ผลการประชุม กพอ. ครั้งที่ 3/2564 พิจารณาหลายเรื่อง

กรุงเทพฯ 4 ต.ค.-ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ครั้งที่ 3/2564 ได้พิจารณาหลายเรื่อง โดยเฉพาะท่าเรือแหลมฉบังฯ สำเร็จ พร้อมเสนอ ครม. อนุมัติ : โครงสร้างพื้นฐานหลักอีอีซี ได้เอกชนครบ 4 โครงการ


ผู้สื่อข่าวรายงานวันนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการ กพอ. เป็นประธาน ประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ได้รับทราบ และพิจารณาความก้าวหน้า การดำเนินงานในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) มีรายละเอียดสำคัญ ดังนี้

1. ท่าเรือแหลมฉบังฯ สำเร็จ พร้อมเสนอ ครม. อนุมัติ : โครงสร้างพื้นฐานหลักอีอีซี ได้เอกชนครบ 4 โครงการ โดยที่ประชุม กพอ. พิจารณา ผลการคัดเลือกเอกชน ผลการเจรจา และร่างสัญญาร่วมลงทุน โครงการพัฒนา


ท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ในส่วนของท่าเทียบเรือ F ตามที่ คณะกรรมการคัดเลือกฯ ได้ดำเนินการตาม มติ ครม. เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2564 โดยผลประโยชน์ตอบแทนทางการเงินที่ภาครัฐจะได้รับจากโครงการฯ เป็นค่าสัมปทานคงที่ คิดเป็นมูลค่าปัจจุบัน 29,050 ล้านบาท และค่าสัมปทานผันแปรที่ 100 บาทต่อ TEU (หน่วยนับตู้คอนเทนเนอร์ที่มีขนาด 20 ฟุต) โดยคณะกรรมการคัดเลือกฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2564 ได้มีมติให้กลุ่มกิจการร่วมค้า GPC เป็นผู้ผ่านการประเมินข้อเสนอซองที่ 4 ซึ่งได้เสนอผลประโยชน์ตอบแทนทางการเงินที่ภาครัฐได้รับ เป็นไปตามเอกสารการคัดเลือกเอกชน และมติ ครม. ที่ได้อนุมัติไว้ 

นอกจากนี้ ยังได้เจรจาผลตอบแทนเพิ่มเติม อาทิ เอกชนตกลงเพิ่มเงื่อนไขการสร้างท่าเรือ F2 ให้เร็วขึ้น หากแนวโน้มตู้สินค้าเพิ่มขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ เอกชนจะสมทบเงินเข้ากองทุนเยียวยาความเสียหาย ในอัตรา 5,000 บาท/ไร่/ปี นับตั้งแต่วันเริ่มประกอบการท่าเทียบเรือ เป็นต้น โดย กพอ.ได้เห็นชอบผลการคัดเลือกเอกชน ผลการเจรจา และร่างสัญญาร่วมลงทุนที่ผ่านการตรวจพิจารณาของสำนักงานอัยการสูงสุดแล้ว และจะนำเสนอ ครม. พิจารณาอนุมัติ พร้อมลงนามสัญญาต่อไป โดยโครงการท่าเรือแหลมฉบัง ฯ จะสามารถรองรับความจุตู้สินค้าจาก 11 ล้านตู้/ปี เป็น 18 ล้านตู้/ปี หรือเพิ่มตู้สินค้าไม่ต่ำกว่า 7 ล้านตู้/ปี รับการขยายตัวของปริมาณเรือขนส่งสินค้าทางทะเลเพิ่มขึ้น เชื่อมต่อการพัฒนาสู่ท่าเรือบก (Dry port) เป็นศูนย์กลางการค้าบริการขนส่ง ยกระดับไทยเป็นประตูการค้าเชื่อมภูมิภาคเอเชียไปสู่ระดับโลก

ทั้งนี้ โครงการฯ นี้นับเป็นโครงการร่วมลงทุนรัฐ – เอกชน (PPP) ที่ประสบผลสำเร็จต่อจาก 3 โครงการหลัก ซึ่งได้เอกชนเดินหน้าก่อสร้างแล้ว โดยมูลค่าการลงทุนรวมทั้ง 4 โครงการสูงถึง 633,401 ล้านบาท เป็นการลงทุนภาคเอกชน 387,018 ล้านบาท (61%) และเป็นการลงทุนของภาครัฐ 196,940 ล้านบาท (39%)


2. ปรับแผนลงทุนอีอีซี 2.2 ล้านล้านบาทใน 5 ปี เสริมแกร่งเศรษฐกิจไทย แข่งขันได้ในยุค New Normal   

 ที่ประชุม กพอ. พิจารณา เห็นชอบ การปรับแผนลงทุนอีอีซีในระยะ 5 ปีข้างหน้า (ปี 2565-2569) มีเป้าหมาย

การลงทุนให้ได้มากกว่าเป้าหมายเดิม จากแผนแรกของอีอีซี (2561-2565) กำหนดเงินลงทุนไว้ 1.7 ล้านล้านบาท ปัจจุบัน

เกิดเงินลงทุนแล้ว รวม 1,605,241 ล้านบาท หรือคิดเป็น 94% คาดว่าสิ้นปี 2564 จะได้ตามเป้าที่วางไว้ โดยแผนลงทุนอีอีซีระยะ 2 ขับเคลื่อนต่อยอดและเร่งรัดการลงทุนด้วยการใช้เทคโนโลยี นวัตกรรม และวิจัยพัฒนา เพื่อเพิ่มขีดความสามารถ การแข่งขันของประเทศ มีวงเงินลงทุนรวมประมาณ 2.2 ล้านล้านบาท ประกอบด้วย 3 ส่วนสำคัญ ได้แก่ 

1. ต่อยอดโครงสร้างพื้นฐาน 200,000 ล้านบาท จากเมืองการบินภาคตะวันออก การพัฒนาพื้นที่ 30 กม.

รอบสนามบิน และพัฒนาพื้นที่รอบสถานีหลักรถไฟความเร็วสูงฯ (TOD) 

2.ดึงดูดอุตสาหกรรมเป้าหมาย ปีละ 400,000 ล้านบาท  แบ่งเป็น 2 ส่วนคือ (1) การลงทุนในระดับฐานปกติ ปีละ 250,000 ล้านบาท และ (2) การลงทุนส่วนเพิ่มที่เน้นอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ (New S-Curve) อาทิ อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ (EV) ดิจิทัล การแพทย์สมัยใหม่ การขนส่งโลจิสติกส์ เกษตรสมัยใหม่และอาหาร ภายใต้บริบทเศรษฐกิจหมุนเวียน

ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (BCG) รวมปีละ 150,000 ล้านบาท

3.ยกระดับชุมชนและประชาชน เร่งพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนระดับหมู่บ้าน พัฒนาตลาดสด/ e-commerce

สร้างรายได้ให้ชุมชนเพิ่ม ยกเครื่องการศึกษา สาธารณสุขพื้นฐาน สิ่งแวดล้อมและสาธารณูปโภคที่สะดวกสบายให้ชุมชน  

 แผนอีอีซีใน 5 ปีข้างหน้า จะทำให้มูลค่าการลงทุนในอีอีซี เพิ่มขึ้น 500,000 ล้านบาท/ปี (จากเดิม 300,000 ล้านบาท/ปี) ถือเป็นกลไกหลักช่วยผลักดันเศรษฐกิจไทยให้เติบโตเต็มศักยภาพ 4.5 – 5% ต่อปี และยังช่วยบรรเทาผลกระทบจากโควิด-19 พร้อมส่งผลให้ไทยพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง ก้าวสู่ประเทศพัฒนาได้ในปี 2572

3. วางกรอบสิทธิประโยชน์ เน้นความต้องการผู้ประกอบการ จูงใจนักลงทุน ใช้นวัตกรรมเคียงคู่สิ่งแวดล้อม  

 ที่ประชุม กพอ. พิจารณา แผนการดำเนินงานด้านสิทธิประโยชน์ โดยขยายมาตรการสนับสนุนการลงทุน

จากโครงการที่เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล สู่การให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้ประกอบการกิจการในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ โดยเริ่มนำร่องที่เขตส่งเสริมฯ เมืองการบินภาคตะวันออก (EECa) ให้เป็น พื้นที่ต้นแบบ (Sandbox) “การปฏิรูปและยกระดับประเทศไทย ก้าวสู่ 10 อันดับของประเทศที่ประกอบธุรกิจง่ายที่สุด” และที่ประชุมได้มอบหมายให้ สกพอ. จัดทำ (ร่าง) ประกาศสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกอบกิจการในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ ที่ครอบคลุม สิทธิประโยชน์ด้านภาษีอากรและที่มิใช่

ภาษีอากร เพื่อสนับสนุนการลงทุนในพื้นที่ อีอีซี โดยมุ่งเน้นกลุ่มนักลงทุนที่มีศักยภาพ ใช้นวัตกรรมขั้นสูงและเป็นมิตรสิ่งแวดล้อม ภายใต้การออกแบบสิทธิประโยชน์ที่ตรงตามความต้องการของผู้ประกอบการ (Demand Driven Customization) เป็นต้นแบบการปฏิรูประบบราชการที่ใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ ลดอุปสรรคในการลงทุน และเน้นการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน 

4. เดินหน้าแผนพัฒนาเกษตร เร่งรัดโครงการ EFC ช่วยเกษตรกรเงินเก็บเพิ่ม ผลไม้ไทยสร้างรายได้ยั่งยืน 

 ที่ประชุม กพอ. พิจารณาเห็นชอบ ร่างแผนปฏิบัติการพัฒนาการเกษตรในอีอีซี (พ.ศ.2566 -2570) และแผนงานโครงการ ภายใต้แผนฯ ที่ สกพอ. จัดทำร่วมกับ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมีกรอบแนวคิด เน้นตลาดนำการผลิต

(Demand Pull) ใช้เทคโนโลยีสร้างรายได้ (Technology Push) สร้างโอกาสการตลาดให้กับสินค้าเกษตรคุณภาพดี พร้อมเป็นต้นแบบการพัฒนาภาคเกษตรเข้าถึงตลาดสินค้ามูลค่าสูง จาก 5 คลัสเตอร์สำคัญ ได้แก่ ผลไม้ ทุเรียน มังคุด มะม่วง

ประมงเพาะเลี้ยง สัตว์น้ำทดแทนนำเข้า พืชอุตสาหกรรมชีวภาพ มันสำปะหลัง พืชสมุนไพร ฟ้าทะลายโจร และเกษตรมูลค่าสูง โคเนื้อพรีเมียม ตั้งเป้าหมายยกระดับรายได้ให้ชุมชนเกษตรกรในพื้นที่ อีอีซี เทียบเท่ากลุ่มอุตสาหกรรม-บริการ พร้อมให้ GDP ภาคเกษตรในอีอีซี เพิ่มขึ้น  

 รวมทั้ง ที่ประชุมกพอ. ได้พิจารณาเห็นชอบให้ สกพอ. ศึกษาการจัดตั้งบริษัทเพื่อบริหารโครงการระเบียงผลไม้

ภาคตะวันออก (EFC) ร่วมทุนกับเอกชน ท้องถิ่น เน้นสร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้เกษตรกรด้วยการแบ่งปันผลประโยชน์ที่ได้รับจากผลประกอบการ ด้วยแนวคิด การตลาดนำการผลิต วางระบบการค้าสมัยใหม่ E-commerce และ E-auction พัฒนาระบบห้องเย็น-โลจิสติกส์ทันสมัย ที่สกพอ.จะเร่งสร้างโรงงานห้องเย็นให้ทันช่วงหน้าทุเรียนปี 2565 และจัดระบบสมาชิกชาวสวนผลไม้ที่มีคุณภาพและมาตรฐาน โดยโครงการ EFC จะสร้างรายได้ 20-30% มูลค่าประมาณ 10,000-15,000 ล้าน/ปี คืนสู่เกษตรกร

ชาวสวนผลไม้ ระบบห้องเย็นช่วยคงคุณภาพผลผลิต ลดปัญหาขาดแคลนและล้นตลาด ขายได้ราคาเป็นธรรมไม่ถูกกดราคา ส่งออกได้มูลค่าสูง ได้รับเงินจากการขายทันที ให้เกษตรกรไทยมีรายได้ดีมั่นคงอย่างสมดุล

5. พัฒนาตลาดลานโพธิ์นาเกลือ พลิกโฉมพัทยา สู่แหล่งท่องเที่ยวโลก สร้างเศรษฐกิจชุมชนยั่งยืน 

 ที่ประชุม กพอ. พิจารณาเห็นชอบให้ สกพอ. ร่วมกับ เมืองพัทยา ดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่ตลาดลานโพธิ์นาเกลือ (Old Town นาเกลือ) เพื่อพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวชุมชนควบคู่ไปกับการเป็นตลาดอาหารทะเลชั้นนำในพื้นที่อีอีซี พร้อมเป็นโครงการนำร่อง แผนพัฒนาเมืองพัทยาตามแนวทาง NEO PATTYA ที่มีแนวคิด ให้พัทยาก้าวสู่ศูนย์กลางเมืองท่องเที่ยวของอีอีซี โดยขับเคลื่อนให้ตลาดลานโพธิ์นาเกลือ เป็นต้นแบบการพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว กลุ่มรายได้ดีและท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

ซึ่งมี 13 โครงการย่อยที่จะดำเนินการที่สำคัญ ๆ ได้แก่ ปรับปรุงตลาดขายอาหารทะเลสด ก่อสร้างเส้นทางเดินชมธรรมชาติ

จุดชมทัศนียภาพปากคลองนาเกลือ ก่อสร้างเส้นทางธรรมชาติป่าโกงกางคลองนกยาง และก่อสร้างตลาดใหม่ลานโพธิ์นาเกลือ

เป็นต้น ซึ่งหากดำเนินการแล้วเสร็จ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นกว่า 1.5 ล้านคน/ปี และเกิดรายได้ให้คนในพื้นที่กว่า

1,000 ล้านบาท/ปี  

6. ยกระดับโรงพยาบาลปลวกแดง 2 เป็น Sandbox ต่อยอดระบบบริการสาธารณสุข สร้างคุณภาพชีวิตที่ดี 

 ที่ประชุม กพอ. พิจารณาเห็นชอบให้ “โครงการการยกระดับโรงพยาบาลปลวกแดง 2 ให้มีศักยภาพเป็นโรงพยาบาลทั่วไปขนาดเล็ก (M1) และมีมาตรฐานโรงพยาบาลคู่สัญญาของประกันสังคม” เป็นหนึ่งในโครงการ EEC Project List โดยให้

สกพอ. และกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกันเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการ เร่งศึกษารูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) และให้เป็นโครงการ Sandbox ยกระดับการบริการสาธารณสุข โดยความร่วมมือกับภาคเอกชน ต่อไป โครงการโรงพยาบาลปลวกแดง 2 จะรองรับผู้ประกันตนประมาณไม่ต่ำกว่า 200,000 คน ในอำเภอปลวกแดง ให้ได้รับบริการสาธารณสุขอย่างทันการ สะดวก ปลอดภัยและมีคุณภาพ  ลดการเดินทางไปรักษาพยาบาลนอกพื้นที่ ทำให้สถานประกอบการในพื้นที่มีความมั่นใจว่าพนักงานได้รับบริการอย่างทันท่วงทีจากโรงพยาบาลที่มีมาตรฐานในพื้นที่.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตร.เร่งขยายผลปมอธิการบดี ม.ดัง ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น

สน.บางซื่อ 12 ก.ย. – อธิการบดีมหาวิทยาลัยชื่อดัง กลายเป็นเหยื่อมิจฉาชีพออนไลน์ ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น สูญเงินกว่า 38 ล้านบาท ตำรวจนครบาลเร่งสอบสวน อายัดเงินทันกว่า 3 ล้านบาท ขยายผลโยงบัญชีม้ากว่า 20 บัญชี จากกรณีอธิการบดีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ถูกเครือข่ายมิจฉาชีพหลอกลงทุน เสียหายกว่า 38 ล้านบาท พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 และ พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางมาร่วมสอบปากคำผู้เสียหายด้วยตัวเอง ที่สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ ช่วงเที่ยงที่ผ่านมา พล.ต.ต.พัลลภ เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าว พนักงานธนาคารได้ตรวจพบความผิดปกติการถอนเงินจากบัญชีผู้เสียหาย แล้วโอนเงินไปยังบัญชีอื่น 3 บัญชี ซึ่งเป็นบัญชีนิติบุคคล หรือบริษัท เป็นจำนวนเงินกว่า 1 ล้าน 9 แสนบาท จึงได้อายัดไว้ก่อนและติดต่อจากศูนย์ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบไปยังผู้เสียหาย ก่อนทราบว่าผู้เสียหายได้เอาเงินไปลงทุนเทรดหุ้น พร้อมให้ผู้เสียหายตรวจสอบว่า เงินที่โอนไปลงทุนนั้นสามารถถอนออกจากบัญชีในระบบบริษัทได้หรือไม่ ปรากฏว่าผู้เสียหายไม่สามารถถอนเงินได้ เจ้าหน้าที่จึงแน่ใจว่าถูกเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง […]

“เฉลิมชัย” ไขก๊อกหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว

พรรคประชาธิปัตย์ 12 ก.ย.-“เฉลิมชัย” ไขก๊อกจากหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว ด้าน “ชัยชนะ” ยันไม่มีขัดแย้ง ในพรรครักกันดี ไม่มีแพแตก นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ยื่นหนังสือลาออกจากหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ว่า ตนก็เพิ่งทราบข่าว โดยไม่ได้มีการบอกกล่าวล่วงหน้ามาก่อน แต่ยืนยันว่าในพรรคไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งอะไร รักกันดี ทุกคนแต่การตัดสินใจลาออกครั้งนี้เป็นอย่างไรต้องไปถามนายเฉลิมชัยเอง แต่ยืนยันว่า หัวหน้าพรรคกรรมการบริหารพรรค ทุกคนมีความรักใคร่กันดี และตนเชื่อว่านายเฉลิมชัยก็เป็นคนหนึ่งที่รักพรรคประชาธิปัตย์ และทำงานให้กับพรรคมาโดยตลอด ซึ่งตนก็รู้สึกเสียดายและใจหายซึ่งที่ผ่านมานายเฉลิมชัย ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณหรือบอกอะไร สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ จะดำเนินการอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า ก็ต้องดำเนินการตามข้อบังคับพรรคและตามกฎหมาย โดยต้องเรียกประชุมวิสามัญ เพื่อนเลือก หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคใหม่เมื่อถามว่าบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องทำหน้าที่กันต่อไป ส่วนกรรมการบริหารพรรคก็มาเลือกคัดสรรกันใหม่ และหลังจากนี้ต้องรอดูว่าใครจะเข้ามาบริหารพรรค และกำหนดนโยบายทิศทางพรรคอย่างไร แต่ตนก็เป็นสมาชิกพรรคคนหนึ่งที่ยังยืนหยัด อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อถามว่าการที่นายเฉลิมชัย ลาออกตอนนี้ เป็นสัญญาณอะไรหรือไม่เนื่องจาก มีไทม์ไลน์ จะยุบสภา ภายใน สี่ เดือน จะไปสังกัดพรรคอื่นหรือไม่ ได้ชัยชนะกล่าวว่าอย่ามองเช่นนั้น เพราะตนเชื่อว่านายเฉลิมชัย […]

“รมต.สุชาติ​” ตั้งสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน-​สีกา

ทำเนียบ 12 ก.ย.- “รมต.สุชาติ​” ตั้งคณะกรรมการสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน​-​สีกา​ หลังถูกร้องสะพัดว่อนโซเชียล​ คาด​ไม่เกิน​ 1 สัปดาห์รู้ผล​ ย้ำให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย นายสุชาติ​ ตันเจริญ​ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเปิดเผยว่า​ มีข้อร้องเรียน ถึงพฤติกรรมของเจ้าอาวาส วัดโสธรวรารามวรวิหาร เกี่ยวกับการประพฤติปฏิบัติไม่ถูกต้อง เข้าข่ายกระทำความผิดพระธรรมวินัย อีกทั้งยังมีข้อมูลเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ โดยการร้องเรียนเป็นเรื่องทรัพย์สินและเรื่องสีกา ซึ่งเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ เป็นเจ้าคณะจังหวัด และเป็นพระสังฆาธิการด้วย ดังนั้นจึงต้องให้ความเป็นธรรม ทั้งกับผู้ร้องและประชาชน รวมถึงตัวเจ้าอาวาสด้วย เพราะหากไม่เป็นความจริงจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ตนจึงได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นประธาน​ ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบหาข้อเท็จจริงให้ปรากฏ​ โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูง​ รวมถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ​ และให้ผู้ตรวจของสำนักนายกรัฐมนตรีเข้าไปเป็นคณะกรรมการด้วย เพราะไม่ทราบว่าในโลกออนไลน์พูดเพื่อความสนุกสนานหรือไม่ แต่ยอมรับว่าตนก็ได้ยินเรื่องนี้มานาน มีเค้าโครง​ ยืนยันว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และให้ผู้ร้องสบายใจ​ แต่หากเจ้าอาวาสทำผิดก็ต้องแบบว่าไปตามระเบียบกฎหมาย และต้องแจ้งให้สำนักงานพระพุทธศาสนาดำเนินการต่อไป เมื่อถามว่าวางกรอบระยะเวลาการตรวจสอบไว้เท่าใด นายสุชาติ​ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้วาง แต่คาดว่าไม่น่าจะเกิน 1 สัปดาห์ เพราะจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นพื้นที่ของตน ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้ และตนก็เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ประชาชนเลือกมาเป็นผู้แทน […]

นายกฯ โต้ข่าวเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา เชื่อปชช.เข้าใจ

เมืองทองธานี 12 ก.ย.- นายกฯ โต้ข่าว เปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา บอก ขอเป็นรัฐบาลอย่างเป็นทางการก่อน ชี้ ขั้นตอนยังมีอีกเยอะ เชื่อประชาชนเข้าใจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสความชัดเจนในการเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ทำไมข่าวออกไปอย่างนั้นก็ไม่รู้ ไปบิดเบือน เท่าที่ตนดู พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ก็ยังไม่ได้พูดอะไรชัดเจนขนาดนั้น ต้องคำนึงถึงประชาชนคนไทยเป็นหลักก่อนอยู่แล้ว เมื่อถามถึง กระแสการต่อต้านการเปิดด่าน นายกรัฐมนตรีระบุ ขอให้ตนเข้าไปรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้เรายังไม่สามารถให้นโยบายอะไรได้ และการกระทำต่างๆ ยังถือว่าอยู่ภายใต้รัฐบาลปัจจุบันอยู่ ยังไม่ใช่รัฐบาลของตน เมื่อถามต่อว่า ท่าทีของ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาค 2 และ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ที่คัดค้านการเปิดด่าน เพราะอาจจะเป็นการส่งเสริมบ่อนการพนันและสแกมเมอร์ นายอนุทิน กล่าวว่า เท่าที่ตนทราบไม่ได้อยู่ดี ๆ จะไปเปิดด่านได้เลย เพราะต้องมีการบรรลุข้อตกลงอะไรอีกเยอะแยะ เมื่อปฏิบัติ ซึ่งต้องรอคณะรัฐบาลของตนเข้าปฏิบัติที่อย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้ตนยังไม่สามารถไปสั่งการหรือให้นโยบายอะไรได้ เมื่อถามว่า […]

ข่าวแนะนำ

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

บ.เรือด่วนเจ้าพระยา แถลงเหตุไฟไหม้เรือด่วน คาดไฟฟ้าลัดวงจร

14 ก.ย. – บริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา แถลงการณ์เหตุเพลิงไหม้เรือด่วน มีเรือได้รับความเสียหายหนัก 2 ลำ เสียหายเล็กน้อย 1 ลำ และไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือสูญเสีย คาดสาเหตุจากไฟฟ้าลัดวงจร เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2568 เวลาประมาณ 18.36 น. ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้เรือด่วนที่จอดเรียงติดกัน จำนวน 3 ลำ โดยมีเรือที่ได้รับความเสียหายหนักจำนวน 2 ลำ และได้รับความเสียหายเล็กน้อย 1 ลำ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังจากที่เรือได้จอดเลิกงานตามปกติแล้ว บริษัทฯ ขอเรียนชี้แจงว่า ขณะเกิดเหตุนั้น ไม่มีผู้โดยสารหรือพนักงานอยู่บนเรือ จึงทำให้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือสูญเสียแต่อย่างใด จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าสาเหตุเกิดจากไฟฟ้าที่ต่อจากท่าเรือไปชาร์จแบตเตอรี่ในเรือต้นเพลิงลัดวงจร โดยเรือทั้งหมดได้เข้ามาจอดเลิกงานเวลา 18.15 น. และไม่ได้อยู่ระหว่างให้บริการ เมื่อเกิดเหตุ พนักงานประจำพื้นที่ได้เข้าดับเพลิงเบื้องต้นทันที พร้อมทั้งประสานงานกับเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้าควบคุมสถานการณ์ และสามารถควบคุมเพลิงได้ภายในระยะเวลา 45 นาที ขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียดอย่างรอบคอบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อยืนยันสาเหตุที่แท้จริง และเพื่อวางมาตรการป้องกันที่เข้มงวดยิ่งขึ้นในอนาคต บริษัทฯ ขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น […]

เพื่อไทยขอบคุณทุกคะแนนเสียง หลัง “สง่า” คว้าชัยเลือกตั้งซ่อม สส.เชียงราย

กรุงเทพฯ 14 ก.ย. – พรรคเพื่อไทย ขอบคุณทุกคะแนนเสียงจากประชาชน หลังผลเลือกตั้งซ่อม สส. เขต 7 เชียงราย อย่างไม่เป็นทางการ “สง่า” ชนะขาด “สุทัศน์” จากพรรคประชาชน เพจเฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความภายหลังผลการเลือกตั้งซ่อม สส.เชียงราย เขต 7 อย่างไม่เป็นทางการ ปรากฏว่า นายสง่า พรมเมือง ผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย หมายเลข 1 ชนะขาดนายสุทัศน์ ยาละ ผู้สมัครของพรรคประชาชน หมายเลข 2 โดยระบุว่า พรรคเพื่อไทย ขอขอบคุณทุกคะแนนเสียงของพี่น้องประชาชน ที่ให้ความไว้วางใจเลือกผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เชียงราย จากพรรคเพื่อไทย ทีมงานทุกคน พร้อมเดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างโอกาสให้กับพี่น้องประชาชนทุกพื้นที่ เพื่อชีวิตที่ดี เพื่อไทยทุกคน.-316-สำนักข่าวไทย

“เพื่อไทย” คว้าชัยเลือกตั้งซ่อม สส. เขต 7 เชียงราย

เชียงราย 14 ก.ย. – ผลคะแนนเลือกตั้ง สส. เขต 7 เชียงราย อย่างไม่เป็นทางการ ณ เวลา 19.39 น. “สง่า พรมเมือง” พรรคเพื่อไทย คะแนนนำโด่งทิ้งคู่แข่ง “สุทัศน์ ยาละ” พรรคประชาชน กว่า 2 หมื่นคะแนน ขณะที่เพจเฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทย โพสต์ขอบคุณประชาชนเทคะแนนให้ “สง่า” คว้าชัย วันที่ 14 ก.ย.68 เวลา 19.39 น. ที่ศูนย์รวมคะแนนประจำเขตเลือกตั้งที่ 7 อ.แม่จัน จ.เชียงราย ผู้สื่อข่าวรายงานการเลือกตั้งซ่อม สส.เชียงราย เขตเลือกตั้งที่ 7 แทนตำแหน่งที่ว่าง ภายหลังปิดหีบลงคะแนนเมื่อเวลา 17.00 น. จากนั้นเริ่มนับคะแนน โดยสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงราย รายงานเมื่อเวลา เวลา 19.39 น. พบว่า นายสง่า พรมเมือง […]