เสวนา “ถอดบทเรียน..กราดยิงหนองบัวลำภู”

9 ต.ค. – ปชป.ดึงผู้เชี่ยวชาญ เสวนา “ถอดบทเรียน..กราดยิงหนองบัวลำภู” ร่วมหาทางออกด้วยกัน ชี้ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน


นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ได้เป็นประธานกล่าวเปิดการเสวนาพิเศษเรื่อง “ถอดบทเรียนกราดยิงหนองบัวลำภู … ร่วมหาทางออกด้วยกัน” ว่า จากเหตุการณ์กราดยิงที่จังหวัดหนองบัวลำภูนั้น ได้ก่อให้เกิดความโศกเศร้า สะเทือนใจกับพี่น้องประชาชนจำนวนมาก พร้อมกับเชื่อว่าทุกคนที่ได้รับทราบเหตุการณ์ก็จะมีความรู้สึกคล้ายกัน อีกทั้งเห็นว่าจะเป็นเหตุการณ์หนึ่งที่สังคมไทยจะต้องร่วมมือร่วมใจหาวิธีการแก้ไขปัญหาไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นอีกในบ้านเมือง หรือในที่ใดในโลกนี้อีกต่อไป ดังนั้นพวกเราจึงขอเป็นส่วนเล็กๆ ของสังคม ที่จะได้ช่วยกันถอดบทเรียนเพื่อร่วมหาทางออกร่วมกัน

ทั้งนี้การเสวนาพิเศษดังกล่าวดำเนินรายการโดย นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ และมีผู้ทรงคุณวุฒิ 4 ท่าน มาร่วมกันถอดบทเรียนและหาทางออก เริ่มจากพลตำรวจตรี ดร.วิชัย สังข์ประไพ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้กล่าวถึงสถานการณ์ยาเสพติดในประเทศไทย ที่ขณะนี้มีทั้งผู้เสพ ผู้ค้า รวมไปถึงผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวสูงกว่า 3 ล้านคน ทั้งที่ปัญหาอาชญากรรมกว่า 80% มีต้นเหตุจากยาเสพติด ถือเป็นการทำให้ประเทศสูญเสียทั้งบุคลากร และงบประมาณไปมากกว่าแสนล้านบาท จึงอยากให้มีการถอดบทเรียน และวิเคราะห์เหตุการณ์ต่อไป แม้ผู้ก่อเหตุจะเสียชีวิตไปแล้ว พร้อมกับได้เสนอแนะว่าอยากให้ทุกหน่วยงาน มีกระบวนการรับฟังผู้ใต้บังคับบัญชา เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบปัญหาหรือลักษณะความเครียด และนำไปสู่การแก้ไข ป้องกันต่อไปอย่างจริงจัง


สำหรับนางสาวศิริภา อินทวิเชียร รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งกำลังศึกษาปริญญาเอก สาขาอาชญวิทยา ได้มองเหตุการณ์ดังกล่าวผ่านสามเหลี่ยมอาชญากรรมว่า 1. เหยื่อ เป็นเด็ก ผู้สูงอายุ ครู ที่ไม่มีทักษะการป้องกันตัว 2. โอกาส ผู้ก่อเหตุ มีทักษะการใช้อาวุธ อีกทั้งมีอาวุธในครอบครอง และเคยเกี่ยวข้องกับสารเสพติด 3. สถานที่ เป็นศูนย์เด็กเล็ก ไม่มีการรักษาความปลอดภัย และกำลังอยู่ในช่วงพักผ่อน ดังนั้นรัฐหามาตรการทบทวน พร้อมกับเสนอให้มีการฝึกทักษะครูพี่เลี้ยง หรือผู้ดูแล ให้รู้จักแนวทางป้องกันเหตุอันตรายที่อาจเกิดขึ้น นอกจากนี้ยังเสนอให้มีการหามาตรการควบคุมการออกแบบอาคาร เพื่อให้เกิดความปลอดภัย มีช่องทางออกที่สังเกตได้ พร้อมกับเสนอทบทวนกฎหมายการถือครองอาวุธ และจำเป็นจะต้องมีการตรวจสุขภาพจิตของผู้ครอบครองอาวุธเป็นประจำด้วย

ด้านนางสาววทันยา บุนนาค (มาดามเดียร์) ได้กล่าวจากมุมมองของคนเป็นแม่ ที่หลังจากทราบเหตุการณ์ ได้รับเสียงสะท้อนจากกลุ่มคนที่มีลูกทุกคนจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าคิดถึงลูก พร้อมกับได้สะท้อนการนำเสนอเหตุการณ์สะเทือนขวัญผ่านสื่อ ที่มีลักษณะเป็นเหมือนเหรียญสองด้าน เพราะแม้จะเป็นการนำเสนอข้อเท็จจริง แต่ลักษณะการนำเสนอก็เข้าข่ายเนื้อหารุนแรง และจากการนำเสนอเนื้อหาดังกล่าวบ่อยครั้ง ทำให้เสมือนเป็นการหล่อหลอมให้สังคมอยู่กับความรุนแรงซ้ำๆ ดังนั้นจึงอยากรณรงค์ให้สื่อมวลชน บริษัทประชาสัมพันธ์ต่างๆ ได้ร่วมกันคิดหาทางช่วยกันหาวิธีการลดทอนการนำเสนอเรื่องราวที่มุ่งเน้นปัญหาดราม่าต่างๆ หรือนำเสนอมุมของความวิบัติในชีวิตคน โดยหวังผลเพื่อดึงความสนใจหรือเรียกยอดไลค์ แต่ให้กลับมาคิดถึงสิ่งที่สังคมควรได้รับประโยชน์จากการนำเสนอเนื้อหา ขณะที่ประชาชนเองไม่ควรเพิกเฉย หรือหวังเพียงแต่ให้หน่วยงานรัฐออกมาแก้ไขปัญหา เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเหมือนยอดภูเขาน้ำแข็ง ซึ่งจะแก้ไขไม่ได้ ถ้าไม่เริ่มลงมือจริง เพียงแต่เราขยับสังคมก็จะเปลี่ยน ทุกฝ่ายต้องร่วมมือร่วมใจกัน ตั้งแต่การเลือกเสพสื่อ ร่วมกันใส่ใจคนรอบข้าง สร้างสถาบันครอบครัวให้แข็งแรง

สำหรับ ดร.นพ.วรตม์ โชติพิทยสุนนท์ โฆษกกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการเสพสื่อทั้งหลาย นอกจากเนื้อหาแล้ว ยังก่อให้เกิดสภาพอารมณ์ที่ตามมาด้วย ทั้งจากผู้ดำเนินรายการ จากความเห็นในรายการ คอมเม้นท์ต่างๆ สิ่งเหล่านี้ควรจะต้องเสพเนื้อหาอย่างมีสติ พร้อมกับได้ฝากว่า บทเรียนที่ถูกถอดจากเหตุการณ์ จำเป็นจะต้องถูกนำไปปฏิบัติ และแน่นอนว่าการปฏิบัติย่อมยากกว่าการถอดบทเรียน นอกจากนี้ขอให้สังคมได้ตระหนักรู้ว่าในอีก 10 ปี ปัญหาสุขภาพจิตจะยิ่งมีเพิ่มสูงขึ้น และจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ ดังนั้นสังคมไทยต้องเปลี่ยนวิธีคิด การไปพบจิตแพทย์ไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่เป็นการเริ่มแก้ปัญหาจากจุดเล็กๆ ก่อนเป็นปัญหาใหญ่ ขอให้เรามีจุดเริ่มต้นในการเปลี่ยนแปลงด้านสุขภาพจิต โดยเริ่มจากตัวเรา คนใกล้ชิด คนรอบข้าง คนในชุมชน ขยายออกไปเรื่อยๆ เพื่อให้สังคมเราเต็มไปด้วยบุคคลที่สนใจด้านสุขภาพจิต และสร้างความสุขได้อย่างแท้จริง


นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวปิดท้ายว่า การเสวนาในวันนี้ต้องการให้เกิดเป็นสิ่งที่ปรากฎได้ในเชิงประจักษ์ และไม่ต้องการเห็นเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นกับสังคมอีกต่อไป ทุกคนต้องช่วยกัน เพราะในที่สุดแล้ว เหยื่อรายต่อไปคือสังคมไทยนั่นเอง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

ล้มล้างการปกครอง

ศาล รธน.มีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้อง “ทักษิณ-พท.” ล้มล้างการปกครอง

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ขอให้ศาลวินิจฉัยว่า “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ล้มล้างการปกครอง

คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญถกคำร้อง “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างฯ

จับตา ศาลรัฐธรรมนูญ “รับ/ไม่รับ” คำร้องปม “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองหรือไม่

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ