ชัวร์ก่อนแชร์: ภูมิคุ้มกันธรรมชาติดีกว่าวัคซีน จริงหรือ?

6 เมษายน 2565
ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย: Factcheck.org (สหรัฐอเมริกา)
แปลและเรียบเรียงบทความโดย: พีรพล อนุตรโสตถิ์, อดิศร สุขสมอรรถ


ประเภทข่าวปลอม: ทำให้เข้าใจผิด

บทสรุป:


  1. เป็นการอ้างผลวิจัยก่อนการระบาดของไวรัสโอไมครอน และก่อนการอนุมัติการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น
  2. งานวิจัยเบื้องต้นหลายชิ้นยืนยันว่าการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นป้องกันการติดเชื้อดีกว่าภูมิคุ้มกันธรรมชาติ

ข้อมูลที่ถูกแชร์:

มีข้อมูลบิดเบือนเผยแพร่ทางสื่อโทรทัศน์ในสหรัฐอเมริกา โดย แรนด์ พอล วุฒิสมาชิกรัฐเคนตักกี จากพรรครีพับลิกัน ให้สัมภาษณ์กับรายการข่าว Fox News เพื่อยืนยันว่าภูมิธรรมชาติจากการติดเชื้อโควิด 19 มีประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อที่ดีกว่าการฉีดวัคซีน โดยอ้างผลการศึกษาของหน่วยงานป้องกันโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (CDC)

FACT CHECK: ตรวจสอบข้อเท็จจริง:


เป็นจริงที่ว่าภูมิคุ้มกันธรรมชาติมีประสิทธิผลป้องกันติดเชื้อโควิด 19 มากกว่าการฉีดวัคซีนในยุคที่ไวรัสเดลต้าระบาด แต่ในยุคที่ไวรัสโอไมครอนซึ่งมีคุณสมบัติหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันเริ่มระบาดตั้งแต่ปลายปี 2021 ผู้เชี่ยวชาญต่างยืนยันว่าการฉีดวัคซีนบูสเตอร์เป็นเข็มที่ 3 สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ดีกว่าการมีภูมิคุ้มกันธรรมชาติ

ดีพทา พัททาชาร์ยา นักภูมิคุ้มกันวิทยา จากมหาวิทยาลัย University of Arizona อธิบายว่าระดับภูมิคุ้มกันขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของไวรัส ก่อนการระบาดของไวรัสเดลต้า ระดับของภูมิคุ้มกันจากวัคซีนและภูมิคุ้มกันธรรมชาติจากการติดเชื้อแทบไม่มีความแตกต่างกัน แต่ในยุคที่ไวรัสเดลต้าระบาด ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันธรรมชาติจากการติดเชื้อโควิด 19 มาก่อน จะมีระดับภูมิคุ้มกันที่สูงกว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนโควิด 19 ชนิด mRNA ครบ 2 โดส แม้จะไม่เท่ากับการฉีดเข็มกระตุ้นก็ตาม

แต่ไม่ว่าจะฉีดวัคซีนครบ 2 โดสหรือเคยติดเชื้อโควิด 19 สายพันธุ์เดลต้าหรือสายพันธุ์ไหนๆ มาก่อน ภูมิคุ้มกันก็ไม่เพียงพอที่จะป้องกันการติดเชื้อแบบมีอาการจากไวรัสโอไมครอนไปได้ เนื่องจากโอไมครอนเป็นสายพันธุ์ที่แตกต่างจากโควิด 19 สายพันธุ์อื่นๆ กระนั้น การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเป็นเข็มที่ 3 หรือการฉีดวัคซีนหลังการติดเชื้อโควิด 19 จะช่วยให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อไวรัสโอไมครอนได้อย่างดี โดยเฉพาะป้องกันการป่วยหนักจากการติดเชื้อ

ข้อมูลที่ แรนด์ พอล อ้างว่าภูมิคุ้มกันธรรมชาติป้องกันการติดเชื้อโควิด 19 ดีกว่าวัคซีน นำมาจากผลวิจัยของ CDC ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 19 มกราคมปี 2022 ซึ่งเป็นการสำรวจการรักษาตัวในโรงพยาบาลจากการติดเชื้อโควิด 19 ของประชากรในรัฐนิวยอร์กและแคลิฟอร์เนีย ระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงเดือนพฤศจิกายนปี 2021 โดยข้อมูลเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายนปี 2021 พบว่าอัตราการเสียชีวิตจากโควิด 19 ในนิวยอร์กและแคลิฟอร์เนียคิดเป็นอัตราการเสียชีวิตถึง 1 ใน 6 ของสหรัฐอเมริกา

รายงานพบว่ากลุ่มที่รักษาตัวในโรงพยาบาลมากที่สุด ได้แก่ผู้ไม่ฉีดวัคซีนและไม่เคยติดเชื้อมาก่อน ในช่วงเดือนมิถุนายนที่ไวรัสเดลต้ายังไม่แพร่ระบาด กลุ่มผู้ที่ฉีดวัคซีนได้รับการป้องกันดียิ่งกว่ากลุ่มผู้ติดเชื้อแล้วฉีดวัคซีน และเป็นช่วงที่พบว่าอัตราการติดเชื้อและรักษาตัวในโรงพยาบาลของกลุ่มผู้ฉีดวัคซีนอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าประชากรกลุ่มอื่นๆ

แต่ในช่วงเดือนตุลาคมที่ไวรัสเดลต้าระบาดในสหรัฐฯ กลุ่มคนที่เคยติดเชื้อโควิด 19 กลับมีอัตราการติดเชื้อเดลต้าต่ำกว่ากลุ่มคนที่ฉีดวัคซีน เนื่องจากเป็นช่วงที่ประสิทธิผลของวัคซีนเริ่มลดลงและไวรัสเดลต้ามีคุณสมบัติหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้ดีกว่าสายพันธุ์ก่อนหน้า

ผลสำรวจการติดเชื้อในรอบสัปดาห์เมื่อวันที่ 3 ตุลาคมปี 2021 พบว่าเมื่อเทียบกับอัตราการติดเชื้อของกลุ่มผู้ไม่ฉีดวัคซีนและไม่เคยติดเชื้อโควิด 19 มาก่อน กลุ่มผู้ฉีดวัคซีนและไม่เคยติดเชื้อมาก่อนในแคลิฟอร์เนียและนิวยอร์ก ติดเชื้อโควิด 19 น้อยกว่า 6 เท่าและ 5 เท่า ส่วนกลุ่มผู้ไม่ฉีดวัคซีนและเคยติดเชื้อมาก่อนในแคลิฟอร์เนียและนิวยอร์ก ติดเชื้อโควิด 19 น้อยกว่า 29 เท่าและ 15 เท่า ส่วนกลุ่มผู้ฉีดวัคซีนและเคยติดเชื้อมาก่อนซึ่งมีภูมิคุ้มกันที่เรียกว่า Hybrid Immunity ทั้งในแคลิฟอร์เนียและนิวยอร์ก ต่างติดเชื้อโควิด 19 น้อยกว่าถึง 33 เท่าและ 20 เท่า

ผลการสำรวจแสดงให้เห็นถึงประสิทธิผลของภูมิคุ้มกันธรรมชาติ แต่ผลสำรวจดังกล่าวยังไม่ได้ศึกษาถึงประสิทธิผลที่ภูมิคุ้มกันธรรมชาติมีต่อไวรัสโอไมครอน และยังไม่มีการเปรียบเทียบกับภูมิคุ้มกันจากการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นอีกด้วย

งานวิจัยเบื้องต้นจากนักวิจัยของสถาบัน Ragon Institute โดยนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัย Harvard University, Massachusetts Institute of Technology และ โรงพยาบาล Massachusetts General Hospital ยืนยันว่าการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นป้องกันการติดเชื้อโอไมครอนได้ดีกว่าภูมิคุ้มกันธรรมชาติ

โดยงานวิจัยซึ่งตีพิมพ์ที่วารสารการแพทย์ Cell เมื่อวันที่ 23 ธันวาคมปี 2021 เป็นการศึกษาจากตัวอย่างเลือดของผู้รับวัคซีนโควิด 19 มากกว่า 200 ราย พบว่าผู้ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นชนิด mRNA จะมีระดับแอนติบอดี้ชนิดลบล้างฤทธิ์ต่อไวรัสโอไมครอนต่ำกว่าไวรัสโควิด 19 สายพันธุ์ดั้งเดิมเพียงเล็กน้อย

อเลฮานโดร บาลาซ์ส นักวิจัยหลักจากสถาบัน Ragon Institute ซึ่งศึกษาการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันต่อไวรัสโอไมครอนและโควิด 19 สายพันธุ์อื่นๆ ยืนยันว่ากลุ่มคนที่ฉีดวัคซีนโควิด 19 ชนิด mRNA 3 เข็ม และไม่เคยติดเชื้อโควิด 19 มาก่อน มีระดับแอนติบอดีสูงกว่ากลุ่มคนที่มีภูมิคุ้มกันธรรมชาติหรือคนที่เคยติดเชื้อแล้วไปฉีดวัคซีน mRNA 2 เข็มอีกด้วย จึงไม่มีเหตุผลที่ผู้คนจะพยายามไปติดเชื้อเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันธรรมชาติ

ดร.วิลเฟรโด การ์เซีย เบลทราน นักวิจัยจากสถาบัน Ragon Institute ชี้แจงว่าผู้ที่ได้ฉีดวัคซีนจะมีระดับแอนติบอดี้ชนิดลบล้างฤทธิ์สูงกว่าคนที่เคยติดเชื้อโควิด 19 และไม่เคยฉีดวัคซีน โดยเฉพาะผู้ติดเชื้อและมีอาการไม่รุนแรงจะมีระดับแอนติบอดี้ชนิดลบล้างฤทธิ์ที่ต่ำมาก

ผลการศึกษาของทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัย Rockefeller University ซึ่งผ่านการพิชญพิจารณ์ (Peer Review) หรือการประเมินความถูกต้องโดยผู้เชี่ยวชาญในแวดวงวิชาการ และตีพิมพ์ทางวารสาร New England Journal of Medicine เมื่อวันที่ 30 ธันวาคมปี 2021 บรรยายถึงการศึกษาพลาสม่าจากกลุ่มตัวอย่าง 47 คน ซึ่งพบว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนโควิด 19 ครบ 2 โดสหรือผู้ที่เคยติดเชื้อโควิด 19 แทบจะไม่มีแอนติบอดี้ชนิดลบล้างฤทธิ์ที่สามารถป้องกันการติดเชื้อโอไมครอน แต่กลุ่มที่ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นชนิด mRNA เป็นเข็มที่ 3 หรือกลุ่มที่เคยติดเชื้อโควิด 19 แล้วฉีดวัคซีน จะมีแอนติบอดี้ชนิดลบล้างฤทธิ์ในระดับสูง

พอล บีเนียสซ์ นักไวรัสวิทยาและนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Rockefeller University ชี้แจงว่า การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นไม่เพียงกระตุ้นระดับภูมิคุ้มกันที่ลดลงหลังจากฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 แต่ยังยกระดับการทำงานของแอนติบอดีและเซลล์ความทรงจำในระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันการติดเชื้อ แม้กับสายพันธุ์ที่ร่างกายไม่มีภูมิคุ้มกันมาก่อน

นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยเบื้องต้นที่ศึกษาระดับภูมิคุ้มกันธรรมชาติที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสโอไมครอนอีกด้วย

งานวิจัยของ Africa Health Research Institute ในประเทศแอฟริกาใต้ซึ่งเป็นผลงานก่อนการตีพิมพ์ (Preprint) ได้ศึกษาพลาสม่าจากกลุ่มตัวอย่าง 15 คน โดยแบ่งเป็นกลุ่มที่ฉีดวัคซีนและไม่ฉีดวัคซีน โดยคนทั้งสองกลุ่มต่างติดเชื้อโควิด 19 สายพันธุ์โอไมครอน ซึ่้งผู้วิจัยพบว่าระดับแอนติบอดี้ชนิดลบล้างฤทธิ์ต่อไวรัสโอไมครอนและเดลต้าจะเพิ่มขึ้นหลังผู้ติดเชื้อแสดงอาการไปจนถึง 2 สัปดาห์หลังติดเชื้อ ซึ่งผลการศึกษาพบว่ากลุ่มผู้ฉีดวัคซีนจะมีระดับแอนติบอดี้ชนิดลบล้างฤทธิ์ต่อไวรัสเดลต้าที่สูงกว่า ส่วนกลุ่มที่ไม่ฉีดวัคซีนจะมีระดับแอนติบอดี้ชนิดลบล้างฤทธิ์ที่ไม่แน่นอน

ผลการศึกษาของ CDC ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 21 มกราคมปี 2022 ซึ่งเป็นการศึกษาประสิทธิผลของวัคซีนต่อการป้องกันการรักษาตัวในโรงพยาบาลจากการติดเชื้อโอไมครอนใน 10 รัฐของสหรัฐฯ โดยพบว่า หลังจากฉีดวัคซีน mRNA เข็มที่ 2 เป็นเวลา 6 เดือนหรือนานกว่านั้น ประสิทธิผลของวัคซีนจะลดลงเหลือ 57% แต่เมื่อฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นไปแล้วเป็นเวลาอย่างน้อย 14 วัน ประสิทธิผลของวัคซีนจะเพิ่มขึ้นถึง 90% และยังพบว่ากลุ่มผู้ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นมีอัตราการติดเชื้อโควิด 19 ต่ำกว่ากลุ่มผู้ไม่ฉีดวัคซีนและกลุ่มผู้ฉีดวัคซีน 2 เข็มอีกด้วย

ข้อมูลอ้างอิง:

https://www.factcheck.org/2022/01/scicheck-studies-show-boosted-immunity-against-omicron-with-booster-doses/

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ประชุมความร่วมมือไทย-กัมพูชา ปราบสแกมเมอร์

สระแก้ว 16 ก.ย.-วันนี้ที่จังหวัดสระแก้ว มีการประชุมสำคัญระหว่างไทยและกัมพูชา เพื่อหวังแนวทางร่วมมือในการปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสแกมเมอร์.-สำนักข่าวไทย

ผู้ค้าทองคำเสนอตั้งเคลียริ่งเฮาส์ ค้านเก็บภาษีเทรดทอง

กรุงเทพฯ 16 ก.ย. – ราคาทองคำนิวไฮตามตลาดโลก การค้าทองคึกคัก ผู้ค้าทองคำค้านแนวคิดภาครัฐเก็บภาษีเทรดทองคำออนไลน์ เพื่อป้องกันบาทแข็งค่า ระบุถอยหลังเข้าคลอง ทำลายการค้า เสนอ ธปท. “ตั้งเคลียริ่งเฮาส์-ปรับสูตรดูแลค่าเงิน” นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก จำกัด (MTS Gold) กล่าวว่า ในการประชุมระหว่างผู้ค้าทองคำและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) วานนี้ ทาง ธปท.มีการสอบถามความเห็นเรื่อง การที่กระทรวงการคลังอาจออกมาตรการเก็บภาษีในการซื้อ-ขายทองคำ โดยเฉพาะธุรกรรมออนไลน์และมีการชำระเป็นเงินบาท เพื่อลดผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของราคาทองคำต่อเงินบาท ซึ่งทางผู้ค้าทองคำ คัดค้านเพราะจะกระทบต่อการค้าทองคำในองค์รวมของทั้งในและต่างประเทศ ทำลายระบบเศรษฐกิจ โดยในขณะนี้การค้าทองคำทั้งในและต่างประเทศแต่ละปีมีมูลค่ารวมกว่า 3 ล้านล้านบาท/ปี และความนิยมเทรดระบบออนไลน์เพิ่มสูงขึ้น ตามทิศทางเศรษฐกิจดิจิทัล ตอบสนองนพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ ที่นิยมเทรดออนไลน์ทั้งผ่านแอปฯ ต่างๆ และเทรดผ่าน Gold Futures ตลาด TFEX ซึ่งเป็นการเทรดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคาทองคำภายในประเทศ โดยยอดเทรดเติบโตอย่างมากราว 9-20 ตัน/วัน หรือ 20,000-35,000 สัญญาต่อวัน […]

รอลุ้นโฉมหน้า ครม.อนุทิน 1 คาดช้าสุดทูลเกล้าฯ พรุ่งนี้

พรรคภูมิใจไทย 16 ก.ย.-รอลุ้นโฉมหน้า ครม.อนุทิน 1 คาดช้าสุดทูลเกล้าฯ พรุ่งนี้ หลังนายกฯ ลั่นเสร็จสิ้นภายในสัปดาห์นี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้าการนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีอนุทิน 1 คาดว่าจะมีความชัดเจนเร็วสุดในเย็นวันนี้ (16 ก.ย.) หรืออย่างช้าวันพรุ่งนี้ (17 ก.ย.) ซึ่งต้องรอความชัดเจนจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ขณะที่บรรยากาศพรรคภูมิใจไทยในช่วงเช้าวันนี้ยังคงเงียบเหงา มีแกนนำพรรคเดินทางเข้าที่ทำการพรรค อาทิ นายทรงศักดิ์ ทองศรี ว่าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายศุภชัย ใจสมุทร ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคภูมิใจไทย ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เบื้องต้นยังไม่มีกำหนดการเดินทางเข้าพรรคในวันนี้ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้นายอนุทิน ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ไว้ว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรีเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งจะสามารถทูลเกล้าฯ ถลายได้ภายในสัปดาห์นี้.-สำนักข่าวไทย

เตือนภาวะน้ำทะเลหนุนสูง 17-22 ก.ย.

กรุงเทพฯ 16 ก.ย.-สทนช. ออกประกาศเตือน เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูง 17-22 ก.ย.นี้ คาดระดับน้ำบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้าและพื้นที่ใกล้เคียงจะสูงกว่าจุดวิกฤติ 0.20 เมตร เสี่ยงน้ำเอ่อล้นริมเจ้าพระยา-ท่าจีน-แม่กลอง สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ออกประกาศเตือน เรื่อง “เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูง” เตือนประชาชนและหน่วยงานในพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำแม่กลอง ให้เฝ้าระวังระดับน้ำเอ่อล้นตลิ่ง ระหว่างวันที่ 17–22 กันยายน 2568 ในช่วงเวลา 16.00–19.00 น. ของแต่ละวัน โดยเฉพาะพื้นที่นอกแนวคันกั้นน้ำและแนวเขื่อนชั่วคราว ซึ่งยังไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร หรือที่เรียกว่า “แนวฟันหลอ” นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสทนช. กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์ร่วมกับกรมอุทกศาสตร์ คาดว่าช่วงเวลาดังกล่าวจะเป็นช่วงที่ระดับน้ำทะเลหนุนสูง โดยระดับน้ำบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้าและพื้นที่ใกล้เคียงอาจสูงถึง 1.70–1.90 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ซึ่งสูงกว่าระดับน้ำวิกฤติประมาณ 0.20 เมตร ปัจจัยที่ส่งผลต่อการหนุนสูงของน้ำทะเลในช่วงนี้ได้แก่ ร่องมรสุมที่พาดผ่านประเทศไทย ประกอบกับลมตะวันออกเฉียงใต้และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่มีกำลังปานกลาง ซึ่งยังคงพัดปกคลุมประเทศไทยและบริเวณอ่าวไทย ส่งผลให้บางพื้นที่ยังคงมีฝนตก และเมื่อรวมกับปรากฏการณ์น้ำทะเลหนุน จะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเพิ่มสูงขึ้น เกิดน้ำเอ่อล้นตลิ่งในพื้นที่ลุ่มต่ำริมน้ำ พื้นที่เสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ […]