ชัวร์ก่อนแชร์: ฉีดวัคซีนซ้ำๆ จะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนล้า จริงหรือ?

5 เมษายน 2565
ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย: Factcheck.org (สหรัฐอเมริกา)
แปลและเรียบเรียงบทความโดย: พีรพล อนุตรโสตถิ์, อดิศร สุขสมอรรถ


ประเภทข่าวปลอม: ข้อมูลเท็จ

บทสรุป:


  1. ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนล้า จะเกิดขึ้นเมื่อเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดทีเซลล์หยุดการทำงานหลังถูกกระตุ้นด้วยแอนติเจนของเชื้อโรคอย่างต่อเนื่อง
  2. แต่การฉีดวัคซีนตามช่วงเวลาที่กำหนดไม่ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนล้าแต่อย่างใด

ข้อมูลที่ถูกแชร์:

มีข้อมูลเท็จที่อ้างว่าการฉัดวัคซีนซ้ำๆ จะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนล้าเผยแพร่ตามสื่อต่างๆ ในสหรัฐอเมริกา โดย บิล มาร์ ดาวตลกและพิธีกรชาวอเมริกัน ให้สัมภาษณ์กับทางเว็บไซต์ Deadline ว่าการฉีดวัคซีนซ้ำๆ จะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนล้า โดยอ้างงานวิจัยจากประเทศอิสราเอลที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ New York Times จนสื่อที่เผยแพร่แนวติดต่อต้านวัคซีนนำข้อความไปแชร์ต่อในวงกว้าง ส่วนเว็บไซต์ Children’s Health Defense ของ โรเบิร์ต เอฟ เคนเนดี จูเนียร์ นักเคลื่อนไหวต่อต้านวัคซีน ก็อ้างว่าองค์การยาของสหภาพยุโรป (EMA) ยอมรับในแถลงการณ์ว่า การฉีดวัคซีนซ้ำๆ จะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนล้าเช่นเดียวกัน

FACT CHECK: ตรวจสอบข้อเท็จจริง:


บทความจากหนังสือพิมพ์ New York Times เมื่อวันที่ 23 ธันวาคมปี 2021 มีรายงานเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันอ่อนล้าจากการฉีดวัคซีนซ้ำๆ ซึ่งประเด็นเริ่มมาจากการตั้งข้อสงสัยโดยสมาชิกบางรายในคณะที่ปรึกษาด้านวัคซีนของรัฐบาลอิสราเอล ระหว่างการหารือเรื่องความเหมาะสมในการออกนโยบายฉีดวัคซีนโควิด 19 เข็มที่ 4 ให้กับประชาชน

อย่างไรก็ดี ดร.ทาล บรอช นิสสิมอฟ สมาชิกคณะที่ปรึกษาด้านวัคซีนของอิสราเอลชี้แจงว่า ผู้เชี่ยวชาญที่ตั้งข้อสงสัยดังกล่าวไม่ใช่สมาชิกที่ร่วมกำหนดนโยบายของคณะที่ปรึกษา พวกเขานำเรื่องดังกล่าวไปพูดกับสื่อ แล้วจึงมาหารือกับคณะที่ปรึกษาในภายหลัง ซึ่งดร.ทาล บรอช นิสสิมอฟ มองว่า ปัจจุบันยังไม่หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันได้ว่าการฉีดวัคซีนซ้ำๆ จะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนล้า

ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนล้า (immune system fatigue) ยังมีความหมายที่คลุมเครือ เนื่องจากไม่ใช่ศัพท์เทคนิกทางการแพทย์ ความหมายที่ใกล้เคียงคือความอ่อนล้าของเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดทีเซลล์ (T cell exhaustion) ซึ่งเป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นกับทีเซลล์ซึ่งทำหน้าที่ตรวจหาและกำจัดแอนติเจนของเชื้อโรค ความอ่อนล้าของทีเซลล์จะทำให้ทีเซลล์หยุดการทำงานหรือทำงานผิดปกติ หลังจากถูกกระตุ้นด้วยแอนติเจนอย่างต่อเนื่อง ทั้งแอนติเจนจากไวรัสหรือเนื้องอก

เอ็ดเวิร์ด จอห์น แวร์รี ที่ 3 นักภูมิคุ้มกันวิทยาจากมหาวิทยาลัย University of Pennsylvania ผู้ศึกษาปรากฏการณ์ความอ่อนล้าของทีเซลล์อธิบายว่า T cell exhaustion จะเกิดขึ้นเมื่อการกระตุ้นจากแอนติเจนเป็นไปอย่างต่อเนื่องและไม่หยุดพัก เช่นที่เกิดกับผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่นไวรัสตับอักเสบซีหรือไวรัส HIV หรือในกรณีของผู้ป่วยมะเร็งที่ระบบภูมิคุ้มกันไม่สามารถควบคุมหรือกำจัดแอนติเจนจากเนื้อร้ายได้

แต่จอห์น แวร์รี ยืนยันว่าการฉีดวัคซีนซ้ำๆ ตามช่วงเวลาที่กำหนด ไม่ว่าจะเป็นการฉีดวัคซีนประจำปี หรือแม้แต่ฉีดวัคซีนทุก 4 เดือน จะไม่ก่อให้เกิดความอ่อนล้าในระบบภูมิคุ้มกัน และไม่มีหลักฐานว่าการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นมีส่วนทำให้ระบบภูมิคุ้มกันเกิดความอ่อนล้า เหมือนที่หนังสือพิมพ์ New York Times รายงาน

นอกจากนี้ ยังมีรายงานพบว่า ผู้ป่วยภูมิคุ้มกันอ่อนแอที่ติดเชื้อโควิด 19 จนป่วยโควิดเรื้อรังเป็นเวลาหลายสัปดาห์จนถึงหลายเดือน อาจทำให้ภูมิคุ้มกันเกิดการอ่อนล้าได้ ดังนั้นการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นน่าจะเป็นการป้องกันการอ่อนล้าของระบบภูมิคุ้มกันได้อีกทางหนึ่ง

สิ่งที่เกิดขึ้นจากการฉีดวัคซีนถี่เกินไป คือการได้รับประสิทธิผลจากวัคซีนลดลง

ฟรานเซส อี. ลุนด์ ผู้อำนวยการสถาบันภูมิคุ้มกันวิทยา มหาวิทยาลัย University of Alabama ชี้แจงว่า หากฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นถี่เกินไป เช่นฉีดทุกหนึ่งเดือน จะไม่ก่อให้เกิดการอ่อนล้าของระบบภูมิคุ้มกัน แต่จะทำให้การฉีดวัคซีนไม่ได้ผลเต็มที่ เนื่้องจาก mRNA ซึ่งเป็นโปรตีนของไวรัสจะถูกกำจัดอย่างรวดเร็ว จึงไม่ช่วยให้การฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้เพียงพอ การฉีดวัคซีนถี่เกินไปจึงไม่ช่วยให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่อโรคเพิ่มขึ้น แต่ย้ำว่าระยะห่างในการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเป็นเวลา 4 ถึง 6 เดือน ถือเป็นระยะห่างที่เหมาะสม และไม่ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันเกิดความอ่อนล้าหรือไม่ตอบสนองต่อแอนติเจนแต่อย่างใด

ส่วนข้ออ้างของ Children’s Health Defense ที่บอกว่าองค์การยาของสหภาพยุโรป (EMA) เตือนเรื่องการฉีดวัคซีนซ้ำๆ ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนล้า เป็นการบิดเบือนความเห็นของ มาร์โค คาวาเลรี หัวหน้าฝ่ายวางแผนวัคซีนของ EMA ที่แสดงความกังวลว่า หากมีการกำหนดให้ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นถี่เกินไป เช่นฉีดทุกๆ 4 เดือน อาจจะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันตอบสนองไม่ดีเท่าที่คาดหวัง เนื่องจากการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นกระชั้นเกินไป จะทำให้การกระตุ้นระดับแอนติบอดีในการฉีดวัคซีนแต่ละครั้งลดต่ำลง

โฆษกของ EMA ชี้แจงว่า มาร์โค คาวาเลรี ให้ความเห็นว่าการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นถี่เกินไปอาจทำให้ประสิทธิผลของวัคซีนลดลง ไม่ได้บอกว่าระบบภูมิคุ้มกันจะอ่อนล้าลง และมาร์โค คาวาเลรียังสนับสนุนให้ชาวยุโรปเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด 19 เข็มที่ 3 อีกด้วย

แม้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนล้าจากการฉีดวัคซีนจะไม่ใช่สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์กังวล แต่ปัญหาที่ยังเป็นที่ถกเถียงคือ จำนวนการฉีดวัคซีนบูสเตอร์ที่เหมาะสมควรอยู่ที่จำนวนกี่เข็ม

ประเทศอิสราเอลอนุมัติการฉีดวัคซีน Pfizer/BioNTech เข็มที่ 4 ให้กับประชานกลุ่มเสี่ยง แต่รัฐบาลหลายประเทศและนักวิทยาศาสตร์อีกหลายคนยังคิดว่าเร็วเกินไปที่จะประกาศให้มีการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเป็นเข็มที่ 2 ยกเว้นผู้ป่วยที่มีปัญหาภูมิคุ้มกันบกพร่อง

จอห์น แวร์รี ชี้แจงว่าสิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือประโยชน์และความเสี่ยง เพราะความสำคัญของวัคซีนเข็มที่ 4 น้อยกว่าวัคซีนเข็มที่ 1 และ 2 อย่างมาก โดยเฉพาะกับหนุ่มสาวที่มีสุขภาพแข็งแรง เพราะประโยชน์ของการฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 คือการลดตัวเลขผู้ติดเชื้อและฟื้นฟูเศรษฐกิจ แต่การฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 และ 2 คือการป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิตจากการติดเชื้อ จึงจำเป็นต้องคำนึงถึงประโยชน์ของวัคซีนที่ต้องแลกกับอาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการฉีดวัคซีนเข็มที่ 4

ข้อสันนิฐานที่ จอห์น แวร์รี มีต่อวัคซีนเข็มกระตุ้น คือวัคซีนที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใดสายพันธุ์หนึ่งโดยเฉพาะ (immune imprinting) เมื่อฉีดไปมากๆ อาจทำให้ร่างกายลดประสิทธิภาพในการสร้างแอนติบอดีเพื่อรับมือกับไวรัสสายพันธุ์อื่นๆ ในอนาคต โดยยกตัวอย่างว่า หากอนาคตมีการผลิตวัคซีนสำหรับสายพันธุ์โอไมครอนโดยเฉพาะได้สำเร็จ การฉีดวัคซีนชนิดนั้นๆ ซ้ำๆ อาจทำให้ร่างกายขาดความสามารถในการปรับตัวเมื่อต้องเผชิญกับสายพันธุ์ที่คล้ายกับไวรัสเดลต้าซึ่งอาจแพร่ระบาดในอนาคต แม้จะเป็นข้อสันนิฐานที่ยังไม่มีการยืนยันทางวิทยาศาสตร์ก็ตาม

จอห์น แวร์รี ย้ำว่าตนเองสนับสนุนการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นหรือโดสที่ 3 เนื่องจากธรรมชาติของวัคซีน mRNA มักจะได้ผลเมื่อฉีดครบ 3 โดส แต่การฉีดวัคซีน mRNA เป็นเข็มที่ 4 ยังจำเป็นต้องศึกษาประโยชน์และความเสี่ยงต่อไป ปัจจัยขึ้นอยู่กับอัตราการแพร่เชื้อในสังคม, การอุบัติของสายพันธุ์ที่น่ากังวล รวมถึงการผลิตวัคซีนที่กระตุ้นประสิทธิภาพของเซลล์ความทรงจำชนิดทีเซลล์และบีเซลล์ มากกว่าให้ความสำคัญกับระดับแอนติบอดีเท่านั้น

ข้อมูลจากหน่วยงานป้องกันโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (CDC) เมื่อเดือนธันวาคมปี 2021 ซึ่งเป็นช่วงที่ไวรัสโอไมครอนเริ่มแพร่ระบาดในสหรัฐฯ พบว่าชาวอเมริกันอายุ 50 ปีขึ้นไปที่ยังไม่เคยฉีดวัคซีน มีอัตราการรักษาตัวในโรงพยาบาลเพราะติดเชื้อโควิด 19 มากกว่าคนที่ฉีดวัคซีน 2 โดสถึง 18 เท่า

สำหรับผู้ไม่ฉีดวัคซีนที่มีอายุระหว่าง 50 ถึง 64 ปี ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลมากกว่าผู้ฉีดวัคซีน 3 โดสถึง 46 เท่า ส่วนผู้ไม่ฉีดวัคซีนอายุมากกว่า 65 ปี ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลมากกว่าคนที่ฉีดวัคซีน 3 โดสถึง 52 เท่า

ข้อมูลอ้างอิง:

https://www.factcheck.org/2022/02/scicheck-covid-19-booster-enhances-protection-contrary-to-immune-fatigue-claims/

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ทูน” แจ้งความถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะซื้อของย่านคลองถม

สน.พลับพลาไชย1 11 มิ.ย.- “ทูน หิรัญทรัพย์” อดีตนักแสดงรุ่นใหญ่ แจ้งความ สน.พลับพลาไชย 1 ถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะเดินซื้อของย่านคลองถม อีกฝ่ายอ้างป้องกันตัว นายทูน หิรัญทรัพย์ หรือ นายสพัชญ์นนทน์ อายุ 69 ปี อดีตดารานักแสดงรุ่นใหญ่ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.พลับพลาไชย 1 กรณีถูกวัยรุ่น 2 คน รุมทำร้ายร่างกาย ได้รับบาดเจ็บ ขณะไปเดินซื้อของในซอยข้างคลองถมพลาซ่า เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ที่ผ่านมา นายทูน เล่าเหตุการณ์ว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองและครอบครัวได้ไปเดินหาซื้อไฟในย่านคลองถม ระหว่างนั้นก็มีผู้คนมาทักทายเพราะเห็นว่าตัวเองเป็นดารา แต่มีวัยรุ่นคนหนึ่งพูดจาไม่น่าฟังบอกว่าดาราอะไรเคยไม่รู้จัก จึงตักเตือนในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ ว่า จะพูดจาอะไรก็ต้องให้เกียรติคนอื่นโดยเฉพาะคนที่อาวุโสกว่า จนเกิดมีปากเสียงกัน จากนั้นวัยรุ่นดังกล่าวก็ชกเข้าที่เบ้าตาขวา ซึ่งเป็นตาข้างที่บอดอยู่ จึงไม่เห็นหมัด ก่อนจะมีตำรวจเข้ามาระงับเหตุ แต่วัยรุ่นคู่กรณีก็ยังทำท่าไม่พอใจฮึดฮัดใส่อยู่ ก่อนจะถูกควบคุมตัวไปที่ สน.พลับพลาไชย ซึ่งตัวเองก็ได้เดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีด้วยเช่นกัน นายทูน กล่าวว่า ตลอดชีวิตที่เป็นนักแสดงนั้นเคยแต่เจอผู้คนเข้ามาทักทาย ขอถ่ายรูป ด้วยความมีมิตรไมตรี […]

พายุ “หวู่ติบ” ไม่เข้าไทย แต่เสริมมรสุม ฝนเพิ่ม คลื่นแรง เตือนระวังน้ำหลาก

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย.-ไทยมีฝนตกเพิ่ม โดยพายุ​ “หวู่ติบ” จะส่งอิทธิพลให้ร่องมรสุมพาดผ่านและลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น กรมอุตุฯ เตือนประชาชนเฝ้าระวังภัยน้ำหลากและคลื่นลมแรงอย่างใกล้ชิด นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า ช่วงวันที่ 12–13 มิถุนายน 2568 ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งอันดามัน ได้แก่ ระนอง พังงา จันทบุรี และตราด ซึ่งได้รับอิทธิพลจากร่องมรสุมที่พาดผ่านตอนบนของประเทศ และลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรง กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศแจ้ง​เตือน​ว่า พายุโซนร้อน “หวู่ติบ” บริเวณทะเลอันดามันตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ห่างจากเกาะไหหลำของจีนไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 160 กิโลเมตร มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เคลื่อนตัวทางตะวันตกเฉียงเหนือ คาดว่า​ จะขึ้นฝั่งประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 13-14 มิ.ย.68 และจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ แม้ศูนย์กลางพายุจะไม่เข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่พายุนี้เป็นอีกปัจจัยที่เสริมให้ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้หลายพื้นที่มีฝนตกหนัก คลื่นลมในทะเลอันดามันตอนบนสูง 2–3 เมตร และในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองอาจสูงมากกว่า 3 […]

ผลแล็บพบข้าวมันไก่ติดเชื้อ ทำครู-นร.ท้องเสีย 23 คน

ปราจีนบุรี 12 มิ.ย. – แม่ค้ามือเป็นแผล! ครู-นักเรียน กินข้าวมันไก่ ท้องเสียยกชั้น หามส่ง รพ. แพทย์ชี้ชัดผลแล็บ พบเชื้อสตาฟิโลคอคคัส ออเรียส ต้นเหตุทำอาหารเป็นพิษ จากกรณีที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมือง จ.ปราจีนบุรี ต้องระดมทั้งรถตู้โรงเรียน และรถฉุกเฉิน เร่งนำตัวนักเรียนและคุณครู ส่งโรงพยาบาล จำนวน 23 คน หลังทุกคนกินข้าวมันไก่ในช่วงพักกลางวัน พอตกบ่ายก็มีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ และอาเจียน บางรายเป็นไข้หนาวสั่น คาดสาเหตุมาจากอาหารเป็นพิษ ผู้ป่วยถูกนำตัวส่งรักษาอาการที่ห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร รวม 16 คน (นักเรียน 15 คน ครู 1 คน) เบื้องต้น แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วบางส่วนเหลือคุณครูที่ต้องดูอาการเนื่องจากมีอาการช็อก ส่วนนักเรียน ยังคงต้องดูอาการอีก 9 คน ซึ่งคาดว่าแพทย์น่าจะอนุญาตให้กลับบ้านได้ภายในวันนี้ ส่วนที่ รพ.ค่ายจักรพงษ์ มีจำนวน 7 คน (เป็นนักเรียนทั้งหมด) เบื้องต้น […]

หลุดภาพ​ “ชาดา-สันติ-​นายกด๊อยซ์” สะพัดขน 6 สส. ​ซบ ​“ภท.”

กทม. 11​ มิ.ย. – “ชาดา-สันติ-นายกด๊อยซ์” ร่วมวงกินข้าว หลังสะพัดขน “6 สส.มะขามหวาน” เด็กลุงป้อม ย้ายซบ “ภูมิใจไทย” ผู้สื่อข่าวรายงานว่า​ ภายหลัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) มีคำสั่งเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.68 แต่งตั้ง นางจิตรา หมีทอง ซึ่งเป็นทีมงานนายสันติ พร้อมพัฒน์ แกนนำ 6 สส. เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ เป็นคณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) และ รมว.มหาดไทย ล่าสุดช่วงเย็น วันที่ 11 มิ.ย. ได้ปรากฏภาพนายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี แกนนำพรรคภูมิใจไทย ได้รับประทานอาหารเย็น ร่วมกับ นายสันติ และ นายอัครเดช ทองใจสด นายก อบจ.เพชรบูรณ์ ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง […]

ข่าวแนะนำ

สยบรอยร้าว “พีระพันธุ์” โพสต์ภาพคู่ “เอกนัฏ” ยัน รทสช.ไปต่อ

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย. – “พีระพันธุ์” โพสต์ภาพโชว์ปึก “เอกนัฏ” สยบรอยร้าว ขอบคุณร่วมอดทนต่อสู้ทุนใหญ่ ยัน รทสช.ไปต่อแน่ ป้อง “ทีมสุดซอย” ถูกใส่ร้าย เมื่อเวลา 21.00 น. วันนี้ (12 มิ.ย.68) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์ภาพถ่ายคู่กับนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมข้อความระบุว่า “ผูกพันและเชื่อใจ การที่มีคนกล่าวหาขิงว่าจะไปขอให้มาโค่นทำลายผมจากหัวหน้าพรรค ผมได้แต่ขำ ขิงกับผม เราผ่านร้อนผ่านหนาวด้วยกันมามาก คำพูดแบบนี้จึงเป็นเรื่องขำๆ ของคนที่คิดคำแก้ตัวไม่ออก ผมกับท่านเลขาฯ ขิง เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เรารู้จักกันมานาน ตั้งแต่ขิงยังไม่เข้ามาวงการเมือง จนมาทำงานการเมืองร่วมกัน ขิงเป็นคนหนุ่มที่มุ่งมั่นทำงานการเมืองเพื่อประชาชน ไม่ใช่มาเล่นการเมือง เป็นคนซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา เมื่อผมจะทำพรรคการเมือง คนแรกที่ผมคิดถึงจึงเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก ‘ขิง’ ผมหารือกับขิงว่าอยากชวนเขามาทำพรรคการเมืองตามแนวทางที่เราอยากทำอยากให้เป็น คือเป็นพรรคการเมืองที่ทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองและประชาชน เข้ามาแก้ไขปัญหาทุกอย่างเพื่อประชาชน ไม่ใช่เพื่อจะมีสถานะหรือมีตำแหน่งทางการเมือง […]

จับตานายกฯ ถกหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค ปรับ ครม.

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย. – จับตา “นายกฯ แพทองธาร” ถกหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค ปรับ ครม. หลังเลื่อนประชุม ครม.สัญจร จ.พิษณุโลก 23-24 มิ.ย.นี้ คาดรอ ครม.ใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันพรุ่งนี้ (13 มิ.ย.) ที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งลาราชการในเวลา 11.30-13.00 น. หลังจบภารกิจเป็นประธานในพิธีปิดการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลก ประจำปี 2568 และมีรายงานว่านายกฯ มีภารกิจร่วมประชุมผู้ปกครอง จากนั้นจะกลับมาปฏิบัติงานที่ทำเนียบรัฐบาลในช่วงบ่าย ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายกฯ จะเชิญหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค หารือถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ท่ามกลางกระแสข่าวการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีระหว่างพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทย และปัญหาภายในของพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้เกิดความชัดเจน นอกจากนั้นยังมีรายงานว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้แจ้งเลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร ) ระหว่างวันที่ 23-24 มิ.ย.นี้ ที่ จ.พิษณุโลก ออกไปก่อน […]

เสียงจากช่องบก รอวันสันติภาพ

อุบลราชธานี 12 มิ.ย. – ผ่านมาแล้ว 15 วัน นับตั้งแต่เหตุการณ์ปะทะที่ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังคงตึงเครียด แต่ชาวบ้านในพื้นที่ต่างตั้งความหวังว่าการประชุม JBC วันที่ 14 มิ.ย.นี้ จะหาทางออกได้โดยสันติ เพื่อให้ประชาชนทั้งสองประเทศได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ.-สำนักข่าวไทย

แอร์อินเดียพร้อมผู้โดยสาร 242 คน ตกที่สนามบินอาห์เมดาบัด

นิวเดลี 12 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์ อินเดีย ที่กำลังมุ่งหน้าไปยังกรุงลอนดอน ของอังกฤษ พร้อมด้วยผู้โดยสาร 242 คน เกิดอุบัติเหตุตก หลังจากที่เพิ่งออกเดินทางจากสนามบินเมืองอาห์เมดาบัด ทางตะวันตกของอินเดีย เพียงไม่กี่นาที แอร์อินเดีย กล่าวว่า เครื่องบินลำดังกล่าวมีกำหนดเดินทางไปยังสนามบินแก็ตวิก ในอังกฤษ ขณะที่ตำรวจกล่าวว่า เครื่องบินตกในบริเวณพื้นที่พลเรือนใกล้กับสนามบิน ไฟลท์เรดาร์ 24 ซึ่งติดตามความเคลื่อนไหวทางอากาศ กล่าวว่า เครื่องบินลำนี้เป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลเนอร์ ซึ่งเป็นเครื่องบินโดยสารที่ทันสมัยมาก ๆ ที่ให้บริการอยู่ในขณะนี้ โทรทัศน์ของอินเดีย รายงานว่า อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่เครื่องบินกำลังทะยานขึ้นจากสนามบิน ภาพจากโทรทัศน์ช่องหนึ่ง แสดงให้เห็นภาพเครื่องบินออกจากสนามบินและบินอยู่เหนือพื้นที่ย่านพักอาศัยของประชาชน จากนั้นเครื่องบินก็หายไปจากจอ ก่อนที่จะเห็นควันไฟขนาดใหญ่ลอยจากบ้านเรือนประชาชนขึ้นไปบนท้องฟ้า นอกจากนั้น ยังมีภาพประชาชนถูกเคลื่อนย้ายด้วยเปลไปยังรถพยาบาลที่นำผู้ได้รับบาดเจ็บไปโรงพยาบาล ช้อมูลการควบคุมการจราจรทางอากาศที่สนามบินอาห์เมดาบัด ระบุว่า เครื่องบินออกเดินทางเมื่อเวลา 13.39 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกับ 15.09 น. ตามเวลาในประเทศไทย จากทางวิ่งหมายเลข 23 เครื่องบินส่งสัญญาณฉุกเฉินขอความช่วยเหลือ แต่หลังจากนั้นก็ติดต่อนักบินไม่ได้อีกเลย.-813.-สำนักข่าวไทย