สุราษฎร์ธานี 24 ก.ย. – “จุรินทร์” นำทัพขุนพล ปชป. ประกาศ “รวมพลัง สุราษฎร์ ประชาธิปัตย์ยกทีม” ชี้ 30 ก.ย. ไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยไปทางไหน มั่นใจการเมืองไทยยังมีทางออก
พรรคประชาธิปัตย์ จัดงาน “รวมพลัง สุราษฎร์ ประชาธิปัตย์ยกทีม” ที่โรงแรมบรรจงบุรี อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี นำโดย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค นายเดชอิศม์ ขาวทอง รองหัวหน้าพรรค ดูแลภาคใต้ เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. จังหวัดสุราษฎร์ธานี ทั้ง 7 เขต 7 คน ประกอบด้วย นายภาณุ ศรีบุษยกาญจน์ นายวิวรรธน์ นิลวัชรมณี น.ส.วชิราภรณ์ กาญจนะ นายสินิตย์ เลิศไกร นายสมชาติ ประดิษฐพร และนายธีรภัทร พริ้งศุลกะ โดยบรรยากาศมีแกนนำในพื้นที่ พร้อมด้วยสาขาพรรค สมาชิกพรรค และพี่น้องประชาชนมาร่วมงานอย่างหนาแน่น
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นกล่าวปราศรัยว่า ประชาธิปัตย์ยกทัพมาที่สุราษฎร์ธานีบ้านเรา ได้รับเสียงตอบรับดีมาก ส่วนสถานการณ์การเมืองในช่วงนี้ ต้องยอมรับความจริงว่ากำลังเข้มข้นขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอีก 6 วัน ที่จะเกิดเหตุการณ์สำคัญทางการเมือง คือ ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยสถานภาพนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าดำรงตำแหน่งนายกฯ มาครบ 8 ปีแล้วหรือไม่ แต่ไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยไปในทางไหน ตนก็มั่นใจว่า การเมืองไทยยังมีทางออกเสมอ และไม่มีทางตัน เพราะถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังเป็นนายกฯ ไม่ครบ 8 ปี การเมืองก็เดินหน้าต่อ รัฐบาลก็เดินหน้าบริหารราชการแผ่นดินต่อไป แต่ถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า นายกฯ ประยุทธ์ ครบ 8 ปีแล้ว ตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา สิ่งที่ต้องเกิดขึ้นก็คือ ทุกคนต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ นั่นคือ รัฐบาล ครม.ทั้งคณะ ต้องนับ 1 ในการที่จะหาตัวนายกรัฐมนตรีคนใหม่ รัฐสภาก็ต้องหาตัวนายกฯ คนใหม่ โดยเริ่มต้นจากชื่อนายกฯ ในบัญชีรายชื่อที่ค้างอยู่มาพิจารณาก่อน ถ้าพิจารณาแล้วยังไม่ได้ตัวนายกฯ รัฐธรรมนูญก็ยังเขียนว่าให้เอาคนนอกบัญชีมาได้ แต่ก็ต้องว่าไปตามกระบวนการขั้นตอน จนกว่าได้ตัวนายกรัฐมนตรีคนใหม่ และได้รัฐบาลชุดใหม่มาบริหารราชการแผ่นดินต่อไป แต่รัฐบาลชุดใหม่จะมีอายุเท่ารัฐบาลชุดเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 คือ มีอายุอีกครึ่งปีโดยประมาณ
นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ วันนี้ยังเป็นวันที่สำคัญอีกวัน เพราะเป็นวันที่เริ่มนับหนึ่งของการเลือกตั้ง ซึ่งจากการเลือกตั้งเมื่อ 24 มี.ค.62 ได้ก้าวเข้าถึงจุดที่เรียกว่าครบ 3 ปีครึ่ง เหลืออีก 180 วัน หรือ 6 เดือน ก็จะครบวาระ 4 ปี ดังนั้น วันนี้จึงเป็นวันที่นับหนึ่งในการก้าวเข้าสู่ 180 วัน ก่อนที่รัฐบาลจะครบเทอม ซึ่งทุกพรรคการเมือง ผู้สมัครรับเลือกตั้งทุกคนจะต้องปฏิบัติตามคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และตอนนี้ กกต. ก็เริ่มกำหนดกติกาให้พรรคการเมืองจะต้องทำอันนี้อันนั้น เหมือนกับสถานการณ์เลือกตั้งทุกประการ ดังนั้นทุกพรรคการเมืองก็มีหน้าที่ต้องเดินไปตามนั้น ผู้ที่จะเป็นผู้แทน หรือยังเป็นผู้แทนอยู่ ก็ต้องเดินหน้าไปตามนั้น ไม่มีใครไปฝืนได้ และหากฝ่าฝืนก็จะผิดกฎหมาย ซึ่งจะเป็นปัญหากับตัวเองและพรรคการเมืองที่สังกัด สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ ตนได้ประกาศไปแล้วว่า ประชาธิปัตย์จะต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ ประชาธิปัตย์ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่มีทางที่จะเป็นอย่างอื่น กกต.บอกอะไร ประชาธิปัตย์ก็ต้องทำอย่างนั้น
“ความจริง ประชาธิปัตย์ขึ้นป้ายขนาดยักษ์ไปแล้ว ประกันรายได้ ทำได้ไวทำได้จริง แต่วันนี้ก็ต้องเอาลง และกำลังทยอยเอาลง เราปฏิบัติตามคำสั่ง กกต.ทุกอย่าง ไม่มีปัญหา ทุกพรรคต้องปฏิบัติเหมือนกันอย่างเท่าเทียม” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า วันนี้ยังเป็นวันสำคัญของประชาธิปัตย์ เพราะยกทีมเดินทางมาที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีเป็นจังหวัดแรก เพราะประชาธิปัตย์ให้ความสำคัญกับพี่น้องจังหวัดสุราษฎร์ธานี นับตั้งแต่พรรคประชาธิปัตย์ก่อตั้งเมื่อปี 2489 เป็นเวลากว่า 76 ปี จนถึงวันนี้ เรามีผู้แทนมาหลายยุคหลายสมัย
“หวังว่าพวกเราจะช่วยกันรวมพลังชาวสุราษฎร์ฯ เพื่อหนุนให้ประชาธิปัตย์ยกทีม เพราะประชาธิปัตย์ มีความพร้อมทั้งบุคลากร และไม่ได้พร้อมเฉพาะจังหวัดสุราษฎร์ฯ แต่เราพร้อมในหลายพื้นที่ และพร้อมทั้งพรรค พร้อมทั้งคน พร้อมทั้งนโยบาย และพร้อมทั้งผลงาน ที่จะนำมาเสนอกับพี่น้องประชาชนทุกคน” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
นายจุรินทร์ กล่าวว่า วันนี้พี่น้องคงเห็นแล้วว่า มีคนรุ่นใหม่เดินเข้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นจำนวนมาก และยังทยอยมาเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น “ดร.เอ้” สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ที่มาทำหน้าที่หัวหน้าทีมการศึกษาทันสมัย “มาดามเดียร์” วทันยา บุนนาค ที่เพิ่งเดินเข้าพรรค เพราะเชื่อมั่นในความเป็นสถาบันทางการเมืองของประชาธิปัตย์ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ที่ตั้งมาแล้ว 76 ปี และจะไม่ได้อยู่เท่านี้ ยังต้องอยู่ต่อไป และประชาธิปัตย์ไม่ใช่สถาบันทางการเมืองที่เก่าแก่ แต่เป็นสถาบันทางการเมืองที่ยั่งยืน ชั่วฟ้าดินสลาย เพราะเราไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ แต่ประชาธิปัตย์ได้พัฒนาตัวเองเพื่อเป็นสถาบันการเมือง และไม่ได้ตั้งคนใดคนหนึ่งขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค หรือเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อหมดทุน หมดบารมี หมดตัวบุคคล ก็ยุบพรรค ชาวบ้านก็จะลอยเท้งเต้ง แต่ประชาธิปัตย์ตั้งขึ้นมาเพื่อรับใช้ประชาชน พอหมดหัวหน้าพรรคคนที่ 1 ก็ยังมี ม.ร.ว.เสนีย์ มี พ.อ.พิเศษ ถนัด มีท่านพิชัย ท่านชวน ท่านบัญญัติ ท่านอภิสิทธิ์ และมีตน หากหมดตนไปแล้วก็ไม่ใช่ว่าประชาธิปัตย์จะหมดไป แต่ประชาธิปัตย์จะต้องมีหัวหน้าพรรค คนที่ 9 คนที่ 10 และคนต่อๆ ไป เพราะประชาธิปัตย์ไม่ใช่พรรคการเมืองเฉพาะกิจ แต่เป็นสถาบันทางการเมืองที่ยั่งยืนที่พวกเราทุกคนภาคภูมิใจ
“นี่คือสิ่งที่เป็นจุดยืนของพรรคการเมืองที่เป็นสถาบันทางการเมืองที่ยั่งยืน และพี่น้องฝากผีฝากไข้ ฝากอนาคตไว้กับประชาธิปัตย์ได้ ขอขอบคุณพี่น้องทุกคนที่มาร่วมกันในวันนี้ ขอบคุณล่วงหน้ากับพี่น้องชาวสุราษฎร์ฯ ทุกคน ขอบคุณย้อนหลังที่เลือกประชาธิปัตย์ สุราษฎร์ยกทีมมา 11 สมัย และจะเลือกประชาธิปัตย์ยกทีมอีกเป็นครั้งที่ 12” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว. – สำนักข่าวไทย