ทำเนียบ 22 ก.ย.-เลขาฯ สมช. ยันไม่กังวลความเคลื่อนไหวการเมือง หลัง 30 ก.ย. ยันชุมนุมได้ แต่ต้องอยู่ในกฏหมาย มั่นใจสถานการณ์ใต้ปีหน้าจะมีทิศทางดีขึ้น
พลเอกสุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงการเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์หลังวันที่ 30 กันยายน ที่ศาลรัฐธรรมนูญ จะมีคำวินิจฉัย วาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าในแง่การเมืองไม่มีการเตรียมการอะไรเป็นพิเศษ ถือเป็นเรื่องปกติที่ฝ่ายความมั่นคงดูแลเรื่องความเรียบร้อย ซึ่งขณะนี้รับทราบว่าในแต่ละวันมีเหตุการณ์อะไรที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ก็ได้มีการเตรียมความพร้อมไว้ต่อเนื่องอยู่แล้ว
ส่วนการข่าวมีรายงานเรื่องการเตรียมความพร้อมเคลื่อนไหวในเชิงก่อเหตุวุ่นวายหรือไม่ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ กล่าวว่า ไม่มี จะมีแต่ความเคลื่อนไหวตามหน้าหนังสือพิมพ์ที่ประกาศว่าจะออกมาเคลื่อนไหวชุมนุมของกลุ่มนั้นๆ ซึ่งการแสดงความเห็นเป็นเรื่องปกติ ขอให้อยู่ในกฏหมาย และต้องอยู่ในความเรียบร้อยเพราะไม่อยากให้คนอื่นเดือดร้อนไปด้วย
ทั้งนี้ หากมีการยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินจะส่งผลต่อการดูแลสถานการณ์ทางการเมืองหรือไม่ พลเอกสุพจน์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวข้องกัน เพราะปกติมีกฎหมายที่ดูแลเรื่องความสงบ หากกฎหมายพิเศษหมดไป ก็ใช้กฎหมายปกติมาบังคับใช้
พลเอกสุพจน์ ยังกล่าวถึงสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ว่าผู้ก่อเหตุยังคงพยายามที่จะก่อเหตุอยู่ โดยทางรัฐบาลพยายามป้องกันอย่างเต็มที่ แต่อาจจะมีหลุดรอดออกมาบ้าง คิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะเสียหายต่อแนวทางที่ได้พยายามพูดคุยว่าจะพัฒนาคนและพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ให้มีระบบเศรษฐกิจที่ดีและให้ประชาชนอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสันติ แต่ก็ยังเกิดเหตุการณ์สองสามครั้งที่ผ่านมา แม้ว่าหน่วยงานด้านความมั่นคงจะพยายามป้องกันไม่ให้เกิด ที่ผ่านมาสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้คุยกับในพื้นที่ในมิติป้องกันเหตุร้าย มิติการพัฒนาและมิติการพูดคุยได้มีการยกระดับการทำงานให้เป็นเชิงรุกและครอบคลุมมากขึ้น
“คิดว่าในปี 2566 จะได้เห็นสถานการณ์ที่ได้มีการเปลี่ยนแปลงยกระดับไปในทางที่ดี จะพยามป้องกันไม่ให้มีเหตุร้ายเกิดขึ้นและกระทบกับประชาชนระบบเศรษฐกิจของพื้นที่ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นที่ผ่านมา จะต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด สำหรับผู้ที่ทำผิดกฎหมาย ส่วนเวทีการพูดคุยยังคงเดินหน้าอย่างเต็มที่และต่อเนื่อง แต่จะต้องมีการปรับเปลี่ยน ดูเป้าหมายการพูดคุยและคณะที่ไปพูดคุยจะต้องมีความชัดเจนในจุดประสงค์ที่เป็นไปได้และจะต้องเป็นเอกภาพซึ่ งจะต้องปรับไปเรื่อยๆ” พลเอกสุพจน์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย