รัฐบาลหนุนพัฒนาสินค้าเกษตร-อาหารไทย

กทม. 2 ต.ค.- รัฐบาลขับเคลื่อนการเกษตรสร้างมูลค่า ส่งเสริมพัฒนาสินค้าเกษตรและอาหารไทย เข้าสู่ระบบมาตรฐานความปลอดภัย เป็นที่ยอมรับในระดับสากล


นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลเร่งขับเคลื่อนพัฒนาการผลิตสินค้าเกษตรและอาหารเข้าสู่ระบบมาตรฐานความปลอดภัย ซึ่งเกษตรอินทรีย์เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล ที่ต้องเร่งดำเนินการให้เกิดเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้นสอดรับกับความต้องการของผู้บริโภคในประเทศและสถานการณ์โลก ที่ให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยด้านอาหาร กระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ล่าสุดรัฐบาลมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ทบทวนมาตรฐานสินค้าเกษตร (Good Agricultural Practices: GAP) พืชอาหาร และมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ให้ครอบคลุมส่วนที่ใช้ขยายพันธุ์พืชและแมลงที่บริโภคได้ รวมทั้งสอดคล้องกับมาตรฐานอาเซียน รวมถึงการตรวจรับรองแหล่งผลิตพืชตามมาตรฐาน GAP โดยในปี 2565 มีผู้ยื่นขอการรับรอง 84,098 แปลง เกษตรกร 59,040 ราย โดยได้รับการรับรองมาตรฐาน GAPแล้ว จำนวน 74,152 แปลง เกษตรกร 50,209 ราย พร้อมมีการจัดทำฐานข้อมูลด้านการเกษตรปลอดภัยร่วมกับสมาชิกที่ได้รับใบรับรองมาตรฐาน GAP ในปี 2565 สหกรณ์ 47 แห่ง เกษตรกร 1,126 ราย ใน 22 จังหวัด และส่งเสริมให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนการผลิตในพื้นที่ไม่เหมาะสมตามแผนที่เกษตรเพื่อการบริหารจัดการเชิงรุก (Agri-Map) แล้ว 65,358 ไร่

นายอนุชาย้ำว่า เพื่อให้สินค้าเกษตรเข้าถึงผู้บริโภคอย่างทั่วถึงและสะดวกมากขึ้น รวมถึงให้สามารถจำหน่ายและเพิ่มมูลค่าได้ในหลากหลายช่องทาง รัฐบาลโดยกระทรวงพาณิชย์ ได้มีการจัดหาตลาดเพื่อให้เกษตรกรสามารถจำหน่ายผลไม้ผ่านช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ ควบคู่กับการจัดหาพื้นที่ให้เกษตรกรนำผลไม้ไปวางขายได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เช่น ห้างท้องถิ่น สถานีจำหน่ายน้ำมัน รวมทั้งยังร่วมกับบริษัทผู้จำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงรับซื้อสินค้าเกษตรในช่วงที่มีปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก เพื่อบรรเทาปัญหาสินค้าเกษตรล้นตลาดและราคาตกต่ำ นอกจากนี้ กระทรวงศึกษาธิการ (สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา) ยังได้จัดทำฐานข้อมูลรวบรวมผลงานนวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์อาชีวศึกษาและเผยแพร่บนเว็บไซต์ thainvention.net เช่น สิ่งประดิษฐ์ด้านนวัตกรรมซอฟท์แวร์และระบบสมองกลฝังตัวและสิ่งประดิษฐ์ด้านพลังงานทดแทนเพื่อการเกษตร ด้วย


“ปัจจุบันตลาดมีความต้องการสินค้าเกษตรอินทรีย์มากขึ้น เกิดกระแสความตื่นตัวในการดูแลสุขภาพเพื่อหลีกเลี่ยงโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ โดยหันมาบริโภคสินค้าที่ปลอดภัยไม่มีสารเคมีปนเปื้อน จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนการปลูกพืชที่สอดคล้องต่อความต้องการบริโภค แม้เกษตรกรส่วนใหญ่มีความเคยชินกับการผลิตสินค้าเกษตรแบบใช้สารเคมี และปุ๋ยเคมีทั่วไป ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญในเรื่องนี้ ในการนำพาเกษตรกรไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน โดยมีการส่งเสริมการผลิตในระบบเกษตรอินทรีย์ให้มีประสิทธิภาพตามแนวทางหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยเฉพาะการส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกรให้มีความรู้ และทักษะในการผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ให้มีคุณภาพ ปลอดภัย และได้มาตรฐาน เพื่อขับเคลื่อนการเกษตรสร้างมูลค่าอย่างยั่งยืน เช่น การดำเนินโครงการส่งเสริมและพัฒนาเกษตรตามมาตรฐาน GAP ในปี 2565 ทั้งการอบรมเกษตรกรเข้าสู่มาตรฐาน GAP จำนวน 15,000 ราย การติดตามให้คำปรึกษาและตรวจสอบประเมินแปลงเบื้องต้น ตลอดจนการสนับสนุนการจัดการและพัฒนาผลิตผลสินค้าเกษตร GAP ในขั้นต้น เป็นต้น” นายอนุชา กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พปชร.เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครภาคอีสาน ลั่นพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งทุกเวลา

พปชร. เปิดตัวทัพใหญ่ ว่าที่ผู้สมัครภาคอีสาน ลั่นพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งทุกเวลา เผยเลือดไหลเข้าพรรคพร้อมรับใช้ประชาชนอีกมาก

สาวถูกงูเห่ากัดใช้เบตาดีนทา สุดท้ายถูกหามเข้า ICU

อุทาหรณ์ สาวโพสต์โดนงูเห่ากัดตอนตี 5 ล้างแผล ทาเบตาดีนสู้พิษงู ลุกไปเข้าเวรเช้าต่อ ก่อนภาพตัด ถูกหามเข้าไอซียู

ตร.ไซเบอร์บุกค้น 9 จุด รวบรอบ 2 “มินนี่” เจ้าแม่เว็บพนัน

ตำรวจ บช.สอท. นำกำลังพร้อมหมายค้น ปูพรม 9 จุด ทั้งในกรุงเทพฯ จังหวัดเลย และจังหวัดใกล้เคียง จับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายพนันออนไลน์ “มินนี่” กว่า 30 หมายจับ

เตือนพายุฤดูร้อนไทยตอนบน ฉ.1 มีผล 6-8 มี.ค.นี้

กรมอุตุฯ ออกประกาศเตือนพายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน ฉบับที่ 1 มีผลกระทบช่วงวันที่ 6-8 มี.ค.68 เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง

ข่าวแนะนำ

ครู-ผู้ปกครอง ห่วงยกเลิก “ทรงผมนักเรียน” กระทบระเบียบวินัย

ครูและผู้ปกครองใน จ.ขอนแก่น แสดงความกังวล หลังศาลปกครองสูงสุด สั่งยกเลิกกฎกระทรวง ข้อกำหนด “ผมทรงนักเรียน” ห่วงการปล่อยเสรีอาจกระทบต่อระเบียบวินัยและความเรียบร้อยของนักเรียน ขณะที่นักเรียนจำนวนมากพอใจคำตัดสินดังกล่าว

อากาศร้อนจัด หนุ่มขับเก๋งย่องขโมยแอร์ครบชุด

อากาศร้อนจัด หนุ่มขับเก๋งย่องขโมยแอร์ครบชุดจากร้านแอร์ กลางเมืองสมุทรสงคราม เชื่อคนร้ายมีความรู้เรื่องแอร์ เพราะเลือกหยิบชุดเดียวกัน

นายกฯ ชูซอฟต์พาวเวอร์ไทย บนเวที “ITB Berlin 2025”

นายกฯ ชู soft power ไทย บนเวทีท่องเที่ยวโลก “ITB Berlin 2025” ผลักดันเมืองน่าเที่ยว 18 จังหวัด มุ่งขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลก ตั้งเป้าสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 3.5 ล้านล้านบาท

Trudeau tells Trump that tariffs are 'very dumb,' says Canada striking back

ประเทศคู่ค้าตอบโต้กำแพงภาษีสหรัฐ

ออตตาวา 5 มี.ค.- ประเทศคู่ค้าขนาดใหญ่ของสหรัฐ ทั้งแคนาดา เม็กซิโก และจีน ออกมาตรการด้านภาษีและมาตรการอื่น ๆ ตอบโต้มาตรการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ทั้งนี้หลังจากมาตรการของสหรัฐที่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกเป็นร้อยละ 25 มีผลตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม นายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดาแถลงในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมาว่า เป็นมาตรการที่โง่เขลาอย่างยิ่ง และแคนาดาได้มีมาตรการโต้กลับด้วยการเก็บภาษีในอัตราร้อยละ 25 ทันทีกับสินค้าของสหรัฐมูลค่า 30,000 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ราว 701,115 ล้านบาท) และจะเก็บในอีก 21 วันกับสินค้าสหรัฐมูลค่า 125,000 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ราว 2.9 ล้านล้านบาท)   ขณะที่ร้านจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขนาดใหญ่ในแคนาดาต่างพร้อมใจกันเก็บเหล้าและไวน์ที่นำเข้าจากสหรัฐออกจากชั้นวางและยังเชิญชวนให้ผู้บริโภคหันไปซื้อสินค้าที่ผลิตเองในประเทศแทน  ผู้ผลิตคราฟต์เบียร์รายหนึ่งเปิดเผยว่า จะเพิ่มการใช้วัตถุดิบในประเทศเป็นหลัก แทนวัตถุดิบที่เคยนำเข้าจากสหรัฐ  แต่วัตถุดิบจำเป็นบางอย่างต้องนำเข้าจากเยอรมนี ส่วนกระป๋องอลูมิเนียมสำหรับบรรจุเบียร์ที่เคยนำเข้าจากสหรัฐเพราะแคนาดาไม่ได้ผลิตนั้น จะเปลี่ยนไปซื้อจากจีนแทนซึ่งมีราคาถูกกว่า ด้านเม็กซิโก ประธานาธิบดีคลอเดีย เชนบามแถลงว่า การขึ้นภาษีของสหรัฐไม่มีความชอบธรรม เพราะที่ผ่านมาเม็กซิโกให้ความร่วมมือกับสหรัฐมาโดยตลอดในการแก้ปัญหาต่าง ๆ ทั้งเรื่องผู้อพยพและยาเสพติด ดังนั้นรัฐบาลเม็กซิโกจะมีมาตรการตอบโต้สหรัฐด้วยมาตรการด้านภาษีและมาตรการอื่น ๆ  โดยจะมีการแถลงรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการตอบโต้อีกครั้งในวันที่ 9 […]