วิทยาลัยอาชีวสันติราษฎร์ฯ 22 ก.ย.- กกต.เตรียมประชุมกำหนดความชัดเจน 180 วันก่อนวันเลือกตั้งบ่ายนี้ ห่วงพรรคการเมือง กม.ใหม่ที่เกี่ยวข้องยังไม่มีผลบังคับใช้
นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณี กกต.เตรียมประกาศหลักเกณฑ์ให้พรรคการเมืองปฏิบัติ เพื่อเตรียมพร้อมช่วง 180 วันที่สภาผู้แทนราษฎรจะหมดวาระ ซึ่งจะเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย.นี้ ว่า วิธีการหาเสียงมีกำหนดอยู่ในระเบียบของกกต.อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นกรณี 180 วัน กรณีสภาอยู่ไม่ครบวาระ หรือยุบสภาคือมาตรฐานแบบเดียวกัน เพียงแต่การเลือกตั้งครั้งนี้อาจจะแตกต่างออกไป เพราะมีกฎหมายที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง 2 ฉบับรอการประกาศใช้ ทำให้เงื่อนไขการหาเสียงบางอย่างยังไม่เกิดขึ้น เช่น หน่วยเลือกตั้ง เขตเลือกตั้ง ต้องรอกฎหมายฉบับใหม่ ทำให้ฐานของผู้สมัครและพรรคการเมืองที่จะนำไปใช้ในการหาเสียงยังไม่เกิดขึ้น ซึ่งในช่วงบ่ายวันนี้ (22 ก.ย.) ทางสำนักงานกกต.จะเสนอร่างประกาศดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุม กกต.เพื่อพิจารณา ก่อนแจ้งให้พรรคการเมืองทราบพรุ่งนี้ ( 23 ก.ย.) เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติให้เกิดความชัดเจนในการหาเสียง
เลขาธิการกกต. กล่าวถึงข้อกังวลที่พรรคการเมืองกลัวว่าในช่วง 180 วันอะไรทำได้ทำไม่ได้บ้าง ว่า ตัวระเบียบกำหนดไว้อยู่แล้ว พรรคการเมืองเคยใช้แล้ว แต่สิ่งที่ต่างออกมาคือระยะเวลาที่มากขึ้น ก่อนนี้มีพระราชกฤษีกาเลือกตั้ง กรณีไม่ครบวาระจะใช้เวลาหาเสียงประมาณ 30 วันก่อนที่จะมีเลือกตั้ง แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไปเพราะ 180 วัน หรือ 6 เดือน มีกิจกรรมที่พรรคการเมืองจะหยุดไม่ได้ เช่น การประชุมใหญ่ การทำไพรมารี่โหวต การทำกิจกรรมทางการเมืองตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งกกต.จะชี้แจงให้พรรคการเมืองรับทราบในการประชุมชี้แจงพรรคการเมืองที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้(23 ก.ย.) เพราะระยะเวลา 6 เดือน หาเสียงทอดยาวมาก ซึ่งต้องดูองค์ประกอบว่าจะเข้าข่ายการหาเสียงการเลือกตั้งหรือไม่
เมื่อถามว่าจะมีความชัดเจนเรื่องการหาเสียงกับการช่วยเหลือประชาชนหรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า เส้นแบ่งทางกฎหมายมีอยู่แล้ว เพียงแต่ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรต้องดูเป็นกรณีไป ตัวระเบียบมีอยู่แล้ว เพียงแต่เงื่อนเวลาเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ใช้ระยะเวลา 180 วันเพิ่มขึ้นมา และมีกฎหมาย 2 ฉบับที่จะเป็นเครื่องมือการเลือกตั้งครั้งต่อไป แต่ยังไม่มีผลใช้บังคับเพื่อเป็นฐานในการทำงาน
เมื่อถามย้ำว่าการไม่มีกฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับจะมีปัญหาในการปฏิบัติหรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า ถ้าไปถึงวันที่ 23 มีนาคม 2566 ทุกอย่างจะเรียบร้อย และพรรคการเมืองก็จะมีเวลาเตรียมตัว และมีช่วงเวลาในการหาเสียง การทำไพรมารี่โหวตตามกฎหมายใหม่ แต่ถ้าสถานการณ์การเมืองทำให้พรรคต้องทำไพรมารี่โหวตตามกฎหมายเดิม จะมีพรรคการเมืองทำไพรมารี่ตามกฎหมายดังกล่าวได้หรือไม่ ส่งผู้สมัครได้หรือไม่
“ผมไม่ได้ห่วงสำนักงานกกต. เพราะเตรียมพร้อมไว้อยู่แล้ว แต่กังวลกับพรรคการเมือง เนื่องจากปัจจุบันมีพรรคการเมืองจำนวนมาก ถ้ากฎหมายใหม่ใช้บังคับจะทำไพรมารี่โหวตตามกฎหมายใหม่ ซึ่งจะง่ายกว่าการทำไพรมารี่แบบเก่า เพราะใช้เขตจังหวัดเป็นเขต แต่หากใช้กฎหมายฉบับเก่าจะต้องไปทำไพรมารี่โหวตทุกเขตเลือกตั้ง ซึ่งมีการจัดตั้งสาขาและตัวแทนพรรคในทุกเขต ต้องจัดประชุม ตรวจเช็คองค์ประชุม บันทึกการประชุม ซึ่งจะต้องลงรายละเอียดคะแนนของการโหวตผู้สมัครที่อาจจะเป็นปัญหายุ่งยากต่อพรรคการเมือง” เลขาธิการกกต. กล่าว
เมื่อถามว่าจะตรวจสอบกรณีที่พรรคการเมืองลงพื้นที่และแอบแฝงการหาเสียงอย่างไร นายแสวง กล่าวว่า ทุกเรื่องกฎหมายกำหนดไว้อยู่แล้ว ต้องดูข้อเท็จจริงแต่ละเรื่องว่าเป็นอย่างไร แต่ทุกคนต้องทำตามกฎหมาย ส่วนการลงพื้นที่ของรักษาการนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีก็ต้องจับตาตามปกติอยู่แล้ว.-สำนักข่าวไทย