ทำเนียบรัฐบาล 22 ส.ค .-โฆษกรัฐบาล เผย ศบค.จะพิจารณาเรื่องการยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินก่อน 1 ต.ค. ย้ำต้องประเมินสถานการณ์-ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นช่วงเปลี่ยนผ่าน ต้องมั่นใจว่าจะไม่เกิดวิกฤติและความเสียหายในมิติต่างๆ ขึ้นอีก
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมเมื่อวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา ยังไม่ได้พิจารณายกเลิกการประกาศใช้พระราชกำหนดบริหารราชการสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) โดย ศบค. จะมีประเมินสถานการณ์อีกครั้งก่อน เนื่องจากยังเหลือระยะเวลาการประกาศใช้จนถึงสิ้นเดือนกันยายนนี้
“สิ่งสำคัญของการประกาศใช้ พ.ร.ก ฉุกเฉิน เพื่อควบคุมและป้องกันโรคโควิด-19 ที่เกิดขึ้น เพื่อเกิดการบูรณาการการทำงานร่วมกันของทุกหน่วยงานอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ เพื่อทำให้ประชาชนปลอดภัยจากโควิด-19 ไม่ได้มุ่งหวังใช้เพื่อประเด็นอื่น ซึ่งการดำเนินงานที่ผ่านมาได้รับการยอมรับและชื่นชมจากนานาประเทศ ที่สนใจจะมาศึกษาแนวทางการดำเนินงานจากประเทศไทยด้วยซ้ำไป” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
นายอนุชา กล่าวว่า แม้ไม่ได้หารือเรื่องการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ที่ประชุม ศบค. ได้หารือถึงความคืบหน้าการจัดทำกรอบนโยบาย แนวทางปฏิบัติ และห้วงเวลา ในการดำเนินการเปลี่ยนผ่านสู่ภาวะ Post-Pandemic เพื่อการเฝ้าระวัง ป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 หรือเป็นแผนการปรับลดระดับสถานการณ์โควิด-19 จากโรคติดต่ออันตรายเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ภายใต้หลักการ “เพื่อให้ประชาชนอยู่ร่วมกับโควิด-19 อย่างปลอดภัย สามารถดำเนินชีวิตได้ปกติ” โดย ศบค. พิจารณาทั้งการประเมินสถานการณ์และความเสี่ยงด้านการป้องกัน ซึ่งภาพรวมประชาชนในประเทศไทยมากกว่าร้อยละ 90 มีภูมิคุ้มกัน ผู้ฉีดวัคซีน 3 เข็ม ไม่ว่าสูตรใด สามารถป้องกันการป่วยรุนแรงและการเสียชีวิตได้มากกว่าร้อยละ 90 และหลังจากนี้คาดการณ์ว่าโควิด-19 จะมีลักษณะการเกิดโรคในประชากร ซึ่งจะคล้ายคลึงกับการระบาดของไข้หวัดใหญ่ ซึ่งจะพบผู้ป่วยได้ตลอดทั้งปี รวมทั้งด้านการรักษาอาการผู้ป่วย ซึ่งส่วนใหญ่แนวโน้มไม่รุนแรง ยกเว้นในกลุ่มที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อโรครุนแรง และกลุ่ม 608
“ก่อนถึงวันที่ 1 ตุลาคม ศบค. จะประเมินสถานการณ์ และความเสี่ยงที่เกิดขึ้นในช่วงเปลี่ยนผ่าน หลังจากการประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคระบาดที่ต้องเฝ้าระวัง ว่าจะต้องคงกลไกในการควบคุมและบริหารจัดการอะไรไว้บ้าง ซึ่งต้องมั่นใจว่าจะไม่เกิดวิกฤติและความเสียหายในมิติต่างๆ ขึ้นอีก หรือหากเกิดขึ้นต้องแก้ไขได้ทันท่วงที เน้นมีแผนรองรับที่ดี จึงขอให้รอผลการประชุม ศบค. ในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย