นายกฯ ชง 3 กุญแจสำคัญ เวที ASEAN Global Dialogue

กรุงพนมเปญ 13 พ.ย.- นายกฯ เสนอกุญแจสำคัญ 3 ดอก เพื่อส่งเสริมความยืดหยุ่น ปรับตัว และยั่งยืน ในการประชุม ASEAN Global Dialogue ครั้งที่ 2 หัวข้อ “การเสริมสร้างประชาคมอาเซียนที่มีความยืดหยุ่นในการปรับตัวและมีความยั่งยืนในยุคหลังโควิด-19”


พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมการประชุม ASEAN Global Dialogue ครั้งที่ 2 ในหัวข้อ “การเสริมสร้างประชาคมอาเซียนที่มีความยืดหยุ่นในการปรับตัวและมีความยั่งยืนในยุคหลังโควิด-19 (Building Resilient and Sustainable ASEAN in the Post COVID-19 Era)” โดยการประชุมนี้ เป็นการประชุมแบบ เต็มคณะ (Plenary) มีสมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโชฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเป็นประธานการประชุม ประกอบด้วย 25 ประเทศ/หน่วยงาน 9 ผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียน ญี่ปุ่น สหรัฐ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ จีน แคนาดา อินเดีย รัสเซีย สหภาพยุโรป และผู้แทนระดับสูงจากองค์การระหว่างประเทศ อาทิ สภาเศรษฐกิจโลก (WEF) องค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ธนาคารโลก (World Bank) คณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมสำหรับเอเชียแปซิฟิก (ESCAP) ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) และ สถาบันวิจัยเศรษฐกิจเพื่ออาเซียน และเอเชียตะวันออก (ERIA) รวมทั้ง องค์การอนามัยโลก (WHO) ซึ่งเข้าร่วมโดยส่งข้อความผ่านการบันทึกเทปล่วงหน้า

โดยการประชุมนี้เป็นการประชุมครั้งที่ 2 จากที่เคยจัดเมื่อปี 2555 ซึ่งกัมพูชารื้อฟื้นกรอบการประชุมนี้ขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการนำเสนอวิสัยทัศน์ของผู้นำอาเซียนเกี่ยวกับการฟื้นตัวที่ยั่งยืนจากวิกฤติโควิด-19 เป็นเวทีแลกเปลี่ยนความเห็น ประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ และแนวปฏิบัติที่ดีระหว่างอาเซียนกับองค์การระหว่างประเทศและร่วมกันกำหนดยุทธศาสตร์การฟื้นตัวอย่างยั่งยืนและครอบคลุม ตลอดจนส่งเสริมความร่วมมือระดับภูมิภาคและความร่วมมือระหว่างประเทศ และส่งเสริมประชาคมอาเซียนที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ซึ่งภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยสาระสำคัญของคำกล่าวนายกรัฐมนตรี ดังนี้


นายกรัฐมนตรีชื่นชมการรื้อฟื้นการประชุมนี้ เพื่อให้ผู้นำอาเซียนและผู้แทนระดับสูงจากองค์การระหว่างประเทศได้แลกเปลี่ยนทัศนะและร่วมกันหาแนวทางการฟื้นตัวและการเติบโตที่ยั่งยืนภายหลังสถานการณ์โควิด-19 โลกกำลังฟื้นตัวอย่างช้า ๆ แต่ยังมีความท้าทายอื่น ๆ อีกมาก ซึ่งเป็นเครื่องย้ำเตือนว่า อาเซียนจะต้องเร่งดำเนินการเพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนแก่ประชาชน โดยส่งเสริมความสมดุลและความยั่งยืนอย่างแน่วแน่ ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญพื้นฐานที่จะช่วยให้เราสามารถปรับตัวต่อสภาวการณ์ต่าง ๆ และประคับประคองตนเองในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนและไม่คาดคิด

นายกรัฐมนตรีนำเสนอกุญแจสำคัญ 3 ดอก เพื่อส่งเสริมความยืดหยุ่น ปรับตัว และยั่งยืน ดังนี้

  1. การให้ประชาชนเป็นหัวใจของทั้งการฟื้นฟูในระยะสั้นและการพัฒนาในระยะยาว โดยนายกรัฐมนตรีเน้น การส่งเสริมสุขภาวะและการสร้างระบบความคุ้มครองทางสังคมที่ดี ให้ประชาชนทุกคน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางซึ่งได้รับผลกระทบจากวิกฤติต่าง ๆ รุนแรงที่สุด การลงทุนระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็งเป็นสิ่งจำเป็น และเป็นมาตรการที่ “คุ้มทุน” เพื่อวางรากฐานให้ประชาชนสามารถผ่านพ้นวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ได้
  2. การฟื้นฟูเศรษฐกิจโดยเน้นการสร้าง “ความสมดุลของสรรพสิ่ง” ไทยขับเคลื่อนผ่านโมเดลเศรษฐกิจ BCG ซึ่งได้แก่ เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว มุ่งฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและนวัตกรรม ลดความสูญเสีย และคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ไทยพร้อมร่วมมือกับทุกประเทศ โดยไทยในฐานะประธานเอเปค ไทยได้กำหนดแนวคิดหลัก “เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกัน สู่สมดุล” มีแนวคิดเศรษฐกิจ BCG เป็นพื้นฐาน ส่งเสริมความร่วมมือนำไปสู่การเติบโต เน้นสร้างสมดุล มากกว่าสร้างผลกำไร ผ่านการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคม
  3. การเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาในทุกระดับ ไทยในฐานะผู้ประสานงานของอาเซียนด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนพร้อมขับเคลื่อนความร่วมมือในภูมิภาค ผ่านการแลกเปลี่ยนความรู้ การถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรม กิจกรรมเสริมสร้างศักยภาพ และการระดมทุน ในสาขาที่อยู่ในความสนใจและเป็นประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งศูนย์อาเซียนเพื่อการศึกษาและการหารือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน สามารถเป็นกลไกสนับสนุนการดำเนินความร่วมมือเหล่านี้ให้เป็นรูปธรรมได้

นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่า เมื่อทุกประเทศเห็นผลประโยชน์ร่วมกันและร่วมมือกันมากขึ้นจะช่วยส่งเสริมความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน และช่วยส่งเสริมสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคและในโลก การร่วมแรงร่วมใจ จะทำให้กลับมาเข้มแข็งกว่าเดิมหลังวิกฤติโควิด-19 โดยกุญแจสามดอกนี้จะช่วยส่งเสริมให้อาเซียนก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ซึ่งโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรียังได้ยืนยันเจตนารมณ์ของไทยที่จะร่วมมืออนุวัติเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน และขับเคลื่อนภูมิภาคของเราให้เติบโตอย่างสมดุล มีภูมิคุ้มกัน และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นายกฯ ถึงอุบลฯ แม่ทัพภาค 2 รอรับ ชวนรับดอกไม้ชาวบ้าน

อุบลราชธานี 20 มิ.ย.-นายกฯ ถึงอุบลราชธานี แม่ทัพภาค 2 รอรับ ชวนรับดอกไม้จากประชาชน ก่อนขึ้น ฮ.ไปฐานมรกต ให้กำลังใจทหารแนวหน้า ขำสื่อรุมถาม “ไมค์เขกหัวนายกฯ” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงกองบิน 21 จ.อุบลราชธานี โดยมี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 รอรับ และเดินทางต่อไปที่สนามกีฬานานาชาติ อบต.โดมประดิษฐ์ มีว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี นายเกรียง กัลป์ตินันท์ อดีต รมว.มหาดไทย และ สส.พรรคเพื่อไทย มารอต้อนรับ น.ส.แพทองธาร ได้มอบสิ่งของให้แก่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) และกล่าวทักทายอย่างเป็นกันเอง โดยชาวบ้านหลายคนนำดอกกุหลาบ และผ้าขาวม้า มามอบให้เป็นกำลังใจแก่นายกฯ ในระหว่างที่ประชาชนมอบดอกไม้ให้ นายกฯ ชวนแม่ทัพภาคที่ 2 มารับดอกไม้และถ่ายภาพร่วมกัน ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงการพูดคุยกับแม่ทัพภาคที่ 2 ได้เคลียร์ใจแล้วหรือไม่ […]

พรรคเสนอชื่อนายกฯ ได้ ต้องมี สส. 25 คน

รัฐสภา 20 มิ.ย.-เลขาธิการสภาฯ แจงพรรคเสนอชื่อนายกฯ ได้ ต้องมี สส. 25 คน แม้จะมีชื่อในบัญชี ก็ไม่เป็นผล ว่าที่ร้องตรีอาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หากต้องมีการเลือกนายกฯ ใหม่ ว่า บุคคลที่สามารถได้รับการเสนอชื่อจะต้องเป็นบุคคลที่มีรายชื่อในบัญชีที่เสนอต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง โดยพรรคที่สามารถเสนอชื่อบุคคลเป็นนายกฯได้ จะต้องมี สส.จำนวน 5% ของสส. 500 คน คือมี สส. 25 คน ตามมาตรา 159 วรรค 1 ซึ่งในขณะนี้มี สส.ในสภาฯ จำนวน 495 คน 5% คือ 24.75 ซึ่งพรรคพลังประชารัฐขณะนี้มี สส.เหลือไม่ถึง 20 คน จึงไม่สามารถเสนอบุคคลในบัญชีรายชื่อคือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นนายกฯ ได้ ตามมาตรา 159 […]

ทหารเรือเกษียณเลือดร้อน ยิงข้างห้องดับ 1 เจ็บ 1

ชุมพร 20 มิ.ย. – ทหารเรือเกษียณเลือดร้อน ฉุนข้างห้องติดเครื่องรถกระบะจอดแช่นาน เกิดมีปากเสียง คว้าปืนยิงสามีเข้าที่คอบาดเจ็บ ส่วนภรรยาโดนยิงเข้าเบ้าตาเสียชีวิต ตำรวจ สภ.เมืองชุมพร เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุยิงกัน บริเวณห้องเช่า ริมถนนซอยสุขาภิบาล 17 – วัดเขาปุก ต.วังไผ่ อ.เมือง จ.ชุมพร ที่เกิดเหตุเป็นห้องแถวเช่าติดกัน 4 ห้อง บริเวณหน้าห้องซ้ายสุด มีรถกระบะสีดำจอดอยู่ พร้อมกองเลือด ส่วนผู้บาดเจ็บ ทราบชื่อ น.ส.จิราวรรณ อายุ 54 ปี ถูกยิงเข้าที่ตาข้างขวา อาการสาหัส หน่วยกู้ชีพนำส่งโรงพยาบาล ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา นอกจากนั้นยังมีผู้บาดเจ็บอีก 1 คน คือ นายสุรพจน์ อายุ 53 ปี ถูกยิงเข้าที่ไหปลาร้า ใกล้ลำคอด้านขวา แต่กระสุนถากไป ได้รับบาดเจ็บไม่มาก นายสุรพจน์ ให้ข้อมูลว่า คนก่อเหตุยิงเป็นเพื่อนบ้านห้องเช่าใกล้กัน ชอบตะโกนต่อว่าตนว่าติดเครื่องยนต์จอดแช่ไว้นาน ทำให้รำคาญ ซึ่งตนก็บอกไปว่า รถยนต์ตนต้องติดเครื่องวอร์มแช่ไว้ก่อนทุกครั้ง […]

นายกฯ รับคลิปเสียงจริง ซัด “ฮุนเซน” ปล่อยหวังรัฐบาล-กองทัพแตกแยก

ทำเนียบ 18 มิ.ย.- นายกฯ รับคลิปเสียงคุย “ฮุนเซน” เป็นของจริง แจงปมบอกแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นฝ่ายตรงข้าม เป็นเทคนิคการเจรจาต่อรองสร้างสันติภาพ หลัง “ฮุนเซน” โกรธ ชี้จุดประสงค์หวังสร้างคะแนนนิยมรัฐบาลกัมพูชาที่ไม่สนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รับไม่ไว้ใจ จากนี้ไม่ขอคุยส่วนตัว ปัดตอบสัมพันธ์ 2 ตระกูล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงด่วนกรณีมีคลิปเสียงสนทนาระหว่างที่พูดคุยกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เผยแพร่ออกมาผ่านโซเชียลมีเดีย โดยยอมรับว่าเป็นคลิปจริง เป็นการคุยกันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งตนได้ทราบข้อมูลจากล่ามที่แปลว่า ทางสมเด็จฮุน เซน โกรธแม่ทัพภาคที่ 2 ที่มีการพูดกันก่อนหน้านั้น เมื่อได้คุยกัน ตนจึงบอกว่า แม่ทัพภาคที่ 2 พูดกันแบบนี้ ในเมื่อเราทั้งไทยและกัมพูชาเป็นฝั่งตรงข้ามกันอยู่แล้ว ในตอนนั้นก็ต้องพูดแบบนี้ อย่าไปคิดเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่พยายามจะทำความเข้าใจ เพราะทางฝั่งสมเด็จฮุน เซน โกรธเรื่องนี้ และเป็นเทคนิคในการพูดหลังไมค์หลังบ้านแบบส่วนตัว ซึ่งการคุยโทรศัพท์ก็ไม่ควรเอามาเปิดเผย เพราะเป็นเทคนิคในการเจรจาพูดคุยต่อรอง ส่วนตัวคิดว่า ตนทำเพราะมีจุดมุ่งหมายและมีประเด็นที่จะรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขของบ้านเมืองและรักษาอธิปไตยของไทยไว้ ให้ผลประโยชน์อยู่กับประเทศชาติและประชาชน ตนก็คุยด้วยความซอฟต์และความนุ่มนวล เพราะบางทีเวลาคุยกันส่วนตัวก็เรียกกันลุงหลาน […]

ข่าวแนะนำ

โผ ครม. แพทองธาร 2 หลังภูมิใจไทยถอนตัว

21 มิ.ย. – สะพัดโผ ครม. แพทองธาร ชุดใหม่ “ประเสริฐ จันทรรวงทอง” นั่ง มท.1 พล.อ.สุนัย ประภูชะเนย์ หรือ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ นั่งกลาโหม ภายหลังพรรคภูมิใจไทย ประกาศถอนตัวไปเป็นฝ่ายค้าน ส่งผลให้ ครม. ว่างลง 8 ตำแหน่ง โผการปรับคณะรัฐมนตรีล่าสุด ในส่วนของกระทรวงมหาดไทย มีชื่อของ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จะไปนั่งเก้าอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แทนนายอนุทิน ชาญวีรกูล โดยก่อนหน้านี้ นายประเสริฐ ยืนยันว่า พร้อมไปทำงานในทุกตำแหน่งที่นายกรัฐมนตรี มอบหมาย ส่วน รัฐมนตรีช่วยมหาดไทย (มท. 2) มีชื่อ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช และ นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข จากพรรคประชาธิปัตย์ จะสลับมานั่งเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยมหาดไทย (มท. 3) ส่วนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม […]

เลขาฯ เพื่อไทย ยัน นายกฯ ไม่ลาออก-ยุบสภา

กทม. 21 มิ.ย.-เลขาฯ พรรคเพื่อไทย ยืนยันนายกฯ ไม่ลาออก-ยุบสภา หลังงบฯ 69 ผ่านวาระสาม ตามที่มีกระแสข่าว เดินหน้าทำงานแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ภาษีทรัมป์ และนโยบายต่างๆ ขออย่าให้การเมืองมาบดบังเป้าหมายสำคัญ นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลฯ ว่า “จากกระแสข่าวลือที่ว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อาจตอบรับข้อเสนอจากพรรคการเมืองบางพรรค ด้วยการลาออกหรือยุบสภาหลังผ่านการลงมติร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 ในวาระที่สามนั้น ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ขอเรียนชี้แจงอย่างชัดเจนว่า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด และนายกรัฐมนตรี ได้ยืนยันกับพวกเราชัดเจนว่า จะเดินหน้าทำหน้าที่แก้ไขวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ที่ประเทศกำลังเผชิญอย่างเต็มความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งรัฐบาลกำลังดำเนินมาตรการตอบโต้ที่เข้มข้นขึ้น ทั้งในมิติการทูตและด้านความมั่นคง รวมถึงปัญหาวิกฤตภาษีทรัมป์ ที่รัฐบาลได้เร่งผลักดันการเจรจาอย่างจริงจัง และได้รับการตอบรับอย่างดีจากคู่เจรจา รัฐบาลยังมุ่งมั่นใช้ช่วงเวลาที่เหลืออยู่จนครบวาระการดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี ในการผลักดันนโยบายที่วางไว้ให้เกิดผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม อาทิ -การเดินหน้านโยบายปราบปรามยาเสพติด-การปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งขณะนี้เริ่มเห็นแนวโน้มที่ดีขึ้น-มาตรการลดค่าครองชีพ ผ่านโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย-การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ผ่านการพัฒนาโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่-การสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ (man-made destination) […]

เปิดด่านรับผู้ป่วยฉุกเฉิน หญิงชาวกัมพูชาติดเชื้อในกระแสเลือด

จันทบุรี 21 มิ.ย. – น้ำใจคนไทย! เปิดด่านรับผู้ป่วยฉุกเฉิน หญิงชาวกัมพูชา วัย 67 ปี ป่วยติดเชื้อในกระแสเลือด ส่งรักษา รพ.จันทบุรี เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ 20 มิ.ย. เวลา 21.00 น. กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด (กปช.จต.) โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี ชุดเคลื่อนที่เร็วทหารผ่านนาวิกโยธินที่ 4 (ชค.ทพ.นย.4) หมวดอาวุธสนับสนุนที่ 4 จุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด ได้รับการประสานจาก นปพท.จันทบุรี ให้อำนวยความสะดวกในการผ่านแดนให้กับนางหยาง ทัช อายุ 67 ปี ผู้ป่วยฉุกเฉินชาวกัมพูชา พร้อมผู้ร่วมเดินทาง รวมจำนวน 4 คน เนื่องจากผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสโลหิต มีไข้สูง หนาวสั่น และปวดศีรษะรุนแรง เพื่อไปรักษาตัวที่ รพ.กรุงเทพจันทบุรี เนื่องจากทาง รพ.กัมพูชา ไม่สามารถรักษาได้ เพราะเครื่องมือทางการแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ไม่มี จึงขอประสานส่งตัวที่บริเวณสะพานคลองตะเคียน […]

แบ่งงานรองนายกฯ ใหม่ หลัง ภท. ถอนตัวพรรคร่วมรัฐบาล

กรุงเทพฯ 21 มิ.ย. – นายกฯ ลงนามคำสั่งแบ่งงานรองนายกฯใหม่ หลัง “ภูมิใจไทย” ถอนตัวพรรคร่วมรัฐบาล “ภูมิธรรม” กำกับดูแล “มหาดไทย” ไร้ชื่อ “พีระพันธุ์” กำกับงานส่วนไหนเพิ่มเติม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมตรี ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 184/2568 เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 20 มิ.ย.68 โดยรายละเอียดในคำสั่งมอบหมายให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี กำกับการบริหารราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และสำนักงานราชบัณฑิตยสภา (รวมทั้งราชการของราชบันฑิตยสภา) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐนตรี มอบอำนาจให้กำกับบริหารราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงคมนาคม กระทรวงแรงงาน กระทรวงวัฒนธรรม และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัมนตรี มอบหมายและมอบอำนาจให้กำกับการบริหารราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ […]