“ทิพานัน” ย้อนเพื่อไทยนโยบาย ศก.ล้าหลัง เลื่อนลอยล่าช้า

กรุงเทพฯ 15 ต.ค. – “ทิพานัน” ย้อนเพื่อไทยนโยบายเศรษฐกิจล้าหลัง เลื่อนลอยล่าช้า โชว์ผลงาน EEC ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ 3 ไตรมาสแรกปี 65 มูลค่ากว่า 4 หมื่นล้านบาท ชู 4 ปี งบลงทุนเกินเป้า 1.8 ล้านล้านบาท เงินไหลเข้าประชาชนทุกพื้นที่ ทั้งทางตรงและทางอ้อม


น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมา (ม.ค.-ก.ย.) ของปี 2565 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย จำนวน 436 ราย โดยในจำนวนนี้มีนักลงทุนชาวต่างชาติที่สนใจลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 80 ราย คิดเป็น 18% ของจำนวนนักลงทุนทั้งหมด โดยมีมูลค่าการลงทุนในพื้นที่ EEC กว่า 40,555 ล้านบาท คิดเป็น 41% ของเงินลงทุนทั้งหมด สะท้อนถึงความสำเร็จของ EEC ในส่วนการดึงดูดนักลงทุน และเม็ดเงินเข้ามาลงทุนไหลเข้าสู่ประเทศ

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา แม้โครงการจะเผชิญอุปสรรคปัญหาต่างๆ จากวิกฤตการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 วิกฤติเศรษฐกิจโลก สถานการณ์สู้รบในยูเครน และผลกระทบต่อราคาพลังงาน แต่ในพื้นที่ EEC กลับมีผลสำเร็จที่เป็นรูปธรรม โดยมีงบลงทุนสูงถึง 1.8 ล้านล้านบาท เกินจากเป้าหมายในแผนแรกของ EEC ที่กำหนดไว้ 1.7 ล้านล้านบาท ใน 5 ปี


น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ในกรณีที่พรรคเพื่อไทย โดย ผอ.ศูนย์นโยบายพรรค ได้กล่าวถึงนโยบาย EEC โดยเปรียบเทียบกับนโยบาย “เขตธุรกิจใหม่” 10 ข้อ ของพรรคเพื่อไทยนั้น จึงขอชี้แจงให้สังคมรับทราบข้อเท็จจริง เพื่อไม่ให้ประชาชนสับสนและเสียโอกาส ดังนี้

  1. อีอีซี ได้สร้างระบบนิเวศใหม่ทั้งระบบแล้ว มีการวางโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางกายภาพและเทคโนโลยีดิจิทัล และยังมีสิทธิประโยชน์เสนอให้นักลงทุนโดยเฉพาะ ครอบคลุมการแก้ไขตั้งแต่ต้นตอเรื่องการลงทุน มีสิทธิประโยชน์ชุดใหม่และมีกลไกแก้ไขกฎหมายให้ทันสมัยอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องสร้างกฎหมายธุรกิจชุดใหม่ ที่สร้างความล่าช้าในการนำมาใช้ ตามที่เพื่อไทยเสนอที่ไม่รู้ว่าจะเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มตระกูลใดเป็นการเฉพาะหรือไม่
  2. อีอีซี มีกฎหมายพิเศษในอีอีซี คือ กฎหมายเพื่อส่งเสริมสิทธิประโยชน์และยังครอบคลุมทุกด้าน เช่น ใบอนุญาต ที่ดินทำกิน ป้องกันการผูกขาดและการแข่งขันทางการค้า การนำเข้าส่งออก แรงงาน วีซ่า ภาษี สิทธิประโยชน์ ธุรกรรมการเงิน ทรัพย์สินทางปัญญา ระบบยุติธรรม ดังนั้นจึงขอให้ทีมงานเพื่อไทยศึกษา พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. 2561 ให้ละเอียด โดยเฉพาะหมวด 4 การพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และหมวด 5 เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ และอีอีซีไม่มีปัญหาการบังคับใช้กฎหมาย มีการพิจารณาปลดล็อกกฎเกณฑ์ที่เป็นอุปสรรคมาโดยตลอด
  3. อีอีซี มีการส่งเสริม 12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-curve industries) ที่จะสร้างศักยภาพความสามารถเทคโนโลยีของประเทศ และทักษะฝีมือของแรงงานไทยให้เพิ่มขึ้น และมีการสนับสนุน เปิดโอกาสทุนย่อย และ SMEs จึงไม่มีการผูกขาดอุตสาหกรรมใด
  4. อีอีซี มีสิทธิประโยชน์ด้านการทำธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศ ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการพัฒนารูปแบบและเงื่อนไข เพื่อทันต่อการใช้งานและให้เข้ากับสถานการณ์การเงินทั่วโลก เช่น ขณะนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยก็ได้เตรียมทดสอบระบบเงินบาทดิจิทัลแล้ว
  5. อีอีซี มีแผนพัฒนา 8 แผน ครบวงจร ซึ่งแต่ละแผนจะเชื่อมโยงกัน นำไปสู่การพัฒนาพื้นที่อย่างสมบูรณ์แบบเป็นรูปธรรมและยั่งยืนในทุกมิติ ดังนั้นที่กล่าวหาว่า “อีอีซี คือจิกซอว์ไม่ครบวงจร” จึงเป็นข้อวิจารณ์ของพรรคเพื่อไทยที่ขาดความรู้ สิ่งที่กล่าวอ้างว่า “จะมี” ในเขตธุรกิจใหม่นั้น เป็นสิ่งที่รัฐบาลขณะนี้รองรับไว้หมดแล้ว และเกินกว่าที่เพื่อไทยคิดไปมาก ดังนั้นที่กล่าวหาว่า อีอีซีเน้นมิติเดียว ขาดกลไกนอกเหนือจากสิทธิประโยชน์ในการดึงเงินต่างชาติ จึงไม่ถูกต้อง
  6. อีอีซี เป็นศูนย์กลางการคมนาคมและโลจิสติกส์ของภูมิภาคเอเชียอย่างครบวงจร ซึ่งจะเชื่อมตลาดโลกได้อย่างรวดเร็ว คล่องตัว จะเห็นได้จากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบการคมนาคมแบบไร้รอยต่อ ทั้งทางอากาศ ทางบก ทางน้ำ ดังนั้นจึงเป็นการขยายตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด สิ่งที่พรรคเพื่อไทยกล่าวอ้างว่า อีอีซีไม่ตลาดเล็ก จึงไม่จริง
  7. อีอีซี กำหนดระเบียงเศรษฐกิจพิเศษทั้ง 4 ภาค ที่กำหนดประเภทอุตสาหกรรมของแต่ละภาค เพราะต้องการดึงศักยภาพที่พร้อมและเอกลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่น เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานรากตามศักยภาพในท้องถิ่นนั้น ทำให้การพัฒนาเศรษฐกิจทั้งประเทศเชื่อมโยงกับอีอีซีอย่างเป็นระบบ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในย่านอีอีซีจะได้โฟกัสระบบต่างเฉพาะทาง หากใช้แผนของพรรคเพื่อไทยที่เขตธุรกิจใหม่ เปิดกว้างครอบคลุมทุกอุตสาหกรรม ก็จะเกิดความซ้ำซ้อน สะเปะสะปะ ไม่ได้ดึงศักยภาพการใช้ประโยชน์ในเชิงพื้นที่มาใช้เลย เป็นแผนการพัฒนาที่ลงทุนมาก ผลตอบแทนน้อย
  8. อีอีซี สิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในพื้นที่ EEC เพียงเท่านั้น แต่ประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงและภาพรวมของประเทศยังได้รับประโยชน์จากนโยบายดังกล่าว ที่จะได้มีโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก ระบบสาธารณสุข ระบบสาธารณูปโภคที่ทันสมัย มีโอกาสมีงานทำ และรายได้ที่ดีขึ้น เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน ยกระดับคุณภาพชีวิต อีกทั้งยังเกิดการมีส่วนร่วม เช่น อีอีซีสแควร์ บัณฑิตอาสา เยาวชนต้นแบบ โครงการต้นแบบสวนภาษาอังกฤษและจีน หลักสูตรอีอีซีกับการบริหาร องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น โดยคาดการณ์ว่าไทยจะเติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างน้อย 5% ต่อปี
  9. อีอีซี มีกฎหมายพิเศษในอีอีซี เพื่อส่งเสริมการลงทุน ปลดล็อกข้อจำกัด และยังได้สิทธิประโยชน์และครอบคลุมทุกด้าน อย่างเป็นธรรมและง่ายต่อการลงทุน
  10. อีอีซี ปัจจุบันมีโครงสร้างพื้นฐานรองรับการลงทุนไว้แล้ว ตามนโยบายและพื้นที่การลงทุนแต่ละพื้นที่ ทำให้รองรับผู้ลงทุนและเงินลงทุนทั้งในและนอกประเทศ อย่างไร้ขีดจำกัดได้ทันที

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า

การที่พรรคเพื่อไทยเสนอนโยบายด้านเศรษฐกิจ ที่ต้องมีการวางโครงสร้างใหม่ กฎหมายใหม่ เงื่อนไขใหม่ ทำความเข้าใจนักลงทุนใหม่ ประชาชนจะสามารถพิจารณาเองได้ว่า จะต้องใช้ระยะเวลาอีกกี่สิบปี ไม่อยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริง เลื่อนลอย ล้าหลัง รวมถึงระยะเวลาจริงในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ จึงอยากให้พรรคเพื่อไทยศึกษา พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. 2561 ให้ละเอียดรอบคอบ ก่อนเปรียบเทียบวิจารณ์ เพราะสิ่งที่รัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ ได้วางแผนและทำ ล้ำหน้าและทันสมัยไปมากกว่าที่เปรียบเทียบแล้ว ที่สำคัญยังโปร่งใส ไม่มีทุจริต เอื้อตระกูลใดตระกูลหนึ่งด้วย


“สิ่งที่พรรคเพื่อไทยต้องตระหนักก่อนหาเสียง คือ ในความเป็นจริง EEC นั้นได้เริ่มแล้ว และมีแนวโน้มที่สดใส ครอบคลุมการพัฒนาเชิงโครงสร้างไปทุกจังหวัด เช่น การคมนาคม การวางระบบ 5G ที่รวดเร็วที่สุด ครอบคลุมมากสุดในอาเซียน เพื่อเข้าพื้นที่และลงทุนอีอีซี ซึ่งขณะนี้ก็มีนักลงทุนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จะสร้างโอกาสให้ไทยกลับมาเติบโตแบบก้าวกระโดด ยิ่งหากรัฐบาลได้เดินหน้าต่อเนื่องอย่างไม่หยุดยั้ง จะสร้างเม็ดเงินไหลเข้ากระเป๋าประชาชนได้อย่างมั่งคั่งเป็นรูปธรรมทันเวลา” น.ส.ทิพานัน กล่าว. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง นายก อบจ.อุบลฯ เดือด ส่งท้ายปี

ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือเป็นสนามเลือกตั้งท้องถิ่นขนาดใหญ่ส่งท้ายปีนี้ การแข่งขันดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครต่างเร่งหาเสียงกันอย่างเต็มที่ โดยมีผู้สมัคร 4 คน ลงชิงชัย ไปติดตามบรรยากาศโค้งสุดท้ายว่าใครจะเป็นผู้คว้าชัย

ทอ.ส่ง F-16 ขึ้นบินป้องน่านฟ้า หลังมีอากาศยานไม่ทราบฝ่าย เหนือชายแดนไทย-เมียนมา

กองทัพอากาศส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 ขึ้นบิน เพื่อพิสูจน์ฝ่ายและสกัดกั้นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก

อุตุฯ เผยอีสาน-เหนือ อากาศหนาว กทม.อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย

กรมอุตุฯ เผยภาคอีสาน ภาคเหนือ มีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็น

lightened Christmas tree in front of U.S. Capitol

รู้จัก “ชัตดาวน์” ของสหรัฐและผลกระทบ

วอชิงตัน 20 ธ.ค.- หน่วยงานจำนวนมากของรัฐบาลสหรัฐเสี่ยงต้องปิดทำการชั่วคราว หรือที่เรียกว่า กัฟเวิร์นเมนต์ ชัตดาวน์ (government shutdown) หลังผ่านพ้นเที่ยงคืนวันนี้ (20 ธันวาคม) ตามเวลาสหรัฐ หากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ทันเวลา หลังจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณฉบับใหม่เมื่อวานนี้ สาเหตุที่เสี่ยงชัตดาวน์ ปกติแล้วรัฐสภาสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะต้องจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานรัฐบาลกลางทั้งหมด 438 แห่งก่อนวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี แต่ที่ผ่านมาสมาชิกรัฐสภามักทำไม่ได้ตามกำหนดเวลา และมักผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ต่อไปในระหว่างที่สมาชิกรัฐสภาหารือกันเพื่อผ่านร่างงบประมาณจริง ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุเมื่อเข้าสู่เช้าวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตเตรียมร่างกฎหมายที่จะขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 14 มีนาคม 2568 แต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันลงมติไม่เห็นด้วย และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณที่เสนอใหม่ ดังนั้นหากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ก่อนที่ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุ ก็จะเกิดการชัตดาวน์ เพดานหนี้ที่ทรัมป์ต้องการให้แก้ นายทรัมป์ยังต้องการให้สมาชิกรัฐสภาแก้ปัญหาเรื่องการกำหนดเพดานหนี้ประเทศให้รัฐบาลสามารถกู้ยืมได้มากขึ้น ก่อนที่เขาจะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม 2568 รัฐสภาสหรัฐเป็นผู้กำหนดเพดานหนี้สาธารณะที่อนุญาตให้รัฐบาลก่อหนี้ แต่เนื่องจากรัฐบาลมักใช้จ่ายมากกว่ารายได้ที่ได้จากการจัดเก็บภาษี สมาชิกรัฐสภาจึงต้องคอยแก้ปัญหานี้เป็นครั้งคราว รัฐสภาสหรัฐกำหนดเพดานหนี้สาธารณะครั้งแรกในปี 2482 โดยกำหนดไว้ที่ 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.55 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน) และนับจากนั้นเป็นต้นมาได้ขยายเพดานหนี้แล้วทั้งหมด 103 […]

ข่าวแนะนำ

ฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ส่งสุขรับปีใหม่

ส่งความสุขรับปีใหม่ กับฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ศิลปินลูกทุ่งเกือบ 100 ชีวิต ร่วมโชว์จัดเต็ม

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลฯ “กานต์” ส่อเข้าป้าย

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี “กานต์” หมายเลข 1 จากเพื่อไทย ส่อเข้าป้าย ด้าน ปชน. แถลงยอมรับยังไม่เป็นที่ไว้วางใจ ส่วนอุตรดิตถ์ “ชัยศิริ” อดีตนายก อบจ. ส่อเข้าวิน

เด้ง ตร.จราจร ปมคลิปรับเงินแลกไม่เขียนใบสั่ง

ผบก.ภ.จว.นนทบุรี สั่งย้าย “รอง สว.จร.สภ.รัตนาธิเบศร์” เซ่นคลิปรับเงินแลกไม่ออกใบสั่ง พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงภายใน 3 วัน ด้านเจ้าตัวอ้างไม่เห็นเงินที่วางบนโต๊ะในตู้ควบคุมสัญญาณไฟจราจร