“ชัชชาติ” จับมือ 340 ภาคีเครือข่าย ดันสวัสดิการหนังสือเพื่อเด็กปฐมวัย

กรุงเทพฯ 4 มิ.ย. – “ชัชชาติ” ผู้ว่าฯ กทม. เดินหน้าสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ ย้ำ “การอ่านลงทุนน้อย ได้ผลเยอะ” จับมือ สสส.-สธ.-มหาดไทย 340 ภาคีเครือข่าย ดัน “สวัสดิการหนังสือเพื่อเด็กปฐมวัย” หยุดวิกฤติ Learning Loss พบเด็กไทย 1.1 ล้านครัวเรือน เสี่ยงพัฒนาการล่าช้า


เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2565 ที่โรงแรมรอยัลริเวอร์ กรุงเทพฯ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ กรุงเทพมหานคร (กทม.) กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย และภาคีเครือข่ายสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน กว่า 340 องค์กร อาทิ มูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็ก บริษัท กล้าก้าว อินสไปเรชั่น จำกัด ศูนย์ประสานงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่านในชุมชนท้องถิ่น เครือข่ายอ่านยกกำลังสุข ศูนย์ประสานงานส่งเสริมการอ่านชายแดนใต้ เครือข่ายพลังอ่านชายแดนใต้ เครือข่ายเด็กเท่ากัน เครือข่ายรัฐสวัสดิการ จัดเวทีพัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบาย “สานพลังร่วมหยุดวิกฤติ Learning Loss จากปฏิบัติการทางสังคมสู่ข้อเสนอเชิงนโยบาย” มุ่งเป้าสนับสนุนให้เกิดสวัสดิการหนังสือในเด็กปฐมวัย

รศ.ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กทม. มุ่งทำงานภายใต้แนวคิด “ลงทุนน้อย แต่ได้ผลเยอะ” การสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่านในเด็กปฐมวัย ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ได้ผลลัพธ์มหาศาล ในการนี้ สสส. และภาคีเครือข่าย ผลักดันขับเคลื่อนนโยบายสวัสดิการหนังสือเพื่อเด็กปฐมวัย ทาง กทม.พร้อมรับนโยบายมาส่งเสริมให้เกิดสังคมแห่งการเรียนรู้ ผ่านนโยบาย 3 ข้อ 1. ส่งเสริมให้พ่อแม่ ผู้ปกครองมีหนังสือในบ้าน เพื่อเป็นรากฐานสำคัญให้เด็กอายุ 0-8 ปี ที่มีพัฒนาการเร็ว มีนิสัยรักการอ่าน 2. ส่งเสริมให้ผู้ปกครอง พ่อแม่ มีเวลาอ่านหนังสือให้เด็กฟัง โดยฝึกให้พ่อแม่มีบทบาทในการฝึกลูกเรื่องการอ่านมากขึ้น 3. จัดทรัพยากรหนังสือเพื่อเด็ก อาทิ โครงการหนังสือ 100 เล่ม แนะนำให้เด็กอ่าน จัดตั้งศูนย์กลางห้องสมุด 36 แห่ง พัฒนาบ้านหนังสือในชุมชน 117 แห่ง ช่วยคนรายได้น้อยเข้าถึงหนังสือ 3-5 เล่ม ต่อ 1 บ้าน ใช้เป็นศูนย์แลกเปลี่ยนหมุนเวียนหนังสือ พร้อมมีจิตอาสาหมุนเวียนมาอ่านหนังสือให้เด็กฟัง ถือเป็นการลงทุนน้อย แต่ได้ผลเยอะ สร้างเด็กปฐมวัยมีคุณภาพ ได้รับการพัฒนาการที่ดี ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความก้าวหน้าในชีวิตและสังคมไทย


“กทม.ขอรับนโยบาย สสส. และภาคีเครือข่าย ในการผลักดันให้เด็กทุกคนเข้าถึงสวัสดิการหนังสือเด็กปฐมวัย โดย กทม.จะขับเคลื่อนอย่างจริงจัง เพราะการอ่านหนังสือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า คือ ลงทุนน้อยแต่ได้เยอะ” รศ.ดร.ชัชชาติ กล่าว

นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การอ่านมีผลต่อพัฒนาการเด็กปฐมวัย เด็กสามารถเรียนรู้จากการฟังและดูจากพ่อแม่เล่าหรืออ่าน นอกจากทำให้เกิดความผูกพันระหว่างคนในครอบครัว หนังสือยังทำให้เด็กเกิดจินตนาการ ทักษะพื้นฐานของการรู้จักคิด เรียนรู้ เมื่อเข้าสู่วัยเรียนจะมีผลเชิงบวก ทั้งด้านภาษา คำนวณ ทำให้มีแนวโน้มทางการเรียนที่ดี ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการสร้างความร่วมมือเพื่อผลักดันให้เกิดโอกาสการเข้าถึงสวัสดิการหนังสือที่เหมาะสมกับเด็กปฐมวัย จัดตั้งมุมหนังสือสำหรับเด็ก และจัดหาหนังสือที่เหมาะสมกับวัยในสถานที่ต่างๆ รวมถึงห้องสมุดเคลื่อนที่ ให้บริการยืมและแลกเปลี่ยนหนังสือ เพื่อให้เด็กมีนิสัยรักการอ่าน

“ข้อแนะนำสำหรับพ่อแม่ สร้างนิสัยรักการอ่านให้กับลูก 7 ข้อ 1. อ่านหนังสือหรือเล่านิทาน โดยแนะนำให้ลูกรู้จักตัวละครในหนังสือ พร้อมตอบคำถาม 2. พาลูกไปเลือกซื้อหนังสือที่สนใจ 3. ทำกิจกรรมร่วมกับโรงเรียน เช่น จัดชมรมนักอ่าน จัดห้องสมุดโรงเรียน เป็นวิทยากรอ่านหนังสือให้เด็กฟัง 4. ชวนลูกทำอาหารจากหนังสือหรือตำราอาหารเด็ก 5. ให้ลูกฝึกค้นหาคำตอบจากหนังสือสารานุกรมเด็ก 6. อ่านหนังสือทุกวัน เลือกที่เหมาะสมตามวัย มีภาพประกอบสีสันสวยงาม มีเนื้อหาเข้าใจง่าย และภาษาไพเราะ 7. ให้หนังสือเป็นของขวัญสำหรับลูกในวันสำคัญต่างๆ” นพ.สุวรรณชัย กล่าว


นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทย มีนโยบายให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างน้อย 1 แห่ง ต้องมีห้องสมุดศูนย์กลาง จึงได้ร่วมกับแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สสส. ริเริ่มโครงการ “ท้องถิ่นรักษ์การอ่าน” ปรับศาลากลางบ้าน วัด ส่วนของพื้นที่ราชการท้องถิ่น หรือบ้านของจิตอาสา เป็นพื้นที่อ่านหนังสือ แบ่งปันหนังสือของคนในชุมชน จำนวน 9,102 แห่ง พร้อมผลักดันนโยบายศูนย์พัฒนาเด็กเล็กขององค์กรในท้องถิ่น ให้มีมุมอ่านหนังสือ มีกิจกรรมเล่านิทาน สนับสนุนให้ผู้ปกครองอ่านหนังสือให้ลูกฟังอย่างน้อย 5-10 นาที/วัน ส่งผลให้เกิดวัฒนธรรมการอ่านสู่สังคมการเรียนรู้วงกว้างในระยะเวลาที่รวดเร็ว

นางญาณี รัชต์บริรักษ์ รักษาการผู้อำนวยการสำนักสร้างเสริมระบบสื่อและสุขภาวะทางปัญญา สสส. กล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 เด็กส่วนใหญ่ไม่สามารถไปโรงเรียนเพื่อเรียนรู้ทักษะทางสังคมได้เต็มที่ ประกอบกับข้อมูลการเข้าถึงหนังสือ โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบเด็กเล็กไม่มีหนังสือในบ้านกว่า 1.1 ล้านครัวเรือน เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจ สะท้อนแนวโน้มที่อาจเพิ่มขึ้นของภาวะการเรียนรู้ถดถอยในเด็ก สสส. เร่งสร้างความร่วมมือกับภาคีเครือข่าย พัฒนาแนวทางการส่งเสริมวัฒนธรรมการอ่านตั้งแต่เด็กปฐมวัย อายุ 0-6 ปี ริเริ่มโครงการปิดเทอมสร้างสรรค์ชวนกันอ่านสร้างสุข โครงการคัดสรร 108 หนังสือดี เปิดหน้าต่างแห่งโอกาสในการพัฒนาเด็กปฐมวัย โครงการนครแห่งการอ่าน โครงการอ่านยาใจ : สร้างภูมิคุ้มใจเด็กปฐมวัย มุ่งขยายผลขับเคลื่อนงานสุขภาวะทางปัญญา สร้างครอบครัวอบอุ่น ชุมชนเข้มแข็ง ร่วมแก้วิกฤติพัฒนาการภาษาล่าช้า ลดภาวะถดถอยการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย

“การจัดกิจกรรมครั้งนี้ มุ่งเน้นการขับเคลื่อนปฏิบัติการทางสังคมด้วยการเสริมสร้าง เชื่อมโยง และเสริมพลังเครือข่าย เพื่อให้เกิดกลไกการทำงาน ทั้งกลไกด้านสุขภาพ ภาควิชาการท้องถิ่น และภาคนโยบาย เช่น สวัสดิการสำหรับแม่ตั้งครรภ์และเด็กตั้งแต่แรกเกิด ที่สร้างโอกาสการเข้าถึงหนังสือคุณภาพและสวัสดิการหนังสือเด็กปฐมวัย เพื่อวางรากฐานการอ่านที่เป็นทักษะสำคัญของการแสวงหาความรู้ได้ด้วยตัวเองตลอดชีวิต” นางญาณี กล่าว

นางสุดใจ พรหมเกิด ผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สสส. กล่าวว่า แผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สสส. และภาคีเครือข่าย ร่วมขับเคลื่อนงานส่งเสริมการอ่าน เพื่อนำไปสู่วัฒนธรรมใหม่ของสังคมไทย ที่มีกระบวนการสร้างสุขภาวะและศักยภาพของเด็กปฐมวัย เป็นยุทธศาสตร์สำคัญและเร่งด่วนในสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งต้องทำงานคู่ขนานระหว่างการขับเคลื่อนปฏิบัติการทางสังคมและภาคนโยบาย เพื่อขยายผลครอบคลุมทั้งประเทศ ที่ผ่านมาได้จัดเวทีสาธารณะทั่วทุกภูมิภาค 5 ครั้ง เพื่อให้เกิดข้อเสนอสำคัญนำยื่นต่อประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคมและกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา เพื่อนำไปสู่มติคณะรัฐมนตรีต่อไป ภายในปี 2565 ทั้งนี้ สามารถติดตามข้อมูลได้ทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ “อ่านยกกำลังสุข” – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

รวบแล้ว “เสือปุ่น” หัวหน้าแก๊งปล้นเงิน 3.4 ล้าน กลางห้างดัง

กรุงเทพฯ 18 ก.ค. – สืบนครบาลจับ “เสือปุ่น” หัวหน้าแก๊งปล้นเงิน 3.4 ล้าน กลางห้างดัง พร้อมสมุน หลังหนีซุกบ้านเช่าย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี เร่งล่าอีก 1 ยังหลบหนี กรณีคนร้าย 7 คน แก๊งเสือปุ่น ใช้อาวุธปืนและมีด ก่อเหตุปล้นเงินสด 3.4 ล้านบาท จากผู้มาซื้อคริปโตฯ เหตุเกิดที่ลานจอดรถชั้น 1 ห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง เมื่อคืนวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ความคืบหน้าล่าสุด พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบก.สส.บช.น.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น.) และตำรวจ บก.สส.บช.น. ร่วมกันจับกุม นายวรวัฒน์ หรือ เสือปุ่น อายุ 43 ปี […]

เดินหน้าเอาผิดหญิงกัมพูชาชี้หน้าด่าไล่ทหารไทย

18 ก.ค. – ปกติคดีทำร้ายร่างกายและจิตใจ ไม่ใช่คดีใหญ่ แต่เมื่อเป็นคู่กรณีไทย-กัมพูชา ในสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดน จึงกลายเป็นคดีระดับประเทศที่ผู้บังคับบัญชาให้ความสำคัญ และดำเนินการอย่างรัดกุม ทั้งคดีอดีตทหารพรานทำร้ายร่างกายทหารกัมพูชา และคดีหญิงกัมพูชา ชี้หน้าด่าไล่ทหารไทยบริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์.-สำนักข่าวไทย

ไทยเตรียมประท้วง UN หากทุ่นระเบิดเป็นของใหม่

18 ก.ค. – แม่ทัพภาค 2 ลั่นรอผลตรวจสอบกับระเบิดทำทหารไทยขาขาด หากเป็นของใหม่ จะเสนอประท้วงไปยังยูเอ็น ขอให้มีมาตรการคว่ำบาตรกัมพูชา ทำผิดอนุสัญญาออตตาวา กรณีทหารเหยียบกับระเบิด บนเนินช่องบก จ.อุบลราชธานี คาดว่าไม่เกิน 2 วัน จะชัดเจนว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่หรือของเก่า แต่มีคำยืนยันว่าไทยไม่เพิกเฉยเรื่องนี้แน่นอน พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 บอกว่า หากผลพิสูจน์ชัดเจนว่า ทุ่นระเบิดเป็นของใหม่ จะใช้กลไกกองทัพบกประสานต่อกระทรวงต่างประเทศ ให้ยื่นประท้วงกัมพูชาต่อองค์การสหประชาชาติ เพื่อดำเนินการคว่ำบาตรกัมพูชา ตามสนธิสัญญาออตตาวา ห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งไทยและกัมพูชาก็เป็นสมาชิกที่มีเกือบ 200 ประเทศทั่วโลก ส่วนมาตรการตอบโต้อย่างอื่น ยังบอกไม่ได้ สำหรับบริเวณช่องบก จุดเกิดเหตุระเบิดจนทำให้กำลังพลบาดเจ็บ 3 นาย จุดนั้น เป็นพื้นที่สู้รบเก่าที่สามารถพบทุ่นระเบิดเก่าได้ ซึ่งวันนี้ ทางชุดเก็บกู้ทุ่นระเบิดแห่งชาติ ที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านกับระเบิดซึ่งทั่วโลกยอมรับ ได้ลงพื้นที่พิสูจน์ มีแนวโน้มเป็นไปได้ทั้งนำมาวางไว้ก่อน หรือหลังเหตุปะทะที่ช่องบก เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา ส่วนในพื้นที่ ได้กำชับกำลังพลทุกนายให้เฝ้าระวังมากยิ่งขึ้น แม่ทัพภาคที่ 2 ยังพูดถึงประเด็นดราม่า […]

บ้านดอนตัน กว่า 100 หลังคาเรือน ยังจมน้ำ

น่าน 18 ก.ค. – “บ้านดอนตัน” จ.น่าน กว่า 100 หลังคาเรือน ยังคงจมน้ำ น้ำใจหลั่งไหลเข้าช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย รวมทั้งเยาวชนฝีพายเรือแข่งอำเภอท่าวังผา ขนน้ำดื่มลงเรือแจกจ่ายช่วยชาวบ้าน สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.น่าน ยังน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะที่บ้านดอนตัน หมู่ 4 ต.ศรีภูมิ อ.ท่าวังผา ชาวบ้านกว่าร้อยหลังคาเรือนยังอาศัยอยู่ท่ามกลางน้ำท่วมขัง ระดับน้ำในพื้นที่สูงกว่า 1 เมตร ประชาชนต้องย้ายสิ่งของขึ้นชั้น 2 เพื่อความปลอดภัย ส่วนผู้อาศัยอยู่ในบ้านชั้นเดียว ต้องอพยพไปพักอยู่กับญาติในพื้นที่ใกล้เคียง หลายหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชนและจิตอาสา ระดมกำลังเข้าช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วน โดยจัดส่งอาหาร น้ำดื่มและสิ่งของจำเป็น โดยเฉพาะเยาวชนฝีพายเรือแข่งจากบ้านสบหนอง อำเภอท่าวังผา นำเรือออกให้ความช่วยเหลือในการขนส่งน้ำดื่มและอาหารไปยังบ้านที่ถูกน้ำล้อม เพื่อส่งต่อถึงผู้ประสบภัยที่ยังติดอยู่ในบ้าน ผู้ใหญ่บ้านดอนตัน เปิดเผยว่า ขณะนี้ระดับน้ำเริ่มทรงตัวและ มีแนวโน้มลดลง แต่บริเวณท้ายหมู่บ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำและอยู่ติดแม่น้ำยังคงมีน้ำท่วมสูง โดยเฉพาะในพื้นที่การเกษตรที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ทั้งไร่ข้าวโพดและลำไย รวมกว่า 2,000 ไร่ ถูกน้ำท่วมเสียหายทั้งหมด ขณะที่หมู่บ้านใกล้เคียงในพื้นที่ ต.ป่าคา อ.ท่าวังผา ได้แก่ […]