ชัวร์ก่อนแชร์: แพทย์อังกฤษอ้างวัคซีนป้องกันโควิดแค่ 8 สัปดาห์ จริงหรือ?

08 กุมภาพันธ์ 2565
ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย: Fullfact (สหราชอาณาจักร)
แปลและเรียบเรียงบทความโดย: พีรพล อนุตรโสตถิ์, อดิศร สุขสมอรรถ


ประเภทข่าวปลอม: ข้อมูลเท็จ

บทสรุป:


  1. งานวิจัยพบว่าการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสเดลต้าได้อย่างน้อย 12 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับชนิดของวัคซีน
  2. การอุบัติของไวรัสโอไมครอนเพิ่มโอกาสติดเชื้อโควิด 19 ไม่ว่าจะเคยฉีดวัคซีนหรือเคยติดเชื้อโควิดมาก่อนก็ตาม

ข้อมูลที่ถูกแชร์:

มีข้อมูลเท็จเผยแพร่ทาง YouTube ในสหราชอาณาจักร เมื่อ ดร.สตีฟ เจมส์ แพทย์ประจำโรงพยาบาล King’s College Hospital โต้แย้งแผนบังคับให้บุคลากรทางการแพทย์ฉีดวัคซีนโควิด 19 ด้วยการด้อยค่าวัคซีนโควิด 19 ว่ามีประสิทธิผลป้องกันการติดเชื้อแค่ 8 สัปดาห์ และภูมิคุ้มกันจากการติดเชื้อโควิด 19 ก็มีประสิทธิผลเทียบเท่ากับการฉีดวัคซีนอีกด้วย

FACT CHECK: ตรวจสอบข้อเท็จจริง:


เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 มกราคมปี 2022 เมื่อ ซาจิด จาวิด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและการดูแลสังคมของสหราชอาณาจักร เดินทางไปยังโรงพยาบาล King’s College Hospital เพื่อสอบถามความเห็นบุคลากรทางการแพทย์เรื่องนโยบายให้เจ้าหน้าที่ด่านหน้าของระบบบริการสุขภาพแห่งชาติ (NHS) ต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด 19 ทุกคน ส่งผลให้ ดร.สตีฟ เจมส์ วิสัญญีแพทย์ของ King’s College Hospital แสดงความเห็นโต้แย้งว่า ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ยังมีไม่มากพอที่จะสนับสนุนประโยชน์ของการบังคับให้บุคลากรทางการแพทย์ต้องฉีดวัคซีนทุกคน โดย ดร.สตีฟ เจมส์ ยอมรับตนเองไม่ได้ฉีดวัคซีนและไม่ต้องการฉีดวัคซีน แต่ตัวเขามีแอนติบอดีจากการติดเชื้อโควิด 19 มาก่อน ซึ่งมีประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อพอๆ กับวัคซีน และย้ำว่าวัคซีนป้องกันการติดเชื้อเดลต้าได้แค่ 8 สัปดาห์ และยิ่งน้อยกว่าเมื่อต้องเผชิญกับไวรัสโอไมครอน

คลิปวิดีโอการโต้แย้งของ ดร.สตีฟ เจมส์ ถูกอัพโหลดทางช่อง YouTube ของสำนักข่าว Sky News และทำยอดวิวเกือบ 2.5 ล้านวิวใน 10 วัน และมีผู้แสดงความเห็นเกือบ 2 หมื่นคอมเมนต์

แม้การแสดงความเห็นของ ดร.สตีฟ เจมส์ จะทำให้เขาได้รับความนิยมจากผู้ที่มีแนวคิดต่อต้านวัคซีนอย่างมาก แต่ข้อมูลที่นำมาโต้แย้งล้วนไม่เป็นไปตามข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งแม้แต่ตัวเขาเองก็ออกมายอมรับผิดในภายหลัง

สำนักข่าว BBC รายงานว่า ดร.สตีฟ เจมส์ ยอมรับว่าความเห็นที่ว่าวัคซีนโควิด 19 ว่ามีประสิทธิผลป้องกันไวรัสเดลต้า แค่ 8 สัปดาห์ไม่ถูกต้อง เพราะมีการศึกษาที่พบว่าวัคซีนสามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสเดลต้าได้ถึง 12 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับชนิดของวัคซีน

การศึกษาพบว่า หลังผ่านไป 12 สัปดาห์ ผู้ที่ฉีดวัคซีนโควิด 19 ของบริษัท AstraZeneca แบบครบโดส มีโอกาสแพร่เชื้อโควิด 19 น้อยกว่าผู้ไม่ฉีดวัคซีนโควิด 19 เพียงแค่ 2% ตรงข้ามกับผู้ที่ฉีดวัคซีนโควิด 19 ของบริษัท Pfizer BioNTech แบบครบโดส เมื่อผ่านไปแล้ว 12 สัปดาห์ โอกาสในการแพร่เชื้อยังน้อยกว่าผู้ไม่ฉีดวัคซีนถึง 24%

เป็นเรื่องยากที่จะรู้ได้อย่างแน่ชัดว่า วัคซีนสามารถป้องกันการติดเชื้อได้นานแค่ไหน แต่ ดร.ปีเตอร์ อิงลิช อดีตบรรณาธิการวารสาร Vaccines in Practice ชี้แจงว่า ถึงแม้ประสิทธิผลของวัคซีนจะลดลงตามเวลา แต่การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นจะทำให้ร่างกายมีระดับแอนติบอดีมากกว่าการฉีดโดสที่ 2 แบบทวีคูณ และคงต้องใช้เวลานานกว่าแอนติบอดีจะกลับมาอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าจะสามารถป้องกันการติดเชื้อได้ โดย ดร.ปีเตอร์ อิงลิช ยอมรับว่า ต่อให้การฉีดวัคซีนลดโอกาสติดเชื้อและแพร่เชื้อของบุคลากรทางการแพทย์ได้เพียงครึ่งเดียว การฉีดวัคซีนก็ยังมีความจำเป็นอย่างมาก

รายงานสรุปล่าสุดของสำนักงานความมั่นคงด้านสุขภาพของสหราชอาณาจักร (UKHSA) ได้ตรวจสอบประสิทธิศักย์การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในสหราชอาณาจักร พบว่า หลังฉีดวัคซีน AstraZeneca เข็มที่ 2 ไปแล้ว 20 สัปดาห์ ประสิทธิผลของวัคซีนต่อการป้องกันไวรัสโอไมครอนจะหายไป ส่วนผู้รับวัคซีนเข็มที่ 2 ของ Pfizer และ Moderna ประสิทธิผลของวัคซีนจะยังคงเหลืออยู่ประมาณ 10% หลังผ่านไปแล้ว 20 สัปดาห์

ส่วนประสิทธิผลของการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นจะลดลงอยู่ระดับ 40% ถึง 50% หลังจากเวลาผ่านไป 10 สัปดาห์

อีกความเข้าใจผิดของ ดร.สตีฟ เจมส์ คือการอ้างว่าแอนติบอดีจากการติดเชื้อโควิด 19 มีค่าเท่ากับการฉีดวัคซีน เพราะถึงแม้จะมีแอนติบอดีจากการติดเชื้อโควิด 19 แล้ว แต่ไวรัสโอไมครอนซึ่งสามารถหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้ดีกว่าทุกสายพันธุ์ ทำให้มีโอกาสสูงที่คนซึ่งเคยป่วยจากโควิด 19 แล้ว จะกลับมาติดเชื้ออีกครั้ง

นอกจากนี้ จุดประสงค์หลักของการฉีดวัคซีนคือการป้องกันการป่วยหนักหรือเสียชีวิตจากการติดเชื้อ

รายงานจากมหาวิทยาลัย Imperial College London เมื่อเดือนธันวาคมปี 2021 พบว่าการติดเชื้อโควิด 19 มาก่อน ช่วยป้องกันไม่ให้บุคลาการทางการแพทย์ในสหราชอาณาจักรกลับมาติดเชื้อโควิด 19 อีกครั้งในช่วง 6 เดือนที่ 85% แต่การอุบัติของไวรัสโอไมครอน ทำให้การติดเชื้อโควิด 19 มาก่อน ช่วยป้องกันการติดเชื้อโอไมครอนในรอบ 6 เดือนได้เพียง 19% เท่านั้น

ก่อนการอุบัติของไวรัสโอไมครอน มีงานวิจัยเบื้องต้นที่ยังไม่ผ่านการพิชญพิจารณ์ (Peer Review) หรือการประเมินความถูกต้องโดยผู้เชี่ยวชาญในแวดวงวิชาการ พบว่าผู้ที่ฉีดวัคซีน Pfizer แบบครบโดสมีโอกาสติดเชื้อโควิด 19 มากกว่าคนที่เคยป่วยจากโควิด 19 แล้วไม่เคยฉีดวัคซีนถึง 6 เท่า

แต่ปัจจุบัน กลุ่มคนที่ได้รับการปกป้องจากการติดเชื้อโควิด 19 สูงสุด คือคนที่เคยติดเชื้อโควิด 19 มาแล้ว และได้รับวัคซีนโควิด 19 ในภายหลัง ซึ่งงานวิจัยพบว่าผู้ที่เคยติดเชื้อแล้วไม่ฉีดวัคซีน มีโอกาสติดเชื้อซ้ำมากกว่าคนที่เคยติดเชื้อแล้วฉีดวัคซีนถึง 2 เท่า

นอกจากนี้ งานวิจัยขนาดเล็กที่เผยแพร่เมื่อเดือนธันวาคมปี 2021 พบว่า กลุ่มคนที่ผ่านการฉีดวัคซีนครบโดส แล้วติดเชื้อโควิด 19 จะมีระดับแอนติบอดีสูงกว่ากลุ่มคนที่ฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ถึง 1000% ซึ่งเรียกภูมิคุ้มกันชนิดนี้ว่า Super Immunity หรือภูมิคุ้มกันขั้นสุดยอด ซึ่งผู้วิจัยประเมินว่า อาจเป็นปัจจัยที่ช่วยให้การแพร่ระบาดของโควิด 19 ยุติลงในอนาคตอีกด้วย

ข้อมูลอ้างอิง:

https://fullfact.org/health/sky-news-covid-sajid-javid-doctor/

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ทูน” แจ้งความถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะซื้อของย่านคลองถม

สน.พลับพลาไชย1 11 มิ.ย.- “ทูน หิรัญทรัพย์” อดีตนักแสดงรุ่นใหญ่ แจ้งความ สน.พลับพลาไชย 1 ถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะเดินซื้อของย่านคลองถม อีกฝ่ายอ้างป้องกันตัว นายทูน หิรัญทรัพย์ หรือ นายสพัชญ์นนทน์ อายุ 69 ปี อดีตดารานักแสดงรุ่นใหญ่ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.พลับพลาไชย 1 กรณีถูกวัยรุ่น 2 คน รุมทำร้ายร่างกาย ได้รับบาดเจ็บ ขณะไปเดินซื้อของในซอยข้างคลองถมพลาซ่า เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ที่ผ่านมา นายทูน เล่าเหตุการณ์ว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองและครอบครัวได้ไปเดินหาซื้อไฟในย่านคลองถม ระหว่างนั้นก็มีผู้คนมาทักทายเพราะเห็นว่าตัวเองเป็นดารา แต่มีวัยรุ่นคนหนึ่งพูดจาไม่น่าฟังบอกว่าดาราอะไรเคยไม่รู้จัก จึงตักเตือนในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ ว่า จะพูดจาอะไรก็ต้องให้เกียรติคนอื่นโดยเฉพาะคนที่อาวุโสกว่า จนเกิดมีปากเสียงกัน จากนั้นวัยรุ่นดังกล่าวก็ชกเข้าที่เบ้าตาขวา ซึ่งเป็นตาข้างที่บอดอยู่ จึงไม่เห็นหมัด ก่อนจะมีตำรวจเข้ามาระงับเหตุ แต่วัยรุ่นคู่กรณีก็ยังทำท่าไม่พอใจฮึดฮัดใส่อยู่ ก่อนจะถูกควบคุมตัวไปที่ สน.พลับพลาไชย ซึ่งตัวเองก็ได้เดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีด้วยเช่นกัน นายทูน กล่าวว่า ตลอดชีวิตที่เป็นนักแสดงนั้นเคยแต่เจอผู้คนเข้ามาทักทาย ขอถ่ายรูป ด้วยความมีมิตรไมตรี […]

พายุ “หวู่ติบ” ไม่เข้าไทย แต่เสริมมรสุม ฝนเพิ่ม คลื่นแรง เตือนระวังน้ำหลาก

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย.-ไทยมีฝนตกเพิ่ม โดยพายุ​ “หวู่ติบ” จะส่งอิทธิพลให้ร่องมรสุมพาดผ่านและลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น กรมอุตุฯ เตือนประชาชนเฝ้าระวังภัยน้ำหลากและคลื่นลมแรงอย่างใกล้ชิด นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า ช่วงวันที่ 12–13 มิถุนายน 2568 ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งอันดามัน ได้แก่ ระนอง พังงา จันทบุรี และตราด ซึ่งได้รับอิทธิพลจากร่องมรสุมที่พาดผ่านตอนบนของประเทศ และลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรง กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศแจ้ง​เตือน​ว่า พายุโซนร้อน “หวู่ติบ” บริเวณทะเลอันดามันตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ห่างจากเกาะไหหลำของจีนไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 160 กิโลเมตร มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เคลื่อนตัวทางตะวันตกเฉียงเหนือ คาดว่า​ จะขึ้นฝั่งประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 13-14 มิ.ย.68 และจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ แม้ศูนย์กลางพายุจะไม่เข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่พายุนี้เป็นอีกปัจจัยที่เสริมให้ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้หลายพื้นที่มีฝนตกหนัก คลื่นลมในทะเลอันดามันตอนบนสูง 2–3 เมตร และในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองอาจสูงมากกว่า 3 […]

ผลแล็บพบข้าวมันไก่ติดเชื้อ ทำครู-นร.ท้องเสีย 23 คน

ปราจีนบุรี 12 มิ.ย. – แม่ค้ามือเป็นแผล! ครู-นักเรียน กินข้าวมันไก่ ท้องเสียยกชั้น หามส่ง รพ. แพทย์ชี้ชัดผลแล็บ พบเชื้อสตาฟิโลคอคคัส ออเรียส ต้นเหตุทำอาหารเป็นพิษ จากกรณีที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมือง จ.ปราจีนบุรี ต้องระดมทั้งรถตู้โรงเรียน และรถฉุกเฉิน เร่งนำตัวนักเรียนและคุณครู ส่งโรงพยาบาล จำนวน 23 คน หลังทุกคนกินข้าวมันไก่ในช่วงพักกลางวัน พอตกบ่ายก็มีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ และอาเจียน บางรายเป็นไข้หนาวสั่น คาดสาเหตุมาจากอาหารเป็นพิษ ผู้ป่วยถูกนำตัวส่งรักษาอาการที่ห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร รวม 16 คน (นักเรียน 15 คน ครู 1 คน) เบื้องต้น แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วบางส่วนเหลือคุณครูที่ต้องดูอาการเนื่องจากมีอาการช็อก ส่วนนักเรียน ยังคงต้องดูอาการอีก 9 คน ซึ่งคาดว่าแพทย์น่าจะอนุญาตให้กลับบ้านได้ภายในวันนี้ ส่วนที่ รพ.ค่ายจักรพงษ์ มีจำนวน 7 คน (เป็นนักเรียนทั้งหมด) เบื้องต้น […]

หลุดภาพ​ “ชาดา-สันติ-​นายกด๊อยซ์” สะพัดขน 6 สส. ​ซบ ​“ภท.”

กทม. 11​ มิ.ย. – “ชาดา-สันติ-นายกด๊อยซ์” ร่วมวงกินข้าว หลังสะพัดขน “6 สส.มะขามหวาน” เด็กลุงป้อม ย้ายซบ “ภูมิใจไทย” ผู้สื่อข่าวรายงานว่า​ ภายหลัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) มีคำสั่งเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.68 แต่งตั้ง นางจิตรา หมีทอง ซึ่งเป็นทีมงานนายสันติ พร้อมพัฒน์ แกนนำ 6 สส. เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ เป็นคณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) และ รมว.มหาดไทย ล่าสุดช่วงเย็น วันที่ 11 มิ.ย. ได้ปรากฏภาพนายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี แกนนำพรรคภูมิใจไทย ได้รับประทานอาหารเย็น ร่วมกับ นายสันติ และ นายอัครเดช ทองใจสด นายก อบจ.เพชรบูรณ์ ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง […]

ข่าวแนะนำ

สยบรอยร้าว “พีระพันธุ์” โพสต์ภาพคู่ “เอกนัฏ” ยัน รทสช.ไปต่อ

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย. – “พีระพันธุ์” โพสต์ภาพโชว์ปึก “เอกนัฏ” สยบรอยร้าว ขอบคุณร่วมอดทนต่อสู้ทุนใหญ่ ยัน รทสช.ไปต่อแน่ ป้อง “ทีมสุดซอย” ถูกใส่ร้าย เมื่อเวลา 21.00 น. วันนี้ (12 มิ.ย.68) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์ภาพถ่ายคู่กับนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมข้อความระบุว่า “ผูกพันและเชื่อใจ การที่มีคนกล่าวหาขิงว่าจะไปขอให้มาโค่นทำลายผมจากหัวหน้าพรรค ผมได้แต่ขำ ขิงกับผม เราผ่านร้อนผ่านหนาวด้วยกันมามาก คำพูดแบบนี้จึงเป็นเรื่องขำๆ ของคนที่คิดคำแก้ตัวไม่ออก ผมกับท่านเลขาฯ ขิง เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เรารู้จักกันมานาน ตั้งแต่ขิงยังไม่เข้ามาวงการเมือง จนมาทำงานการเมืองร่วมกัน ขิงเป็นคนหนุ่มที่มุ่งมั่นทำงานการเมืองเพื่อประชาชน ไม่ใช่มาเล่นการเมือง เป็นคนซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา เมื่อผมจะทำพรรคการเมือง คนแรกที่ผมคิดถึงจึงเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก ‘ขิง’ ผมหารือกับขิงว่าอยากชวนเขามาทำพรรคการเมืองตามแนวทางที่เราอยากทำอยากให้เป็น คือเป็นพรรคการเมืองที่ทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองและประชาชน เข้ามาแก้ไขปัญหาทุกอย่างเพื่อประชาชน ไม่ใช่เพื่อจะมีสถานะหรือมีตำแหน่งทางการเมือง […]

จับตานายกฯ ถกหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค ปรับ ครม.

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย. – จับตา “นายกฯ แพทองธาร” ถกหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค ปรับ ครม. หลังเลื่อนประชุม ครม.สัญจร จ.พิษณุโลก 23-24 มิ.ย.นี้ คาดรอ ครม.ใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันพรุ่งนี้ (13 มิ.ย.) ที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งลาราชการในเวลา 11.30-13.00 น. หลังจบภารกิจเป็นประธานในพิธีปิดการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลก ประจำปี 2568 และมีรายงานว่านายกฯ มีภารกิจร่วมประชุมผู้ปกครอง จากนั้นจะกลับมาปฏิบัติงานที่ทำเนียบรัฐบาลในช่วงบ่าย ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายกฯ จะเชิญหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค หารือถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ท่ามกลางกระแสข่าวการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีระหว่างพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทย และปัญหาภายในของพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้เกิดความชัดเจน นอกจากนั้นยังมีรายงานว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้แจ้งเลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร ) ระหว่างวันที่ 23-24 มิ.ย.นี้ ที่ จ.พิษณุโลก ออกไปก่อน […]

เสียงจากช่องบก รอวันสันติภาพ

อุบลราชธานี 12 มิ.ย. – ผ่านมาแล้ว 15 วัน นับตั้งแต่เหตุการณ์ปะทะที่ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังคงตึงเครียด แต่ชาวบ้านในพื้นที่ต่างตั้งความหวังว่าการประชุม JBC วันที่ 14 มิ.ย.นี้ จะหาทางออกได้โดยสันติ เพื่อให้ประชาชนทั้งสองประเทศได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ.-สำนักข่าวไทย

แอร์อินเดียพร้อมผู้โดยสาร 242 คน ตกที่สนามบินอาห์เมดาบัด

นิวเดลี 12 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์ อินเดีย ที่กำลังมุ่งหน้าไปยังกรุงลอนดอน ของอังกฤษ พร้อมด้วยผู้โดยสาร 242 คน เกิดอุบัติเหตุตก หลังจากที่เพิ่งออกเดินทางจากสนามบินเมืองอาห์เมดาบัด ทางตะวันตกของอินเดีย เพียงไม่กี่นาที แอร์อินเดีย กล่าวว่า เครื่องบินลำดังกล่าวมีกำหนดเดินทางไปยังสนามบินแก็ตวิก ในอังกฤษ ขณะที่ตำรวจกล่าวว่า เครื่องบินตกในบริเวณพื้นที่พลเรือนใกล้กับสนามบิน ไฟลท์เรดาร์ 24 ซึ่งติดตามความเคลื่อนไหวทางอากาศ กล่าวว่า เครื่องบินลำนี้เป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลเนอร์ ซึ่งเป็นเครื่องบินโดยสารที่ทันสมัยมาก ๆ ที่ให้บริการอยู่ในขณะนี้ โทรทัศน์ของอินเดีย รายงานว่า อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่เครื่องบินกำลังทะยานขึ้นจากสนามบิน ภาพจากโทรทัศน์ช่องหนึ่ง แสดงให้เห็นภาพเครื่องบินออกจากสนามบินและบินอยู่เหนือพื้นที่ย่านพักอาศัยของประชาชน จากนั้นเครื่องบินก็หายไปจากจอ ก่อนที่จะเห็นควันไฟขนาดใหญ่ลอยจากบ้านเรือนประชาชนขึ้นไปบนท้องฟ้า นอกจากนั้น ยังมีภาพประชาชนถูกเคลื่อนย้ายด้วยเปลไปยังรถพยาบาลที่นำผู้ได้รับบาดเจ็บไปโรงพยาบาล ช้อมูลการควบคุมการจราจรทางอากาศที่สนามบินอาห์เมดาบัด ระบุว่า เครื่องบินออกเดินทางเมื่อเวลา 13.39 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกับ 15.09 น. ตามเวลาในประเทศไทย จากทางวิ่งหมายเลข 23 เครื่องบินส่งสัญญาณฉุกเฉินขอความช่วยเหลือ แต่หลังจากนั้นก็ติดต่อนักบินไม่ได้อีกเลย.-813.-สำนักข่าวไทย