กกต. 28 ต.ค. – “ศรีสุวรรณ” ยื่น กกต. สอบนายทุนจีนบริจาค 3 ล้านให้ พปชร. สอบสัญชาตินายทุน หากผิดถึงขั้นยุบพรรค
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ กกต. เพื่อขอให้ตรวจสอบพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) รับเงินบริจาค 3 ล้านบาท จากนายทุนชาวจีน ซึ่งเป็นเจ้าของสถานบันเทิงชื่อดังย่านยานนาวา โดยนายศรีสุวรรณ กล่าวว่าหลังตำรวจบุกทลายสถานบันเทิงชื่อดังย่านยานนาวา และมีการพาดพิงถึงนักธุรกิจชาวจีนมากมาย นอกจากนี้ได้มีการยืนยันจากนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และประธานยุทธศาสตร์พรรค พปชร. ว่า พรรค พปชร.ได้รับเงินบริจาคจากนักธุรกิจชาวจีน ซึ่งเป็นเจ้าของสถานบันเทิงดังกล่าวจำนวน 3 ล้านบาท เมื่อปี 2564 จึงเป็นข้อสงสัยว่านักธุรกิจชาวจีน เคยมีสัญชาติจีน และได้มีการแปลงสัญชาติมาเป็นสัญชาติไทยแล้วเมื่อปี 2557 มีบัตรประชาชนเป็นคนไทย แต่เนื่องจากบุคคลดังกล่าวเป็นนักธุรกิจที่ประกอบกิจการหลากหลาย มีบริษัทในเครือหลาย 10 บริษัท จึงเป็นข้อสังเกตว่าการแปลงสัญชาติมาเป็นคนไทย เขาได้สละสัญชาติจีนด้วยหรือไม่ หรือว่ามีการถือสองสัญชาติ
ซึ่งเกี่ยวข้องกับพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง โดยเฉพาะมาตรา 44 ระบุว่าห้ามพรรคการเมืองไปรับเงินรับทองหรือรับประโยชน์อื่นใด จากบุคคลที่ให้การสนับสนุนการทำลายความมั่นคงการทำลายเศรษฐกิจของชาติ และการทำลายระบบราชการของชาติ มาตรา 72 ระบุว่า ห้ามพรรคการเมืองไปรับเงินหรือทรัพย์สินประโยชน์อื่นใด โดยรู้ หรือควรรู้ ว่าแหล่งที่มาไม่ชอบด้วยกฎหมาย และมาตรา 74 ระบุว่า ห้ามพรรคการเมืองรับเงินจากบุคคลที่ไม่ได้ถือสัญชาติไทย
“โดยเรื่องเหล่านี้เกี่ยวพันกับตัวบุคคลที่แปลงสัญชาติ หรือโอนสัญชาติมาเป็นสัญชาติไทยแล้ว ซึ่งไม่ทราบว่าบุคคลนั้นได้ถือสองสัญชาติอยู่หรือไม่ และการที่ตำรวจได้ไปทลายสถานบันเทิงดังย่านยานาวา โดยเป็นผับที่ไม่ได้ขออนุญาตตามกฎหมาย มีการเสพยาเสพติด อาจจะเข้าข่ายเป็นการกระทำที่ผิดต่อศีลธรรมอันดี และจารีตของประเทศ รวมถึงความมั่นคง เพราะนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวก็เป็นชาวต่างชาติเสียส่วนใหญ่ จึงจำเป็นที่ กกต.จะต้องดำเนินการตรวจสอบเชิงลึก และวินิจฉัยว่าบุคคลดังกล่าวถือสองสัญชาติจริงหรือไม่ และเกี่ยวพันไปถึงธุรกิจทั้งหมดนับ 10 บริษัท มีนอมินีเข้าไปถือหุ้นเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ เพราะถ้าเกินกว่ากฎหมายกำหนดก็จะถือว่าเป็นบริษัทของคนต่างด้าว เป็นข้อห้ามในกฎหมายพรรคการเมืองเช่นกัน หากพบว่ามีความผิด ก็จะเข้าข่ายตามมาตรา 92 (3) เสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคการเมืองดังกล่าวได้” นายศรีสุวรรณ กล่าว
เมื่อถามว่านายสมศักดิ์ ออกมายืนยันว่าเงินที่ได้รับบริจาคถูกต้องถามกฎหมาย นายศรีสุวรรณ กล่าวว่าหากยืนยันว่าบุคคลดังกล่าวแปลงสัญชาติมาเป็นสัญชาติไทย และไม่ได้ถือสองสัญชาติก็มีสิทธิที่จะสนับสนุนให้พรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งในประเทศไทยได้ แต่ต้องไม่เกิน 10 ล้านบาท ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองกำหนดไว้
เมื่อถามว่า กกต.จะต้องมีการตรวจสอบไปถึงพรรคการเมืองอื่นด้วยหรือไม่กรณีการรับเงินบริจาคในลักษณะเดียวกันนี้ นายศรีสุวรรณ กล่าวว่าถ้าก้าวไปถึงพรรคการเมืองไหน แล้วเชื่อมโยงไปถึงพรรคการเมืองไหนที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน ส่วนตัวคิดว่าเป็นอำนาจของ กกต. และนายทะเบียนพรรคการเมืองที่จะต้องตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อสร้างความโปร่งใสในเรื่องของการจัดการเลือกตั้งในอนาคต รวมถึงการควบคุมพรรคการเมืองในประเทศด้วย .- สำนักข่าวไทย