกว่า 3,000 คน


นายพีระพันธุ์ ได้ขึ้นกล่าวกับสมาชิกพรรคว่า ตนรู้สึกขอบคุณสมาชิกทุกคนที่วันนี้มากันจำนวนมาก ไม่ต่ำกว่า 3,000 คนซึ่งมากกว่ากฎหมายกำหนดไว้ว่าในการตั้งสาขาพรรคให้มีสมาชิกอย่างน้อยแค่ 500 คนเท่านั้น ทำให้รู้สึกอบอุ่นใจมาก แม้ว่าพรรครวมไทยสร้างชาติจะเป็นพรรคใหม่ แต่คนทำงานเป็นคนเก่าประสบการณ์สูง ตนทำพรรคนี้ไม่ได้ต้องการตำแหน่งแค่อยากมาทำงาน ที่ผ่านมารอมา 30 ปีอยากให้มีพรรคการเมืองแบบนี้ แต่ในความรู้สึกคิดว่าไม่เคยมี ตอนที่ตนเดินออกมาจากพรรคเดิมเกือบรู้สึกว่าจะเลิกแล้ว แต่ต่อมาได้มาทำงานเป็นที่ปรึกษานายกฯ ซึ่งไม่เคยได้รู้จักท่านมาก่อนเลยเห็นแต่ในข่าวก็คิดว่าจะทำงานด้วยได้หรือเปล่า แต่ปรากฎว่าตั้งแต่ทำงานการเมืองมากลับรู้สึกว่าทำงานกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สบายใจที่สุดเพราะไม่เคยพูดคุยกันเรื่องตำแหน่ง หรือเรื่องการเมืองเลย และด้วยเหตุนี้ทำให้รู้สึกว่า พรรคที่ตนเคยฝันไว้น่าจะเป็นไปได้ เพราะเชื่อว่าถ้าคนดีอยู่ที่ไหนทุกสิ่งก็จะดี จึงพยายามคิดว่าทำอย่างไรจะเอาคนดีมาร่วมกันทำงานให้ได้ และพล.อ.ประยุทธ์ ก็เคยพูดประโยคม๊อตโต้ว่า “รวมไทยสร้างชาติ” จึงคิดว่าอยากจะลองสักตั้งกับการทำพรรค ดีกว่าแค่คิดอย่างเดียวจึงตัดสินใจออกมาทำพรรคนี้

“เป้าหมายของการทำงานของเรา คือการดำรงสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เลิกแบ่งฝักแบ่งฝ่ายแบ่งสี มีหัวใจเดียวกันเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของประเทศเท่านั้น คำว่าสร้างชาติไม่ได้เป็นการสร้างชาติใหม่ ตามที่หลายคนเอาไปพูด แต่ชาติไทยมีความเป็นไทยหนึ่งเดียวมาเป็นพันปี เป็นวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่หนึ่งเดียวในโลกเราภูมิใจความเป็นไทย คำว่ารวมไทยสร้างชาติ จึงหมายความว่าเราจะสร้างสังคมที่เป็นธรรม สังคมที่เสมอภาคเท่าเทียม เป็นสังคมที่ประชาชนเป็นใหญ่จริงๆ ไม่ได้เอากฎหมายมารังแกประชาชน และเป็นสังคมที่ประชาชนพร้อมที่จะสร้างชาติบ้านเมืองและอยู่ด้วยกันบนพื้นแผ่นดินนี้อย่างมีความสุข นี่คือความหมายของรวมไทยสร้างชาติ” นายพีระพันธุ์กล่าว

นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อว่า ตนได้คุยกับหลายคนว่าจะทำพรรคที่เป็นนักสู้เพื่อประชาชน เป็นที่พึ่งพาให้กับประชาชน เพราะเชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่คิดว่าช่วยได้แค่ไหนไม่เป็นไรแต่ขอให้มีคนรับฟังปัญหาและหาแนวทางช่วยเขาเท่านั้น และพรรครวมไทยสร้างชาติจะเป็นพรรคที่สู้ทุกปัญหา และพึ่งพาได้ทุกเรื่องซึ่งเป็นสโลแกนของพรรครวมไทยสร้างชาติที่ต้องการตอบสนองความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง ดังนั้นคนที่อยู่ที่พรรคนี้ได้จิตใจจะต้องไม่ใช่นักการเมือง แต่ต้องมีจิตใจที่เป็นนักสู้ที่ไม่ได้สู้เพื่อตัวเองแต่สู้เพื่อประชาชนคนไทยทั้งชาติ และจะไม่ทะเลาะกับพรรคการเมืองไหน แต่จะทะเลาะกับปัญหาของประชาชนเท่านั้น โดยนายพีระพันธุ์ยังได้กล่าวถึงที่มาของพรรค รวมถึงความเป็นมาของโลโก้พรรคที่ตนเป็นคนออกแบบเองด้วย โดยระบุว่า


“โลโก้นี้ผมคิดขึ้นมาด้วยตัวเอง แค่นี้แต่ได้ความหมายเยอะเลย ประเทศไทยบ้านเราต้องมาช่วยกันสามเหลี่ยมแรกคือหลังคาบ้าน นี่แหละคือบ้านของเรา วัฒนธรรมที่ดีของไทยคือการไหว้ สัญลักษณ์ของการเจริญรุ่งเรืองคือพุ่งขึ้นไปเป็นยอด ส่วนที่ฐานขยายออกไปซ้ายขวาคือการรวมกันของคนไทย เลือด น้ำเงิน ขาว แดง ไหลรวมกันมาเพื่อร่วมมือกันสร้างบ้านให้เจริญรุ่งเรือง เพื่อรักษาขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรมอันดีของประเทศไทยไว้ นี่คือความหมายของรวมไทยสร้างชาติ ผมจึงขอให้เพื่อสมาชิกทุกท่านภูมิใจว่าท่านไม่ได้มาเป็นสมาชิกของพรรคการเมืองธรรมดา แต่ท่านเป็นสมาชิกของพรรคการเมืองที่ไม่เคยมีพรรคการเมืองรูปแบบนี้ในประเทศไทยมาก่อน เราจะร่วมกันสร้างพรรคนี้ให้เป็นพรรครวมไทยสร้างชาติที่ยิ่งใหญ่ของคนไทยทั้งชาติต่อไป” นายพีระพันธุ์กล่าว

ด้านนายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรคฯ กล่าวว่า ตั้งแต่ที่เริ่มสร้างพรรคนี้ขึ้นมาความตั้งใจ และความมุ่งมั่นไม่เคยลดน้อยลง และยังสู้ไม่ถอย และมุ่งทำพรรคให้เป็นสถาบันทางการเมือง พรรครวมไทยสร้างชาติสนับสนุนคนดี คนมีความตั้งใจ และได้คัดสรรผู้สมัครที่ดีที่สุดที่ไม่ใช่ในสายตาของหัวหน้าพรรค หรือเลขาธิการพรรค แต่คัดสรรตัวผู้สมัครที่ดีที่สุดในสายตาของพี่น้องประชาชนในแต่ละพื้นที่ ไม่มีคำว่าเลือกที่รักมักที่ชัง แต่คัดคนที่ถูกใจคน ซึ่งเป็นวิธีการการทำงานของพรรครวมไทยสร้างชาติ จึงต้องการแรงสนับสนุนจากพี่น้องประชาชนทุกคนให้มาช่วยกันทำพรรคใหม่ และการเมืองแบบใหม่

“ไหน ๆ เราก็มีโอกาสได้มีส่วนร่วมกับการสร้างพรรคใหม่ ก็มารวมกัน การเมืองแบบใหม่ การเมืองที่เข้าใจเข้าถึงปัญหาของประชาชน การเมืองที่ไม่สู้กันเอง แต่สู้ให้กับปัญหาของประชาชน อยากให้เป็นการเมืองที่ทิ้งอดีตความขัดแย้งบาดหมางส่วนตัว แต่ต้องร่วมกันด้วยความสามัคคีมาทำงานด้วยกัน เพื่อสร้างชาติบ้านเมือง เพื่ออนาคตของพวกเราทุกคน ถึงเวลาแล้วครับ ที่เราจะมาร่วมกันทำงาน ร่วมกันสร้างพรรคการเมืองร่วมกันสร้างการเมือง ทิ้งอดีตที่ขมขื่นในความขัดแย้งต่างๆ เดินหน้าสู่ความสดใสเดินหน้าสู่อนาคตของประเทศไทยเดินหน้าไปด้วยกันด้วยความรักความสามัคคีร่วมด้วยช่วยกันรวมไทยสร้างชาติ” นายเอกนัฎกล่าว

ด้านนายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ตนและครอบครัวเป็นครอบครัวของรวมไทยสร้างชาติ และที่ตัดสินใจเข้าร่วมกับพรรคฯ เพราะศรัทธาในแนวคิดการทำงานของพรรคข้อแรกคือ การเทิดทูนสถาบันซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด และในการพูดคุยกับคณะกรรมการพรรคตั้งแต่เริ่มต้น รู้สึกเห็นด้วยกับแนวทางการทำงานของนายพีระพันธุ์ หัวหน้าพรรคที่ตั้งใจจะแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนด้วยการใช้แก้กฎหมายที่ไม่ชัดเจนต่างๆ และมั่นใจว่าอนาคตจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของจังหวัดพัทลุงด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะปัญหาที่ทำกินของพี่น้องประชาชน เรื่องปากท้อง เรื่องพืชผลทางการเกษตร ที่จะมีการศึกษารายละเอียดทั้งหมดเพื่อนำมากำหนดนโยบายของแต่ละพื้นที่ต่อไป สำหรับตัวผู้สมัครจะมีการเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่งและมั่นใจว่าหากได้รับแรงสนับสนุนจากชาวพัทลุงก็จะทำให้สามารถได้เก้าอี้ครบอย่างแน่นอน

“และนี่คือเหตุผลที่ผมย้ายจากพรรคเดิมมาอยู่บ้านหลังใหม่ เพราะมั่นใจในตัวของท่าน พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรคซึ่งเป็นที่ยอมรับว่าเป็นนักการเมืองฝีมือดีระดับประเทศ รวมไปถึงนักการเมืองคุณภาพของพรรคทุกคน และตัวแทนผู้สมัคร จ.พัทลุง ที่พร้อมจะทำงานให้กับชาวพัทลุง ก็จะทำให้การขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องการแก้ไขกฎหมายเพื่อความเป็นธรรมและเท่าเทียมของประชาชนทุกพื้นที่ทำได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และขอฝากผู้สมัครของพรรครวมไทยสร้างชาติทุกคนด้วย” นายวิสุทธิ์กล่าว

ด้านนายนิติศักดิ์ ธรรมเพชร หรือ “เดี่ยว” กล่าวว่า ตนเป็นลูกชายนายวิสุทธิ์ ธรรมเพชร และทายาทนักการเมืองตระกูลธรรมเพชรที่เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะทายาทตระกูลการเมืองของ จ.พัทลุง ตั้งแต่เกิดมาก็เห็นบิดาทำงานให้กับพี่น้องประชาชนแล้ว และเมื่อโตมาได้ร่วมทำงานกับกับบิดา คร่ำหวอดอยู่กับการทำงานด้านการเมืองในพื้นที่มานาน จนเข้าใจปัญหาความเดือดร้อนของชาวพัทลุงได้เป็นอย่างดี ที่ผ่านมาก็ได้ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องเพราะต้องการรู้ข้อเท็จจริงปัญหาต่างๆ ของประชาชนในพื้นที่ด้วยตัวเอง และเห็นว่าแนวทางการใช้กฎหมายแก้ปัญหาให้กับประชาชนของนายพีระพันธุ์ และเป็นนโยบายพรรคฯ เป็นการแก้ไขที่ตรงจุดจึงมีความมุ่งมั่นที่จะมาทำงานให้กับพี่น้องชาวพัทลุงและหวังว่าจะได้รับการสนับสนุนให้เป็นตัวแทนชาวพัทลุงเขต 2 เข้าไปทำงานเพื่อส่วนรวมต่อไป .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% ไม่พอใจเข้มปราบแก๊งคอลฯ

กระทรวงวัฒนธรรม 26 ก.ค.- “แพทองธาร” เปิดใจ ขอคนไทยรักกัน หันไปทะเลาะกับคนนอกประเทศก่อน ชี้ขัดแย้งกันเองยังรอได้ แฉกัมพูชาไม่พอใจไทยร่วมมือลาว – เมียนมา ปราบคอลเซ็นเตอร์ เผยสื่อนอกยังตั้งข้อสังเกต “กพช.” สั่งปิด รร.ยิงวันแรก เหมือนรู้ล่วงหน้าจะมีการรบ ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมติดตามมาตรการการรับมือ และช่วยช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้เสียชีวิตในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 4 จังหวัด ที่กระทรวงวัฒนธรรม โดยนางสาวแพทองธารได้ยืนยันแถลงการณ์ของรัฐบาล ตามที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้แถลงไปเมื่อวานนี้ ที่ระบุว่ากัมพูชาถือว่าเป็นอาชญากรรมสงครามขั้นรุนแรง วิธีการต่าง ๆ ขัดต่อหลักสันติวิธีของกฎหมายระหว่างประเทศ และขัดหลักมนุษยธรรมที่ได้ปฏิบัติมาตลอด สถานการณ์ความรุนแรง เป็นสิ่งที่รัฐบาลได้ย้ำตลอดว่าไม่อยากให้เกิดขึ้น สิ่งสำคัญที่สุด คือชีวิตของประชาชน เป็นสิ่งที่เรายึดถือ และพยายามไม่ให้เกิดการเสียเลือดเสียเนื้อ จนฝ่ายกัมพูชาได้ยิงก่อน ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา นางสาวแพทองธารยังกล่าวว่า มีสำนักข่าวต่างประเทศตั้งข้อสังเกตว่า จริงๆ แล้วเรามีหลักฐาน มีดิจิทัลฟุตปริ้นท์ที่สามารถทำให้เห็นว่าใครเป็นคนเริ่มก่อน และมีการตั้งข้อสังเกตว่าในวันนั้นนักเรียนของเราที่อยู่ชายแดนไปโรงเรียนตามปกติ […]

“เสธ.เบิร์ด” ชี้เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” ถือเป็นภัยคุกคาม

26 ก.ค.- “เสธ.เบิร์ด” ชี้ เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” วิถีไกล 130 กม. ถือเป็นภัยคุกคาม มองไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากกรณีกองทัพภาคที่ 2 เตือนเฝ้าระวังกัมพูชายิงขีปนาวุธ PHL-03 วิถีไกล 130 กม. เพื่อพุ่งเป้าหมายพื้นที่ยุทธศาสตร์และที่ตั้งทหารนั้น ล่าสุด พล.ต.วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวว่า การขยับขีปนาวุธ PHL-03 เป็นการขู่ และถือเป็นภัยคุกคาม ดังนั้นถ้าไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากการที่กัมพูชากล่าวหาว่า ไทยใช้ปฏิบัติการทางอากาศเกินกว่าเหตุนั้น เราไม่ทำเกินกว่าเหตุ แต่สิ่งที่เราทำนี้เป็นเหตุผล เพราะฝ่ายกัมพูชา เคลื่อนกำลังจำนวนมากมาประชิดชายแดน ใช้อาวุธยิงระยะไกลทำร้ายประชาชนของไทย ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน สถานีบริการน้ำมัน ทำให้ประชาชนชาวไทยบาดเจ็บ และเสียชีวิต จากการมีภาพข่าวการเคลื่อนอาวุธยิงระยะไกล ถือว่าเป็นการข่มขู่คุกคามความมั่นคงของไทยอย่างชัดเจน ดังนั้นการปฏิบัติการทางอากาศ เพื่อลดการสูญเสีย สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้การปฏิบัติการทางอากาศของไทยทำลายเป้าหมายทางทหารเท่านั้น และมีความแม่นยำ -สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมน่านลดต่อเนื่อง ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย

น่าน 26 ก.ค.- สถานการณ์น้ำท่วมตัวเมืองน่าน ลดลงต่อเนื่อง ส่วนอีกหลายจุดยังอ่วม ท่วมสูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย ย่านการค้าและเศรษฐกิจสำคัญของเมืองน่าน บริเวณถนนสุมณเทวราช ซึ่งเคยน้ำท่วมสูงเกือบถึงคอ แต่ตอนนี้น้ำลดลงเหลือประมาณหน้าขา เท่ากับลดไปราว 1 เมตร แต่บริเวณโดยรอบยังมีน้ำท่วมเต็มพื้นที่ โดยเฉพาะที่ลุ่มต่ำ ยังท่วมสูงกว่า 1 เมตร ทีมข่าวได้เข้าไปสำรวจความเสียหายของโรงแรงแห่งหนึ่งกลางเมืองน่าน ซึ่งสภาพภายในเต็มไปด้วยคราบโคลน รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ที่จอดไว้เสียหายจำนวนมาก ขณะที่เจ้าของร้านค้าย่านนี้ เริ่มสำรวจความเสียหายจากน้ำท่วม อีกจุดหนึ่งที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักคือที่โรงพยาบาลน่านที่ถูกน้ำท่วมสูงเต็มพื้นที่ 40 ไร่ บางจุดท่วมเกือบมิดหัว ตอนนี้น้ำลดแล้ว แต่ตามอาคารต่างๆ น้ำทะลักท่วมยาเวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์ได้รับความเสียหาย แต่ผู้ป่วยใน ราว 3 ร้อยคน ยังปลอดภัย คุณหมอ พยาบาลและเจ้าหน้าที่เร่งช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาด เพื่อให้โรงพยาบาลกลับมาเปิดบริการตามปกติให้เร็วที่สุด ช่วงสายที่ผ่านมา นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายใจกลางเขตเศรษฐกิจเมืองน่านด้วย -สำนักข่าวไทย