สำนักข่าวไทย 4 ม.ค. – คนล้มต้องข้าม… ด้วยปัญหาทางเศรษฐกิจ ทำให้เมื่อปี 59 “ยุทธกานต์ ศรีโย” ชายวัย 46 ปี ที่เวลานั้นทำงานบริษัทใหญ่โต มีตำแหน่งเป็นระดับหัวหน้าต้องถูกให้ออกจากงาน เพราะเป็นคนที่มีเงินเดือนสูง ซ้ำร้ายต้องโดนเจ้าหนี้จากเพื่อนที่ไปค้ำประกันให้ตามทวงหนี้ ทำให้ ยุทธกานต์ ที่เคยใช้ชีวิตแบบได้เงินมาใช้ไป ไม่มีเงินเก็บ เข้าขั้นหมดเนื้อหมดตัว
“หากเขาอยากให้ผมเป็นคนจน ผมก็จะเป็นคนจน เป็นเกษตรกรให้ดู” นี่คือคำพูดของ ยุทธกานต์ หลังนั่งจ้องมองพื้นดินว่างเปล่าขนาด 7 ไร่ที่บ้านเกิดของภรรยา ที่บ้านท่าแร่ ต.ดอนหัน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ในวันที่ชีวิตพนักงานบริษัทของตัวเองสิ้นสุดลง เงินในกระเป๋าแทบไม่เหลือสักบาท และยังมีภรรยาและลูกสาวต้องดูแล
จากนั้น ยุทธกานต์ ได้เริ่มศึกษาวิถีการทำเกษตรจากช่องทางต่างๆอย่างไม่ย่อท้อ ทดลองปลูกพืชผักแต่ละชนิด สำเร็จบ้างล้มเหลวบ้าง เมื่อพอได้เงินก็ขยับขยายไปสู่การเลี้ยงสัตว์ เป็ด ไก่ ขุดบ่อเลี้ยงปลา เศษไม้ที่มีนำมาตอกทีละชิ้นๆ สร้างเป็นบ้านพักอาศัย เป็นการค่อยๆเดินหน้าไปทีละขั้นสู่การเปิดเป็นบ้านนาเคียงอ้อฟาร์ม
ในวันนี้ธุรกิจฟาร์มของยุทธกานต์ กำลังเดินหน้าไปได้อย่างดี พืชผักที่ปลูกขึ้นมาได้ก็สามารถนำเข้าไปขายยังห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ ส่วนตัวเขาเองก็ได้รับการยกย่องจากคนในพื้นที่ให้เป็นปราชญ์ชาวบ้านด้านการปลูกผักอินทรีย์ และเปิดให้ฟาร์มบ้านนาเคียงอ้อฟาร์ม เป็นจุดเรียนรู้แปลงผักครัวเรือนสัมมาชีพชุมชน ถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการปลูกผักของตนเอง ให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่ และสถานศึกษาใกล้เคียง
ยุทธกานต์ เล่าว่า แม้วันนี้รายได้ของตนเองจะยังไม่สูงเทียบเท่าก่อนที่ออกจากงานบริษัท แต่ก็รู้สึกสุขใจที่ได้ใช้ชีวิตในแบบวิถีพอเพียง มีน้อยใช้น้อย หรือวันใดอยากมีมากขึ้นก็ขยันขุดดินเพิ่มขึ้น เป็นชีวิตที่เริ่มมีเงินเก็บ ไม่มีหนี้สิน ค่าใช้จ่ายที่เป็นภาษีทางสังคมน้อยลง และถึงแม้จะยังถูกคนอื่นๆค่อนขอดว่า เป็นเกษตรกร เป็นคนจน แต่ก็ยังปลื้มปริ่มกับชีวิตที่สามารถดูแลครอบครัวได้เป็นอย่างดี