ชัวร์ก่อนแชร์: ภูมิคุ้มกันธรรมชาติดีกว่าวัคซีน จริงหรือ?

6 เมษายน 2565
ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย: Factcheck.org (สหรัฐอเมริกา)
แปลและเรียบเรียงบทความโดย: พีรพล อนุตรโสตถิ์, อดิศร สุขสมอรรถ


ประเภทข่าวปลอม: ทำให้เข้าใจผิด

บทสรุป:


  1. เป็นการอ้างผลวิจัยก่อนการระบาดของไวรัสโอไมครอน และก่อนการอนุมัติการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น
  2. งานวิจัยเบื้องต้นหลายชิ้นยืนยันว่าการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นป้องกันการติดเชื้อดีกว่าภูมิคุ้มกันธรรมชาติ

ข้อมูลที่ถูกแชร์:

มีข้อมูลบิดเบือนเผยแพร่ทางสื่อโทรทัศน์ในสหรัฐอเมริกา โดย แรนด์ พอล วุฒิสมาชิกรัฐเคนตักกี จากพรรครีพับลิกัน ให้สัมภาษณ์กับรายการข่าว Fox News เพื่อยืนยันว่าภูมิธรรมชาติจากการติดเชื้อโควิด 19 มีประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อที่ดีกว่าการฉีดวัคซีน โดยอ้างผลการศึกษาของหน่วยงานป้องกันโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (CDC)

FACT CHECK: ตรวจสอบข้อเท็จจริง:


เป็นจริงที่ว่าภูมิคุ้มกันธรรมชาติมีประสิทธิผลป้องกันติดเชื้อโควิด 19 มากกว่าการฉีดวัคซีนในยุคที่ไวรัสเดลต้าระบาด แต่ในยุคที่ไวรัสโอไมครอนซึ่งมีคุณสมบัติหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันเริ่มระบาดตั้งแต่ปลายปี 2021 ผู้เชี่ยวชาญต่างยืนยันว่าการฉีดวัคซีนบูสเตอร์เป็นเข็มที่ 3 สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ดีกว่าการมีภูมิคุ้มกันธรรมชาติ

ดีพทา พัททาชาร์ยา นักภูมิคุ้มกันวิทยา จากมหาวิทยาลัย University of Arizona อธิบายว่าระดับภูมิคุ้มกันขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของไวรัส ก่อนการระบาดของไวรัสเดลต้า ระดับของภูมิคุ้มกันจากวัคซีนและภูมิคุ้มกันธรรมชาติจากการติดเชื้อแทบไม่มีความแตกต่างกัน แต่ในยุคที่ไวรัสเดลต้าระบาด ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันธรรมชาติจากการติดเชื้อโควิด 19 มาก่อน จะมีระดับภูมิคุ้มกันที่สูงกว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนโควิด 19 ชนิด mRNA ครบ 2 โดส แม้จะไม่เท่ากับการฉีดเข็มกระตุ้นก็ตาม

แต่ไม่ว่าจะฉีดวัคซีนครบ 2 โดสหรือเคยติดเชื้อโควิด 19 สายพันธุ์เดลต้าหรือสายพันธุ์ไหนๆ มาก่อน ภูมิคุ้มกันก็ไม่เพียงพอที่จะป้องกันการติดเชื้อแบบมีอาการจากไวรัสโอไมครอนไปได้ เนื่องจากโอไมครอนเป็นสายพันธุ์ที่แตกต่างจากโควิด 19 สายพันธุ์อื่นๆ กระนั้น การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเป็นเข็มที่ 3 หรือการฉีดวัคซีนหลังการติดเชื้อโควิด 19 จะช่วยให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อไวรัสโอไมครอนได้อย่างดี โดยเฉพาะป้องกันการป่วยหนักจากการติดเชื้อ

ข้อมูลที่ แรนด์ พอล อ้างว่าภูมิคุ้มกันธรรมชาติป้องกันการติดเชื้อโควิด 19 ดีกว่าวัคซีน นำมาจากผลวิจัยของ CDC ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 19 มกราคมปี 2022 ซึ่งเป็นการสำรวจการรักษาตัวในโรงพยาบาลจากการติดเชื้อโควิด 19 ของประชากรในรัฐนิวยอร์กและแคลิฟอร์เนีย ระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงเดือนพฤศจิกายนปี 2021 โดยข้อมูลเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายนปี 2021 พบว่าอัตราการเสียชีวิตจากโควิด 19 ในนิวยอร์กและแคลิฟอร์เนียคิดเป็นอัตราการเสียชีวิตถึง 1 ใน 6 ของสหรัฐอเมริกา

รายงานพบว่ากลุ่มที่รักษาตัวในโรงพยาบาลมากที่สุด ได้แก่ผู้ไม่ฉีดวัคซีนและไม่เคยติดเชื้อมาก่อน ในช่วงเดือนมิถุนายนที่ไวรัสเดลต้ายังไม่แพร่ระบาด กลุ่มผู้ที่ฉีดวัคซีนได้รับการป้องกันดียิ่งกว่ากลุ่มผู้ติดเชื้อแล้วฉีดวัคซีน และเป็นช่วงที่พบว่าอัตราการติดเชื้อและรักษาตัวในโรงพยาบาลของกลุ่มผู้ฉีดวัคซีนอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าประชากรกลุ่มอื่นๆ

แต่ในช่วงเดือนตุลาคมที่ไวรัสเดลต้าระบาดในสหรัฐฯ กลุ่มคนที่เคยติดเชื้อโควิด 19 กลับมีอัตราการติดเชื้อเดลต้าต่ำกว่ากลุ่มคนที่ฉีดวัคซีน เนื่องจากเป็นช่วงที่ประสิทธิผลของวัคซีนเริ่มลดลงและไวรัสเดลต้ามีคุณสมบัติหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้ดีกว่าสายพันธุ์ก่อนหน้า

ผลสำรวจการติดเชื้อในรอบสัปดาห์เมื่อวันที่ 3 ตุลาคมปี 2021 พบว่าเมื่อเทียบกับอัตราการติดเชื้อของกลุ่มผู้ไม่ฉีดวัคซีนและไม่เคยติดเชื้อโควิด 19 มาก่อน กลุ่มผู้ฉีดวัคซีนและไม่เคยติดเชื้อมาก่อนในแคลิฟอร์เนียและนิวยอร์ก ติดเชื้อโควิด 19 น้อยกว่า 6 เท่าและ 5 เท่า ส่วนกลุ่มผู้ไม่ฉีดวัคซีนและเคยติดเชื้อมาก่อนในแคลิฟอร์เนียและนิวยอร์ก ติดเชื้อโควิด 19 น้อยกว่า 29 เท่าและ 15 เท่า ส่วนกลุ่มผู้ฉีดวัคซีนและเคยติดเชื้อมาก่อนซึ่งมีภูมิคุ้มกันที่เรียกว่า Hybrid Immunity ทั้งในแคลิฟอร์เนียและนิวยอร์ก ต่างติดเชื้อโควิด 19 น้อยกว่าถึง 33 เท่าและ 20 เท่า

ผลการสำรวจแสดงให้เห็นถึงประสิทธิผลของภูมิคุ้มกันธรรมชาติ แต่ผลสำรวจดังกล่าวยังไม่ได้ศึกษาถึงประสิทธิผลที่ภูมิคุ้มกันธรรมชาติมีต่อไวรัสโอไมครอน และยังไม่มีการเปรียบเทียบกับภูมิคุ้มกันจากการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นอีกด้วย

งานวิจัยเบื้องต้นจากนักวิจัยของสถาบัน Ragon Institute โดยนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัย Harvard University, Massachusetts Institute of Technology และ โรงพยาบาล Massachusetts General Hospital ยืนยันว่าการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นป้องกันการติดเชื้อโอไมครอนได้ดีกว่าภูมิคุ้มกันธรรมชาติ

โดยงานวิจัยซึ่งตีพิมพ์ที่วารสารการแพทย์ Cell เมื่อวันที่ 23 ธันวาคมปี 2021 เป็นการศึกษาจากตัวอย่างเลือดของผู้รับวัคซีนโควิด 19 มากกว่า 200 ราย พบว่าผู้ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นชนิด mRNA จะมีระดับแอนติบอดี้ชนิดลบล้างฤทธิ์ต่อไวรัสโอไมครอนต่ำกว่าไวรัสโควิด 19 สายพันธุ์ดั้งเดิมเพียงเล็กน้อย

อเลฮานโดร บาลาซ์ส นักวิจัยหลักจากสถาบัน Ragon Institute ซึ่งศึกษาการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันต่อไวรัสโอไมครอนและโควิด 19 สายพันธุ์อื่นๆ ยืนยันว่ากลุ่มคนที่ฉีดวัคซีนโควิด 19 ชนิด mRNA 3 เข็ม และไม่เคยติดเชื้อโควิด 19 มาก่อน มีระดับแอนติบอดีสูงกว่ากลุ่มคนที่มีภูมิคุ้มกันธรรมชาติหรือคนที่เคยติดเชื้อแล้วไปฉีดวัคซีน mRNA 2 เข็มอีกด้วย จึงไม่มีเหตุผลที่ผู้คนจะพยายามไปติดเชื้อเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันธรรมชาติ

ดร.วิลเฟรโด การ์เซีย เบลทราน นักวิจัยจากสถาบัน Ragon Institute ชี้แจงว่าผู้ที่ได้ฉีดวัคซีนจะมีระดับแอนติบอดี้ชนิดลบล้างฤทธิ์สูงกว่าคนที่เคยติดเชื้อโควิด 19 และไม่เคยฉีดวัคซีน โดยเฉพาะผู้ติดเชื้อและมีอาการไม่รุนแรงจะมีระดับแอนติบอดี้ชนิดลบล้างฤทธิ์ที่ต่ำมาก

ผลการศึกษาของทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัย Rockefeller University ซึ่งผ่านการพิชญพิจารณ์ (Peer Review) หรือการประเมินความถูกต้องโดยผู้เชี่ยวชาญในแวดวงวิชาการ และตีพิมพ์ทางวารสาร New England Journal of Medicine เมื่อวันที่ 30 ธันวาคมปี 2021 บรรยายถึงการศึกษาพลาสม่าจากกลุ่มตัวอย่าง 47 คน ซึ่งพบว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนโควิด 19 ครบ 2 โดสหรือผู้ที่เคยติดเชื้อโควิด 19 แทบจะไม่มีแอนติบอดี้ชนิดลบล้างฤทธิ์ที่สามารถป้องกันการติดเชื้อโอไมครอน แต่กลุ่มที่ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นชนิด mRNA เป็นเข็มที่ 3 หรือกลุ่มที่เคยติดเชื้อโควิด 19 แล้วฉีดวัคซีน จะมีแอนติบอดี้ชนิดลบล้างฤทธิ์ในระดับสูง

พอล บีเนียสซ์ นักไวรัสวิทยาและนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Rockefeller University ชี้แจงว่า การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นไม่เพียงกระตุ้นระดับภูมิคุ้มกันที่ลดลงหลังจากฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 แต่ยังยกระดับการทำงานของแอนติบอดีและเซลล์ความทรงจำในระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันการติดเชื้อ แม้กับสายพันธุ์ที่ร่างกายไม่มีภูมิคุ้มกันมาก่อน

นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยเบื้องต้นที่ศึกษาระดับภูมิคุ้มกันธรรมชาติที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสโอไมครอนอีกด้วย

งานวิจัยของ Africa Health Research Institute ในประเทศแอฟริกาใต้ซึ่งเป็นผลงานก่อนการตีพิมพ์ (Preprint) ได้ศึกษาพลาสม่าจากกลุ่มตัวอย่าง 15 คน โดยแบ่งเป็นกลุ่มที่ฉีดวัคซีนและไม่ฉีดวัคซีน โดยคนทั้งสองกลุ่มต่างติดเชื้อโควิด 19 สายพันธุ์โอไมครอน ซึ่้งผู้วิจัยพบว่าระดับแอนติบอดี้ชนิดลบล้างฤทธิ์ต่อไวรัสโอไมครอนและเดลต้าจะเพิ่มขึ้นหลังผู้ติดเชื้อแสดงอาการไปจนถึง 2 สัปดาห์หลังติดเชื้อ ซึ่งผลการศึกษาพบว่ากลุ่มผู้ฉีดวัคซีนจะมีระดับแอนติบอดี้ชนิดลบล้างฤทธิ์ต่อไวรัสเดลต้าที่สูงกว่า ส่วนกลุ่มที่ไม่ฉีดวัคซีนจะมีระดับแอนติบอดี้ชนิดลบล้างฤทธิ์ที่ไม่แน่นอน

ผลการศึกษาของ CDC ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 21 มกราคมปี 2022 ซึ่งเป็นการศึกษาประสิทธิผลของวัคซีนต่อการป้องกันการรักษาตัวในโรงพยาบาลจากการติดเชื้อโอไมครอนใน 10 รัฐของสหรัฐฯ โดยพบว่า หลังจากฉีดวัคซีน mRNA เข็มที่ 2 เป็นเวลา 6 เดือนหรือนานกว่านั้น ประสิทธิผลของวัคซีนจะลดลงเหลือ 57% แต่เมื่อฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นไปแล้วเป็นเวลาอย่างน้อย 14 วัน ประสิทธิผลของวัคซีนจะเพิ่มขึ้นถึง 90% และยังพบว่ากลุ่มผู้ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นมีอัตราการติดเชื้อโควิด 19 ต่ำกว่ากลุ่มผู้ไม่ฉีดวัคซีนและกลุ่มผู้ฉีดวัคซีน 2 เข็มอีกด้วย

ข้อมูลอ้างอิง:

https://www.factcheck.org/2022/01/scicheck-studies-show-boosted-immunity-against-omicron-with-booster-doses/

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดปมสามียิงภรรยาดับคารถ ปัญหาเรื่องเงิน

กทม. 11 มิ.ย. – เปิดปมเหตุสามียิงภรรยาดับคารถ พี่ชายกับเพื่อนรุ่นน้องเผยว่าผู้ก่อเหตุมีปัญหาเรื่องเงิน พบช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมา พฤติกรรมเริ่มเปลี่ยนไป จากกรณีนายมีนาพัฒน์ อายุ 40 ปี ก่อเหตุยิงนางสาวนันทิชา อายุ 36 ปี ภรรยาของตัวเอง แล้วทิ้งศพไว้ในรถ ในซอยเพชรเกษม 67 แยก 8 เขตบางแค และหลังก่อเหตุปิดล็อกประตูเงียบอยู่ในบ้านพัก เจ้าหน้าที่ล้อมจับนาน 4 ชั่วโมง จนยอมมอบตัวเมื่อคืนวานนี้ (10 มิ.ย.) ต่อมาพี่ชายของนายมีนาพัฒน์ มาเยี่ยมผู้ก่อเหตุที่ สน.เพชรเกษม เปิดใจยอมรับว่าสาเหตุส่วนใหญ่มาจากปัญหาเรื่องเงิน เมื่อช่วงเดือนเมษายน น้องสะใภ้ (ผู้ตาย) บอกว่า น้องชายนำบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดกไปเข้าธนาคาร 2 ล้านกว่าบาท ซึ่งผิดจากปกติที่น้องไม่เคยมีปัญหาเรื่องเงินมาก่อน เพราะแม่ยกสมบัติให้เยอะมาก ครั้งสุดท้ายที่คุยกับน้องชายคือเมื่อวานนี้ช่วง 19.30 น. น่าหลังจากก่อเหตุฆ่าภรรยาแล้ว คุยกันประมาณครึ่งชั่วโมงสังเกตได้ว่าน้องชายมีอาการสับสน พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่มีบางประโยคที่น้องชายพูดออกมาแล้วรู้สึกหงุดหงิดใจ เรื่องบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดก บอกว่า “บ้านหลังนี้ครอบครัวเราจะต้องได้อยู่” […]

ตำรวจภาค 8 รวบ 3 ราย ขบวนการส่งยาขนมากับรถทัวร์

กระบี่ 11 มิ.ย. – รวบขบวนการค้ายาบ้า ขนมากับรถทัวร์ สายเชียงใหม่-ภูเก็ต 3 แสนเม็ด แวะลงกระบี่ ส่งให้เอเย่นต์สาขาสุราษฎร์ฯ ตำรวจรวบทีเดียวทั้งคนส่งและคนรับ นายอังกูร ศีลาเทวากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น รอง ผบช.ภ.8 รักษาการ ผบ.ภ.จ.กระบี่ แถลงผลการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด ได้ผู้ต้องหา 3 คน พร้อมของกลางยาบ้า 300,000 เม็ด ประกอบด้วย นายสัมพันธ์ อายุ 54 ปี นายสุรพล อายุ 30 ปี และนางสาวสุนารี อายุ 27 ปี พร้อมยึดรถเก๋ง 1 คัน และแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน การจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีการส่งมอบยาบ้ากันบริเวณสามแยกเขาต่อ อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ เมื่อถึงเวลาก็มีรถทัวร์สายเชียงใหม่-ภูเก็ต […]

‘ฮุน มาเนต’ ย้ำทหารกัมพูชาไม่ได้ถอยออกจากพื้นที่

ปารีส 10 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ส่งสารจากฝรั่งเศสถึงชาวกัมพูชา ยืนยันจุดยืนกองทัพไม่ได้ถอนออกจากพื้นที่ภายใต้อธิปไตย พร้อมร่วมมือกับไทยปักปันเขตแดน ตามกลไกเจบีซี ยกเว้น 4 จุดที่จะส่งศาลโลกตัดสิน ฮุน มาเนต ซึ่งอยู่ระหว่างเข้าร่วมการประชุมว่าด้วยมหาสมุทรของสหประชาชาติ ครั้งที่ 3 ที่เมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Hun Manet ส่งสารถึงชาวกัมพูชา มีใจความดังนี้ กองทัพกัมพูชาสนับสนุนความพยายามในการหาทางแก้ไขปัญหานี้โดยสันติ แต่พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนจากการพยายามรุกรานใดๆ กองทัพกัมพูชาพร้อมที่จะเข้าร่วมสนับสนุนกลไกการเจรจาชายแดนกับไทยที่มีคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม เพื่อดำเนินงานรังวัดและปักปันเขตแดนที่เหลือระหว่าง 2 ประเทศต่อไป ยกเว้นประเด็นที่กัมพูชาจะส่งให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ไอซีเจ (ICJ) พิจารณา

นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย

ทำเนียบ 10 มิ.ย.-นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย มอบ รมว.อุตสาหกรรม แก้ปัญหาราคา ก่อนประชุม ครม. ไม่ตอบคำถามสื่อปมเอกสาร รทสช.ขอปรับรัฐมนตรี จับตา ครม. ถกข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ก่อนประชุม JBC 14 มิ.ย.นี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ โดยก่อนการประชุม ประธานสมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และคณะ เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงความขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อย โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐมนตรีติดตามการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรมาโดยตลอด และมารายงานเรื่องนี้อย่างละเอียดอยู่ตลอด ตนทราบปัญหา ทางเกษตรกรจึงเน้นย้ำว่า ปัญหาจะแก้ไขได้ก็ต้องเป็นไปภายใต้การสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรี “อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร” นายกรัฐมนตรี จึงไหว้รับขอบคุณ พร้อมกับกล่าวต่อว่า อะไรที่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ก็พร้อมที่จะแก้ไขในทุกเรื่องอยู่แล้ว จึงอยากให้จัดระบบให้ดี เพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนทุกกลุ่ม ขณะเดียวกันเกษตรกรยังฝากรัฐบาลให้ไปดูแลในการรับซื้อใบอ้อย เนื่องจากเกษตรกรให้ความร่วมมือในการตัดอ้อยสด ทำให้นายกรัฐมนตรีถึงกับกล่าวแซว โห นี่จริงๆ ทำไมไม่ไปเป็นนักการเมือง ในสภาน่าจะเก่งเรื่องนี้ ทำให้เกษตรกรคนดังกล่าวกล่าวว่าลูกชายของตนเป็นนายก 6 สมัยรวด ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะกล่าวขอบคุณ และขอให้ทุกคน”รวยๆ […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ดูบังเกอร์หลบภัย ถามผู้ว่าฯ สุรินทร์ ทำไมไม่ของบ มท.

11 มิ.ย.- นายกฯ ดูชาวบ้านทำบังเกอร์ ร้องโถ่ ก่อนถามผู้ว่าฯ สุรินทร์ ทำไมไม่ของบกระทรวงมหาดไทย หลังรายงาน ขอรับบริจาคมาใช้แทนยางรถยนต์ วันนี้ (11 มิ.ย. 68) เวลา 13.40 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ ลงพื้นที่ต่อมายังหมู่บ้านสกลพัฒนา ตำบลตะเคียน อำเภอกาบเชิง เพื่อพบปะชาวบ้าน มอบสิ่งของ และตรวจดูการทำบังเกอร์หลบภัย โดยทันทีที่นายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึง ได้มีชาวบ้านนำผ้าขาวม้ามามอบให้ ซึ่งนายกฯ รับมาก่อนจะหันไปหานายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่า “ผูกกันเป็นทีม” ก่อนจะมอบสิ่งของอุปโภค – บริโภค เพื่อให้กำลังใจชาวบ้านในพื้นที่ จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมการสร้างบังเกอร์ โดยมีนายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ และผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านสกลพัฒนา รายงาน โดยนายกรัฐมนตรี ถามผู้ว่าฯ ว่า ขอเข้าไปดูได้หรือไม่ และถามชาวบ้านบ้านว่า “ทำมานานหรือยัง” โดยชาวบ้านบอกว่า […]

คุมตัว “หมอแอร์” ฝากขังศาลอาญา-ค้านประกันตัว

กรุงเทพฯ 11 มิ.ย. – คุมตัว “หมอแอร์” ฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ ตำรวจคัดค้านการประกันตัว ส่วนผู้ต้องหาอีก 6 คน ที่ถูกจับในขบวนการเดียวกัน พนักงานสอบสวนจะนำตัวฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ พรุ่งนี้ (12 มิ.ย.) พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามยาเสพติด 1 ควบคุมตัวหมอแอร์ ไปฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากการกระทำความผิดมีอัตราโทษสูง เกรงว่าจะมีการหลบหนีและยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ในระหว่างควบคุมตัว หมอแอร์สวมหมวก แว่นตาดำ และแมสก์ปิดบังใบหน้า พยายามแอบอยู่หลังเจ้าหน้าที่ โดยไม่ตอบคำถามของสื่อมวลชนแต่อย่างใด สำหรับผู้ต้องหาอีก 6 คน ที่ถูกจับในขบวนการเดียวกัน พนักงานสอบสวนจะนำตัวไปฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ วันพรุ่งนี้ (12 มิ.ย.) .-สำนักข่าวไทย

เปิดขบวนการ “หมอแอร์” สวมชื่อคนตายซื้อยาเสียสาว

11 มิ.ย. – ผู้ช่วย ผบ.ตร. นำแถลงกรณี “หมอแอร์” พร้อมพวกรวม 7 คน แอบอ้างชื่อคลินิก 12 แห่ง สั่งซื้อยายาเสียสาว นำมาขายต่อ นาน 3 ปี และยังสวมชื่อคนตาย 370 คน รับยา ขณะที่ รพ.ตำรวจ มีคำสั่งให้ “หมอแอร์” ออกจากราชการไว้ก่อน หลังเมื่อวานนี้ (10 มิ.ย.68) เจ้าหน้าที่บุกจับ “หมอแอร์” คุณหมอชื่อดัง สังกัดโรงพยาบาลตำรวจ พร้อมพวก แอบอ้าง 12 คลินิก สั่งซื้อยาควบคุม (ยาเสียสาว) นำมาขายต่อ นาน 3 ปี วันนี้ (11 มิ.ย.68) มีการแถลงข่าวเรื่องนี้ นำโดย พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย […]

เปิดภาพความจริง! อดีต-ปัจจุบันชายแดนช่องบก

11 มิ.ย. – ‘กองทัพไทย’ เปิดภาพถ่ายแผนที่ทางอากาศ ชายแดนช่องบก อุบลราชธานี เปรียบเทียบอดีต-ปัจจุบัน พบการทำกิจกรรมทางทหาร-ขุดคูเลต-ทำถนนส่งกำลังบำรุง ก่อนเหตุปะทะช่องบก 28 พ.ค.2568 ทีมโฆษกกองทัพไทย เปิดข้อมูลแผนที่ทางอากาศ จัดทำโดยกองบัญชาการกองทัพไทย จากกรณีไทย และกัมพูชา มีข้อสังเกตหลายประเด็นที่ปรากฏในภาพถ่ายทางอากาศตรงจุดปะทะ โดยภาพถ่ายทางอากาศ เริ่มตั้งแต่ปี 2497 ช่วงแรกถ่ายไว้จนถึงปี 2520, 2527 และมีการถ่ายภาพทางอากาศอย่างต่อเนื่อง ส่วนกรณีที่อ้างถึงการยึดครอง และใช้ชีวิตในพื้นที่ที่มีปัญหานานมากแล้วนั้น หากมองตามภาพถ่ายทางอากาศ จะยืนยันได้ว่า ไม่มีการเข้าไปใช้พื้นที่อย่างที่อ้าง ข้อมูลของกองทัพไทย ยังได้เปรียบเทียบเส้นสีแดงในแผนที่ เป็นเส้นแนวที่ไทยยึดถือ ใช้แบ่งแนวเขตระหว่างไทย กัมพูชา และลาว ส่วนจุดปะทะที่เกิดขึ้นนั้น เป็นพื้นที่ที่เข้ามาทางฝั่งไทย ทั้งนี้ กองทัพไทยยังมีการถ่ายทางอากาศต่อเนื่องยาวมาถึงปี 2539, 2546, 2553 และ 2561 เป็นที่สังเกตได้ว่า ช่วง 70 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2497 ไม่มีใครเข้ามาถือครอง และใช้ชีวิตในพื้นที่นั้น หากมองถึงกิจกรรมของประเทศเพื่อนบ้านที่ประเด็นในปัจจุบันนั้น เห็นได้อย่างชัดเจนตามภาพถ่ายทางอากาศว่า มีการเคลื่อนไหวทางการทหารที่แตกต่าง […]