ชัวร์ก่อนแชร์: ฉีดวัคซีนเสี่ยงติดโควิดมากกว่าคนมีภูมิธรรมชาติ 13 เท่า จริงหรือ?

22 ธันวาคม 2564
ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย: Politifact, Factcheck.org (สหรัฐอเมริกา)
แปลและเรียบเรียงบทความโดย: พีรพล อนุตรโสตถิ์, อดิศร สุขสมอรรถ


ประเภทข่าวปลอม: ทำให้เข้าใจผิด

บทสรุป:


  1. ผลวิจัยแสดงประสิทธิภาพของภูมิคุ้มกันธรรมชาติ แต่มองข้ามความเสี่ยงของการติดเชื้อโควิด 19 ทั้งการเสียชีวิตและปัญหาสุขภาพระยะยาว
  2. ผู้เชี่ยวชาญย้ำว่าวัคซีนคือวิธีสร้างภูมิคุ้มกันที่ปลอดภัยที่สุด แม้แต่ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันธรรมชาติก็สามารถเพิ่มประสิทธิภาพภูมิคุ้มด้วยการฉีดวัคซีน

ข้อมูลที่ถูกแชร์:

มีข้อมูลบิดเบือนเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ในสหรัฐอเมริกา โดยกลุ่มที่มีแนวคิดต่อต้านวัคซีนในสหรัฐฯ อ้างว่าคนที่ฉีดวัคซีนโควิด 19 ครบ 2 โดส มีโอกาสติดเชื้อโควิด 19 มากกว่าคนที่มีภูมิคุ้มกันจากการติดเชื้อโควิด 19 ถึง 13 เท่า แสดงให้เห็นว่าภูมิคุ้มกันจากวัคซีนสู้ภูมิกันธรรมชาติไม่ได้

FACT CHECK: ตรวจสอบข้อเท็จจริง:


ข้ออ้างดังกล่าว นำมาจากผลวิจัยของ Maccabi Healthcare Services โรงพยาบาลในนครเทล อาวีฟ ประเทศอิสราเอล ซึ่งเผยแพร่ใน medRxiv.com เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2021 ซึ่งเว็บไซต์ดังกล่าวเป็นแหล่งเผยแพร่งานวิจัยฉบับก่อนการตีพิมพ์ (Preprint) ซึ่งยังไม่ผ่านการพิชญพิจารณ์ (Peer Review) หรือการประเมินความถูกต้องโดยผู้เชี่ยวชาญในแวดวงวิชาการ จึงไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงในงานปฏิบัติการทางคลินิกได้

ทีมวิจัยได้ศึกษาการติดเชื้อโควิด 19 ในประเทศอิสราเอลระหว่างเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม 2021 ซึ่งเป็นช่วงที่้ไวรัสโควิด 19 สายพันธุ์เดลต้าระบาดอย่างหนัก โดยแบ่งกลุ่มตัวอย่างเป็น 3 กลุ่ม คือผู้ที่ฉีดวัคซีนโควิด 19 ของบริษัท Pfizer/BioNTech ครบ 2 โดสจำนวน 674,000 คน, ผู้ติดเชื้อโควิด 19 โดยไม่เคยฉีดวัคซีน 63,000 คน และผู้ติดเชื้อโควิด 19 แล้วได้รับวัคซีน Pfizer จำนวน 1 โดสหลังจากหายป่วยไปแล้วเป็นเวลา 3 เดือนจำนวน 42,000 คน

ผลวิจัยพบว่า ผู้ที่ฉีดวัคซีน Pfizer ครบ 2 โดส มีโอกาสติดเชื้อโควิด 19 หลังฉีดวัคซีน (Breakthrough Infection) มากกว่าผู้ที่มีภูมิคุ้มกันจากการติดเชื้อโควิด 19 มาก่อนถึง 13 เท่า ซึ่งแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการป้องกันโรคที่ดีกว่าและยั่งยืนกว่าของภูมิคุ้มกันธรรมชาติ

อย่างไรก็ดี สิ่งที่กลุ่มต่อต้านวัคซีนไม่ได้ชี้แจงในข้อความที่เผยแพร่ คือจำนวนการติดเชื้อที่แท้จริงของกลุ่มตัวอย่างทั้ง 2 กลุ่มซึ่งถือว่าน้อยมาก โดยมีผู้ติดเชื้อหลังฉีดวัคซีนครบ 2 โดยจำนวน 238 คนและมีผู้ติดเชื้อซ้ำหลังหายป่วยจากโควิด 19 จำนวน 19 คน

นอกจากนี้ยังพบว่า ผู้ที่เคยติดเชื้อโควิด 19 แล้วได้ฉีดวัคซีน Pfizer 1 เข็ม มีโอกาสกลับไปติดเชื้อแค่ครึ่งหนึ่งหรือ 0.53 เท่า เมื่อเทียบกับผู้ที่หายป่วยจากโควิด 19 แล้วไม่ได้ฉีดวัคซีน

แม้ผลวิจัยจะช่วยให้เห็นถึงประสิทธิภาพของภูมิคุ้มกันธรรมชาติ แต่การที่ผลวิจัยถูกนำเสนอว่าภูมิคุ้มกันธรรมชาติดีกว่าการฉีดวัคซีน ถือเป็นการบิดเบือนความสำคัญของป้องกันโรคด้วยวัคซีนโควิด 19

มาเรียน เปปเปอร์ นักภูมิคุ้มกันวิทยา จากมหาวิทยาลัย University of Washington อธิบายว่า ผลวิจัยของ Maccabi Healthcare Services ชูประโยชน์จากภูมิคุ้มกันธรรมชาติ แต่ไม่ได้แสดงภาพรวมให้เห็นว่า กว่าใครซักคนจะสร้างภูมิคุ้มกันธรรมชาติด้วยการติดเชื้อโควิด 19 ร่างกายของพวกเขาจะได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง

นอกจากจะเป็นโรคที่มีอัตราการเสียชีวิตต่อการติดเชื้อที่สูงกว่า 2% แล้ว ผู้เชี่ยวชาญจากวารสาร Science ยังเตือนว่าการสร้างภูมิคุ้มกันธรรมชาติด้วยการยอมติดเชื้อโควิด 19 มีความเสี่ยงอย่างมาก เพราะถึงแม้จะไม่เสียชีวิต แต่โอกาสป่วยหนักก็มีสูง ผู้หายป่วยบางรายยังต้องเผชิญกับปัญหาสุขภาพเรื้อรังจากโควิด 19 ที่เรียกว่าอาการ Long COVID

นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยฉบับก่อนการตีพิมพ์ (Preprint) อีก 2 ชิ้นที่ยืนยันว่าภูมิคุ้มกันจากวัคซีนมีประสิทธิภาพมากกว่าภูมิคุ้มกันธรรมชาติ ทั้งงานวิจัยจากมหาวิทยาลัย Oxford University ที่พบว่าการฉีดวัคซีน Pfizer ครบ 2 โดส สามารถป้องกันการติดเชื้อเดลต้าได้ดีกว่าภูมิคุ้มกันธรรมชาติเล็กน้อย

ส่วนงานวิจัยที่เผยแพร่โดยหน่วยงานป้องกันโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (CDC) เมื่อเดือนสิงหาคม พบว่าชาวเมืองในรัฐเคนตักกี้ที่เคยติดเชื้อโควิด 19 เมื่อปี 2020 กลับมาติดเชื้อโควิด 19 ในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายน 2021 มากกว่าคนที่ฉีดวัคซีนครบ 2 โดสถึง 2 เท่า

อเลสซานโดร เซตเต นักภูมิคุ้มกันวิทยา จากสถาบัน La Jolla Institute for Immunology ในแคลิฟอร์เนีย อธิบายผ่านทาง Twitter ว่า การฉีดวัคซีนคือวิธีการสร้างภูมิคุ้มกันที่ปลอดภัยกว่าการติดเชื้อโดยตรงหลายเท่า นอกจากนี้ ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันธรรมชาติจากการติดเชื้อ ยังได้ประโยชน์จากการฉีดวัคซีน ด้วยการสร้างภูมิคุ้มกันผสมผสานที่เรียกว่า Hybrid Immunity ซึ่งมีประสิทธิผลป้องกันโรคเหนือกว่าการฉีดวัคซีนหรือภูมิคุ้มกันธรรมชาติเสียอีก

ข้อมูลอ้างอิง:

https://www.politifact.com/factchecks/2021/sep/01/gateway-pundit/immunity-gained-covid-19-infection-ignores-risks-g/
https://www.factcheck.org/2021/09/scicheck-instagram-post-missing-context-about-israeli-study-on-covid-19-natural-immunity/

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ทูน” แจ้งความถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะซื้อของย่านคลองถม

สน.พลับพลาไชย1 11 มิ.ย.- “ทูน หิรัญทรัพย์” อดีตนักแสดงรุ่นใหญ่ แจ้งความ สน.พลับพลาไชย 1 ถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะเดินซื้อของย่านคลองถม อีกฝ่ายอ้างป้องกันตัว นายทูน หิรัญทรัพย์ หรือ นายสพัชญ์นนทน์ อายุ 69 ปี อดีตดารานักแสดงรุ่นใหญ่ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.พลับพลาไชย 1 กรณีถูกวัยรุ่น 2 คน รุมทำร้ายร่างกาย ได้รับบาดเจ็บ ขณะไปเดินซื้อของในซอยข้างคลองถมพลาซ่า เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ที่ผ่านมา นายทูน เล่าเหตุการณ์ว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองและครอบครัวได้ไปเดินหาซื้อไฟในย่านคลองถม ระหว่างนั้นก็มีผู้คนมาทักทายเพราะเห็นว่าตัวเองเป็นดารา แต่มีวัยรุ่นคนหนึ่งพูดจาไม่น่าฟังบอกว่าดาราอะไรเคยไม่รู้จัก จึงตักเตือนในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ ว่า จะพูดจาอะไรก็ต้องให้เกียรติคนอื่นโดยเฉพาะคนที่อาวุโสกว่า จนเกิดมีปากเสียงกัน จากนั้นวัยรุ่นดังกล่าวก็ชกเข้าที่เบ้าตาขวา ซึ่งเป็นตาข้างที่บอดอยู่ จึงไม่เห็นหมัด ก่อนจะมีตำรวจเข้ามาระงับเหตุ แต่วัยรุ่นคู่กรณีก็ยังทำท่าไม่พอใจฮึดฮัดใส่อยู่ ก่อนจะถูกควบคุมตัวไปที่ สน.พลับพลาไชย ซึ่งตัวเองก็ได้เดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีด้วยเช่นกัน นายทูน กล่าวว่า ตลอดชีวิตที่เป็นนักแสดงนั้นเคยแต่เจอผู้คนเข้ามาทักทาย ขอถ่ายรูป ด้วยความมีมิตรไมตรี […]

พายุ “หวู่ติบ” ไม่เข้าไทย แต่เสริมมรสุม ฝนเพิ่ม คลื่นแรง เตือนระวังน้ำหลาก

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย.-ไทยมีฝนตกเพิ่ม โดยพายุ​ “หวู่ติบ” จะส่งอิทธิพลให้ร่องมรสุมพาดผ่านและลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น กรมอุตุฯ เตือนประชาชนเฝ้าระวังภัยน้ำหลากและคลื่นลมแรงอย่างใกล้ชิด นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า ช่วงวันที่ 12–13 มิถุนายน 2568 ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งอันดามัน ได้แก่ ระนอง พังงา จันทบุรี และตราด ซึ่งได้รับอิทธิพลจากร่องมรสุมที่พาดผ่านตอนบนของประเทศ และลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรง กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศแจ้ง​เตือน​ว่า พายุโซนร้อน “หวู่ติบ” บริเวณทะเลอันดามันตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ห่างจากเกาะไหหลำของจีนไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 160 กิโลเมตร มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เคลื่อนตัวทางตะวันตกเฉียงเหนือ คาดว่า​ จะขึ้นฝั่งประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 13-14 มิ.ย.68 และจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ แม้ศูนย์กลางพายุจะไม่เข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่พายุนี้เป็นอีกปัจจัยที่เสริมให้ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้หลายพื้นที่มีฝนตกหนัก คลื่นลมในทะเลอันดามันตอนบนสูง 2–3 เมตร และในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองอาจสูงมากกว่า 3 […]

ผลแล็บพบข้าวมันไก่ติดเชื้อ ทำครู-นร.ท้องเสีย 23 คน

ปราจีนบุรี 12 มิ.ย. – แม่ค้ามือเป็นแผล! ครู-นักเรียน กินข้าวมันไก่ ท้องเสียยกชั้น หามส่ง รพ. แพทย์ชี้ชัดผลแล็บ พบเชื้อสตาฟิโลคอคคัส ออเรียส ต้นเหตุทำอาหารเป็นพิษ จากกรณีที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมือง จ.ปราจีนบุรี ต้องระดมทั้งรถตู้โรงเรียน และรถฉุกเฉิน เร่งนำตัวนักเรียนและคุณครู ส่งโรงพยาบาล จำนวน 23 คน หลังทุกคนกินข้าวมันไก่ในช่วงพักกลางวัน พอตกบ่ายก็มีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ และอาเจียน บางรายเป็นไข้หนาวสั่น คาดสาเหตุมาจากอาหารเป็นพิษ ผู้ป่วยถูกนำตัวส่งรักษาอาการที่ห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร รวม 16 คน (นักเรียน 15 คน ครู 1 คน) เบื้องต้น แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วบางส่วนเหลือคุณครูที่ต้องดูอาการเนื่องจากมีอาการช็อก ส่วนนักเรียน ยังคงต้องดูอาการอีก 9 คน ซึ่งคาดว่าแพทย์น่าจะอนุญาตให้กลับบ้านได้ภายในวันนี้ ส่วนที่ รพ.ค่ายจักรพงษ์ มีจำนวน 7 คน (เป็นนักเรียนทั้งหมด) เบื้องต้น […]

หลุดภาพ​ “ชาดา-สันติ-​นายกด๊อยซ์” สะพัดขน 6 สส. ​ซบ ​“ภท.”

กทม. 11​ มิ.ย. – “ชาดา-สันติ-นายกด๊อยซ์” ร่วมวงกินข้าว หลังสะพัดขน “6 สส.มะขามหวาน” เด็กลุงป้อม ย้ายซบ “ภูมิใจไทย” ผู้สื่อข่าวรายงานว่า​ ภายหลัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) มีคำสั่งเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.68 แต่งตั้ง นางจิตรา หมีทอง ซึ่งเป็นทีมงานนายสันติ พร้อมพัฒน์ แกนนำ 6 สส. เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ เป็นคณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) และ รมว.มหาดไทย ล่าสุดช่วงเย็น วันที่ 11 มิ.ย. ได้ปรากฏภาพนายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี แกนนำพรรคภูมิใจไทย ได้รับประทานอาหารเย็น ร่วมกับ นายสันติ และ นายอัครเดช ทองใจสด นายก อบจ.เพชรบูรณ์ ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง […]

ข่าวแนะนำ

สยบรอยร้าว “พีระพันธุ์” โพสต์ภาพคู่ “เอกนัฏ” ยัน รทสช.ไปต่อ

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย. – “พีระพันธุ์” โพสต์ภาพโชว์ปึก “เอกนัฏ” สยบรอยร้าว ขอบคุณร่วมอดทนต่อสู้ทุนใหญ่ ยัน รทสช.ไปต่อแน่ ป้อง “ทีมสุดซอย” ถูกใส่ร้าย เมื่อเวลา 21.00 น. วันนี้ (12 มิ.ย.68) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์ภาพถ่ายคู่กับนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมข้อความระบุว่า “ผูกพันและเชื่อใจ การที่มีคนกล่าวหาขิงว่าจะไปขอให้มาโค่นทำลายผมจากหัวหน้าพรรค ผมได้แต่ขำ ขิงกับผม เราผ่านร้อนผ่านหนาวด้วยกันมามาก คำพูดแบบนี้จึงเป็นเรื่องขำๆ ของคนที่คิดคำแก้ตัวไม่ออก ผมกับท่านเลขาฯ ขิง เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เรารู้จักกันมานาน ตั้งแต่ขิงยังไม่เข้ามาวงการเมือง จนมาทำงานการเมืองร่วมกัน ขิงเป็นคนหนุ่มที่มุ่งมั่นทำงานการเมืองเพื่อประชาชน ไม่ใช่มาเล่นการเมือง เป็นคนซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา เมื่อผมจะทำพรรคการเมือง คนแรกที่ผมคิดถึงจึงเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก ‘ขิง’ ผมหารือกับขิงว่าอยากชวนเขามาทำพรรคการเมืองตามแนวทางที่เราอยากทำอยากให้เป็น คือเป็นพรรคการเมืองที่ทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองและประชาชน เข้ามาแก้ไขปัญหาทุกอย่างเพื่อประชาชน ไม่ใช่เพื่อจะมีสถานะหรือมีตำแหน่งทางการเมือง […]

จับตานายกฯ ถกหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค ปรับ ครม.

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย. – จับตา “นายกฯ แพทองธาร” ถกหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค ปรับ ครม. หลังเลื่อนประชุม ครม.สัญจร จ.พิษณุโลก 23-24 มิ.ย.นี้ คาดรอ ครม.ใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันพรุ่งนี้ (13 มิ.ย.) ที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งลาราชการในเวลา 11.30-13.00 น. หลังจบภารกิจเป็นประธานในพิธีปิดการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลก ประจำปี 2568 และมีรายงานว่านายกฯ มีภารกิจร่วมประชุมผู้ปกครอง จากนั้นจะกลับมาปฏิบัติงานที่ทำเนียบรัฐบาลในช่วงบ่าย ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายกฯ จะเชิญหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค หารือถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ท่ามกลางกระแสข่าวการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีระหว่างพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทย และปัญหาภายในของพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้เกิดความชัดเจน นอกจากนั้นยังมีรายงานว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้แจ้งเลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร ) ระหว่างวันที่ 23-24 มิ.ย.นี้ ที่ จ.พิษณุโลก ออกไปก่อน […]

เสียงจากช่องบก รอวันสันติภาพ

อุบลราชธานี 12 มิ.ย. – ผ่านมาแล้ว 15 วัน นับตั้งแต่เหตุการณ์ปะทะที่ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังคงตึงเครียด แต่ชาวบ้านในพื้นที่ต่างตั้งความหวังว่าการประชุม JBC วันที่ 14 มิ.ย.นี้ จะหาทางออกได้โดยสันติ เพื่อให้ประชาชนทั้งสองประเทศได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ.-สำนักข่าวไทย

แอร์อินเดียพร้อมผู้โดยสาร 242 คน ตกที่สนามบินอาห์เมดาบัด

นิวเดลี 12 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์ อินเดีย ที่กำลังมุ่งหน้าไปยังกรุงลอนดอน ของอังกฤษ พร้อมด้วยผู้โดยสาร 242 คน เกิดอุบัติเหตุตก หลังจากที่เพิ่งออกเดินทางจากสนามบินเมืองอาห์เมดาบัด ทางตะวันตกของอินเดีย เพียงไม่กี่นาที แอร์อินเดีย กล่าวว่า เครื่องบินลำดังกล่าวมีกำหนดเดินทางไปยังสนามบินแก็ตวิก ในอังกฤษ ขณะที่ตำรวจกล่าวว่า เครื่องบินตกในบริเวณพื้นที่พลเรือนใกล้กับสนามบิน ไฟลท์เรดาร์ 24 ซึ่งติดตามความเคลื่อนไหวทางอากาศ กล่าวว่า เครื่องบินลำนี้เป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลเนอร์ ซึ่งเป็นเครื่องบินโดยสารที่ทันสมัยมาก ๆ ที่ให้บริการอยู่ในขณะนี้ โทรทัศน์ของอินเดีย รายงานว่า อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่เครื่องบินกำลังทะยานขึ้นจากสนามบิน ภาพจากโทรทัศน์ช่องหนึ่ง แสดงให้เห็นภาพเครื่องบินออกจากสนามบินและบินอยู่เหนือพื้นที่ย่านพักอาศัยของประชาชน จากนั้นเครื่องบินก็หายไปจากจอ ก่อนที่จะเห็นควันไฟขนาดใหญ่ลอยจากบ้านเรือนประชาชนขึ้นไปบนท้องฟ้า นอกจากนั้น ยังมีภาพประชาชนถูกเคลื่อนย้ายด้วยเปลไปยังรถพยาบาลที่นำผู้ได้รับบาดเจ็บไปโรงพยาบาล ช้อมูลการควบคุมการจราจรทางอากาศที่สนามบินอาห์เมดาบัด ระบุว่า เครื่องบินออกเดินทางเมื่อเวลา 13.39 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกับ 15.09 น. ตามเวลาในประเทศไทย จากทางวิ่งหมายเลข 23 เครื่องบินส่งสัญญาณฉุกเฉินขอความช่วยเหลือ แต่หลังจากนั้นก็ติดต่อนักบินไม่ได้อีกเลย.-813.-สำนักข่าวไทย