ชัวร์ก่อนแชร์: อิทธิพลสื่อ และการก่ออาชญากรรมเลียนแบบ (Copycat Crime)

สื่อมีอิทธิพลในการชักนำความคิดและการกระทำของประชาชนเป็นอย่างมาก หากสื่อนำเสนอข่าวอย่างชัดเจน โปร่งใส และสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชนได้มาก ก็จะไม่มีการเข้าใจผิดหรือส่งผลกระทบด้านลบตามมา
แต่บางครั้ง สื่อก็ใช้อำนาจนี้ก่ออิทธิพลในทางที่ไม่ถูกต้อง จึงมีผลกระทบต่าง ๆ มากมาย ที่เป็นผลพวงมาจากการนำเสนอข่าวของสื่อ ซึ่งหนึ่งในผลกระทบที่ยังคงเป็นที่น่ากังวลอยู่ในขณะนี้ก็คือ ปรากฏการณ์พฤติกรรมลอกเลียนแบบ หรือ Copycat นั่นเอง


Copycat คืออะไร ?

Copycat หมายถึง การลอกเลียนแบบเหตุการณ์หรือพฤติกรรมบางอย่างที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยต้นแบบที่ลอกเลียนมาอาจจะได้มาจากการศึกษาเอง หรือมาจากอิทธิพลในการนำเสนอข่าวของสื่อก็ได้ ซึ่งหนึ่งในปรากฏการณ์ที่เห็นได้ชัดเจน ก็คือ “copycat crime (อาชญากรรมเลียนแบบ)” นั่นเอง

Copycat Crime (อาชญากรรมเลียนแบบ)

มีผลการวิจัยพบว่า สื่อ เป็นตัวการสำคัญที่ส่งผลให้เกิดอาชญากรรมเลียนแบบ เพราะสื่อเป็นตัวการในการนำเสนอ “อาชญากรรมต้นแบบ” ให้กับเรา เช่น การบรรยายพร้อมภาพประกอบว่าผู้กระทำก่อเหตุอย่างไร ทำด้วยวิธีไหนจึงสำเร็จ และจะปกปิดร่องรอยอย่างไร ซึ่งสามารถเปรียบได้กับสำนวนไทยที่ว่า ชี้โพรงให้กระรอก


ประชาชนส่วนใหญ่มักจะให้ความสนใจกับข่าวอาชญากรรมที่มันรุนแรง ป่าเถื่อน หรือเป็นคดีปริศนาที่ยังคลุมเครือ เช่น ข่าวการเสียชีวิตของน้องชมพู่ ข่าวอุบัติเหตุของนักแสดง แตงโม นิดา เพราะเป็นคดีที่สร้างความสะเทือนใจ และความอยากรู้อยากเห็น เพราะฉะนั้นสื่อจึงตามติด และรายงานข่าวอย่างละเอียดเป็นพิเศษ เพื่อตอบสนองผู้เสพสื่อ

ดังนั้น จึงมีบ่อยครั้งที่สื่อมักจะนำเสนอข่าวที่ให้รายละเอียดเกี่ยวกับคดีมากเกินความจำเป็น เช่น รายละเอียดเกี่ยวกับตัวของอาชญากรเอง ไม่ว่าจะเป็นชื่อ รูปพรรณ อายุ และแรงจูงใจต่าง ๆ รวมถึงเบื้องหลังอื่น ๆ ที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อหาหลัก เช่น การไปสัมภาษณ์ครอบครัวผู้ก่อเหตุ หรือการขุดคุ้ยปมวัยเด็ก ปัญหาชีวิตส่วนตัว ซึ่งอาจไปมีส่วนกระตุ้นให้ผู้เสพสื่อมีอารมณ์ที่อ่อนไหวคล้อยตามได้

และการที่สื่อนั้นยัดเยียดเรื่องราวชีวิตของผู้ก่อเหตุมากเกินความจำเป็น ผู้เสพสื่อที่ติดตามอาจจะมีอารมณ์ร่วม เกิดความเห็นใจ และเข้าอกเข้าใจผู้ก่อเหตุได้ ดั่งตัวอย่าง เหตุการณ์การกราดยิงที่จังหวัดโคราช ผู้ก่อเหตุคือพลทหารที่ขโมยอาวุธจากในค่ายมากราดยิงผู้บริสุทธ์จนเสียชีวิตหลายราย

สื่อได้ติดตามการรายงานอย่างใกล้ชิด แม้กระทั่งการไลฟ์สดลงบนโซเชียลมีเดีย และได้มีการเปิดเผยปมของพลทหารรายนี้ว่า ที่ก่อเหตุไป เป็นเพราะโดนกดขี่ข่มเหงจากทหารชั้นผู้ใหญ่มาอีกที ทำให้มีคนจำนวนไม่น้อยรู้สึกเห็นใจและหาความชอบธรรมให้กับผู้ก่อเหตุ


เราจึงปฏิเสธไม่ได้ว่า สื่อมีส่วนควบคุมทิศทางทัศนคติของผู้เสพต่อข่าวนั้น ๆ ได้ โดยการเลือกใช้คำบรรยาย ที่ควรจะไม่ไปกระตุ้นอารมณ์ของผู้เสพสื่อจนเกินไป จนทำให้เกิดอาการเห็นอกเห็นใจ และเอนเอียงไปฝั่งผู้ก่อเหตุได้

ซึ่งจากตัวอย่างคดีดังกล่าว สื่อได้นำเสนอข้อมูลของอาชญากรอย่างละเอียด จนทำให้เขาเป็นที่จดจำของสังคม
และสิ่งที่น่ากังวลตามมาก็คือ การเพิ่มโอกาสความเป็นไปได้ที่จะมีคนก่อเหตุเลียนแบบ อาจจะเพื่อให้เป็นที่จดจำ หรือเพราะสื่อได้ชี้ให้เห็นหนทางเอาตัวรอดทางอ้อม จากการก่อเหตุอาชญากรรมที่ผ่านมา เช่น ได้รู้ว่าควรปกปิดหลักฐานอย่างไร เป็นต้น

ต้นกำเนิดของ Copycat Crime

พฤติกรรมนี้ไม่ใด้ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ เพราะ Copycat Crime มีมาตั้งแต่ช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ซึ่งนักวิจัย เขาได้ศึกษาความสัมพันธ์ของเหตุอาชญากรรมกับการรายงานข่าว โดยข่าวที่เป็นตัวริเริ่มในช่วงนั้นก็คือ ข่าวการฆาตกรรมของ “แจ็คเดอะริปเปอร์” นั่นเอง ซึ่งวิธีการฆ่าของเขาเป็นที่สนใจของประชาชนอย่างมาก จนทำให้มีหลายคนก่อเหตุเลียนแบบฆาตกรรายนี้ และถึงแม้เรื่องนี้จะเกิดที่อังกฤษ และสื่อในสมัยนั้นก็ไม่ได้เข้าถึงง่าย แต่ก็มีการก่อเหตุเลียนแบบตามฆาตกรรายนี้จากทั่วทุกมุมโลกเลยทีเดียว

“รู้เท่าทันสื่อ” หนึ่งในวิธีการป้องกัน Copycat Crime

โดยหลักแล้ว ความรับผิดชอบควรจะต้องตกไปอยู่ที่สื่อเป็นหลัก โดยการรับผิดชอบในการนำเสนอข่าวต่าง ๆ ให้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับข่าวอาชญากรรมใหญ่ ๆ ที่มีผู้คนสนใจมาก ไม่ควรให้รายละเอียดเกินวามจำเป็น หรือแสดงให้ผู้เสพสื่อเห็นถึงความพิเศษในตัวของผู้ก่อเหตุ จนทำให้คนเหล่านั้นดูเหมือน ‘ฮีโร่’ ในสายตาของผู้ชม แทนที่จะเป็นผู้กระทำความผิด

และสำหรับผู้เสพข่าว ก็ควรใช้วิจารณญาณในการติดตามข่าวให้รอบคอบ คอยตระหนักรู้เท่าทันสื่ออยู่เสมอ รู้ตัวว่ากำลังรับฟังอะไรอยู่ และตั้งคำถามกับตัวเองว่าเราจะได้ประโยชน์อะไรจากข่าวเหล่านี้บ้าง เป็นต้น


ที่มา: บทความเรื่อง “อิทธิพลของสื่อ ที่มีผลต่อพฤติกรรมเลียนแบบอาชญากรรม”/ helloคุณหมอ
เรียบเรียงโดย: ชณิดา ภิรมณ์ยินดี

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เก๋งซิ่งแหกโค้งชนเสาเหล็ก ไฟลุกไหม้คลอกคนขับดับสลด

ลพบุรี 6 มิ.ย. – เก๋งหรูซิ่งเสียงดังลั่น หมุนโชว์กลางสี่แยก ก่อนแหกโค้งชนเสาเหล็กป้ายข้างทางไฟลุกไหม้เสียหายทั้งคัน คลอกคนขับดับสลด เมื่อเวลา 03.30 น.ที่ผ่านมา ร.ต.ท.ชาตรี ทรัพย์นิยมพงศ์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองลพบุรี รับแจ้งรถเก๋งชนเสาข้างถนน ไฟลุกไหม้ทั้งคัน บนถนนทางเข้าบ้านหนองน้ำทิพย์ หมู่ 7 ต.เขาพระงาม อ.เมืองลพบุรี พร้อมแจ้งรถน้ำดับเพลิงป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลเขาพระงาม รุดไปดับไฟ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบ จุดเกิดเหตุพบไฟกำลังลุกไหม้โหมทั่วไปทั้งคันรถ สังเกตดูเบื้องต้นคนขับติดอยู่ที่เบาะนั่งสภาพหมดสติ เจ้าหน้าที่เร่งระดมฉีดน้ำใช้เวลาประมาณ 15 นาที เพลิงสงบ จากการตรวจสอบด้านซ้ายรถชนอัดอยู่กับเสาเหล็กป้ายบอกทาง สภาพเหลือแต่ซาก เบื้องต้นพบเป็นรถเก๋งยี่ห้อยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู ไม่ทราบสี-ทะเบียน ถูกไฟไหม้ เหลืออยู่ครึ่งป้าย ภายในรถพบร่างชายถูกไฟไหม้เกรียม ยังไม่ทราบชื่อว่าเป็นใครมาจากไหน สอบถามนางเล็ก ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองนั่งเฝ้าเครื่องสูบน้ำใกล้จุดเกิดเหตุ ได้ยินเสียงรถเก๋งคันดังกล่าวขับซิ่งมาจากแยกเขาพระงาม มุ่งหน้าไปทางโคกสำโรง เสียงท่ออย่างดังลั่น พอมาถึงสามแยกบ้านหนองน้ำทิพย์ ได้หมุนโชว์กลางแยก 1 รอบ จากนั้นขับไปยูเทิร์นกลับมาอีกรอบ เลี้ยวเข้าทางแยกหนองน้ำทิพย์ได้ประมาณ 300 เมตร […]

ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงิน 12 ล้าน วางทิ้งข้างถังขยะ

นนทบุรี 6 มิ.ย. – ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงินสด 12 ล้าน ในกล่องพลาสติก วางทิ้งข้างถังขยะคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จากกรณีพลเมืองดีพบธนบัตรไทยจำนวนมาก ถูกซุกซ่อนอยู่ภายในกล่องพลาสติก บริเวณคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบเอกสารเกี่ยวกับหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายและซองจดหมาย ปรากฏชื่อบุคคลและหน่วยงานรัฐในเอกสาร จึงได้ยึดธนบัตรดังกล่าวมาที่ สภ.ปากเกร็ด เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นเงินอะไร ได้มาถูกต้องหรือไม่ และใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง เบื้องต้นพบเป็นเงินสดจำนวน 12 ล้านบาท และเมื่อเจ้าหน้าที่นำสายรัดของธนบัตรดังกล่าวไปตรวจสอบ พบว่ามีการจ่ายเงินออกมาจำนวนดังกล่าวตั้งแต่ปี 2563    พลเมืองดีเล่าว่า เวลาประมาณ 20.00 น. ของเมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.) ตนและเพื่อนเดินไปลิฟต์ที่ชั้น 4 ซึ่งข้างลิฟต์เป็นที่ทิ้งขยะ เห็นกล่องสภาพดีวางอยู่ ก็จะเก็บไปใช้ ซึ่งกล่องถูกเปิดแง้มเอาไว้และมีเสื้อผ้าวางทับด้านบน จึงเปิดดูพบเงินสดฉบับละ 1,000 บาท เป็นมัดๆ จำนวนมาก จึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ ความคืบหน้าในการติดตามหาตัวคนที่นำกล่องเงินมาทิ้ง ตำรวจสืบสวน สภ.ปากเกร็ด ได้ลงพื้นที่ไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดที่พบเพื่อหาเบาะแสคนที่นำกล่องพลาสติกมาทิ้ง เบื้องต้นยังไม่พบผู้ต้องสงสัย นอกจากนี้ยังได้พยายามติดต่อกับ นายทวีวัฒน์ […]

น้ำมันรั่วลงทะเล

สั่งเจ้าท่าระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar

ชลบุรี 6 มิ.ย.- “มนพร” สั่งการกรมเจ้าท่าตั้งศูนย์ประสานงานแก้ไขปัญหาและควบคุมสถานการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar บริเวณท่าเรือบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ศรีราชา จังหวัดชลบุรี นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม สั่งการให้ นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน เพื่อ ระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar ซึ่งเป็นเรือบรรทุกน้ำมันดิบสัญชาติสิงคโปร์ หมายเลข IMO 9828962 โดยเหตุเกิดบริเวณทุ่นรับน้ำมันกลางทะเล (SBM2) ของบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ในเขตพื้นที่ศรีราชา จังหวัดชลบุรี เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 00.54 น. โดยมีสาเหตุมาจากท่อส่งน้ำมันที่ชำรุด ส่งผลให้น้ำมันดิบรั่วไหลลงสู่ทะเลในปริมาณประมาณ 20 คิว หรือราว 20 ตัน กรมเจ้าท่าได้ดำเนินการประเมินสถานการณ์โดยเร่งดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานฯ ณ โรงกลั่นน้ำมันของบริษัทไทยออยล์ จังหวัดชลบุรี เพื่อเป็นศูนย์กลางในการควบคุมเหตุการณ์ ทั้งนี้กรมเจ้าท่าในฐานะเลขานุการศูนย์ประสานงาน ได้ประสานกองทัพเรือจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ในการขจัดคราบน้ำมัน จากการสำรวจพื้นที่ พบว่าลักษณะของคราบน้ำมันเป็นคราบสีดำหรือน้ำตาลบาง ๆ […]

นักศึกษาเจอคอลเซ็นเตอร์ปั่นหัวถือมีดบุกโรงพัก

เชียงใหม่ 5 มิ.ย. – แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกนักศึกษาเชียงใหม่ สูญกว่า 2 ล้านบาท พ่อแม่เครียดหมดเนื้อหมดตัว บางรายถูกปั่นหัวให้ถือมีดบุกโรงพักเย้ยตำรวจ พบเฉพาะ สภ.ภูพิงค์ฯ มีเหยื่อโดนหลอกลักษณะนี้แล้วกว่า 300 ราย กล้องวงจรปิดบันทึกภาพนักศึกษาสาว ชั้นปีที่ 4 ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดภายใน สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นเดินไปเข็นวีลแชร์ที่อยู่ตรงหัวมุมอาคาร แล้วก็เข็นไปเข็นมาอยู่อย่างนั้น ก่อนจะถือมีดไปที่บริเวณห้องรับแจ้งความ และอ้างว่า จะมาขอพบตำรวจนายหนึ่ง แต่ไม่มีชื่อนี้อยู่ที่โรงพัก จึงขอพบ พันตำรวจเอก มนัสชัย อินทร์เถื่อน ผู้กำกับ สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ เพราะไปฆ่าคนตายมา ขณะนั้น ตำรวจสืบสวนสังเกตเห็นว่า นักศึกษาสาวมีท่าทางหวาดระแวงใส่หูฟังเหมือนกับทำตามคำสั่งใครสักคนที่สั่งการจากปลายสาย ด้านตำรวจจึงชวนพูดคุยสอบถามสักพัก จนยอมวางมีดลง จากนั้น ตำรวจจึงขอให้ดึงหูฟังออก ปรากฏว่า นักศึกษาสาวกลับได้สติขึ้นมาว่า ชายที่สั่งการทางโทรศัพท์ไม่ใช่ตำรวจจริง เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สั่งให้มาป่วนตำรวจ เนื่องจากไม่มีเงินโอนให้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตำรวจจึงตรวจสอบพบว่า ในวันเดียวกัน […]

ข่าวแนะนำ

ลอบวางระเบิด 2 จุด กลางตลาดโต้รุ่งเมืองปัตตานี

ปัตตานี 8 มิ.ย. – คนร้ายลอบวางระเบิดกลางตลาดโต้รุ่ง เขตเทศบาลเมืองปัตตานี รถจักรยานยนต์เสียหาย 2 คัน เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต วันที่ 8 มิ.ย.68 เวลา 20.00 น. เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบกลุ่มจำนวน ลอบวางระเบิดแสวงเครื่อง จำนวน 2 ลูก โดยจุดแรก วางระเบิดในถังขยะ หน้าร้านทอง บริเวณตลาดโต้รุ่ง เขตเทศบาลเมืองปัตตานี เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต รถจักรยานยนต์ได้รับความเสียหาย จำนวน 2 คัน และจุดที่ 2 วางระเบิดในถังขยะ บริเวณในซอยข้างโรงแรม หลังตลาดโต้รุ่ง เขตเทศบาลเมืองปัตตานี เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต การก่อเหตุครั้งนี้ คาดว่าเป็นการก่อเหตุเพื่อสร้างสถานการณ์ให้เกิดขึ้นในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ตามข้อมูลข่าวสารที่หน่วย ส.จว.ปัตตานี ได้ออกข่าวแจ้งเตือนไปแล้ว เมื่อวันที่ 26 พ.ค.68 เวลา 15.00 น. ปรากฏข่าวสารว่า นายมะกอเซ็ง หม้าแอ สมาชิก ผกร.ระดับปฏิบัติการ และสมาชิกจำนวน […]

นายกฯ เผยหารือกัมพูชา ตกลงปรับกำลังทหารทั้ง 2 ฝ่าย ลดเผชิญหน้า

ทำเนียบรัฐบาล 8 มิ.ย. – นายกฯ เผยหารือกับรัฐบาลกัมพูชา ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงจะร่วมกันปรับกำลังทหาร จุดที่มีการกระทบกระทั่ง เพื่อลดการเผชิญหน้า เดินหน้าใช้กลไก JBC 14 มิ.ย.นี้ นำพาความสัมพันธ์เข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า ความพยายามคลี่คลายสถานการณ์ความขัดแย้งตามแนวชายแดน โดยการปฏิบัติงานของทั้งระดับนโยบาย โดยรัฐบาล ฝ่ายความมั่นคง กองทัพ กระทรวงการต่างประเทศ และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีพัฒนาการในทางที่ดีขึ้นเป็นลำดับค่ะ ดิฉันได้หารือกับรัฐบาลกัมพูชา มีข้อสรุปที่ส่งผลดีต่อสถานการณ์ โดยทั้ง 2 ฝ่ายตกลงจะร่วมกันปรับกำลังทหาร ณ จุดที่มีการกระทบกระทั่ง เพื่อลดบรรยากาศการเผชิญหน้า และจะพัฒนาความร่วมมือโดยใช้กลไก JBC ในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ และจะมีการพูดคุยกันในทุกระดับ เพื่อนำพาความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วค่ะ ขอให้พี่น้องประชาชนติดตามสถานการณ์และข้อเท็จจริงจากรัฐบาล พร้อมทั้งเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานจนประสบผลสำเร็จต่อไป สุดท้ายนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนได้โปรดคลายความกังวล และมีความมั่นใจในการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลว่า จะไม่มีเหตุกระทบกระทั่งที่รุนแรงเกิดขึ้นแน่นอนค่ะ.-316-สำนักข่าวไทย

โฆษก ทบ. ยันทหารกัมพูชายอมถอนกำลัง-กลบคูเลต ลดตึงเครียด

8 มิ.ย. – โฆษก ทบ. ยืนยันทหารกัมพูชายอมถอนกำลังกลับไปอยู่จุดเดิม พร้อมกลบคูเลตให้คืนสู่สภาพเดิม หลังบรรลุข้อตกลงการหารือ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก ลดความตึงเครียด วันนี้ (8 มิ.ย.68)​ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ฝ่ายกัมพูชา นำโดย พล.ท.สรัย ดึก รองผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ได้เชิญฝ่ายทหารไทย โดย พล.ต.สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เข้าร่วมหารือ เพื่อเจรจาเกี่ยวกับกรณีปัญหาการรุกล้ำดินแดนในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก จากการหารือเบื้องต้น ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงในประเด็นสำคัญ คือ ฝ่ายทหารกัมพูชายินยอมถอนกำลังกลับไปยังจุดที่เคยประจำการอยู่เดิม ซึ่งอยู่ห่างจากบริเวณที่เกิดเหตุปะทะ หรือแนวต้นพญาสัตบรรณ ลึกเข้าไปในเขตแดนของประเทศกัมพูชา จุดดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ฝ่ายกัมพูชาเคยใช้เป็นแนววางกำลังฐานมาโดยตลอดในอดีต นอกจากนี้ ฝ่ายกัมพูชายังแสดงความยินยอมที่จะดำเนินการกลบคูเลตให้กลับคืนสู่สภาพธรรมชาติตามเดิม ตามข้อเสนอของฝ่ายไทย เพื่อเป็นการลดความตึงเครียด และสร้างบรรยากาศแห่งความร่วมมือ ภายหลังจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันที่จะใช้กลไกระดับคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น เป็นช่องทางในการหารือแนวทางบริหารจัดการพื้นที่อย่างเหมาะสมและยั่งยืนต่อไป.-313-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งกองกำลังสุรนารี ปรับเวลาเปิด-ปิด จุดผ่านแดนกัมพูชา 

8 มิ.ย.- เกาะติดสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา แม่ทัพภาค 2 ลงนามคำสั่งให้อำนาจผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี พิจารณาปรับเวลาเปิด-ปิด ด่านถาวรและจุดผ่อนปรนการค้า 4 ด่าน มีผลทันทีเมื่อคืนนี้ กองทัพภาคที่ 2 ออกหนังสือคำสั่ง การควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี ตามคำสั่งกองทัพบก เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ให้กองทัพภาคที่ 2 โดยกองกำลังกำลังสุรนารีมีอำนาจการควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี วิธีการและเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลา ที่จำเป็นเหมาะสม ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี ดังนี้