พรรคเพื่อไทย 12 ก.ย.-โฆษกเพื่อไทย เผยผลตอบรับครอบครัวเพื่อไทยลุยเชียงใหม่ดีเกินคาด สวน ปชป.ทำความเข้าใจ Soft Power ให้ดีก่อน ชี้ไม่เคยลอกนโยบายใคร
น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. และโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กิจกรรมครอบครัวเพื่อไทย สะบัดชัย เพื่อไทยมาเหนือ จ.เชียงใหม่ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้รับความสนใจจากประชาชนชาวเชียงใหม่ จังหวัดใกล้เคียงและทั่วประเทศเป็นอย่างมาก ทั้งการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคเหนือตอนบน ครบทั้ง 40 เขต และยังมีผู้ที่สนใจเข้าร่วมครอบครัวเพื่อไทยอีกจำนวนมาก รวมทั้งการลงพื้นที่รับฟังปัญหา หารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ทุกสาขาอาชีพ ตั้งแต่วันที่ 9-10 กันยายน 2565 นำโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยและประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย โดย ส.ส. สมาชิกพรรค คณะทำงานด้านนโยบาย จะนำข้อร้องเรียน ตลอดจนข้อเสนอแนะของประชาชน พัฒนามาเป็นนโยบายของพรรค เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนต่อไป
โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลังจากเปิดตัว 2 นโยบายแรก ได้แก่ นโยบายด้านการเกษตร ภายใต้แนวคิด “‘ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” และนโยบาย “1 ครอบครัว 1 Soft Power” ประชาชนให้การตอบรับเป็นอย่างดี และรอคอยการประกาศนโยบายใหม่ ๆ ที่ทีมนโยบายของพรรคดำเนินการพัฒนาอย่างรอบคอบ เพื่อเกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชนมากที่สุด หากชนะการเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ สิ่งที่เราคิดไว้ พร้อมทำทันที
ส่วนกรณีที่คนในพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า น.ส.แพทองธาร ลอกนโยบาย ทั้งเรื่องคำว่าเซลส์แมนขายสินค้าเกษตรในต่างประเทศ หรือ Soft Power โดยระบุว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ทำมาตลอด น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวว่า บุคคลผู้นั้นอาจจะไม่ทราบความหมายที่แท้จริงของคำว่า Soft Power ว่าคือการนำวัฒนธรรม เอกลักษณ์หรือจุดเด่นมาเป็นจุดขายร่วมกับการใช้ความสมัยใหม่และเป็นสากล สร้างรายได้ ขยายไปในตลาดโลก นำรายได้เข้าสู่ประเทศ ซึ่ง Soft Power ของพรรคเพื่อไทยคือต้นทุนทางวัฒนธรรมที่ดำรงอยู่ในวิถีชีวิต วัฒนธรรม และสังคมไทย มีความสร้างสรรค์ ความละเมียดที่ดำรงอยู่ที่แสดงออกผ่านการปรุงอาหาร การประดิษฐ์สร้างสรรค์ หัตถกรรม ไปจนถึงงานศิลปะทุกแขนง ความสามารถด้านกีฬา การเขียน software และความสามารถทาง e-sport ฯลฯ แต่หากมาดูผลงานที่เป็นชิ้นเป็นอันเกี่ยวกับ Soft Power ของกระทรวงพาณิชย์ที่นำโดยนายจุรินทร์ ยังถูกตั้งคำถาม เพราะที่ผ่านมาคนไทยที่มีฝีมือหรือองค์กรภาคเอกชนล้วนดิ้นรนหาทางเติบโตเองทั้งสิ้น
“ถ้าจะกล่าวถึงคำว่า “เซลส์แมน” หรือ “ทูตการค้า” คนที่ริเริ่มใช้คำนี้ คือ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีในยุครัฐบาลพรรคไทยรักไทย ที่กระตุ้นให้ผู้แทนทางการทูตต่างประเทศในขณะนั้น ร่วมมือกันขายภาพพจน์และภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยไปเจาะตลาด สร้างรายได้ในต่างประเทศ นายทักษิณ ใช้ความรู้ ความสามารถ และความเชี่ยวชาญในการเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ นำมาปรับใช้ในขณะที่เป็นรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ จนมาเป็นนายกรัฐมนตรี นำสินค้าไทยไปขายในเวทีโลก ซึ่งทั้งหมดเป็นการสานต่อแนวคิดเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้าของ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีแนวคิดสร้างเศรษฐกิจเพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชนเช่นเดียวกัน หากใครจะเอาคำนี้ไปใช้ก็ไม่ว่ากัน ถ้าทำแล้วเป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน” โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าว
น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวว่า รัฐบาลพรรคไทยรักไทย พลังประชาชน จนมาถึงพรรคเพื่อไทย ได้คิดค้นและพัฒนาแนวคิดจากหลายภาคส่วน ทั้งในและต่างประเทศ ต่อยอดมาเป็นนโยบายใหม่ที่เกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย ที่ล้วนเปลี่ยนชีวิตให้คนไทย ไม่ว่าจะเป็นโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ที่คิดค้นขึ้นใหม่ครั้งแรก นโยบาย 1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์ (OTOP) ที่พัฒนาต่อยอดมาจากโครงการต้นแบบอย่าง OVOP ประเทศญี่ปุ่น โครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน (ODOS) บ้านเอื้ออาทร นโยบายพักหนี้ กองทุนพัฒนาชุมชน กองทุน SML จัดตั้ง TCDC และ TK Park ที่ช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative economy) ซึ่งเป็นแขนงหนึ่งของ Soft Power
“มีอีกมากมายที่พัฒนาต่อยอด คิดใหม่ ทำใหม่ให้คนไทย จนกลายมาเป็นนโยบายหลักที่สร้างความเท่าเทียม สร้างโอกาส สร้างบรรทัดฐาน สร้างชีวิตใหม่ให้คนไทยมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งไม่มีรัฐบาลไหนยกเลิกโครงการดังกล่าวได้ แม้แต่รัฐบาลนี้ก็ยังต้องดำเนินการต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังเคยนำเอาโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคไปพูดบนเวทีโลก แต่พรรคเพื่อไทยไม่ได้แสดงท่าทีอื่นใดต่อการกระทำดังกล่าว” โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าว.-สำนักข่าวไทย