มติ ส.ว.ไม่ขัด รธน. หลังไม่เห็นชอบ “รัชนันท์” เป็น ตุลาการศาลปกครอง

ศาลรัฐธรรมนูญ 12 ต.ค.- ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 7 ต่อ 2 ชี้ขาดปมวุฒิสภาไม่เห็นชอบให้ “รัชนันท์ ธนานันท์” เป็นตุลาการศาลปกครองสูงสุด ไม่ขัด รธน. ระบุคนละกรณีกับ ก.ศป. ไม่กระทบต่อหลักความเป็นอิสระ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนัดออกนั่งบัลลังก์อ่านคําวินิจฉัยคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 กรณีที่วุฒิสภาไม่ให้ความเห็นชอบ นายรัชนันท์ ธนานันท์ ซึ่งได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง (ก.ศป.) ให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลปกครองสูงสุด ขัดต่อหลักความเสมอภาค และความเป็นอิสระของการบริหารงานบุคคลเกี่ยวกับตุลาการศาลปกครอง เป็นการกระทำที่ละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพ ที่รัฐธรรมนูญคุ้มครองไว้ อันเป็นผลจากพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 มาตรา 15 วรรคสาม ขัดหรือแย้งรัฐธรรมนูญ มาตรา 27 และมาตรา 198 หรือไม่ โดยมีตัวแทนจากผู้ตรวจการแผ่นดิน และผู้แทนสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา มาร่วมฟังการอ่านคำวินิจฉัย

โดยศาลรัฐธรรมนูญ เห็นว่า พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 มาตรา 15 วรรคสาม บัญญัติให้ ก.ศป. เสนอชื่อผู้ได้รับการเลื่อนตำแหน่งหรือได้รับการคัดเลือกต่อนายกฯ และให้นายกฯ เสนอขอความเห็นชอบต่อวุฒิสภาภายใน 15 วัน และให้นายกฯ นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ซึ่งข้อโต้แย้งที่ว่าบทบัญญัติดังกล่าวมีความแตกต่างจากการแต่งตั้งผู้พิพากษาในศาลยุติธรรม ที่ไม่ต้องให้วุฒิสภาให้ความเห็นชอบ ซึ่งขัดต่อหลักความเสมอภาคนั้น เห็นว่าศาลยุติธรรมและศาลปกครองมีอำนาจหน้าที่ การจัดตั้ง และการพิจารณาคดีที่แตกต่างกัน ผู้พิพากษาหรือตุลาการแต่ละศาล จึงต้องเป็นผู้มีความรู้ความเข้าใจกฎหมาย และความเชี่ยวชาญในคดีแต่ละประเภทตามความเหมาะสมของแต่ละศาล มีที่มาที่แตกต่างกัน การแต่งตั้งและการคัดเลือกบุคคลให้ดำรงตำแหน่งย่อมแตกต่างกันด้วย จึงไม่อาจนำความแตกต่างนี้มาพิจารณาเปรียบเทียบกับการปฏิบัติที่แตกต่างกันได้ และกระบวนการในการคัดเลือกตุลาการศาลปกครองสูงสุด ย่อมเป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและกฎหมาย บังคับกับผู้สมัครเข้ารับการคัดเลือกทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ดังนั้นจึงไม่ขัดต่อหลักความเสมอภาค ไม่เป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม


ส่วนกรณีข้อโต้แย้งที่ว่า บทบัญญัติดังกล่าวแทรกแซงการบริหารงานบุคคลเกี่ยวกับตุลาการศาลปกครอง และขัดต่อความเป็นอิสระในการบริหารงานบุคคลเกี่ยวกับตุลาการศาลปกครองนั้น เห็นว่า วุฒิสภาถือเป็นองค์กรนิติบัญญัติที่จะให้ความเห็นชอบบุคคล เพื่อดำรงตำแหน่งต่างๆ ที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญและกฎหมาย โดยใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 128 ทั้งนี้ แม้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมิได้บัญญัติให้การแต่งตั้งตุลาการศาลปกครองสูงสุดต้องได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภา เหมือนในรัฐธรรมนูญฉบับที่ผ่านมา แต่ยังคงหลักการเดิมในการคัดเลือกและแต่งตั้งตุลาการศาลปกครองสูงสุดในพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 มาตรา 15 วรรคสาม ซึ่งเป็นกฎหมายในระบอบพระราชบัญญัติที่บัญญัติรับรองไว้แล้ว จึงไม่ต้องบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญอีก นอกจากนั้น การที่วุฒิสภาให้ความเห็นชอบของวุฒิสภาเป็นเพียงขั้นตอนที่เกิดขึ้นหลัง ก.ศป.พิจารณาคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลปกครองสูงสุดแล้ว โดยเป็นกระบวนการกลั่นกรองที่เกี่ยวกับความประพฤติและพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลที่จะแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลปกครองสูงสุด ขั้นตอนดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวกับการคัดเลือกที่กระทำโดย ก.ศป. และองค์ประกอบของ ก.ศป. ไม่มีวุฒิสภาเข้าไปเกี่ยวข้อง การให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบของวุฒิสภา จึงไม่เป็นการใช้อำนาจขัดหรือแย้งกับ ก.ศป. และไม่กระทบต่อหลักความเป็นอิสระการบริหารงานบุคคลเกี่ยวกับตุลาการศาลปกครองสูงสุด ดังนั้น ศาลรัฐธรรมนูญจึงมีมติเสียงข้างมาก 7 ต่อ 2 วินิจฉัยว่า พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 มาตรา 15 วรรคสาม ไม่ขัดหรือแย้งรัฐธรรมนูญ มาตรา 27 วรรคหนึ่งและวรรคสาม และมาตรา 198

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีวุฒิสภาลงมติด้วยวิธีลับ กรณีการเสนอชื่อ นายรัชนันท์ ให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลปกครองสูงสุดนั้น เกิดขึ้นอย่างน้อย 2 ครั้ง ระหว่างปี 2563-2564 โดยวุฒิสภาเสียงข้างมากมีมติไม่เห็นชอบให้นายรัชนันท์ ดำรงตำแหน่งตามที่เสนอ ซึ่งกรณีดังกล่าวมีรายงานข่าวจากวุฒิสภา แจ้งว่า สาเหตุที่ ส.ว.มีมติไม่เห็นชอบดังกล่าว เนื่องจากพบว่า นายรัชนันท์ เคยถ่ายรูปและไปทักทายต้อนรับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สมัยที่ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตฟินแลนด์ เมื่อปี 2559 จึงเห็นว่ามีปัญหาเรื่องวุฒิภาวะที่ไปถ่ายรูปคู่กับนายทักษิณ ที่เป็นผู้ต้องหาหนีคดี และอาจมีปัญหาเรื่องความเป็นกลางทางการเมือง ขัดกับการดำรงตำแหน่งตุลาการศาลปกครองสูงสุดที่ไม่ควรฝักใฝ่ฝ่ายใด.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทุจริตยาโรงพยาบาลทหารผ่านศึก

รวบ “พ.อ.หญิง-แพทย์หญิง” เครือข่ายทุจริตยา รพ.ทหารผ่านศึก

ตำรวจ ปปป. และ ป.ป.ช. จับ “พ.อ.หญิง” และ “ แพทย์หญิง” เครือข่ายทุจริตยาโรงพยาบาลทหารผ่านศึก พบเส้นเงินเชื่อมโยง 10 ล้านบาท

ซบพรรคกล้าธรรม

“เอกราช” จ่อซบ “กล้าธรรม” ยันไม่ถึงขั้นแตกหัก “อนุทิน-ภท.”

“เอกราช” เตรียมย้ายซบ “กล้าธรรม” เพื่อความสบายใจในการทำงาน ยันไม่ถึงขั้นแตกหักกับ “อนุทิน-ภูมิใจไทย” คาดเตรียมขับออกเร็วๆ นี้ เผยผูกพันกับ “ธรรมนัส ” กว่า 10 ปี

ไฟไหม้ท้ายรถบัสทัศนศึกษา นักเรียน-ครู ปลอดภัย

หวิดเกิดเหตุสลด รถบัสทัศนศึกษากำลังกลับโรงเรียน เกิดไฟไหม้ท้าย โชคดีอพยพทัน นักเรียนชั้น ป.6 ทั้ง 35 คน กับครู 7 คน ปลอดภัย

รวบไรเดอร์-วิน จยย.รุมทำร้ายนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ไรเดอร์ร่วมกับวิน จยย. รุมทำร้ายนักท่องเที่ยวชาวเยอรมันจนน่วม ตำรวจตามจับได้ 3 คน ยังอ้างรุมทำร้ายโดยไม่รู้ที่มาที่ไป คิดว่าชายต่างชาติทำร้ายคนไทย ทนไม่ได้จึงเข้าช่วย

ข่าวแนะนำ

ผ่านร่างธุรกิจสถานบันเทิง

ครม.เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ธุรกิจสถานบันเทิงฯ กาสิโนไม่เกิน 10%

“จิรายุ” เผย ครม.เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ธุรกิจสถานบันเทิงฯ ตามข้อเสนอของกฤษฎีกา พร้อมส่งสภาฯ พิจารณาต่อไป ยืนยันเน้นลงทุนเพื่อการท่องเที่ยวเป็นหลัก “กาสิโน” ต้องไม่เกิน 10% ของเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ทั้งหมด

หนุ่มสิงคโปร์ฆ่าสาวไทย

ตร.เร่งล่าแฟนหนุ่มต้องสงสัยฆาตกรรมแฟนสาว ล่าสุดพบหลบหนีอยู่เชียงราย

เปิดภาพกล้องวงจรปิดชายต้องสงสัยคนสนิทสาวมิน ถูกพบเป็นศพในคอนโดหรู หอบกระเป๋าหลายใบขึ้นรถออกไป ขณะที่ผู้ตายเคยโพสต์ภาพนาฬิกายี่ห้อหรู ที่ได้เป็นของขวัญวันเกิดและอยากมีช่วงเวลาดี ๆ แบบนี้ตลอดไป

แก้ปัญหาปากท้อง

นายกฯ สั่งการ ครม. เร่งแก้ปัญหาทุกมิติ เศรษฐกิจ-ปากท้อง

นายกฯ ขอบคุณ ครม.และทุกส่วนราชการ ร่วมเแจงอภิปรายฯ พร้อมนำข้อแนะนำของฝ่ายค้านมาแก้ไขปัญหา สั่งการ ครม. เร่งแก้เศรษฐกิจ ปากท้อง ปัญหาทุกมิติของประเทศและ ปชช.

ฮั้ว สว.

“ภูมิธรรม” ไม่หวั่นศาล รธน.รับวินิจฉัย ชงปมฮั้ว สว. ยันบริสุทธิ์ใจ

“ภูมิธรรม” ไม่หวั่น หลังศาล รธน.รับวินิจฉัย คำร้องแทรกแซงการทำงาน กกต. ปม ฮั้วเลือกสว. บอกรอคำวินิจฉัย ยันบริสุทธิ์ใจ-ทำตามหน้าที่-ไม่กังวล