ชัวร์ก่อนแชร์: การบังคับฉีดวัคซีนคือพฤติกรรมที่ไม่ต่างจากนาซี จริงหรือ?

19 เมษายน 2565
ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย: Politifact (สหรัฐอเมริกา)
แปลและเรียบเรียงบทความโดย: พีรพล อนุตรโสตถิ์, อดิศร สุขสมอรรถ


ประเภทข่าวปลอม: ข้อมูลเท็จ

บทสรุป:


  1. เป็นการอ้างโดย โรเบิร์ต เอฟ เคนเนดี จูเนียร์ นักรณรงค์แนวคิดต่อต้านวัคซีน ซึ่งภายหลังถูกประณามข้อหาบิดเบือนประวัติศาสตร์
  2. การฉีดวัคซีนเป็นความสมัครใจ แต่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวคืออาชญากรรม

ข้อมูลที่ถูกแชร์:

มีข้อมูลเท็จที่กล่าวอ้างโดย โรเบิร์ต เอฟ เคนเนดี จูเนียร์ นักรณรงค์ต่อต้านวัคซีน ที่มาร่วมการชุมนุมประท้วงนโยบายบังคับฉีดวัคซีนโควิด-19 ในสหรัฐฯ ที่กรุงวอชิงตัน ดีซี เมื่อวันที่ 23 มกราคมปี 2022 โดยอ้างว่า การบังคับให้ประชาชนฉีดวัคซีนคือพฤติกรรมไม่ต่างจากที่นาซีทำกับชาวยิว โดยเปรียบเทียบว่า แม้แต่ในประเทศเยอรมนียุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวยิวยังสามารถหลบหนีออกนอกประเทศด้วยการข้ามเทือกเขาแอลป์ไปยังสวิสเซอร์แลนด์ได้ หรือซ่อนตัวในห้องใต้หลังคาเหมือนที่ แอน แฟรงค์ กระทำได้เช่นกัน

FACT CHECK: ตรวจสอบข้อเท็จจริง:


ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 มีการประเมินว่าชาวยิวถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โดยฝีมือของนาซีไม่ต่ำกว่า 6 ล้านคน หนึ่งในนั้นคือ แอน แฟรงค์ เด็กหญิงเชื้อสายยิวผู้หลบซ่อนการไล่ล่าของนาซีในประเทศเนเธอร์แลนด์เป็นเวลา 2 ปี ก่อนที่ครอบครัวของเธอจะถูกพบและนำตัวไปยังค่ายกักกัน ส่งผลให้เธอต้องเสียชีวิตด้วยโรคไทฟอยด์ที่แพร่ระบาดในค่ายด้วยวัยเพียง 15 ปี

การเปรียบเทียบนโยบายบังคับฉีดวัคซีนโควิด-19 กับนโยบายฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวของนาซี ทำให้ โรเบิร์ต เอฟ เคนเนดี จูเนียร์ ถูกสถาบัน Auschwitz Memorial และมูลนิธิ Holocaust Memorial Museum ของสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ประณาม จน โรเบิร์ต เอฟ เคนเนดี จูเนียร์ ต้องยอมรับผิดในภายหลัง

แม้แต่ เชอรีล ไฮน์ส ภรรยาของโรเบิร์ต เอฟ เคนเนดี จูเนียร์ ก็ออกแถลงการณ์ว่า ตนเองไม่มีแนวคิดเหมือนกับสามี และคิดว่าการเปรียบเทียบของเขา “น่าตำหนิและไร้สำนึก”

อย่างไรก็ดี การเปรียบเทียบการบังคับฉีดวัคซีนกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของนาซี เป็นแนวคิดที่เผยแพร่โดยกลุ่มต่อต้านวัคซีนมานานหลายปี

เมื่อปี 2015 โรเบิร์ต เอฟ เคนเนดี จูเนียร์ เคยอ้างว่าวัคซีนทำให้เด็กป่วยเป็นโรคออทิสติกมากขึ้น และเปรียบเทียบการบังคับเด็กฉีดวัคซีนไม่ต่างจากการพฤติกรรมของนาซี ทั้งๆ ที่หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างวัคซีนกับโรคออทิสติกแต่อย่างใด

ส่วนปี 2019 ที่โรคหัดระบาดในหลายประเทศทั่วโลก ก็มีแนวร่วมต่อต้านวัคซีนนำสัญลักษณ์ “ดาราแห่งดาวิด” ของชาวยิว มาประดับเพื่อประท้วงการฉีดวัคซีน

การรณรงค์วัคซีนและมาตรการโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นในยุคที่ไวรัสโควิด 19 แพร่ระบาดไปทั่วโลก ยิ่งทำให้การเชื่อมโยงนโยบายวัคซีนโควิด-19 กับนาซีแพร่หลายในหลายประเทศ ทั้งสหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส, เยอรมนี และอิสราเอล

การสำรวจของ Zignal Labs บริษัทสำรวจสื่อพบว่า ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2020 คำว่า “นาซี” ถูกพบในบทสนทนาเกี่ยวกับโควิด-19 ในสื่อสังคมออนไลน์, เว็บไซต์ และสื่อดั้งเดิม มากกว่า 1 ล้าน 6 แสนครั้ง ส่วนคำว่า “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” ก็ถูกพบในบทสนทนาเกี่ยวกับโควิด-19 เกือบ 1 ล้านครั้ง

ในช่วงที่นโยบายควบคุมโควิด-19 ถูกประกาศใช้ในสหรัฐฯ สื่อมวลชนบางแขนงและนักการเมืองฝั่งอนุรักษ์นิยม ต่างนำนโยบายดังกล่าวไปเชื่อมโยงกับแนวทางกวาดล้างชาวยิวของนาซี

ทั้งการเปรียบเทียบบุคลากรทางการแพทย์กับเกสตาโปหรือทบวงตำรวจลับของนาซี ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว

เปรียบเทียบการใช้วัคซีนพาสปอร์ตสำหรับใช้บริการในร้านอาหารในปัจจุบัน กับรอยสักของเชลยชาวยิวที่ถูกกักขังในค่ายกักกันเอาช์วิทซ์ สถานที่ซึ่งชาวยิวอย่างน้อย 1.1 ล้านคนต้องเสียชีวิต โดยส่วนใหญ่ถูกสังหารด้วยการรมแก๊สพิษ รวมถึงการตายจากความอดอยาก, โรคระบาด, หรือถูกนำไปทดลองทางการแพทย์

มีการเปรียบเทียบ แอนโทนี เฟาชี ผู้อำนวยการสถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NIAID) กับ โยเซฟ เมงเกอเลอ แพทย์ประจำหน่วย SS ของนาซี เจ้าของฉายา “เทวทูตแห่งความตาย” จากพฤติกรรมเกณฑ์เชลยชาวยิวมาทดลองทางการแพทย์โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยและสุขภาพของผู้ทดลอง ซึ่งส่วนใหญ่ต้องเสียชีวิตในระหว่างการทดลอง

มีการนำสัญลักษณ์สวัสดิกะของนาซี มาใช้เป็นป้ายโฆษณาหรือเป็นลวดลายบนหน้ากาก เพื่อประท้วงนโยบายโควิด-19 ของรัฐบาลโดยเฉพาะ

แม้นโยบายบังคับฉีดวัคซีนในช่วงที่โควิด-19 กำลังแพร่ระบาด จะสร้างความไม่สะดวกในการใช้บริการสถานที่สาธารณะแก่ผู้ที่ปฎิเสธการฉีดวัคซีน แต่การเปรียบเทียบนโยบายโควิด-19 กับมาตรการกวาดล้างชาวยิวของนาซี นอกจากจะเป็นการเปรียบเทียบที่ไม่ถูกต้องแล้ว ยังเป็นการลดทอนความสำคัญของเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวในสมัยสงครารมโลกครั้งที่ 2 อีกด้วย

เบนจามิน เฮทท์ นักประวัติศาสตร์จากมหาวิทยาลัย City University of New York อธิบายว่า มีความแตกต่างอย่างสุดขั้ว ระหว่างการไม่มีสิทธิ์เข้าไปสังสรรค์ในบาร์เนื่องจากไม่มีวัคซีนพาสปอร์ตในช่วงที่ไวรัสแพร่ระบาด กับการเป็นเหยื่อการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ผู้ที่คิดว่าสิทธิที่ผู้ปฎิเสธวัคซีนถูดริดรอนเทียบได้กับชะตากรรมที่ชาวยิวที่ถูกกดขี่โดยนาซี แสดงว่าคนผู้นั้นไม่มีความเข้าใจการเป็นเหยื่อการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์แม้แต่น้อย และเข้าข่ายเป็นผู้ที่มีแนวคิดปฎิเสธการมีอยู่ของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวได้เช่นกัน

มีการเปรียบเทียบว่า สมัยที่ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำนาซีเรืองอำนาจในปี 1933 มีชาวยิวอาศัยอยู่ในประเทศเยอรมนีจำนวน 700,000 คน โดยช่วงที่สงครามโลกครั้งที่ 2 เปิดฉากในปี 1939 มีชาวยิวอพยพออกนอกประเทศไปกว่าครึ่ง กระทั่งสงครามปิดฉากลงในปี 1945 มีชาวยิวเหลืออยู่ในเยอรมนีเพียง 12,000 เท่านั้น

เบนจามิน เฮทท์ วิจารณ์ว่า การอ้างว่าชาวยิวในเยอรมนียุคนาซีสามารถหนีออกนอกประเทศได้ง่ายๆ เป็นความเห็นที่ขัดแย้งกับข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์อย่างสิ้นเชิง

ปีเตอร์ เฮย์ส ศาสตราจารย์กิตติคุณ ภาควิชาประวัติศาสตร์และภาษาเยอรมัน มหาวิทยาลัย Northwestern University เปรียบเทียบว่า การฉีดวัคซีนเป็นเรื่องของความสมัครใจ แต่การเป็นยิวที่ถูกทารุณโดยนาซีเป็นสิ่งที่เลือกไม่ได้ ไม่มีประเทศไหนที่ตำรวจควบคุมตัวคนไม่ฉีดวัคซีนออกจากบ้านเพื่อจับกุมแล้วนำไปสังหารเหมือนที่นาซีกระทำกับชาวยิว

คาลินา คาลไท นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย University of Washington วิเคราะห์ว่า การเชื่อมโยงกลุ่มคนต่อต้านวัคซีนกับชาวยิวที่ถูกนาซีกดขี่ เป็นความพยายามเปลี่ยนภาพลักษณ์ของผู้มีแนวคิดต่อต้านวัคซีน จากคนสร้างปัญหาให้กับสังคม เป็นผู้ถูกกระทำจากอำนาจรัฐโดยมิชอบ

คาลินา คาลไท ยังมองว่ากลุ่ม Anti Vaxxer มักจะนำข้อมูลเท็จเกี่ยวกับวัคซีนมากลับมาเผยแพร่ซ้ำ เมื่อมีการรณรงค์วัคซีนชนิดใหม่ๆ ทั้งข้ออ้างที่ว่าวัคซีนทำให้เป็นโรคออทิสติก, วัคซีนทำให้เป็นหมัน, วัคซีนติดตั้งไมโครชิป เป็นต้น

ข้อมูลอ้างอิง:

https://www.politifact.com/article/2022/jan/27/why-holocaust-comparisons-anti-vaccine-activists-r/

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ตร.แจ้ง 2 ข้อหามือมีดทำร้าย “เป๊ก” คาดปมเข้าใจผิด

3 ส.ค.- ตำรวจ สน.หัวหมาก แจ้ง 2 ข้อหา หนุ่มวัย 21 ใช้มีดทำร้าย “เป๊ก ผลิตโชค” นักร้องชื่อดัง บาดเจ็บที่คางเป็นแผลฉกรรจ์ อ้างถูกหาเรื่องก่อน เบื้องต้นคาดปมเข้าใจผิด จ่อสอบปากคำเพิ่มเติม เมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 3 ส.ค.68 ร.ต.อ.ชัยนรินทร์ กวีพราหมณ์ รอง.สว.(สอบสวน) สน.หัวหมาก รับแจ้งเหตุทำร้ายร่างกายโดยใช้อาวุธมีด มีผู้บาดเจ็บ ภายในปั๊มน้ำมัน ซอยรามคำแหง 76 ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. จึงไปตรวจสอบพร้อมกำลังสายตรวจฝ่ายป้องกันและปราบปราม สน.หัวหมาก และอาสามูลนิธิสยามร่วมใจปู่อินทร์ ที่เกิดเหตุอยู่ภายในปั๊มน้ำมัน พบร่างนายผลิตโชค หรือ เป๊ก อายุ 40 ปี ดารานักร้องชื่อดัง มีบาดแผลฉกรรจ์ถูกอาวุธมีดฟันเข้าที่บริเวณใต้คาง 1 แผล ได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่จึงเร่งทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนเร่งนำตัวส่งรักษาต่อที่โรงพยาบาลสมิติเวช ส่วนผู้ก่อเหตุไม่หนีไปไหน ยืนรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ […]

เฝ้าระวังตลอดคืน พบโดรนปริศนาบินล้ำเขตแดนอรัญฯ

สระแก้ว 3 ส.ค.- พบโดรนปริศนาไม่ทราบฝ่ายบินล้ำแดนจากกัมพูชาเข้ามาในไทย ชาวบ้าน-ชรบ.ในพื้นที่อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เฝ้าระวังตลอดทั้งคืน คืนที่ผ่านมา เวลา 21.00 น. ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว โดยจุดที่ทีมข่าวเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ห่างจากแนวชายแดนเพียง 2 กิโลเมตร บรรยากาศในพื้นที่ขณะนั้นมีชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ออกมาคอยเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง หลังได้รับแจ้งว่าอาจมีโดรนปริศนาเข้ามาในพื้นที่ ระหว่างที่ทีมข่าวกำลังสัมภาษณ์พูดคุยกับชาวบ้านในพื้นที่ พบโดรนลำหนึ่งบินเข้ามาจากเขตชายแดนฝั่งกัมพูชา ล้ำเข้ามาในอาณาเขตประเทศไทยลึกประมาณ 2 กิโลเมตร ขณะที่โดรนลำนั้นลอยอยู่เหนือพื้นที่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้ใช้ไฟสปอร์ตไลต์กำลังแรงสูงร่วมกับแสงเลเซอร์จากอุปกรณ์ของทหาร ส่องไปยังโดรนปริศนาอย่างชัดเจน ทำให้เห็นลำตัวของโดรนแม้อยู่ในความมืด สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวยังไม่มีการเปิดเผยว่าโดรนลำนั้นมีเป้าหมายใดหรือเป็นของฝ่ายใด ขณะที่เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงยังคงเพิ่มมาตรการตรวจตราและเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดคิดหรือภัยคุกคามความมั่นคงในพื้นที่ -สำนักข่าวไทย

เปิดภาพทหารไทยบึ้มบันไดช่องคานม้า สกัดเส้นทางขึ้นภูมะเขือ

3 ส.ค. – เปิดภาพทหารไทยบึ้มบันไดช่องคานม้า จ.ศรีสะเกษ สกัดเส้นทางขึ้นภูมะเขือ ห้วงปะทะวันที่ 24-28 ก.ค.ที่ผ่านมา วันนี้ (3 ส.ค.68) ผู้สื่อข่าวรายงานเหตุปะทะระหว่างทหารไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 24-28 ก.ค.ที่ผ่านมา ทหารได้ทำลายบันไดช่องคานม้า จ.ศรีสะเกษ ซึ่งสามารถขึ้นมาถึงภูมะเขือได้ หลังทหารไทยเข้ายึดพื้นที่ภูมะเขือ ผลักดันทหารกัมพูชาอยู่บนจะงอยหน้าผาออกไปทั้งหมด พร้อมทำลายกระเช้า และฐานทหารกัมพูชาด้านล่างภูมะเขือ โดยการใช้โดรนติดระเบิด ล่าสุดมีการเผยแพร่ภาพทหารทำลายบันไดช่องคานม้า ในระหว่างยึดพื้นที่ได้จากการเหตุปะทะช่วง 5 วันที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย

ชาวเชียงใหม่ร่วมจุดเทียนสดุดี 15 วีรบุรุษชายแดน

3 ส.ค.- ชาวเชียงใหม่ ร่วมกันจุดเทียน แสดงความไว้อาลัย สดุดี 15 วีรบุรุษทหารที่พลีชีพปกป้องแผ่นดินไทยตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่บริเวณ หน้าลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ตัวเมืองเชียงใหม่ ประชาชนได้รวมตัวทำกิจกรรมร้องเพลง เขียนข้อความ พร้อมโบกธงชาติไทย เพื่อส่งกำลังใจให้กับทหารที่อยู่แนวหน้า ชายแดนไทย-กัมพูชา และร่วมกันร้องเพลงชาติไทย เพื่อเป็นการสดุดีทหาร 15 นายที่พลีชีพในการสู้รบปกป้องอธิปไตย อีกทั้งอ่านรายชื่อทหาร วางพวงหรีดและจุดเทียน แสดงความไว้อาลัยพร้อมทั้งยืนสงบนิ่ง อธิฐานขอให้เจ้าหน้าที่ที่ยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ชายแดนไทย-กัมพูชา ปลอดภัยทุกนาย นอกจากนี้ บริเวณย่านถนนท่าแพ หน้าอาคารพุทธสถานเชียงใหม่ มีการนำภาพทหารที่เสียชีวิตทั้ง 15 นายติดไว้ริมถนนและมีการตั้งโต๊ะเพื่อให้ประชาชน มาวางดอกไม้ แสดงความอาลัย -สำนักข่าวไทย