ชัวร์ก่อนแชร์: รู้ทันกับดักความลำเอียงของสื่อ (Media Bias)

ขึ้นชื่อว่าสื่อ เราอาจจะคิดว่าต้องเป็นกลาง และรายงานแต่ข้อเท็จจริงโดยไม่มีการตัดสินเลือกข้างใด ๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ถูกต้องในทางทฤษฎี แต่ในทางปฏิบัตินั้น ทำได้ยาก เนื่องจากข้อจำกัดหลายอย่างที่ทำให้สื่อไม่อาจนำเสนอข่าวรอบด้านได้ บทความต่อไปนี้จึงอธิบายให้เห็นโดยสังเขปว่า สื่อไม่มีความเป็นกลางอย่างไร และจะรู้ได้อย่างไรว่าเรากำลังโดนชักนำอยู่


Media Bias คืออะไร ?

ไบแอส คือ อคติ หรือความลำเอียง ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถมีกันได้ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นกับคนที่เรารักเราชอบ พรรคพวกเราเอง เวลาจะตัดสินความชอบธรรมอะไร เราอาจจะมีไบแอสแฝงอยู่บ้าง เช่นวลีชื่อดังที่เราได้ยินตามข่าวบ่อย ๆ ว่า “ลูกชั้นเป็นคนดี” ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเมื่อพิจารณาถึงธรรมชาติของมนุษย์ เราจึงต้องมีคนกลางคอยตัดสินอยู่เสมอ คือพวกที่ไม่ฝักฝ่ายใด หรือศาลนั่นเอง


ซึ่งพอคำนี้มารวมอยู่กับสื่อ มันก็จะหมายถึง อคติของสื่อ คือการที่สื่อรายงานข้อมูลแบบไม่เป็นกลาง จนไม่เป็นไปตามมาตรฐานและจริยธรรมของการสื่อข่าว เราจะเห็นได้ชัดกับเรื่องเกี่ยวกับการเมือง และบางสื่ออาจจะแสดงออกให้เห็นชัดเจนเลยว่าตนฝักใฝ่ฝ่ายไหน ซ้ายหรือขวา เขาก็จะเล่าข่าวเอนเอียงไปทางนั้น
ทั้งนี้ สื่อประเภทนี้มักไม่น่ากลัวเท่าประเภทที่ทำทีว่าจะนำเสนอว่าเป็นกลาง แต่ไม่เป็นกลาง ก็คือประเภทที่แอบใส่ความลำเอียงลงไปนั่นเอง จนบางทีผู้เสพสื่อทั้งหลายก็อาจจะคิดไม่ถึง และโดนชักจูงไปโดยไม่ได้ตั้งใจเหมือนกัน


เพราะฉะนั้นบทความต่อไปนี้จะเป็นการบอกกล่าว ว่าวิธีที่สื่อใช้ในการนำเสนอข่าวแบบใส่อติลงไปด้วย เป็นอย่างไร เพื่อที่ผู้อ่านจะได้ใช้วิจารณญานในการรับฟังอย่างทันท่วงที โดยไม่ไหลไปกับเจตนาของสื่อ

การลำเอียงโดยการละเว้น

คือการที่สื่อนำเสนอข้อเท็จจริงไม่รอบด้าน นำเสนอเพียงแค่ฝั่งเดียว จนส่งผลกระทบต่อมุมมองของผู้เสพข่าวในการตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องนั้น ๆ ยกตัวอย่างเช่น การที่สื่อนำเสนอเรื่อง ผลกระทบของการเล่นวิดีโอเกมในเด็กวัยรุ่น
สื่ออาจจะนำเสนอแต่ข้อเสีย ด้านแย่ ๆ ของวิดีโอเกม จนมันตกเป็นจำเลยของสังคมเวลาเด็กมีพฤติกรรมก้าวร้าว หรือมีกระทำความรุนแรงได้ ทั้งที่จริงแล้ว ข้อดีมันก็มีอยู่บ้าง เช่นการสนับสนุน E-sport หรือการช่วยฝึกสมองเป็นต้น เพียงแต่ข้อเท็จจริงเหล่านี้ ผู้ปกครองอาจจะเข้าไม่ถึง เนื่องจากสื่อละเว้นในการนำเสนอนั่นเอง


การลำเอียงโดยการเลือกอ้างอิง

การที่สื่อจะนำเสนอข้อเท็จจริงต่าง ๆ สื่อก็ต้องมีแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ว่าข้อมูลนั้นน่าเชื่อถือ เช่น มีการยกคำของผู้เชี่ยวชาญมาพูด อาจจะใช้ชื่อบุคคลที่มีชื่อเสียงมาเป็นอ้างอิง หรือสัมภาษณ์คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่าง ๆ แต่บางครั้ง เราอาจต้องลองสังเกตดูว่า สื่อจงใจเลือกแต่แหล่งอ้างอิงที่สนับสนุนแต่ฝ่ายของตนเองหรือไม่

เวลาที่สื่อใช้คำว่า “ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า” “ผู้เห็นเหตุการณ์แจ้งว่า” หรือ “คนส่วนใหญ่เชื่อกันว่า”
อาจเป็นเพียงสิ่งที่สื่อคัดมาให้สอดคล้องกับฝั่งของตนเอง เช่น ถ้าสื่อจะนำเสนอเรื่อง “ผลกระทบของวิดีโอเกม” แล้วสื่อมีไบแอสในด้านแย่ ๆ ของเกมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว สื่ออาจจะไปเล็งสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมความรุนแรงในเด็กเท่านั้น เพื่อมาสนับสนุนประเด็นของตนเอง หรือ สื่ออาจใช้วิธีคัดเฉพาะ quote หรือคำพูดที่ไปในทิศทางเดียวกับข้อเท็จจริงที่จะนำเสนอเท่านั้น

การที่จะแยกความลำเอียงตรงนี้ สามารถทำได้โดยการสังเกตว่า อ้างอิงที่สื่อยกมา โดยพื้นเพแล้วเป็นพวกไหน ฝ่ายไหน หรือมีความเกี่ยวข้องกับองค์กรใดองค์กรหนึ่งอย่างไร แล้วผู้อ่านก็จะเริ่มข้าใจได้ว่า ข้อเท็จจริงที่ยกมามีแนวโน้มที่จะเอนเอียงไปทางฝ่ายของเขาอยู่หรือเปล่า

การลำเอียงโดยการจัดตำแหน่ง วางลำดับความสำคัญ

บางครั้งสื่อก็นำเสนอข้อมูลด้านหนึ่งที่เด่นกว่าอีกด้านหนึ่ง ถึงแม้จะเล่าข่าวทั้งสองด้านก็ตาม ด้านหนึ่งอาจจะเล่าสั้น ๆ ข้อมูลคลุมเครือ ในขณะที่อีกด้าน สื่อนำเสนอได้อย่างละเอียดและเห็นภาพ

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน ก็คือ พาดหัวข่าวที่เน้นเรียกผู้อ่านให้เข้ามาดูจำนวนมาก หากสังเกตดี ๆ ผู้อ่านจะเห็นว่าบางข่าวจะมีตัวหนังสือเล็ก ๆ ต่อท้ายเพื่อขยายความ ซึ่งอาจจะเป็นคนละประเด็นกับพาดหัว ซึ่งสำหรับผู้อ่านบางท่านอาจจะเข้าใจผิดไปเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากไม่ได้อ่านเนื้อหาข้างในให้ละเอียดถี่ถ้วน

การลำเอียงโดยเทคนิคการใช้คำพูดที่สื่อถึงอารมณ์

การใช้ภาษาในการบรรยายข่าวที่กระตุ้นอารมณ์ผู้อ่านมากเกินไป อาจจะทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิด หรือมีความรู้สึกต่อข่าวนั้น ๆ ตามที่สื่อชักนำได้ ยกตัวอย่างเช่น คำว่า ช็อก ตะลึง เศร้า ที่เกริ่นนำมาก่อนเนื้อข่าว คำเหล่านี้ สื่อต้องการให้ผู้อ่าน อ่านแล้วเกิดอารมณ์ความรู้สึกอย่างที่สื่อต้องการให้เราเป็น และส่งผลต่อมุมมองในแง่บวกและแง่ลบของผู้ชมได้
ลองสังเกตว่า สื่อไหนที่ใช้คำที่มันเกินจริง แสดงว่าสื่อนั้นอาจจะต้องการเล่นกับอารมณ์ความรู้สึกผู้เสพข่าว เช่น สื่ออาจจะชักนำให้เราเห็นใจบุคคลในข่าว หรือในทางกลับกัน ก็อาจจะปลุกปั่นให้เราเกลียดคนในข่าวได้เหมือนกัน ถึงแม้เนื้อหาข่าวที่เล่าจะเป็นข้อเท็จจริงทั้งหมดก็ตาม

การลำเอียงโดยการเสนอความคิดเห็นเป็นข้อเท็จจริง

ถึงแม้ว่าจะมีความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่าง Opinion กับ Facts แต่บางครั้งผู้อ่านก็สับสน เนื่องจากสื่ออาจจะใช้วิธีแอบใส่ความเห็นส่วนตัวลงไปในข้อเท็จจริงให้ปนกัน ทำให้ผู้อ่านหลงคิดไปว่า ที่นำเสนอมาเป็นข้อเท็จจริงทั้งหมด ทั้งที่จริง ๆ แล้ว มันอาจจะเป็นแค่การคาดคะเน หรือการตีความของผู้สื่อข่าวเองก็ได้

วิธีสังเกตก็คือ ผู้อ่านอาจจะมองหาคีย์เวิร์ดต่าง ๆ ที่สื่อเสริมขึ้นมาเองโดยไม่มีเหตุจำเป็น เช่น คำที่ตัดสินได้จากอารมณ์ความรู้สึก การบรรยายบางสิ่งบางอย่าง ว่า ดี ดีมาก/ ชื่อดัง/ อันดับ1 /ที่สุด หรือว่า แย่ /เลวร้าย/หนักหนาสาหัส ซึ่งคำพวกนี้มักจะแทรกได้ง่ายและไม่ชัดเจนจนเกินไป แต่ก็มีผลกระทบกับการตัดสินของผู้เสพข่าวได้เช่นกัน

ที่มา: Allsides / “How to Spot 12 Types of Media Bias”

เรียบเรียงโดย: ชณิดา ภิรมณ์ยินดี


ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นายกฯ ถึงอุบลฯ แม่ทัพภาค 2 รอรับ ชวนรับดอกไม้ชาวบ้าน

อุบลราชธานี 20 มิ.ย.-นายกฯ ถึงอุบลราชธานี แม่ทัพภาค 2 รอรับ ชวนรับดอกไม้จากประชาชน ก่อนขึ้น ฮ.ไปฐานมรกต ให้กำลังใจทหารแนวหน้า ขำสื่อรุมถาม “ไมค์เขกหัวนายกฯ” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงกองบิน 21 จ.อุบลราชธานี โดยมี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 รอรับ และเดินทางต่อไปที่สนามกีฬานานาชาติ อบต.โดมประดิษฐ์ มีว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี นายเกรียง กัลป์ตินันท์ อดีต รมว.มหาดไทย และ สส.พรรคเพื่อไทย มารอต้อนรับ น.ส.แพทองธาร ได้มอบสิ่งของให้แก่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) และกล่าวทักทายอย่างเป็นกันเอง โดยชาวบ้านหลายคนนำดอกกุหลาบ และผ้าขาวม้า มามอบให้เป็นกำลังใจแก่นายกฯ ในระหว่างที่ประชาชนมอบดอกไม้ให้ นายกฯ ชวนแม่ทัพภาคที่ 2 มารับดอกไม้และถ่ายภาพร่วมกัน ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงการพูดคุยกับแม่ทัพภาคที่ 2 ได้เคลียร์ใจแล้วหรือไม่ […]

พรรคเสนอชื่อนายกฯ ได้ ต้องมี สส. 25 คน

รัฐสภา 20 มิ.ย.-เลขาธิการสภาฯ แจงพรรคเสนอชื่อนายกฯ ได้ ต้องมี สส. 25 คน แม้จะมีชื่อในบัญชี ก็ไม่เป็นผล ว่าที่ร้องตรีอาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หากต้องมีการเลือกนายกฯ ใหม่ ว่า บุคคลที่สามารถได้รับการเสนอชื่อจะต้องเป็นบุคคลที่มีรายชื่อในบัญชีที่เสนอต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง โดยพรรคที่สามารถเสนอชื่อบุคคลเป็นนายกฯได้ จะต้องมี สส.จำนวน 5% ของสส. 500 คน คือมี สส. 25 คน ตามมาตรา 159 วรรค 1 ซึ่งในขณะนี้มี สส.ในสภาฯ จำนวน 495 คน 5% คือ 24.75 ซึ่งพรรคพลังประชารัฐขณะนี้มี สส.เหลือไม่ถึง 20 คน จึงไม่สามารถเสนอบุคคลในบัญชีรายชื่อคือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นนายกฯ ได้ ตามมาตรา 159 […]

ทหารเรือเกษียณเลือดร้อน ยิงข้างห้องดับ 1 เจ็บ 1

ชุมพร 20 มิ.ย. – ทหารเรือเกษียณเลือดร้อน ฉุนข้างห้องติดเครื่องรถกระบะจอดแช่นาน เกิดมีปากเสียง คว้าปืนยิงสามีเข้าที่คอบาดเจ็บ ส่วนภรรยาโดนยิงเข้าเบ้าตาเสียชีวิต ตำรวจ สภ.เมืองชุมพร เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุยิงกัน บริเวณห้องเช่า ริมถนนซอยสุขาภิบาล 17 – วัดเขาปุก ต.วังไผ่ อ.เมือง จ.ชุมพร ที่เกิดเหตุเป็นห้องแถวเช่าติดกัน 4 ห้อง บริเวณหน้าห้องซ้ายสุด มีรถกระบะสีดำจอดอยู่ พร้อมกองเลือด ส่วนผู้บาดเจ็บ ทราบชื่อ น.ส.จิราวรรณ อายุ 54 ปี ถูกยิงเข้าที่ตาข้างขวา อาการสาหัส หน่วยกู้ชีพนำส่งโรงพยาบาล ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา นอกจากนั้นยังมีผู้บาดเจ็บอีก 1 คน คือ นายสุรพจน์ อายุ 53 ปี ถูกยิงเข้าที่ไหปลาร้า ใกล้ลำคอด้านขวา แต่กระสุนถากไป ได้รับบาดเจ็บไม่มาก นายสุรพจน์ ให้ข้อมูลว่า คนก่อเหตุยิงเป็นเพื่อนบ้านห้องเช่าใกล้กัน ชอบตะโกนต่อว่าตนว่าติดเครื่องยนต์จอดแช่ไว้นาน ทำให้รำคาญ ซึ่งตนก็บอกไปว่า รถยนต์ตนต้องติดเครื่องวอร์มแช่ไว้ก่อนทุกครั้ง […]

นายกฯ รับคลิปเสียงจริง ซัด “ฮุนเซน” ปล่อยหวังรัฐบาล-กองทัพแตกแยก

ทำเนียบ 18 มิ.ย.- นายกฯ รับคลิปเสียงคุย “ฮุนเซน” เป็นของจริง แจงปมบอกแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นฝ่ายตรงข้าม เป็นเทคนิคการเจรจาต่อรองสร้างสันติภาพ หลัง “ฮุนเซน” โกรธ ชี้จุดประสงค์หวังสร้างคะแนนนิยมรัฐบาลกัมพูชาที่ไม่สนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รับไม่ไว้ใจ จากนี้ไม่ขอคุยส่วนตัว ปัดตอบสัมพันธ์ 2 ตระกูล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงด่วนกรณีมีคลิปเสียงสนทนาระหว่างที่พูดคุยกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เผยแพร่ออกมาผ่านโซเชียลมีเดีย โดยยอมรับว่าเป็นคลิปจริง เป็นการคุยกันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งตนได้ทราบข้อมูลจากล่ามที่แปลว่า ทางสมเด็จฮุน เซน โกรธแม่ทัพภาคที่ 2 ที่มีการพูดกันก่อนหน้านั้น เมื่อได้คุยกัน ตนจึงบอกว่า แม่ทัพภาคที่ 2 พูดกันแบบนี้ ในเมื่อเราทั้งไทยและกัมพูชาเป็นฝั่งตรงข้ามกันอยู่แล้ว ในตอนนั้นก็ต้องพูดแบบนี้ อย่าไปคิดเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่พยายามจะทำความเข้าใจ เพราะทางฝั่งสมเด็จฮุน เซน โกรธเรื่องนี้ และเป็นเทคนิคในการพูดหลังไมค์หลังบ้านแบบส่วนตัว ซึ่งการคุยโทรศัพท์ก็ไม่ควรเอามาเปิดเผย เพราะเป็นเทคนิคในการเจรจาพูดคุยต่อรอง ส่วนตัวคิดว่า ตนทำเพราะมีจุดมุ่งหมายและมีประเด็นที่จะรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขของบ้านเมืองและรักษาอธิปไตยของไทยไว้ ให้ผลประโยชน์อยู่กับประเทศชาติและประชาชน ตนก็คุยด้วยความซอฟต์และความนุ่มนวล เพราะบางทีเวลาคุยกันส่วนตัวก็เรียกกันลุงหลาน […]

ข่าวแนะนำ

“แพทองธาร” โพสต์พรรคร่วมฯ มีมติหนุนรัฐบาล ร่วมสร้างเสถียรภาพการเมือง

โรงแรมโรสวูด 22 มิ.ย.- นายกฯ โพสต์พรรคร่วมรัฐบาลมีมติหนุนรัฐบาล ร่วมกันสร้างเสถียรภาพทางการเมือง ชี้ ความเป็นหนึ่งเดียว ช่วยก้าวผ่านสถานการณ์อ่อนไหว เดินหน้ารับมือภัยคุกคามและความมั่นคง ภายหลัง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เชิญพรรคร่วมรัฐบาล หารือ ปรับคณะรัฐมนตรี แทนตำแหน่งที่ว่าง 8 ตำแหน่ง หลังภูมิใจไทยถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล โดยใช้เวลาในการหารือประมาณ 1 ชั่วโมง ล่าสุด เมื่อเวลา 15.30 น. รถบรรดาหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลและเลขาธิการพรรคได้เดินทางออกจากโรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ ขณะที่ นายกรัฐมนตรีได้ ยังอยู่ภายในโรงแรม ก่อนที่ นายกรัฐมนตรี จะโพสต์ภาพถ่ายผ่านโซเชียลร่วมกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล พร้อมระบุข้อความว่า “ประเทศชาติต้องเดินไปข้างหน้า สามัคคีประเทศไทย รวมพลังผลักดันนโยบาย แก้ไขปัญหาเพื่อประชาชน ขอขอบคุณคณะกรรมการบริหารและสมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลทุกท่าน ที่มีมติและประกาศแนวทางสนับสนุนรัฐบาล ร่วมกันสร้างเสถียรภาพทางการเมือง เพื่อรับมือต่อภัยคุกคามความมั่นคงของชาติจากภายนอก และขับเคลื่อนนโยบายแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน ในช่วงเวลาที่รัฐบาลกับกองทัพมีจุดยืนร่วมกัน ยืนยันหลักการประชาธิปไตย ปฏิบัติหน้าที่ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและรวมพลังสามัคคี ความเป็นหนึ่งเดียวของพรรคร่วมรัฐบาล จะเป็นหมุดหมายสำคัญในการผนึกกำลังกันของคนไทย ก้าวผ่านสถานการณ์อ่อนไหวนี้ด้วยความมั่นคง และประสบผลสำเร็จในการปกป้องอธิปไตย ธำรงไว้ซึ่งเกียรติยศศักดิ์ศรีของประเทศชาติและประชาชน ดิฉันเชื่อมั่นว่าไม่มีภัยคุกคามใดจะเหนือกว่าพลังสามัคคีของคนไทย […]

ชายถูกตีหัวทิ้งศพริมถนน พบก่อนตายโพสต์ภาพหลักฐานสำคัญ

สมุทรสาคร 22 มิ.ย.- พบศพชายถูกตีศีรษะเสียชีวิตริมถนน สืบหาเบาะแสจากโซเชียลเจอหลักฐานสำคัญ ตำรวจเร่งล่าตัวผู้ก่อเหตุ ผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือนายอ้วน อายุ 33 ปี สภาพถูกของแข็งตีที่ศีรษะเป็นแผลฉกรรจ์ ถูกทิ้งร่างไว้ริมถนนแคราย หมู่ 5 ต.แคราย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ข้างศพมีขวดเบียร์ตกอยู่ และฝั่งตรงข้ามมีรถจักรยานยนต์ จอดอยู่หน้าร้านโชห่วยใกล้จุดพบศพ คาดว่าเป็นของผู้เสียชีวิต โดยก่อนหน้านี้มีพลเมืองดีขับรถส่งน้ำแข็งผ่านมาพบร่าง จึงโทรแจ้งตำรวจ สภ.กระทุ่มแบนให้มาตรวจสอบ ช่วงตีสี่วันนี้   ตำรวจสังเกตเสื้อที่ผู้เสียชีวิตสวมใส่มีคำสกรีนเป็นชื่อเฟซบุ๊ก จึงเข้าไปตรวจสอบ พบว่าประมาณตีหนึ่ง ผู้เสียชีวิตสวมเสื้อตัวเดียวกัน และโพสต์ภาพคู่กอดคอกับชายคนหนึ่ง ระบุข้อความว่า “จบสะทีนะปัญหาหมู่บ้าน” และที่น่าสังเกตคือวิวในรูปเป็นริมถนนและมีขวดเบียร์ที่พบข้างศพตั้งอยู่ด้านหน้าด้วย และในโพสต์ มีคนมาแสดงความคิดเห็น ข้อความสำคัญว่า “ใครเป็นญาติครับติดต่อผมหน่อย เค้าโดนตี” เรื่องนี้ตำรวจจะเร่งตรวจสอบวงจรปิด คาดว่าจะติดตามตัวผู้ก่อเหตุได้เร็ววันนี้ .-สำนักข่าวไทย

จับตานายกฯ นัดคุยหัวหน้าพรรคร่วม ปรับ ครม.

กรุงเทพฯ 22 มิ.ย. – จับตานายกฯ เชิญแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลที่เหลืออยู่หารือเป็นการภายใน คาดจะมีการพูดคุยเกลี่ยโควตาเพิ่มให้กับพรรคร่วมรัฐบาลตามความเหมาะสม ความเคลื่อนไหวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังมีรายงานว่า วันนี้ (22 มิ.ย.68) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเชิญแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลที่เหลืออยู่หารือเป็นการภายใน ภายหลังพรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล ทำให้ตำแหน่งรัฐมนตรีว่างลง 8 ตำแหน่ง คาดว่าจะมีการพูดคุยเกลี่ยโควตาเพิ่มให้กับพรรคร่วมรัฐบาลตามความเหมาะสม โดยเมื่อเวลา 12.26 น. รถยนต์ของนายกรัฐมนตรีได้เลี้ยวเข้าโรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ.-316-สำนักข่าวไทย

“ฮุน มาเนต” สั่งปิดด่าน 2 แห่ง ตอบโต้ไทยปิดด่านช่องสายตะกู

22 มิ.ย.- “ฮุน มาเนต” นายกฯ กัมพูชา ออกคำสั่งปิดด่าน 2 แห่ง ตอบโต้ทางการไทยปิดด่าน “ช่องสายตะกู” เมื่อเวลา 07.00 น. “ฮุน มาเนต” นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เคลื่อนไหวผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โพสต์หนังสือคำสั่ง โดยระบุว่า ให้ปิดด่านบ้านจุ๊บโกกี อ.บันเตียอำปึล จ.อุดรมีชัย จนกว่าไทยจะเปิดด่านช่องสายตะกู พร้อมระบุว่า เมื่อคืนวานนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรมีชัย ของกัมพูชา ได้รับแจ้งจากกองทัพภาคที่ 2 ของไทย ว่า จะมีการปิดด่านชายแดนช่องสายตะกูอย่างไม่มีกำหนด นอกจากนี้ ผู้นำกัมพูชา ยังได้อนุมัติให้ปิดด่านช่องจวม อ.อัลลองเวง จ.อุดรมีชัย และจะแจ้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ และผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ของไทย รับทราบ สำหรับคำสั่งปิด 2 ด่านดังกล่าว เป็นจุดที่อยู่ฝั่งตรงข้ามด่านช่องสายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ และด่านช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ -สำนักข่าวไทย