ชัวร์ก่อนแชร์: FDA ปกปิดความปลอดภัยวัคซีน Pfizer พบฉีดแล้วตายนับพัน จริงหรือ?

26 เมษายน 2565
ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย: Factcheck.org / Science Feedback (สหรัฐอเมริกา)
แปลและเรียบเรียงบทความโดย: พีรพล อนุตรโสตถิ์, อดิศร สุขสมอรรถ


ประเภทข่าวปลอม: ทำให้เข้าใจผิด

บทสรุป:


1.การเสียชีวิตและอาการข้างเคียงจากวัคซีน Pfizer ที่เปิดเผยจาก FDA เป็นรายงานเบื้องต้นซึ่งยังไม่ยืนยันว่ามีสาเหตุจากวัคซีนหรือไม่
2.อาการข้างเคียงจากวัคซีน 1,291 รายการ เป็นรายชื่ออาการไม่พึงประสงค์ที่อาจจะเกิดจากการใช้วัคซีน ไม่ใช่อาการข้างเคียงหลังจากฉีดวัคซีนทั้งหมดตามที่กล่าวอ้าง

3.ความล่าช้าในการเปิดเผยข้อมูลของ FDA เนื่องจากมีเอกสารให้ตรวจสอบกว่า 329,000 หน้า FDA ไม่มีเจตนาปกปิดข้อมูล

ข้อมูลที่ถูกแชร์:


มีข้อมูลบิดเบือนเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ในสหรัฐอเมริกา โดยอ้างว่าองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) พยายามปกปิดปัญหาความปลอดภัยของวัคซีนโควิด 19 จากบริษัท Pfizer-BioNTech โดยข้อมูลบางส่วนที่เปิดเผยออกมา ระบุว่าวัคซีนโควิด 19 ของ Pfizer ทำให้ผู้รับวัคซีนเสียชีวิตถึง 1,223 คน และมีการระบุรายชื่ออาการข้างเคียงจากวัคซีนถึง 1,291 รายการ ทำให้กลุ่มต่อต้านวัคซีนนำประเด็นดังกล่าวไปโจมตีความปลอดภัยของวัคซีนอย่างแพร่หลาย

FACT CHECK: ตรวจสอบข้อเท็จจริง:

เมื่อองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) ให้การรับรองแบบเต็มรูปแบบแก่วัคซีนโควิด 19 ของบริษัท Pfizer-BioNTech ไปเมื่อวันที่ 23 สิงหาคมปี 2021 ข้อมูลการขึ้นทะเบียนชีววัตถุหรือ Biologics license application (BLA) ยังคงถูกเก็บเป็นความลับและไม่เปิดเผยต่อสาธารณชน จนกระทั่งศูนย์วิจัยและประเมินผลทางชีววิทยา (CBER) ของ FDA ได้นำข้อมูลส่วนหนึ่งมาเปิดเผยต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 มีนาคมปี 2022 ที่ผ่านมา

เนื้อหาที่นำมาเปิดเผย ได้แก่ข้อมูลด้านการตรวจสอบความปลอดภัยของวัคซีน Pfizer ในช่วง 3 เดือนแรกหลังวัคซีนได้รับการอนุมัติแบบฉุกเฉิน ซึ่งเป็นเอกสารจำนวน 38 หน้า และรายชื่ออาการไม่พึงประสงค์ที่ต้องเฝ้าระวังจากการใช้วัคซีน Pfizer จำนวน 9 หน้า

รายงานระบุว่า ในระหว่างเดือนธันวาคมปี 2020 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ปี 2021 มีรายงานอาการไม่พึงประสงค์จากผู้รับวัคซีน Pfizer ใน 63 ประเทศทั่วโลกจำนวน 42,086 ครั้ง และมีรายงานการเสียชีวิตหลังฉีดวัคซีน Pfizer ทั่วโลกจำนวน 1,223 ครั้ง โดยข้อมูลไม่ได้ระบุว่า ยอดการฉีดวัคซีนทั้งหมดเป็นจำนวนเท่าใด

การเปิดเผยดังกล่าว ส่งผลให้กลุ่มต่อต้านวัคซีน ทั้งองค์กร Children’s Health Defense ของ โรเบิร์ต เอฟ เคนเนดี้, ยูทูเบอร์ จอห์น แคมป์เบล, ผู้ประกาศข่าว ลิซ เวลเลอร์ รวมถึงหนังสือพิมพ์และสื่อออนไลน์ที่มีแนวคิดต่อต้านวัคซีน นำประเด็นดังกล่าวไปโจมตีความปลอดภัยของวัคซีนโควิด 19 ของ Pfizer อย่างแพร่หลาย

อย่างไรก็ดี เอกสารดังกล่าวไม่อาจใช้เป็นข้อมูลโจมตีความปลอดภัยของวัคซีนได้ เนื่องจากข้อมูลนำมาจากระบบรายงานเหตุการณ์อันไม่พึงประสงค์จากวัคซีนในประเทศต่างๆ เช่น VAERS ของสหรัฐอเมริกา และ Yellow Card Scheme ของสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นรายงานอาการไม่พึงประสงค์เบื้องต้น ที่ยังไม่อาจพิสูจน์ได้ว่าการเสียชีวิตหรืออาการไม่พึงประสงค์เป็นผลจากวัคซีนโดยตรงหรือไม่

ยังมีการอ้างว่า อาการข้างเคียงจากวัคซีนจำนวน 1,291 รายการ ที่ระบุเอาไว้ในเอกสารแบบเรียงตามตัวอักษร คือเหตุผลให้เชื่อว่าวัคซีนโควิด 19 ของ Pfizer ไม่มีความปลอดภัย แต่ ดร.พอล เบนนิงเจอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการประเมินเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย Tufts University ชี้แจงว่า รายการดังกล่าวเป็นรายชื่ออาการไม่พึงประสงค์ที่อาจเกิดจากการใช้วัคซีน ซึ่งทาง Pfizer เฝ้าติดตามและให้ความสนใจเป็นพิเศษ ไม่ใช่อาการข้างเคียงหลังจากฉีดวัคซีนทั้งหมดตามที่กล่าวอ้าง ดร.พอล เบนนิงเจอร์ยังให้ความเห็นว่า รายงานอาการข้างเคียงจะต้องนำเสนอในรูปแบบของบทความวิเคราะห์ ไม่ใช่การนำเสนอข้อมูลแบบเรียงรายชื่อตามตัวอักษรเช่นนี้

ส่วนข้ออ้างที่ว่าองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) พยายามปกปิดปัญหาด้านความปลอดภัยของวัคซีนโควิด 19 บริษัท Pfizer-BioNTech ก็ไม่เป็นความจริง เพราะความล่าช้าในการเปิดเผยข้อมูลมาจากความไม่พร้อมของ FDA ในการรับมือกับข้อมูลจำนวนมหาศาลของบริษัท Pfizer จนถูก Public Health and Medical Professionals for Transparency Documents (PHMPT) หน่ายงานที่ตรวจสอบความโปร่งใสของบุคลากรและหน่วยงานด้านสาธารณสุข ทำการกดดันให้ FDA เร่งเปิดเผยข้อมูลของวัคซีนแก่สาธารณชน

PHMPT อ้างกฎหมายเสรีภาพด้านข้อมูลข่าวสาร (FOIA) เพื่อเรียกร้องให้ FDA เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีนโควิด 19 จากบริษัท Pfizer-BioNTech ต่อสาธารณชนทั้งหมด หลังจาก FDA ให้การรับรองแบบเต็มรูปแบบกับวัคซีนของ Pfizer ได้เพียง 4 วัน

แต่การที่เอกสารทั้งหมดมีจำนวนรวมกันกว่า 329,000 หน้า จึงต้องใช้เวลาอย่างมากในการตรวจสอบแก้ไขข้อมูลเพื่อการนำเสนอต่อสาธารณชน โดย PHMPT เรียกร้องให้ FDA เปิดเผยเอกสารจำนวน 80,000 หน้าต่อเดือน แต่ทาง FDA ยืนยันว่าสามารถเปิดเผยเอกสารได้เพียง 500 หน้าต่อเดือน เนื่องจากมีพนักงานตรวจสอบไม่เพียงพอ และยังต้องแบ่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบเอกสารอื่นๆ อีกด้วย

PHMPT ประเมินว่า หาก FDA เปิดเผยเอกสาร 500 หน้าต่อเดือน จำเป็นต้องใช้เวลาถึง 55 ปีกว่าเอกสารทั้งหมดจะเผยแพร่สู่สาธารณชนอย่างสมบูรณ์ PHMPT จึงตัดสินใจยืนคำร้องต่อศาลของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ เมื่อเดือนกันยายนปี 2021

โดยวันที่ 6 มกราคมปี 2022 ศาลในเขตนอร์ธ เท็กซัส พิจารณาว่า แม้การเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดในเวลาอันสั้นจะเป็นภาระที่ยากลำบาก แต่ข้อมูลเหล่านี้มีความสำคัญต่อสาธารณชนอย่างยิ่งยวด จึงมีคำสั่งให้ FDA เปิดเผยเอกสารเป็นงวดๆ เดือนละ 55,000 หน้า ซึ่งคาดว่าเอกสารทั้งหมดจะได้รับการเปิดเผยต่อสาธารณชนในช่วงฤดูร้อนที่จะถึงนี้

ดร.พอล เบนนิงเจอร์ วิจารณ์ท่าทีของ FDA ว่าทำตัวอยู่เหนือความขัดแย้งท่ามกลางกระแสกดดันของกลุ่มต่อต้านวัคซีนโควิด 19 และคิดว่า FDA ควรมีแนวทางดำเนินงานที่เน้นความโปร่งใสขององค์กรมากกว่านี้

ทันทีที่ PHMPT นำข้อมูลวัคซีนโควิด 19 ของ Pfizer จาก FDA ไปโพสต์ทางเว็บไซต์ ก็มีการนำข้อมูลดังกล่าวไปบิดเบือนกลายเป็นข่าวปลอมที่เผยแพร่ทางโลกออนไลน์ในเวลาต่อมาอย่างแพร่หลาย

แม้ PHMPT จะได้ชื่อว่าเป็นหน่วยงานที่ประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์จากหลายวงการ แต่สมาชิกบางรายก็ได้รับการจับตาเรื่องการเผยแพร่ข่าวปลอมเกี่ยวกับวัคซีนโควิด 19 อย่างต่อเนื่อง ทั้ง ดร.ไรอัน โคล นักพยาธิวิทยาผู้อ้างโดยไม่มีหลักฐานยืนยันว่าวัคซีนโควิด 19 ทำให้ป่วยเป็นมะเร็ง และ ดร.สเตลลา อิมมานูเอล ผู้สนับสนุนการใช้ยา Hydroxychloroquine รักษาผู้ป่วยโควิด 19 ก็เคยอ้างว่ามียาบางชนิดผลิตจาก DNA ของมนุษย์ต่างดาว

ข้อมูลอ้างอิง:

https://www.factcheck.org/2022/03/scicheck-posts-misinterpret-pfizer-covid-19-vaccine-safety-monitoring-document/
https://healthfeedback.org/claimreview/pfizers-confidential-document-shows-adverse-events-reported-following-vaccination-it-doesnt-demonstrate-vaccine-caused-events-or-is-unsafe/

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

กระเช้าหลุด ช่างทาสีร่วงตึก 5 ชั้น ตาย 1 สาหัส 1

พัทลุง 2 ส.ค. – เกิดเหตุสลด กระเช้าปลายบูมหลุดจากเครน ช่างทาสีร่วงจากตึก 5 ชั้น เสียชีวิต 1 เจ็บสาหัส 1 ที่ไซต์งานก่อสร้างอาคารเรียน จ.พัทลุง เกิดเหตุสลดกลางไซต์งานก่อสร้างอาคารเรียนแห่งหนึ่ง ในตำบลควนมะพร้าว อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง เมื่อกระเช้าที่ผูกติดกับหัวเครนเกิดหัก หลุดจากตึกสูง 5 ชั้น ส่งผลให้ช่างทาสี 2 คน ที่อยู่บนกระเช้าร่วงตกลงกระแทกพื้น เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตทันที 1 คน คือ นายธวัชชัย อายุ 36 ปี และนายชุติเดช อายุ 43 ปี บาดเจ็บสาหัส ขาทั้งสองข้างหักละเอียด แขนซ้ายหักผิดรูป เจ้าหน้าที่เร่งให้การช่วยเหลือก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลพัทลุงอย่างเร่งด่วน ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า คนงานทั้ง 2 เป็นช่างทาสี ได้ขึ้นกระเช้าเหล็กเพื่อขึ้นไปทาสีบริเวณชั้น 5 ของอาคาร ซึ่งมีความสูงประมาณ 26 เมตร แต่ด้วยน้ำหนักของคนงานทั้งสองคน […]

รัฐบาลรุกหนักในทุกเวทีระดับโลก..เดินหน้าสื่อสารข้อเท็จจริง

ทำเนียบ 2 ส.ค.-รัฐบาลรุกหนักในทุกเวทีระดับโลก..เดินหน้าสื่อสารข้อเท็จจริง ด้วยพยานหลักฐานทุกมิติ ต่อประชาคมโลกผ่าน OSCE-เวทีระดับสูงด้านความมั่นคงของยุโรป ยืนยันหลักสันติวิธี ยึดกฎหมายระหว่างประเทศ และตอกย้ำว่าการปกป้องประชาชนจากการโจมตีของฝ่ายกัมพูชาเป็นสิทธิโดยชอบตามกฎหมายสากล พร้อมใช้โอกาสนี้ขยายความร่วมมือด้านความมั่นคงในระดับภูมิภาคอย่างเป็นรูปธรรม นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการ ศบ.ทก. เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้าบทบาทของประเทศไทย ในเวทีระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อสื่อสารข้อเท็จจริงและแสดงท่าทีอย่างตรงไปตรงมาต่อสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ถึงวานนี้ (1 สิงหาคม 2568) ที่ผ่านมา ไทยได้เข้าร่วมการประชุม Helsinki+50 ในกรอบองค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (Organization for Security and Co-operation in Europe: OSCE) ณ กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ โดยมี นางครองขนิษฐ รักษ์เจริญ อธิบดีกรมยุโรป เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม โดยในช่วงของการกล่าวถ้อยแถลง หัวหน้าคณะผู้แทนไทย ได้ย้ำท่าทีของไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ว่า “ไทยยึดมั่นในกฎบัตรสหประชาชาติ หลักมนุษยธรรมสากล และหลักการของ Helsinki Final […]

EOD เก็บกู้ระเบิดฝังอยู่ใกล้ปั๊มที่ถูกกัมพูชายิงใส่

ศรีสะเกษ 2 ส.ค. – เจ้าหน้าที่ EOD ทำลายหัวระเบิด HE ของจรวด BM 21 ที่ฝังอยู่บนถนนกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ใกล้กับปั๊มน้ำมันที่ถูกกัมพูชายิงใส่ร้านสะดวกซื้อ ตั้งแต่เวลา 14.00 น. ที่ผ่านมา ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด หรือ EOD เริ่มเตรียมความพร้อมเพื่อทำลายระเบิดที่ฝังอยู่ในถนน บ้านน้ำเย็น-บ้านผือ ฝั่งมุ่งหน้าเขาพระวิหาร ในพื้นที่ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นระเบิดที่ฝั่งกัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือน โดยจุดที่ระเบิดถูกฝังบนถนนอยู่ห่างจากปั๊ม ปตท. บ้านผือ ไม่ถึง 1 กิโลเมตร เป็นระเบิดที่ถูกยิงมาในวันที่ 24 กรกฎาคม พร้อมกับเหตุการณ์ยิงกัมพูชายิงจรวดใส่ร้านสะดวกซื้อภายในปั๊ม จนมีผู้เสียชีวิต 8 ราย เจ้าหน้าที่ได้นำกระสอบทรายมาทำเป็นบังเกอร์ล้อมรอบจุดที่ระเบิดฝังอยู่ในถนน เจ้าหน้าที่ชุดจากตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ ตำรวจ ตชด.ที่ 22 อุบลราชธานี และเจ้าหน้าที่จากศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ศูนย์บัญชาการทางทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย หรือ TMAC โดยมีการปิดถนนรัศมี 1 กิโลเมตร […]

กองทัพภาคที่ 2 แชร์ข้อมูลอาวุธไฮเทคสำหรับยิงโดรน

นครราชสีมา 2 ส.ค.-กองทัพภาคที่ 2 แชร์ข้อมูลอาวุธสำหรับกำจัดโดรนโดยเฉพาะ ซึ่งล่าสุดได้ทดสอบระบบ ณ กองบิน 1 ศูนย์ทดสอบอาวุธทางอากาศ เรียบร้อยแล้ว ด้านชาวอุดรธานี แห่บริจาคหนังสติ๊กพร้อมลูกแก้ว ตามที่ทหารขอมาจำนวนมาก หลังทหารกัมพูชายังก่อกวน ยั่วยุ ทั้งขว้างก้อนหินใส่ และมีโดรนปริศนามาบินอีก จากกรณีที่ช่วงนี้ มีการตรวจพบโดรนไม่ทราบฝ่าย เข้ามาบินตรวจการณ์ในพื้นที่ที่ตั้งทางทหาร ทำให้หลายฝ่ายมีความกังวล และสงสัยว่าอาจเป็นภัยคุกคามร้ายแรงจากประเทศเพื่อบ้าน ที่กำลังมีปัญหาระหว่างประเทศกับประเทศไทย ทำให้เมื่อวานเพจกองทัพภาคที่ 2 ได้แชร์ข้อมูลอาวุธสำหรับกำจัดโดรนโดยเฉพาะ ซึ่งล่าสุดได้มีการทดสอบระบบ ณ กองบิน 1 ศูนย์ทดสอบอาวุธทางอากาศ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเมื่อวานนี้ (1 ส.ค.68) เฟซบุ๊กเพจ กองทัพภาคที่2 ได้แชร์ข้อมูลเพจ SMART Soldiers Strong ARMY พร้อมระบุข้อความว่า “หากศัตรูซ่อนตัวในเงามืด เราจะเป็นแสงที่มองเห็นมันก่อนใคร”เลเซอร์พร้อมยิง — ทหารไทยพร้อมรบโดยอาวุธชนิดนี้ คือ Directed Energy Weapon หรือ (DEW) เป็นอาวุธยุคใหม่ที่กองทัพอากาศไทยพัฒนาขีดความสามารถอย่างต่อเนื่อง […]