3 ระยะการตายจากการฉีดวัคซีนโควิด จริงหรือ ?

แม้ว่าจะมีงานวิจัยจากหลายองค์กรทั่วโลกที่ยืนยันว่าวัคซีนโควิด-19 นั้น ปลอดภัยและมีความเสี่ยงต่ำ ประชาชนบางกลุ่มยังคงไม่มั่นใจในความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นต่อตนเอง ปัจจุบันจึงมีข่าวลือมากมายที่อ้างถึงอันตรายของการฉีดวัคซีน รวมถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก การตรวจสอบข้อมูลจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก เพื่อป้องกันการเข้าใจแบบผิด ๆ และทำให้ประชาชนกลัวการฉีดวัคซีนตามมา


คำกล่าวอ้าง

มีข้อความที่ระบุถึง ระยะการตาย 3 ระยะ จากการฉีดวัคซีนโควิด โดยมีใจความหลักดังนี้

  • ระยะที่ 1 (0-30 วัน) จะทำให้เกิดลิ่มเลือด กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หัวใจวาย ฯลฯ
  • ระยะที่ 2 (1-12 เดือน) จะทำให้เกิดภูมิคุ้มกันบกพร่อง แพ้ภูมิตัวเอง หัวใจล้มเหลว ฯลฯ
  • ระยะที่ 2 (1-10 ปี) จะทำให้เกิดโรคมะเร็ง เกิดภาวะมีบุตรยาก ฯลฯ


บทสรุปหลังตรวจสอบ

❌ ข้อมูลไม่เป็นความจริง อย่าแชร์ ❌

  • วันที่ตรวจสอบ: 1 กุมภาพันธ์ 2565
  • ตรวจสอบโดย: ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ สำนักข่าวไทย อสมท
  • คลิปอ้างอิง: https://youtu.be/yRoKDtUhczs

ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกับศ.พญ.กุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยคลินิก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เกี่ยวกับคำกล่าวอ้างข้างต้น  และพบว่าเป็นข้อมูลเท็จ โดยมีคำอธิบายเพื่อหักล้างคำกล่าวอ้างดังนี้

คำอธิบายข้อเท็จจริง

วัคซีนไม่อาจทำให้เสียชีวิตในระยาวแบบที่กล่าวอ้างได้

จากข้อความที่กล่าวอ้าง การตายหลังจากฉีดวัคซีนโควิดจะแบ่งเป็น 3 ระยะ ตั้งแต่ 1 เดือน 1 ปี ไปจนถึง 10 ปี ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว วัคซีนทุกชนิดที่นำมาใช้ในปัจจุบันยังไม่มีหลักการทางวิชาการใดที่ชี้ว่าจะทำให้เกิดการเสียชีวิตในระยะยาวขนาดนั้นได้เลย และหากเราได้ไปศึกษาเบื้องหลังทางวิชาการต่าง ๆ ก็จะเห็นว่าโอกาสที่จะเกิดเช่นนั้นเป็นไปได้ยากมาก


โรคที่กล่าวอ้างไม่ได้สัมพันธ์กับการฉีดวัคซีนใด ๆ

ผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่า วัคซีนไม่ได้นำไปสู่การแท้งบุตร การก่อมะเร็ง การเกิดภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือระบบสืบพันธ์บกพร่อง รวมถึงไม่ได้กระทบกลไกการซ่อมแซม DNA ดังที่กล่าวอ้าง ปัจจุบันยังไม่มีรายงานหรือหลักฐานทางวิชาการใด ๆ ที่ระบุว่าการฉีดวัคซีนโควิด-19 จะส่งผลให้เกิดภาวะข้างต้น

ถึงแม้ว่าวัคซีนอาจจะไปกระตุ้นให้ต่อมน้ำเหลืองโตชั่วคราว แต่ก็ไม่ได้เป็นอันตรายถึงขนาดก่อเป็นมะเร็งอย่างแน่นอน  โดยเฉพาะเรื่องของการขัดขวางกระบวนการซ่อมแซมดีเอ็นเอของร่างกาย เนื่องจากวัคซีน mRNA ไม่ได้เข้าไปไกลถึงนิวเคลียสหรือระบบดีเอ็นเอของเซลล์ของร่างกายมนุษย์ ดังนั้น ตามทฤษฎีแล้ว ยังคงเป็นไปไม่ได้ที่วัคซีน mRNA จะไปกระทบกลไกการซ่อมแซม DNA ของเรา

นอกจากนี้ ยังมีเนื้อหาที่อ้างถึงการพบเซลล์ยักษ์ และภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ที่จะส่งผลให้คนมากกว่า 80% เสียชีวิตในอีก 5 ปีหลังฉีดวัคซีน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญแจ้งว่า ยังไม่มีหลักฐานใด ๆ ที่บ่งชี้ว่าวัคซีน mRNA จะทำให้เกิดภาวะนี้ได้ โดยอธิบายเพิ่มเติมว่า เซลล์ยักษ์ หรือ ไจแอ้นท์เซลล์ (Giant cell) นั้น จะพบได้ในคนที่เป็นกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ชนิดที่ไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งวัคซีนจะไม่สามารถก่อให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบที่เป็นเซลล์ยักษ์นี้ได้

ระยะการตายของวัคซีนโควิดไม่มีจริง แต่ภาวะแพ้สามารถเกิดขึ้นได้

ปัจจุบันได้มีการฉีดวัคซีนโควิด-19 ไปแล้วหลายล้านโดสทั่วโลก และจริงอยู่ว่ามีผู้คนจำนวนหนึ่งที่ได้รับผลข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์อยู่บ้าง เช่น ภาวะแพ้รุนแรง (anaphylaxis) แต่ผู้เชี่ยวชาญก็ยังคงยืนยันว่าวัคซีนเหล่านี้ค่อนข้างปลอดภัย และการฉีดก็ยังเกิดผลดีกว่าไม่ฉีดอย่างแน่นอน เมื่อเทียบกับการที่เราต้องไปเผชิญกับโรคด้วยตนเองโดยที่ไม่มีการป้องกันใด ๆ เลย 

มี 3 ภาวะรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นได้จากการฉีดวัคซีนโควิด-19

ภาวะรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นหลังการฉีดวัคซีนมีอยู่ 3 อย่างด้วยกันที่ควรจับตามอง

  • การเกิดอาการแพ้รุนแรงที่รักษาไม่ทัน

ซึ่งภาษาทางการแพทย์เรียกภาวะแพ้นี้ว่า “อนาฟัยแล็กซิส” (anaphylaxis) โดยภาวะนี้สามารถเกิดได้กับวัคซีนและยาทุกชนิด และมักจะเกิดขึ้นภายใน 30 นาทีหลังจากได้รับวัคซีน เพราะฉะนั้นผู้ป่วยต้องได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีเพื่อไม่ให้เกิดการเสียชีวิต นั่นเป็นสาเหตุที่เราต้องเฝ้ารอดูอาการ 30 นาที หลังฉีดวัคซีนนั่นเอง

ทั้งนี้ การที่มีภาวะแพ้แบบนี้เกิดขึ้นได้ก็ไม่ได้หมายความว่าวัคซีนอันตรายและไม่ควรฉีด เพราะแต่ละคนมีการแพ้รุนแรงที่ต่างกัน เปรียบเสมือนกับคนที่แพ้กุ้ง ที่ทานเข้าไปแล้วอาจจะถึงขั้นแน่นหน้าอกและช็อก ในขณะที่คนที่ไม่แพ้กุ้งก็จะสามารถทานได้อย่างเอร็ดอร่อย เป็นต้น

  • การเกิดภาวะลิ่มเลือดที่เกิดขึ้นแบบพิเศษ

ภาวะนี้จะเกิดจำเพาะเจาะจงกับวัคซีนตระกูลอะดีโนไวรัสเวกเตอร์เท่านั้น ซึ่งวัคซีนชนิดนี้ในประเทศไทยก็คือแอสตร้าเซนเนก้า แต่ก็ยังถือว่าพบได้น้อยมาก มีอัตราเพียง 1 ใน 3 ล้านโดส เท่านั้น

  • การเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ และเยื้อหุ้มหัวใจอักเสบ

ภาวะนี้มีโอกาสพบได้ 1 ในหมื่น หรือ 1 ในแสนราย และเป็นภาวะที่ควรเฝ้าระวัง โดยมักเกิดภายใน 7 วันหลังฉีดวัคซีน ทั้งนี้ ผู้ป่วยที่เป็นมักไม่มีอาการรุนแรง และส่วนใหญ่จะหายได้โดยไม่ต้องการการรักษาแบบจำเพาะ นอกจากนี้ ภาวะนี้มักจะเกิดขึ้นกับวัคซีนตระกูล mRNA และพบในวัคซีนโมเดอร์นามากกว่าไฟเซอร์ โดยมักพบในผู้ชายที่มีอายุต่ำกว่า 30 ปี ในระหว่างฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 เพราะฉะนั้น ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำว่าผู้ชายที่อายุไม่มากควรงดการออกกำลังกายหนัก และพักผ่อนให้มากขึ้นหลังฉีดวัคซีน mRNA เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยไม่เสี่ยงต่อภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะหากมีภาวะนี้เกิดขึ้น ภาวะนี้ก็ไม่ได้พบบ่อยมากนะคะ 1 ในหมื่น หรือ 1 ในแสนราย

สรุปแล้ว การฉีดวัคซีนโควิดมากไปก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ และการฉีดน้อยไปก็อาจจะทำให้เสี่ยงต่อโรคได้ เพราะฉะนั้นผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าวิธีที่เหมาะสมที่สุดก็คือ การฉีดวัคซีนตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข

ตรวจสอบข้อเท็จจริง โดย: ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ สำนักข่าวไทย อสมท

ให้ความรู้โดย: ศ.พญ.กุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยคลินิก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

เรียบเรียงบทความโดย: ชณิดา ภิรมณ์ยินดี


ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เก๋งซิ่งแหกโค้งชนเสาเหล็ก ไฟลุกไหม้คลอกคนขับดับสลด

ลพบุรี 6 มิ.ย. – เก๋งหรูซิ่งเสียงดังลั่น หมุนโชว์กลางสี่แยก ก่อนแหกโค้งชนเสาเหล็กป้ายข้างทางไฟลุกไหม้เสียหายทั้งคัน คลอกคนขับดับสลด เมื่อเวลา 03.30 น.ที่ผ่านมา ร.ต.ท.ชาตรี ทรัพย์นิยมพงศ์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองลพบุรี รับแจ้งรถเก๋งชนเสาข้างถนน ไฟลุกไหม้ทั้งคัน บนถนนทางเข้าบ้านหนองน้ำทิพย์ หมู่ 7 ต.เขาพระงาม อ.เมืองลพบุรี พร้อมแจ้งรถน้ำดับเพลิงป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลเขาพระงาม รุดไปดับไฟ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบ จุดเกิดเหตุพบไฟกำลังลุกไหม้โหมทั่วไปทั้งคันรถ สังเกตดูเบื้องต้นคนขับติดอยู่ที่เบาะนั่งสภาพหมดสติ เจ้าหน้าที่เร่งระดมฉีดน้ำใช้เวลาประมาณ 15 นาที เพลิงสงบ จากการตรวจสอบด้านซ้ายรถชนอัดอยู่กับเสาเหล็กป้ายบอกทาง สภาพเหลือแต่ซาก เบื้องต้นพบเป็นรถเก๋งยี่ห้อยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู ไม่ทราบสี-ทะเบียน ถูกไฟไหม้ เหลืออยู่ครึ่งป้าย ภายในรถพบร่างชายถูกไฟไหม้เกรียม ยังไม่ทราบชื่อว่าเป็นใครมาจากไหน สอบถามนางเล็ก ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองนั่งเฝ้าเครื่องสูบน้ำใกล้จุดเกิดเหตุ ได้ยินเสียงรถเก๋งคันดังกล่าวขับซิ่งมาจากแยกเขาพระงาม มุ่งหน้าไปทางโคกสำโรง เสียงท่ออย่างดังลั่น พอมาถึงสามแยกบ้านหนองน้ำทิพย์ ได้หมุนโชว์กลางแยก 1 รอบ จากนั้นขับไปยูเทิร์นกลับมาอีกรอบ เลี้ยวเข้าทางแยกหนองน้ำทิพย์ได้ประมาณ 300 เมตร […]

ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงิน 12 ล้าน วางทิ้งข้างถังขยะ

นนทบุรี 6 มิ.ย. – ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงินสด 12 ล้าน ในกล่องพลาสติก วางทิ้งข้างถังขยะคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จากกรณีพลเมืองดีพบธนบัตรไทยจำนวนมาก ถูกซุกซ่อนอยู่ภายในกล่องพลาสติก บริเวณคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบเอกสารเกี่ยวกับหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายและซองจดหมาย ปรากฏชื่อบุคคลและหน่วยงานรัฐในเอกสาร จึงได้ยึดธนบัตรดังกล่าวมาที่ สภ.ปากเกร็ด เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นเงินอะไร ได้มาถูกต้องหรือไม่ และใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง เบื้องต้นพบเป็นเงินสดจำนวน 12 ล้านบาท และเมื่อเจ้าหน้าที่นำสายรัดของธนบัตรดังกล่าวไปตรวจสอบ พบว่ามีการจ่ายเงินออกมาจำนวนดังกล่าวตั้งแต่ปี 2563    พลเมืองดีเล่าว่า เวลาประมาณ 20.00 น. ของเมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.) ตนและเพื่อนเดินไปลิฟต์ที่ชั้น 4 ซึ่งข้างลิฟต์เป็นที่ทิ้งขยะ เห็นกล่องสภาพดีวางอยู่ ก็จะเก็บไปใช้ ซึ่งกล่องถูกเปิดแง้มเอาไว้และมีเสื้อผ้าวางทับด้านบน จึงเปิดดูพบเงินสดฉบับละ 1,000 บาท เป็นมัดๆ จำนวนมาก จึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ ความคืบหน้าในการติดตามหาตัวคนที่นำกล่องเงินมาทิ้ง ตำรวจสืบสวน สภ.ปากเกร็ด ได้ลงพื้นที่ไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดที่พบเพื่อหาเบาะแสคนที่นำกล่องพลาสติกมาทิ้ง เบื้องต้นยังไม่พบผู้ต้องสงสัย นอกจากนี้ยังได้พยายามติดต่อกับ นายทวีวัฒน์ […]

น้ำมันรั่วลงทะเล

สั่งเจ้าท่าระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar

ชลบุรี 6 มิ.ย.- “มนพร” สั่งการกรมเจ้าท่าตั้งศูนย์ประสานงานแก้ไขปัญหาและควบคุมสถานการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar บริเวณท่าเรือบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ศรีราชา จังหวัดชลบุรี นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม สั่งการให้ นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน เพื่อ ระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar ซึ่งเป็นเรือบรรทุกน้ำมันดิบสัญชาติสิงคโปร์ หมายเลข IMO 9828962 โดยเหตุเกิดบริเวณทุ่นรับน้ำมันกลางทะเล (SBM2) ของบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ในเขตพื้นที่ศรีราชา จังหวัดชลบุรี เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 00.54 น. โดยมีสาเหตุมาจากท่อส่งน้ำมันที่ชำรุด ส่งผลให้น้ำมันดิบรั่วไหลลงสู่ทะเลในปริมาณประมาณ 20 คิว หรือราว 20 ตัน กรมเจ้าท่าได้ดำเนินการประเมินสถานการณ์โดยเร่งดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานฯ ณ โรงกลั่นน้ำมันของบริษัทไทยออยล์ จังหวัดชลบุรี เพื่อเป็นศูนย์กลางในการควบคุมเหตุการณ์ ทั้งนี้กรมเจ้าท่าในฐานะเลขานุการศูนย์ประสานงาน ได้ประสานกองทัพเรือจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ในการขจัดคราบน้ำมัน จากการสำรวจพื้นที่ พบว่าลักษณะของคราบน้ำมันเป็นคราบสีดำหรือน้ำตาลบาง ๆ […]

นักศึกษาเจอคอลเซ็นเตอร์ปั่นหัวถือมีดบุกโรงพัก

เชียงใหม่ 5 มิ.ย. – แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกนักศึกษาเชียงใหม่ สูญกว่า 2 ล้านบาท พ่อแม่เครียดหมดเนื้อหมดตัว บางรายถูกปั่นหัวให้ถือมีดบุกโรงพักเย้ยตำรวจ พบเฉพาะ สภ.ภูพิงค์ฯ มีเหยื่อโดนหลอกลักษณะนี้แล้วกว่า 300 ราย กล้องวงจรปิดบันทึกภาพนักศึกษาสาว ชั้นปีที่ 4 ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดภายใน สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นเดินไปเข็นวีลแชร์ที่อยู่ตรงหัวมุมอาคาร แล้วก็เข็นไปเข็นมาอยู่อย่างนั้น ก่อนจะถือมีดไปที่บริเวณห้องรับแจ้งความ และอ้างว่า จะมาขอพบตำรวจนายหนึ่ง แต่ไม่มีชื่อนี้อยู่ที่โรงพัก จึงขอพบ พันตำรวจเอก มนัสชัย อินทร์เถื่อน ผู้กำกับ สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ เพราะไปฆ่าคนตายมา ขณะนั้น ตำรวจสืบสวนสังเกตเห็นว่า นักศึกษาสาวมีท่าทางหวาดระแวงใส่หูฟังเหมือนกับทำตามคำสั่งใครสักคนที่สั่งการจากปลายสาย ด้านตำรวจจึงชวนพูดคุยสอบถามสักพัก จนยอมวางมีดลง จากนั้น ตำรวจจึงขอให้ดึงหูฟังออก ปรากฏว่า นักศึกษาสาวกลับได้สติขึ้นมาว่า ชายที่สั่งการทางโทรศัพท์ไม่ใช่ตำรวจจริง เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สั่งให้มาป่วนตำรวจ เนื่องจากไม่มีเงินโอนให้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตำรวจจึงตรวจสอบพบว่า ในวันเดียวกัน […]

ข่าวแนะนำ

ระงับเดินทางเข้า-ออก จุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม-บ้านผักกาด ชั่วคราว

จันทบุรี 7 มิ.ย. – หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี ออกหนังสือราชการ ระงับนักท่องเที่ยวไทย-กัมพูชา เดินทางผ่านเข้า-ออก จุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม – บ้านผักกาด ชั่วคราว ยกเว้นแรงงานกัมพูชาที่เข้ามาทำงานในไทย ผู้สื่อข่าว รายงานว่า นาวาเอกนพโรจน์ สิริปริยพงศ์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี ลงนามในหนังสือราชการด่วนที่สุด แจ้งไปยังผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดจันทบุรี เรื่อง ขอระงับนักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวกัมพูชา เดินทางผ่านเข้า – ออก ณ จุดผ่านแดนถาวรฯ โดยอ้างอิงตามประกาศให้ใช้กฎอัยการศึก ในเขตพื้นที่จังหวัดจันทบุรี เฉพาะอำเภอขลุง อำเภอโป่งน้ำร้อน และอำเภอสอยดาว และตามมาตรา 5 แห่ง พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก 2547 กำหนดให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร มีอำนาจ เหนือเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือน เกี่ยวกับการยุทธ์ การระงับปราบปราม หรือการรักษาความสงบเรียบร้อย และ เจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนต้องปฏิบัติตามความต้องการของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร เนื่องจากปัจจุบันมีสถานการณ์อันเป็นภัยคุกคามจากประเทศกัมพูชา และอาจก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และประชาชนชาวกัมพูชา อาศัยอำนาจตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก 2547 ขอให้ข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง […]

มอบอำนาจ ผบ.กองกำลังบูรพา – สุรนารี คุมจุดผ่านแดนไทย–กัมพูชา

กองทัพบก 7 มิ.ย. – ทบ.ออกคำสั่งมอบอำนาจ ผบ.กองกำลังบูรพา และ ผบ.กองกำลังสุรนารี ควบคุมจุดผ่านแดนแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ตามมติ สมช. พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้ลงนามในคำสั่งกำหนดอำนาจให้ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา และผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี มีอำนาจในการควบคุมการเปิด–ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตลอดแนวชายแดนไทย–กัมพูชา โดยสามารถพิจารณากำหนดมาตรการ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่จำเป็น ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ตามลำดับขั้นความเข้มงวดในแต่ละพื้นที่ การดำเนินการดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องจากมติที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2568 ซึ่งมอบหมายให้กองทัพบกเป็นหน่วยหลักในการควบคุมการเปิด–ปิด จุดผ่านแดนทุกประเภท เพื่อรักษาความมั่นคงของชาติให้เหมาะสมกับสถานการณ์ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติตามข้อกำหนดของกองทัพบกอย่างเคร่งครัด การออกมาตรการดังกล่าวสอดคล้องกับสถานการณ์ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งฝ่ายกัมพูชารุกล้ำชายแดนไทยหลายครั้ง พร้อมแสดงท่าทียั่วยุอย่างเปิดเผย แม้ไทยจะใช้สันติวิธีและพยายามเจรจา แต่กัมพูชายังเสริมกำลังและจัดตั้งฐานทหารใกล้ชายแดน แสดงถึงความไม่ร่วมมือและเป็นภัยต่ออธิปไตยและความมั่นคงของไทย ทำให้ไทยจำเป็นต้องดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพื่อรักษาผลประโยชน์และความสงบเรียบร้อยของประชาชนตามแนวชายแดน สำหรับรายละเอียดทั้งหมดในคำสั่งดังกล่าวสามารถติดตามได้ผ่านช่องทางการสื่อสารทางการของกองทัพบกที่เว็บไซต์ www.rta.mi.th เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องจากทางราชการ -313-สำนักข่าวไทย

ปปง. ร่วมสอบกรณีพบเงินต้องสงสัยถูกทิ้ง 12 ล้าน

7 มิ.ย.- ปปง. ร่วมตรวจสอบกรณีพบเงินสด 12 ล้าน วางทิ้งในกล่องข้างถังขยะคอนโดเมืองทองฯ ชี้ผู้อ้างเป็นเจ้าของเงินต้องชี้แจงรายละเอียดที่มาให้ได้ จากกรณีที่พลเมืองดี พบธนบัตรเงินสด 12 ล้านบาท ในกล่องพลาสติกสีเทา บริเวณคอนโดเมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พร้อมหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย และซองจดหมายเกี่ยวกับสำนักงาน กสทช. ซึ่งปรากฏชื่อในเอกสารดังกล่าว คือ นายทวีวัฒน์ และนายทวีวัฒน์ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนแล้วระบุเป็นเจ้าของเงิน 12 ล้านดังกล่าว นายวิทยา นีติธรรม ผู้ช่วยเลขาธิการ ปปง. ในฐานะโฆษก ปปง. กล่าวถึงเหตุที่เกิดขึ้นว่า ขั้นตอนตามปกติหากพบเหตุสงสัย พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด โดย ปปง. ได้ประสานการทำงานร่วมกับตำรวจอยู่แล้ว ซึ่งต้องสอบสวนคนที่อ้างว่าเป็นเจ้าของเงิน กับผู้เกี่ยวข้องทุกส่วน ทั้งธนาคาร และส่วนงานที่ผู้ที่อ้างเป็นเจ้าของเงินระบุถึง สุดท้ายเจ้าของต้องชี้แจงในรายละเอียดว่าเงินดังกล่าวได้มาอย่างไร ถ้าพนักงานสอบสวนรวบรวมว่า เกี่ยวข้องกับความผิดมูลฐานกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในข้อใด หรือทรัพย์ดังกล่าวอาจเกี่ยวกับการกระทำผิดตามกฎหมายฟอกเงินที่ปัจจุบันมี 28 มูลฐานความผิด การจะมีการประสานส่งเรื่องให้ ปปง. ตรวจสอบตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ขณะนี้ ปปง. […]

“อนุทิน” ย้ำไม่ย้ายกระทรวง ยึดข้อตกลงเดิม​ นายกฯ ให้ความมั่นใจแล้ว

สุวรรณภูมิ​ 7 มิ.ย.-“อนุทิน” ลั่นไม่มีอะไรต้องตกลงแล้ว ทุกอย่างจบตั้งแต่กินช็อกมินต์ หลังกระพือยึดเก้าอี้ มท.1 ชี้ “ภูมิใจไทย” ไม่ได้เดินไปขอร่วมรัฐบาล ย้ำชัดไม่ย้ายกระทรวงยึดข้อตกลงเดิม ระบุนายกฯ ก็ให้ความมั่นใจแล้ว ยอมรับกินข้าว รวมไทยสร้างชาติ แล้ว แต่คุยปมพลังงาน ยันไม่ต้องจับมือต่อรอง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ กรณีกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยโดยยืนยันว่ายังไม่มีการพูดคุยใดๆ ซึ่งเรื่องการปรับ ครม. หากมีการถามมายังพรรคภูมิใจไทย พรรคก็ยืนยันว่า ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยไม่มีการปรับเปลี่ยนอะไร เพราะได้คุยในเบื้องต้นภายในพรรคแล้วว่ารัฐมนตรีทุกคนยังทำงานได้อย่างเต็มที่ กระทรวงที่กำกับดูแลในส่วนของพรรคภูมิใจไทย ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร เมื่อถามว่า กระแสข่าวการเขย่าเก้าอี้แบบนี้แสดงให้เห็นว่ามีความต้องการกระทรวงมหาดไทยคืนใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนไม่มองว่าเรื่องนี้เป็นอย่างไร มันเขย่าไม่ได้ นี่เป็นรัฐบาลผสม และเป็นข้อตกลงที่เราหารือกันตั้งแต่เราตั้งรัฐบาลนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน 2 ปีแล้ว และมายังรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร รูปแบบนี้ก็ยังเหมือนเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร ตรงนี้ไม่ใช่ว่าเป็นของใคร แต่เป็นข้อตกลงและเป็นรัฐบาลผสม ซึ่งทุกคนก็ทำงานอย่างเต็มที่ ที่มีข่าวบอกว่าคนนี้ทำงานดีหรือไม่ดี […]