ชัวร์ก่อนแชร์: FDA ปกปิดความปลอดภัยวัคซีน Pfizer พบฉีดแล้วตายนับพัน จริงหรือ?

26 เมษายน 2565
ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย: Factcheck.org / Science Feedback (สหรัฐอเมริกา)
แปลและเรียบเรียงบทความโดย: พีรพล อนุตรโสตถิ์, อดิศร สุขสมอรรถ


ประเภทข่าวปลอม: ทำให้เข้าใจผิด

บทสรุป:


1.การเสียชีวิตและอาการข้างเคียงจากวัคซีน Pfizer ที่เปิดเผยจาก FDA เป็นรายงานเบื้องต้นซึ่งยังไม่ยืนยันว่ามีสาเหตุจากวัคซีนหรือไม่
2.อาการข้างเคียงจากวัคซีน 1,291 รายการ เป็นรายชื่ออาการไม่พึงประสงค์ที่อาจจะเกิดจากการใช้วัคซีน ไม่ใช่อาการข้างเคียงหลังจากฉีดวัคซีนทั้งหมดตามที่กล่าวอ้าง

3.ความล่าช้าในการเปิดเผยข้อมูลของ FDA เนื่องจากมีเอกสารให้ตรวจสอบกว่า 329,000 หน้า FDA ไม่มีเจตนาปกปิดข้อมูล

ข้อมูลที่ถูกแชร์:


มีข้อมูลบิดเบือนเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ในสหรัฐอเมริกา โดยอ้างว่าองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) พยายามปกปิดปัญหาความปลอดภัยของวัคซีนโควิด 19 จากบริษัท Pfizer-BioNTech โดยข้อมูลบางส่วนที่เปิดเผยออกมา ระบุว่าวัคซีนโควิด 19 ของ Pfizer ทำให้ผู้รับวัคซีนเสียชีวิตถึง 1,223 คน และมีการระบุรายชื่ออาการข้างเคียงจากวัคซีนถึง 1,291 รายการ ทำให้กลุ่มต่อต้านวัคซีนนำประเด็นดังกล่าวไปโจมตีความปลอดภัยของวัคซีนอย่างแพร่หลาย

FACT CHECK: ตรวจสอบข้อเท็จจริง:

เมื่อองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) ให้การรับรองแบบเต็มรูปแบบแก่วัคซีนโควิด 19 ของบริษัท Pfizer-BioNTech ไปเมื่อวันที่ 23 สิงหาคมปี 2021 ข้อมูลการขึ้นทะเบียนชีววัตถุหรือ Biologics license application (BLA) ยังคงถูกเก็บเป็นความลับและไม่เปิดเผยต่อสาธารณชน จนกระทั่งศูนย์วิจัยและประเมินผลทางชีววิทยา (CBER) ของ FDA ได้นำข้อมูลส่วนหนึ่งมาเปิดเผยต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 มีนาคมปี 2022 ที่ผ่านมา

เนื้อหาที่นำมาเปิดเผย ได้แก่ข้อมูลด้านการตรวจสอบความปลอดภัยของวัคซีน Pfizer ในช่วง 3 เดือนแรกหลังวัคซีนได้รับการอนุมัติแบบฉุกเฉิน ซึ่งเป็นเอกสารจำนวน 38 หน้า และรายชื่ออาการไม่พึงประสงค์ที่ต้องเฝ้าระวังจากการใช้วัคซีน Pfizer จำนวน 9 หน้า

รายงานระบุว่า ในระหว่างเดือนธันวาคมปี 2020 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ปี 2021 มีรายงานอาการไม่พึงประสงค์จากผู้รับวัคซีน Pfizer ใน 63 ประเทศทั่วโลกจำนวน 42,086 ครั้ง และมีรายงานการเสียชีวิตหลังฉีดวัคซีน Pfizer ทั่วโลกจำนวน 1,223 ครั้ง โดยข้อมูลไม่ได้ระบุว่า ยอดการฉีดวัคซีนทั้งหมดเป็นจำนวนเท่าใด

การเปิดเผยดังกล่าว ส่งผลให้กลุ่มต่อต้านวัคซีน ทั้งองค์กร Children’s Health Defense ของ โรเบิร์ต เอฟ เคนเนดี้, ยูทูเบอร์ จอห์น แคมป์เบล, ผู้ประกาศข่าว ลิซ เวลเลอร์ รวมถึงหนังสือพิมพ์และสื่อออนไลน์ที่มีแนวคิดต่อต้านวัคซีน นำประเด็นดังกล่าวไปโจมตีความปลอดภัยของวัคซีนโควิด 19 ของ Pfizer อย่างแพร่หลาย

อย่างไรก็ดี เอกสารดังกล่าวไม่อาจใช้เป็นข้อมูลโจมตีความปลอดภัยของวัคซีนได้ เนื่องจากข้อมูลนำมาจากระบบรายงานเหตุการณ์อันไม่พึงประสงค์จากวัคซีนในประเทศต่างๆ เช่น VAERS ของสหรัฐอเมริกา และ Yellow Card Scheme ของสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นรายงานอาการไม่พึงประสงค์เบื้องต้น ที่ยังไม่อาจพิสูจน์ได้ว่าการเสียชีวิตหรืออาการไม่พึงประสงค์เป็นผลจากวัคซีนโดยตรงหรือไม่

ยังมีการอ้างว่า อาการข้างเคียงจากวัคซีนจำนวน 1,291 รายการ ที่ระบุเอาไว้ในเอกสารแบบเรียงตามตัวอักษร คือเหตุผลให้เชื่อว่าวัคซีนโควิด 19 ของ Pfizer ไม่มีความปลอดภัย แต่ ดร.พอล เบนนิงเจอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการประเมินเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย Tufts University ชี้แจงว่า รายการดังกล่าวเป็นรายชื่ออาการไม่พึงประสงค์ที่อาจเกิดจากการใช้วัคซีน ซึ่งทาง Pfizer เฝ้าติดตามและให้ความสนใจเป็นพิเศษ ไม่ใช่อาการข้างเคียงหลังจากฉีดวัคซีนทั้งหมดตามที่กล่าวอ้าง ดร.พอล เบนนิงเจอร์ยังให้ความเห็นว่า รายงานอาการข้างเคียงจะต้องนำเสนอในรูปแบบของบทความวิเคราะห์ ไม่ใช่การนำเสนอข้อมูลแบบเรียงรายชื่อตามตัวอักษรเช่นนี้

ส่วนข้ออ้างที่ว่าองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) พยายามปกปิดปัญหาด้านความปลอดภัยของวัคซีนโควิด 19 บริษัท Pfizer-BioNTech ก็ไม่เป็นความจริง เพราะความล่าช้าในการเปิดเผยข้อมูลมาจากความไม่พร้อมของ FDA ในการรับมือกับข้อมูลจำนวนมหาศาลของบริษัท Pfizer จนถูก Public Health and Medical Professionals for Transparency Documents (PHMPT) หน่ายงานที่ตรวจสอบความโปร่งใสของบุคลากรและหน่วยงานด้านสาธารณสุข ทำการกดดันให้ FDA เร่งเปิดเผยข้อมูลของวัคซีนแก่สาธารณชน

PHMPT อ้างกฎหมายเสรีภาพด้านข้อมูลข่าวสาร (FOIA) เพื่อเรียกร้องให้ FDA เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีนโควิด 19 จากบริษัท Pfizer-BioNTech ต่อสาธารณชนทั้งหมด หลังจาก FDA ให้การรับรองแบบเต็มรูปแบบกับวัคซีนของ Pfizer ได้เพียง 4 วัน

แต่การที่เอกสารทั้งหมดมีจำนวนรวมกันกว่า 329,000 หน้า จึงต้องใช้เวลาอย่างมากในการตรวจสอบแก้ไขข้อมูลเพื่อการนำเสนอต่อสาธารณชน โดย PHMPT เรียกร้องให้ FDA เปิดเผยเอกสารจำนวน 80,000 หน้าต่อเดือน แต่ทาง FDA ยืนยันว่าสามารถเปิดเผยเอกสารได้เพียง 500 หน้าต่อเดือน เนื่องจากมีพนักงานตรวจสอบไม่เพียงพอ และยังต้องแบ่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบเอกสารอื่นๆ อีกด้วย

PHMPT ประเมินว่า หาก FDA เปิดเผยเอกสาร 500 หน้าต่อเดือน จำเป็นต้องใช้เวลาถึง 55 ปีกว่าเอกสารทั้งหมดจะเผยแพร่สู่สาธารณชนอย่างสมบูรณ์ PHMPT จึงตัดสินใจยืนคำร้องต่อศาลของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ เมื่อเดือนกันยายนปี 2021

โดยวันที่ 6 มกราคมปี 2022 ศาลในเขตนอร์ธ เท็กซัส พิจารณาว่า แม้การเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดในเวลาอันสั้นจะเป็นภาระที่ยากลำบาก แต่ข้อมูลเหล่านี้มีความสำคัญต่อสาธารณชนอย่างยิ่งยวด จึงมีคำสั่งให้ FDA เปิดเผยเอกสารเป็นงวดๆ เดือนละ 55,000 หน้า ซึ่งคาดว่าเอกสารทั้งหมดจะได้รับการเปิดเผยต่อสาธารณชนในช่วงฤดูร้อนที่จะถึงนี้

ดร.พอล เบนนิงเจอร์ วิจารณ์ท่าทีของ FDA ว่าทำตัวอยู่เหนือความขัดแย้งท่ามกลางกระแสกดดันของกลุ่มต่อต้านวัคซีนโควิด 19 และคิดว่า FDA ควรมีแนวทางดำเนินงานที่เน้นความโปร่งใสขององค์กรมากกว่านี้

ทันทีที่ PHMPT นำข้อมูลวัคซีนโควิด 19 ของ Pfizer จาก FDA ไปโพสต์ทางเว็บไซต์ ก็มีการนำข้อมูลดังกล่าวไปบิดเบือนกลายเป็นข่าวปลอมที่เผยแพร่ทางโลกออนไลน์ในเวลาต่อมาอย่างแพร่หลาย

แม้ PHMPT จะได้ชื่อว่าเป็นหน่วยงานที่ประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์จากหลายวงการ แต่สมาชิกบางรายก็ได้รับการจับตาเรื่องการเผยแพร่ข่าวปลอมเกี่ยวกับวัคซีนโควิด 19 อย่างต่อเนื่อง ทั้ง ดร.ไรอัน โคล นักพยาธิวิทยาผู้อ้างโดยไม่มีหลักฐานยืนยันว่าวัคซีนโควิด 19 ทำให้ป่วยเป็นมะเร็ง และ ดร.สเตลลา อิมมานูเอล ผู้สนับสนุนการใช้ยา Hydroxychloroquine รักษาผู้ป่วยโควิด 19 ก็เคยอ้างว่ามียาบางชนิดผลิตจาก DNA ของมนุษย์ต่างดาว

ข้อมูลอ้างอิง:

https://www.factcheck.org/2022/03/scicheck-posts-misinterpret-pfizer-covid-19-vaccine-safety-monitoring-document/
https://healthfeedback.org/claimreview/pfizers-confidential-document-shows-adverse-events-reported-following-vaccination-it-doesnt-demonstrate-vaccine-caused-events-or-is-unsafe/

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“สุชาติ” จ่อลาออก สส. ให้สภามี สส.ทำงาน

ทำเนียบ 7 ก.ค.-“สุชาติ” เผยเตรียมลาออก สส. เพื่อให้บัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้ขึ้นมา มองให้สภามี สส.ทำงาน นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงธรรมเนียมปฏิบัติของคนที่เป็น สส.ระบบบัญชีรายชื่อ จะลาออกเมื่อเป็นรัฐมนตรี หรือไม่ว่า ที่ผ่านมายังไม่มีการลาออกแต่โดยธรรมเนียมก็ควรจะลาออก เพราะการทำหน้าที่ของรัฐมนตรีก็เต็มเวลาอยู่แล้ว ไม่มีเวลาที่จะไปช่วยงานสภา ซึ่งขณะนี้สภาเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งตนมีความตั้งใจที่จะลาออกจาก สส ระบบบัญชีรายชื่ออยู่แล้ว เพื่อให้ สส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้เลื่อนขึ้นมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สส. ลำดับถัดไปที่จะขึ้นมาเป็น สส.แทนนายสุชาติ คือ นายเอกพร รักความสุข บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 38.-316.-สำนักข่าวไทย

พม.ร้องเอาผิด “จอนนี่ มือปราบ” สร้างรีสอร์ทรุกล้ำที่ส่วนกลาง

บก.ปทส. 7 ก.ค. – จนท.กรมพัฒนาสังคมฯ ร้องตำรวจป่าไม้ตรวจสอบปมรีสอร์ทของ “จอนนี่มือปราบ” อินฟลูชื่อดัง บุกรุกพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ในอุบลราชธานี และถูกข่มขู่ไม่ให้เข้าพื้นที่ นายวัชระ โกเสนตอ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ ได้รับมอบอำนาจจากนายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำหลักฐานเอกสารเข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. เพื่อให้ดำเนินคดีกับ ด.ต.ยุทธพล หรือ “จอนนี่ มือปราบ” อดีตตำรวจที่ผันตัวลาออกจากราชการมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ กรณีสร้างรีสอร์ทรุกเข้าไปในเขตนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี นายวัชระ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาสังคมฯ รับแจ้งจากนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ว่ามีผู้เข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินของนิคมโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยส่วนที่รุกล้ำเข้ามาเป็นพื้นที่ที่นิคมกันไว้เป็นป่าไม้ส่วนกลาง 20% รุกล้ำเข้ามาประมาณ 1 ไร่ และเริ่มก่อสร้างรีสอร์ทเมื่อปี 2564 เป็นต้นมา และทางกรมฯ ก็ได้ลงบันทึกประจำวันและมีหนังสือให้ระงับการดำเนินการรีสอร์ทมาตั้งแต่ปี 2565 แต่เจ้าของรีสอร์ทไม่ให้ความร่วมมือ และยังมาโวยวายที่นิคมฯ ข่มขู่เจ้าหน้าที่ ไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปที่รีสอร์ท ทั้งนี้นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย มีพื้นที่ตามแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเองฯ ชัดเจน เนื้อที่ […]

Camp Mystic after Texas floods

เปิดภาพความเสียหายน้ำท่วมแคมป์ในเท็กซัส

เท็กซัส 6 ก.ค.- ทีมกู้ภัย อาสาสมัครและตำรวจ ช่วยกันรื้อถอนเศษซากความเสียหายและซากต้นไม้กิ่งไม้ใกล้ที่ตั้งแคมป์ในรัฐเท็กซัสของสหรัฐ ซึ่งมีนักเรียนหญิง 27 คน สูญหายจากเหตุน้ำท่วมฉับพลันที่เกิดขึ้นเมื่อเช้ามืดวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น   ค่ายมิสติก (Camp Mystic) เป็นค่ายกิจกรรมนักเรียนหญิงล้วน มีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมในค่าย 700 คน ในช่วงที่เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันครั้งใหญ่ในเทศมณฑลเคอร์ ทางตอนกลางของรัฐเท็กซัส แคมป์แห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำกัวดาลูปในแถบหุบเขาตอนกลางรัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่เกิดน้ำท่วม ก่อตั้งโดยโค้ชฟุตบอลมหาวิทยาลัยเท็กซัส เมื่อเกือบหนึ่งร้อยปีก่อนในปี 2469 เพื่อให้เยาวชนหญิงได้สัมผัสบรรยากาศแบบคริสเตียนในการพัฒนาตนเอง.-820(814).-สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เตือน 4 ภาครับมือฝนถล่ม ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก

กทม. 6 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง เตือน “เหนือ อีสาน ตะวันออก ใต้” รับมือฝนตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณจังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุโซนร้อน “ดานัส” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ไต้หวัน ในช่วงวันที่ 6–7 กรกฎาคม 2568 โดยไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย แต่จะทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

กทม. 13 ก.ค.-กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะภาคเหนือ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พะเยา น่าน หนองคาย และบึงกาฬ ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศฉบับที่ 6 เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทยและคลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามันตอนบน (มีผลกระทบในช่วงวันที่ 12-13 กรกฎาคม 2568) ในวันที่ 13 กรกฎาคม 2568 ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งโดยเฉพาะภาคเหนือบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พะเยา น่าน หนองคาย และบึงกาฬ เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมาตอนบน ภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณภาคเหนือตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเส้นทางที่มีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำ ซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมขังในระยะสั้นได้ จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมาก มีดังนี้ ในวันที่ 13 กรกฎาคม […]

ผบ.กองกำลังนเรศวร ลงพื้นที่ หลังเมียนมาปะทะรุนแรง

ตาก 12 ก.ค. – ผบ.กองกำลังนเรศวร ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ด่วน พร้อมเฝ้าระวังชายแดนอำเภอพบพระอย่างใกล้ชิด หลังเหตุปะทะในเมียนมาทวีความรุนแรง มีรายงานการโจมตีค่ายทหารเมียนมาด้วยโดรน กองกำลังกะเหรี่ยงเคเอ็นแอลเอ กลุ่มต่อต้านรัฐบาลเมียนมา ใช้โดรนทิ้งระเบิดโจมตีใส่ฐาน “ทีตาแหล่” ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามบ้านวาเล่ย์เหนือ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก หลายครั้ง ขณะที่ทหารเมียนมาก็ยิงปืนเล็กยาวตอบโต้ โดยยังไม่ทราบความเสียหายที่เกิดขึ้น และยังไม่มีรายงานผลกระทบต่อฝั่งประเทศไทย พลตรีไมตรี ชูปรีชา ผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวร พร้อมคณะนายทหารระดับสูง และฝ่ายปกครองอำเภอพบพระ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์บริเวณบ้านวาเล่ย์ และบ้านมอเกอร์ไทย อำเภอพบพระ อย่างใกล้ชิด เพื่อประสานงานกับหน่วยงานความมั่นคงในการเตรียมแผนเผชิญเหตุจากผลกระทบของการสู้รบใกล้แนวชายแดนในด้านมนุษยธรรม โดยขณะนี้มีผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมาจำนวน 457 คน อาศัยอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว 2 แห่ง ในอำเภอพบพระ และได้รับการดูแลตามหลักมนุษยธรรมภายใต้ความร่วมมือของศูนย์สั่งการชายแดนประเทศเพื่อนบ้านด้านเมียนมา จังหวัดตาก และแนวทางของสภาความมั่นคงแห่งชาติ พลตรี ไมตรี เน้นย้ำให้หน่วยเฉพาะกิจราชมนู ร่วมกับฝ่ายปกครอง เพิ่มความเข้มงวดในการป้องกันการรุกล้ำอธิปไตยของกองกำลังติดอาวุธต่างชาติ และดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งกองกำลังนเรศวรยืนยันว่าประเทศไทยไม่ใช่คู่ขัดแย้ง และไม่สนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในการใช้พื้นที่ประเทศไทยเพื่อประโยชน์ของตนเอง .-สำนักข่าวไทย

สองสาวใหญ่ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกมือถือ

กทม. 12 ก.ค. – สองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกโทรศัพท์มือถือลอยนวล พบเคยเข้ามาขอเงินหลวงตาแล้วครั้งหนึ่ง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพขณะ ผู้หญิง 2 คนเข้าไปในกุฏิที่พระสงฆ์นอนอาพาธอยู่ คนหนึ่งนั่งพื้นส่วนอีกคนยืนอยู่แล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือบนเตียงนอนไป เหตุการณ์นี้ นายมนูญ อายุ 29 ปี หลานชายของพระลูกวัดแห่งหนึ่ง ในซอยประชาอุทิศ 27 ถนนประชาอุทิศ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว ให้ช่วยตามหาสองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิ “หลวงตาสุข” อายุ 80 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคประจำตัว ประกอบกับอายุมากเดินได้ไม่ปกติ โดยหลวงตาสุข เป็นพระลูกวัด พักอยู่กุฏิด้านหลังโบสถ์ เมื่อวานนี้ (11 ก.ค.) ประมาณ 13.45 น. ขณะกำลังนอนพักผ่อนอยู่ มีหญิงร่างท้วม 2 คนเข้าไปในกุฏิ จากนั้นคนใส่เอี๊ยมสีเขียวผมสั้นลงมือค้นหาสิ่งของบนหัวเตียง ส่วนอีกคนที่มาด้วย คอยดูต้นทาง จนกระทั่งหญิงคนที่รื้อหาสิ่งของมองเห็นโทรศัพท์มือถือ ราคาประมาณ 4,000 บาท ของพระที่วางไว้หัวเตียง […]

“บิ๊กเต่า” ให้โอกาสคณะสงฆ์ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง

กทม. 12 ก.ค.-“บิ๊กเต่า” ให้โอกาสคณะสงฆ์ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีเอี่ยวสีกากอล์ฟ เชื่อพระเป็นเหยื่อ หากไม่เสร็จพร้อมดำเนินการ เผยอดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ เข้าให้ข้อมูล เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง วันนี้ (12 ก.ค.) หลังจากอดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร เข้าให้ปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ เมื่อเวลา 12.30 น. แต่งกายด้วยชุดโปโลสีเทา กางเกงวอร์มขายาว ผู้สื่อข่าว พยายามสอบถามว่าเข้ามาให้ปากคำกรณีที่ปรากฏอยู่ในคลิปหรือไม่ ทางอดีตผู้ช่วยเจ้าวาสไม่ตอบ เมื่อถามเพิ่มเติมว่า คลิปที่ปรากฏอยู่ตอนนนี้ ใช่ตัวเองจริงหรือไม่ อดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร ปิดปากเงียบ ไม่มีการให้ข้อมูลอะไรกับสื่อมวลชน ก่อนที่จะเดินขึ้นไปให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหน้ากองปราบด้านบน จากนั้นในเวลา 14.00 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เดินทางมาที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยเดินทางขึ้นตึกด้านหลัง ใช้ลิฟต์ลานจอดรถ หลังเดินทางกลับจากวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร โดยหลบผู้สื่อข่าวที่มารออยู่ด้านหน้า และได้สอบปากคำอดีตพระครูสิริวิริยธาดา ในเวลา 16.20 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ให้สัมภาษณ์ว่าการหารือกับพระผู้ใหญ่ในวันนี้ ก็ถือเป็นการทำงานร่วมกันกับ ปปท. ซึ่งมีผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ […]