ชัวร์ก่อนแชร์: ผลวิจัยบราซิลชี้ Ivermectin ลดป่วย-ตายโควิดได้ถึงครึ่ง จริงหรือ?

21 มีนาคม 2565
ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย: Science Feedback (สหรัฐอเมริกา)
แปลและเรียบเรียงบทความโดย: พีรพล อนุตรโสตถิ์, อดิศร สุขสมอรรถ


ประเภทข่าวปลอม: ทำให้เข้าใจผิด

บทสรุป:


  1. เป็นผลจากงานวิจัยที่เต็มไปด้วยข้อบกพร่องและผู้วิจัยมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับบริษัทผู้ผลิตยา Ivermectin
  2. ปัจจุบัน WHO ไม่แนะนำให้ใช้ Ivermectin รักษาผู้ป่วยโควิด 19 ยกเว้นในการทดลอง

ข้อมูลที่ถูกแชร์:

มีข้อมูลบิดเบือนเผยแพร่ทางเว็บไซต์ในสหรัฐอเมริกา โดยเว็บไซต์ต่อต้านวัคซีนทั้ง Gateway Pundit, Zero Hedge และ The Blaze ต่างนำเสนอข้อมูลว่า นักวิจัยในประเทศบราซิลพบว่ายาฆ่าพยาธิชนิด Ivermectin มีประสิทธิผลในการลดการติดเชื้อ, ป่วยหนัก และเสียชีวิตจากโควิด 19 ได้อย่างมาก จนมีการแชร์ข้อความผ่านทาง Facebook กว่า 5,300 ครั้ง

FACT CHECK: ตรวจสอบข้อเท็จจริง:


จากการตรวจสอบของ Science Feedback พบว่างานวิจัยที่กล่าวอ้างเป็นผลงานก่อนการตีพิมพ์ (Preprint) ซึ่งยังไม่ผ่านการพิชญพิจารณ์ (Peer Review ) หรือการประเมินความถูกต้องโดยผู้เชี่ยวชาญในแวดวงวิชาการ

ทีมวิจัยศึกษาผลการรักษาของ Ivermectin ที่มีต่ออัตราการติดเชื้อ, รักษาตัวในโรงพยาบาล และการเสียชีวิตจากโควิด 19 ในเมืองอิตาไชอิ ประเทศบราซิล ระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงธันวาคมปี 2020 โดยกลุ่มตัวอย่างแบ่งเป็นกลุ่มผู้ใช้ Ivermectin รักษาโควิด 19 จำนวน 133,000 คนและกลุ่มผู้ไม่ใช้ Ivermectin รักษาโควิด 19 จำนวน 87,000 คน

แต่ปัญหาของงานวิจัยคือไม่มีการกำหนดตัวแปรกวน (Confounding factors) เช่นอาชีพและรายได้ของกลุ่มตัวอย่าง ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้โอกาสการติดเชื้อของกลุ่มตัวอย่างไม่เท่ากัน และอาจทำให้ผลวิจัยไม่ตรงกับความเป็นจริง

อีกปัญหาสำคัญของงานวิจัยชิ้นนี้คือ ไม่มีการติดตามกลุ่มผู้ใช้ Ivermectin ว่าใช้ยาตรงกับปริมาณที่แนะนำและใช้ในระยะเวลาที่เหมาะสมหรือไม่ จึงไม่อาจรู้ได้ว่าผลจากการรักษาเป็นเพราะการใช้ Ivermectin หรือเพราะปัจจัยอื่น นำไปสู่คำถามว่า หากมีการวิเคราะห์ซ้ำโดยแยกกลุ่มผู้ใช้ Ivermectin อย่างไม่ถูกต้องออกไป การรักษาด้วย Ivermectin จะให้ผลดีเหมือนเดิมหรือเปล่า

นอกจากนี้ ทีมวิจัยยังยอมรับในบทอภิปรายผล (Discussion) ว่าการที่กลุ่มตัวอย่างมีจำนวนมาก จึงไม่อาจรู้ได้ว่ากลุ่มผู้ใช้ Ivermectin ใช้ยาอย่างสม่ำเสมอ, ใช้ในปริมาณที่ถูกต้อง, และใช้ในช่วงเวลาที่ถูกต้องหรือไม่ แต่ทีมวิจัยก็ยังสรุปว่าความไม่สมบูรณ์ของการศึกษา อาจสะท้อนประโยชน์ของการใช้ Ivermectin ต่ำกว่าความเป็นจริง ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงแล้ว ความไม่สมบูรณ์ของการวิจัยอาจบดบังข้อเสียหรือแม้แต่อันตรายจากการใช้ Ivermectin รักษาผู้ติดเชื้อโควิด 19 ได้เช่นเดียวกัน

ความไม่สมบูรณ์ของงานวิจัยชิ้นนี้ ทำให้ กีเดียน เมเยอโรวิทช์ แคทซ์ นักวิทยาการระบาดชาวออสเตรเลีย วิจารณ์ว่าเป็นการวิจัยที่เต็มไปด้วยข้อบกพร่อง และไม่ให้ข้อมูลที่มีประโยชน์ใดๆ เกี่ยวกับการใช้ Ivermectin รักษาผู้ป่วยโควิด 19

ข้อมูลทางสถิติยังพบว่า เมืองอิตาไชอิที่ทีมวิจัยทำการศึกษา เป็นหนึ่งในเมืองที่มีอัตราการเสียชีวิตจากโควิด 19 สูงที่สุดในรัฐซานตา คาตาริน่าของบราซิล จึงเป็นที่สงสัยว่าการใช้ Ivermectin รักษาผู้ป่วยโควิด 19 ได้ผลจริงหรือไม่

ยังมีการเปิดเผยข้อมูลว่า ฟลาวิโอ คาเดเจียนี และ ฮวน ชามี 2 นักวิจัยที่ร่วมในการศึกษาครั้งนี้ เป็นสมาชิกของ Front Line COVID-19 Critical Care Alliance (FLCCC) ซึ่งมีผู้นำกลุ่มคือ ปีแอร์ โครี และ พอล มาริค แพทย์ที่ถูกจับตาจากการโฆษณาชวนเชื่อเรื่องการรักษาโควิด 19 ด้วยยา Ivermectin

British Medical Journal ยังรายงานว่า ฟลาวิโอ คาเดเจียนี เป็นผู้วิจัยหลักในการวิจัยทางคลินิกที่ถูกสภาการสาธารณสุขแห่งชาติบราซิลสอบสวนในข้อหาละเมิดจรรยาบรรณทางการแพทย์และละเมิดสิทธิมนุษยชน นอกจากนี้ยังพบว่างานวิจัยของเขามีผลประโยชน์ทับซ้อนทางธุรกิจกับบริษัทผู้ผลิตยา Ivermectin อีกด้วย

แดเนียล กริฟฟิน แพทย์และนักวิจัยด้านโรคติดเชื้อ มหาวิทยาลัย Columbia University ย้ำเตือนว่า การเผยแพร่ความเข้าใจผิดว่า Ivermectin คือยาวิเศษสำหรับผู้ป่วยโควิด 19 ส่งผลให้ผู้คนปฎิเสธการฉีดวัคซีนและเกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับความปลอดภัยของการใช้ยา นอกจากนี้ ผู้ป่วยที่ใช้ยา Ivermectin รักษาตัวอยู่กับบ้าน ส่งผลให้การรักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นไปอย่างล่าช้า และพลาดโอกาสเข้ารับการรักษาด้วยตัวยาที่ผ่านการรับรอง ในช่วงเวลาที่สำคัญต่อการรักษามากที่สุด

กระแสการใช้ยาฆ่าพยาธิ Ivermectin รักษาผู้ป่วยโควิด 19 เริ่มขึ้นเมื่อผลการทดลองในหลอดทดลองและการทดลองในตัวแฮมเตอร์เมื่อปี 2020 พบว่า Ivermectin อาจมีประโยชน์ในการยับยั้งไวรัสโควิด 19 นำไปสู่การวิจัย Ivermectin กับโควิด 19 อย่างแพร่หลาย

ปัจจุบัน องค์การอนามัยโลก (WHO) องค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) ยังไม่แนะนำให้ใช้ Ivermectin รักษาผู้ป่วยโควิด 19 ยกเว้นในการทดลอง ซึ่งผลการศึกษาในปัจจุบันไม่พบว่า Ivermectin มีประโยชน์ในการรักษาผู้ป่วยโควิด 19

แม้จะมีงานวิจัยบางชิ้นชูประโยชน์ของการใช้ Ivermectin รักษาผู้ป่วยโควิด 19 แต่รายงานของสำนักข่าว BBC เมื่อเดือนตุลาคมปี 2021 พบว่ามากกว่า 1 ใน 3 ของงานวิจัยเรื่อง Ivermectin กับโควิด 19 เต็มไปด้วยข้อบกพร่องในกระบวนการวิจัยที่ร้ายแรงและส่อการกระทำที่ทุจริต

สอดคล้องกับการตรวจสอบของผู้เชี่ยวชาญจาก WHO ที่พบว่างานวิจัยเรื่อง Ivermectin กับโควิด 19 จำนวน 16 ชิ้น เป็นงานวิจัยที่ใช้การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม (Randomized Controlled Trials) ซึ่งมีความน่าเชื่อถือสูง แต่พบว่ามีงานวิจัยเพียง 5 ชิ้นที่เปรียบเทียบการรักษาด้วย Ivermectin กับการรักษาที่เป็นมาตรฐานโดยตรง และ 2 จาก 5 งานวิจัยดังกล่าวมีความลำเอียงในการจัดกลุ่มตัวอย่าง ซึ่งผู้เชี่ยวชาญชี้แจงว่าเมื่อนำเนื้อหาส่วนที่สงสัยว่ามีความลำเอียงออกไป ประโยชน์ของ Ivermectin ในการรักษาผู้ป่วยโควิด 19 ในงานวิจัยเหล่านั้นก็หมดไปทันที

ข้อมูลอ้างอิง:

https://healthfeedback.org/claimreview/ivermectin-study-itajai-contains-methodological-weaknesses-questionable-conclusions/

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]

“ภูมิธรรม” อุบตอบรายละเอียดถก GBC บอกทิศทางดี

ทำเนียบรัฐบาล 6 ส.ค.- “ภูมิธรรม” อุบตอบรายละเอียดถก GBC ไทย-กัมพูชา ขอพูดทีเดียวหลังเจรจา บอกทิศทางดี ด้าน “บิ๊กเล็ก” หวังพรุ่งนี้มีข่าวดี มั่นใจ 90% ยอมรับกังวลบ้าง แต่มีผู้สังเกตการณ์ประเทศอื่น เขมรคงไม่กล้า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และคณะรัฐมนตรีชุดเล็ก ว่า ที่ประชุมวันนี้ได้รับฟังข้อมูลจากคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ฝ่ายเลขานุการ รายงานผลการหารือ ในช่วงวันที่ 4-6 สิงหาคม จากการพูดคุยมีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดี โดยจะแถลงรายละเอียดเมื่อมีการหารือเสร็จสิ้นในช่วงบ่ายของวันพรุ่งนี้ (7 ส.ค.68) ซึ่งการเจรจาในวันพรุ่งนี้ได้ให้แนวทาง พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อเข้าร่วมการประชุม เพื่อให้ได้ข้อยุติอย่างดีที่สุด พร้อมยืนยันว่าในการหารือครั้งนี้จะไม่มีการพูดคุยถึงเรื่องเขตแดนไทย-กัมพูชา ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ยังไม่สามารถตอบได้ ด้านพลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยภายหลังการประขุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ว่า มีความมั่นใจ […]