“จิราพร”ส่งหนังสือเตือน “ประยุทธ์- ครม.”

พรรคเพื่อไทย 22 ส.ค.- “จิราพร” ส่งหนังสือเตือน “ประยุทธ์- ครม.” มีพฤติกรรมเอื้อ บ.คิงส์เกต ได้สิทธิ BOI ไม่ต้องเสียภาษีทำธุรกิจ หวั่นเงินเข้าคลังสูญนับหมื่นล้าน


น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ดและกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในวันนี้ (22 ส.ค.) จะส่งหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีทั้งคณะ เพื่อแจ้งถึงผลของการไม่ระงับยับยั้งความเสียหายจากการใช้มาตรา 44 ปิดกิจการเหมืองแร่ทองคำ เพื่อให้ใช้โอกาสในการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้(23 ส.ค.) ซึ่งอาจเป็นนัดสุดท้ายในการระงับยับยั้งความเสียหายจากคดีเหมืองทองอัครา ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปี ของพล.อ.ประยุทธ์

น.ส.จิราพร กล่าวอีกว่า หนังสือฉบับนี้จะเป็นผลโดยตรงกับพล.อ.ประยุทธ์ หากรับหนังสือแล้วยังกระทำความผิด ละเลย เพิกเฉย คณะรัฐมนตรีจะมีส่วนในความรับผิดตามมาตรา 158 วรรค 1 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และจะเป็นหลักฐานสำคัญอีกชิ้นที่องค์กรอิสระจะนำไปพิจารณาเมื่อมีการฟ้องร้องต่อไป


ทั้งนี้ การปิดเหมืองแร่ทองคำโดยลุแก่อำนาจ ทำให้หลายคนตกงานกว่า 5 ปี ภาพลักษณ์ประเทศเสียหาย ต้องนำเงินภาษีแผ่นดินกว่า 731 ล้านบาทไปต่อสู้คดี เมื่อรัฐบาลไทยทราบว่า สุ่มเสี่ยงที่จะแพ้คดี จึงเริ่มฃเจรจาประนีประนอมยอมความ มีข้อเสนอของคิงส์เกตทั้งหมด 11 ข้อ ซึ่งมีบางข้อที่ไทยได้ดำเนินการให้กับคิงส์เกตเรียบร้อยแล้ว ได้แก่

1.ไทยอนุมัติประทานบัตรเหมืองแร่ 4 แปลงในวันที่ 19 มกราคม 2566 เพื่อเปิดทางให้บริษัทอัคราฯ กลับมาเปิดเหมืองแร่ชาตรีที่ยุติการดำเนินงานตั้งแต่ปี 2560 ได้

2.ไทยอนุมัติอาชญาบัตรสำรวจแร่ทองคำจำนวน 44 แปลง เนื้อที่ทั้งหมด 397,226 ไร่ให้บริษัทคิงส์เกต ที่เคยขอไว้ตั้งแต่ปี 2546 และไม่เคยได้รับการอนุมัติ แต่เมื่อมีคดีกับบริษัทคิงส์เกตฯ และคดียังไม่ถึงที่สุดกลับอนุมัติทันที และยังเหลืออีกราว 600,000 ไร่ ที่รอการอนุมัติเพิ่มเติม


3.ล่าสุดคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2565 ให้ความเห็นชอบเรื่อง นโยบายด้านอุตสาหกรรมเหมืองแร่และอุตสาหกรรมต่อเนื่องระยะแรก โดยสั่งให้ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI), ก.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, ก.อุตสาหกรรม และ ก.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ร่วมกันพิจารณา “ปรับปรุงมาตรการส่งเสริมการลงทุนสำหรับอุตสาหกรรมเหมืองแร่และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง” ด้วยการกำหนดสิทธิประโยชน์ให้เหมาะสมกับการฟื้นฟูอุตสาหกรรมเหมืองแร่ในประเทศอีกครั้ง ซึ่งอาจเป็นการเข้าข่ายเตรียมการเปิดทางให้กับบริษัทอัคราฯ สามารถขอรับการสนับสนุนจาก BOI และการลดหย่อนภาษีได้ ตามข้อเรียกร้องของคิงส์เกตฯ ข้อที่ 4 หรือไม่ โดยข้อเรียกร้องของคิงส์เกตคือ ขอสิทธิส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ที่หมดสิทธิ์ได้รับการยกเว้นภาษีเท่ากับมูลค่าการลงทุนในปี 2563 ไปแล้ว ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เคยให้ความเห็นว่าการขอขยายระยะเวลาการส่งเสริมการลงทุนให้ครอบคลุมระยะเวลาที่ถูกระงับการประกอบกิจการไม่สามารถดำเนินการได้ อีกทั้งกิจการเหมืองแร่ทองคำไม่ได้อยู่ในรายการส่งเสริมการลงทุน (ในกรณีขอยื่นสิทธิส่งเสริมการลงทุนใหม่)

นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรียังจะมีมติให้กิจการเหมืองแร่ที่ไม่ได้อยู่ในรายการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI กลับมารับการสนับสนุนสิทธิประโยชน์ได้ ซึ่งย้อนแย้งกับประกาศของกระทรวงอุตสาหกรรม ตาม พ.ร.บ.แร่ ปี 2560 ที่กำหนดให้ต้องจัดทำ กรอบนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ในการบริหารจัดการทรัพยากรแร่ทองคำ

น.ส.จิราพร กล่าวว่า กำหนดวิธีการบริหารจัดการเพื่อการพัฒนาแหล่งแร่ทองคำไว้ว่า ‘ไม่มีการให้สิทธิประโยชน์ด้านส่งเสริมการลงทุนให้กับโครงการทำเหมืองแร่ทองคำด้านภาษีต่างๆ’ แต่ ครม.กลับกระทำการขัดกับประกาศกระทรวงเสียเอง แม้การส่งเสริมการลงทุนจะเปิดทางให้เหมืองแร่หลายชนิดขอรับสิทธิประโยชน์ได้ แต่กิจการทำเหมืองแร่ทองคำในประเทศไทยในขณะนี้เหลือเพียงแห่งเดียวที่ยังประกอบกิจการอยู่ คือ บริษัทอัคราฯ เท่ากับว่าการที่คณะรัฐมนตรีมีมติเช่นนี้ เป็นการกรุยทางเอื้อประโยชน์ให้กับอัคราฯ ผูกขาดการทำเหมืองแร่ทองคำในประเทศไทยหรือไม่ หากกระทำการสำเร็จอาจทำให้ไทยสูญเสียเงินภาษีซึ่งเป็นรายได้แผ่นดินนับหมื่นล้านบาท

น.ส.จิราพร ยังกล่าวว่า การที่ไทยมีการเจรจาให้สิทธิต่างๆ และผลประโยชน์ของประเทศที่เกินกว่าข้อพิพาทแก่บริษัทคิงส์เกตฯ ไป เพื่อนำไปสู่การถอนฟ้อง เป็นการปัดความรับชอบมาไว้ที่แผ่นดินให้รับผิดแทนพลเอกประยุทธ์ ซึ่งเท่ากับว่าพล.อ.ประยุทธ์ ได้ยอมรับแล้วว่าการใช้มาตรา 44 เป็นคำสั่งที่ผิดพลาดอย่างร้ายแรงจนทำให้ประเทศไทยต้องก้มหน้าก้มตาคืนสิทธิเดิม เพิ่มเติมด้วยสิทธิประโยชน์ใหม่มากมาย จึงอยากให้พี่น้องประชาชนจับตาดูข้อเสนอของบริษัทคิงส์เกตฯ ที่เหลือ โดยเฉพาะข้อเรียกร้องข้อที่ 8 ซึ่งขอให้ไทยแก้ไขปัญหาทางกฎหมายในท้องถิ่นที่ค้างอยู่ทั้งหมด คือการยุติคดีของบริษัทคิงส์เกตฯ ที่อยู่ใน ป.ป.ช. DIS ปปง. และกองปราบปราม

“หากพล.อ.ประยุทธ์ มีสามัญสำนึกรับผิดชอบมากพอ ก็ไม่ควรอยู่รอจนถึงวันที่ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการดำรงตำแหน่งว่า ครบ 8 ปีหรือยัง ถ้ายังพอมีสามัญสำนึกอยู่บ้างก็ควรจะแสดงความรับผิดชอบออกไปตั้งนานแล้ว ไม่ต้องรอทำความเสียหายให้กับประเทศนานขนาดนี้ แต่ถ้าดันทุรังจะอยู่ต่อจนถึงวันที่ลงจากอำนาจ พรรคเพื่อไทยจะเสนอตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริง ตรวจสอบเรื่องเหมืองทองอัคราอย่างเข้มข้นและถึงที่สุด เพื่อหาคนรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นให้ได้” น.ส.จิราพร กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“มาริษ” เผยเห็นภาพชัดขึ้น หลังลงพื้นที่เสียหาย จ.สุรินทร์

สุรินทร์ 9 ส.ค.- “มาริษ” เผยเห็นภาพชัดขึ้น หลังลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ สำรวจความเสียหายจากการโจมตีของกัมพูชา เตรียมใช้เป็นข้อชี้แจงนานาชาติ กัมพูชาใช้อาวุธระยะไกลโจมตีพื้นที่พลเรือน ยันพร้อมประสานให้ ICRC – UN มาดูพื้นที่ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนภายหลังการลงพื้นที่สำรวจความเสียหายที่จังหวัดสุรินทร์ จากเหตุการณ์ปะทะกันตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา ว่า เรื่องข้อมูลของการละเมิดสิทธิ และละเมิดกฎสหประชาชาติกฎหมายระหว่างประเทศของกัมพูชา เรามีข้อมูลครบถ้วนอยู่แล้ว เมื่อวันนี้ได้มาเห็นสภาพจริง และมาเก็บข้อมูลเพิ่มเติม ได้เห็นภาพนอกเหนือจากข้อมูล ก็เป็นภาพที่เห็นชัดเจน รวมถึงการบรรยายสรุปของผู้ว่าราชการจังหวัด เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ที่อธิบายให้เห็นการโจมตีเป้าหมายที่ห่างไกลออกจากเขตแดน ซึ่งตนเองใช้เป็นข้อชี้แจงกับนานาชาติ และองค์กรสหประชาชาติว่าการใช้ประเภทอาวุธระยะไกลของฝ่ายกัมพูชาจะทำให้เกิดปัญหา และจะทำให้ประชาชนพลเรือนได้รับผลกระทบโดยตรง ซึ่งเป็นการโจมตีเป้าหมายไปยังพลเรือน แต่ยังไม่สามารถเข้าไปดูพื้นที่กับระเบิด และวันนี้ทราบว่ามีทหารเหยียบกับระเบิดที่วางอยู่ตามแนวชายแดน โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจง และแสดงความผิดหวัง และไม่ปราถนาที่จะเห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นในช่วงการเจรจา เพื่อแก้ไขปัญหาระหว่างกันให้สำเร็จอย่างยั่งยืน ส่วนนี้เราจะแสดงจุดยืนที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้อาวุธ หรือทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา อย่างชัดเจน นายมาริษ กล่าวว่าการเดินทางมาครั้งนี้ ได้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นในสิ่งที่เราเรียกร้องมาโดยตลอด ว่าเราทำตนอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว และได้แสดงตนให้ประชาคมโลก […]

ทหารเหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวน เจ็บ 3 นาย

ศรีสะเกษ 9 ส.ค. – กำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวน บาดเจ็บ 3 นาย โดย “จ.ส.อ.ธานี” หัวหน้าชุด ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 แถลงสถานการณ์การตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ประจำวันที่วันที่ 9 สิงหาคม 2568 ถึงเวลา 11.00 น. โดยมีรายละเอียด ดังนี้ เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. ร้อย.ร.111 ได้นำกำลังพลลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อวางลวดหนามป้องกันพื้นที่ บริเวณรอยต่อ โดนเอาว์-กฤษณา จ.ศรีสะเกษ โดยมี จ.ส.อ.ธานี พาหา เป็นหัวหน้าชุด และกำลังพล 2 นาย โดยระหว่างตรวจสอบเส้นทางได้เหยียบกับระเบิด เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 3 นาย (ส.1 […]

“ภูมิธรรม” เยี่ยมให้กำลังใจชาวสุรินทร์ ประสานนำผู้อพยพกลับบ้าน

สุรินทร์ 9 ส.ค.-“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจชาวสุรินทร์ ประสานคมนาคม นำผู้อพยพกลับบ้านโดยเร็วที่สุด สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด ดูแลประชาชนเป็นอย่างดี ให้ใช้งบเต็มที่ พร้อมประสานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการประปาส่วนภูมิภาค ละเว้นค่าไฟ ค่าน้ำ ในช่วงที่เกิดการปะทะ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนในพื้นที่ เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยจุดแรกเดินทางไปที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ โดยเมื่อเดินทางถึง นายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พร้อมด้วย นายชูชัย มุ่งเจริญพร สส.เขต 2 พรรคเพื่อไทย มาให้การต้อนรับ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรามาด้วยความห่วงใย และทราบดีว่าประชาชนทุกคนมีความยากลำบากในสิ่งที่ไม่ใช่ความผิดของเราเลย เป็นเรื่องที่ส่วนอื่นนอกประเทศ โดยเฉพาะเรื่องที่เป็นคู่ขัดแย้งของเราทำขึ้น สร้างขึ้น และทำให้ประชาชนเดือดร้อน ในขั้นต้น พวกเราทุกคนหน่วยหลัง ได้ทำการดูแลแผนพิทักษ์ส่วนหลังทั้งหมด พยายามดูแลทุกส่วนอย่างเต็มที่ […]

รถไฟด่วนพิเศษ ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์

ประจวบคีรีขันธ์ 9 ส.ค.-รถไฟขบวนรถด่วนพิเศษ ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ช่วงเช้ามืดวันนี้ จนท.นำผู้โดยสารที่บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลแล้ว ขบวนรถสายใต้เดินขบวนรถได้ตามปกติ แต่ล่าช้า เฟซบุ๊กทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย รายงานวันนี้ (9 สิงหาคม 2568) เวลา 05.15 น. เกิดเหตุขบวนรถด่วนพิเศษ ขบวนที่ 38/46 (สุไหงโก-ลก – กรุงเทพอภิวัฒน์) คันที่ 10-12 ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ – เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บ นำตัวส่งโรงพยาบาล– ขนถ่ายผู้โดยสาร คันที่ 10-12 ทางรถยนต์– นำตู้โดยสารที่ไม่ได้ตกราง ทำขบวนต่อถึงสถานีปลายทาง ทั้งนี้ ขบวนรถสายใต้เดินขบวนรถได้ตามปกติ (ล่าช้า) การรถไฟฯ ขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์สายด่วน 1690 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุดังกล่าวมีผู้บาดเจ็บ 9 ราย เป็นพระภิกษุ 1 รูป เด็กหญิง […]