ทำเนียบรัฐบาล 27 ก.ย.-นายกฯ โพสต์เฟซบุ๊ก ยืนยันรัฐบาลมีแผนรับมือน้ำท่วมระดับประเทศยั่งยืน เร่งช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากพายุเตี้ยนหมู่ เปิดช่องทางให้ปชช.ติดต่อทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” Line ID @1784DDPM แอปพลิเคชัน “พ้นภัย” สายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า เรียนพี่น้องประชาชนทุกท่าน ในระยะนี้ ทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อน “เตี้ยนหมู่” ซึ่งแม้ว่าปัจจุบันจะลดระดับความรุนแรงลง แต่ยังคงมีฝนกระจายหลายพื้นที่ ส่งผลให้มีมวลน้ำสะสมหลายจังหวัด อาจเกิดน้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมฉับพลันได้ รัฐบาลมีความห่วงใยต่อพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก โดยตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกันยายน ได้มีข้อสั่งการต่อกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ปภ.) ให้จัดทำแผนรับมือน้ำท่วมระดับประเทศ
“ให้ถ่ายทอดคำสั่งไปยังศูนย์ปภ. แต่ละจังหวัด ให้จัดกําลังเจ้าหน้าที่และเครื่องจักรกลสาธารณภัย เช่น เครื่องสูบน้ำ เรือยนต์กู้ภัย เรือท้องแบน รถสูบส่งน้ำระยะไกล รถปฏิบัติการบรรเทาอุทกภัย และอื่นๆ ให้พร้อมปฏิบัติการได้ทันทีในพื้นที่เสี่ยงภัยตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยชุดปฏิบัติการจากหน่วยราชการฝ่ายพลเรือน ทหาร ตำรวจ มูลนิธิ รวมถึงอาสาสมัครและประชาชนจิตอาสา เข้าคลี่คลายสถานการณ์ ตลอดจนจัดตั้งโรงครัวพระราชทานจากพระมหากรุณาธิคุณในการประกอบอาหาร การแจกจ่ายถุงยังชีพ เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน และหากสถานการณ์มีแนวโน้มไม่ปลอดภัย ทางปภ.จะอพยพประชาชนไปยังพื้นที่ปลอดภัยหรือศูนย์พักพิงที่จัดเตรียมไว้อย่างทันท่วงที” นายกรัฐมนตรี ระบุ
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ให้ฝ่ายปกครอง กํานัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เครือข่ายอาสาสมัคร ประชาชนจิตอาสา เข้าดูแลให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเป็นระบบ ตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขในการป้องกันโควิด-19 ซึ่งทั้งหมดนี้ รัฐบาลกำลังดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเหลือพี่น้องที่ได้รับผลกระทบให้เร็วที่สุด และได้เตรียมแผนป้องกันและรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจจะเกิดขึ้นกับจังหวัดอื่นๆทางตอนล่างของประเทศ รวมถึงเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลไว้แล้วด้วย สำหรับผู้ประสบภัย สามารถแจ้งเหตุ และขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM และแอปพลิเคชั่น “พ้นภัย” รวมถึงสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง
นายกรัฐมนตรี ระบุถึงการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำจังหวัดสุโขทัย วานนี้ (26 ก.ย) ซึ่งเป็นจุดบรรจบลุ่มน้ำยม-น่านตอนล่าง มีลักษณะเป็นแอ่งกระทะ มักจะน้ำล้นตลิ่งและท่วมขังเป็นเวลานาน เมื่อพายุเข้าครั้งนี้ จึงได้รับผลกระทบสูง รัฐบาลและกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กนช.) ได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกรมชลประทาน เร่งระบายน้ำจากพื้นที่ตอนบน เข้าพื้นที่ลุ่มต่ำและแม่น้ำยม พร้อมกำชับให้แก้ปัญหาน้ำท่วมในจังหวัดสุโขทัยอย่างยั่งยืนตามแผนงานที่รัฐบาลวางไว้แล้ว
“ระยะสั้นจะเน้นการพัฒนาอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและขนาดเล็ก ระยะกลางเน้นการปรับปรุงลำน้ำที่ตื้นเขิน การปรับปรุงคลองระบายน้ำรอบเมืองสุโขทัย ซึ่งต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง สำหรับระยะยาว สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) จะขับเคลื่อนการปรับปรุงคลองหกบาท คลองยม-น่าน ให้สามารถระบายน้ำได้ดีขึ้น พัฒนาแก้มลิงทะเลหลวง และแก้มลิงวังทองแดง รวมทั้งการเติมน้ำใต้ดินจากน้ำท่วมขังบริเวณบางระกำ ซึ่งจะทำให้ปัญหาอุทกภัยของจังหวัดสุโขทัยลดน้อยลงในอนาคต และรัฐบาลมีเป้าหมายที่จะกำหนดแผนเผชิญเหตุสำหรับในพื้นที่เสี่ยงภัยจังหวัดอื่น ๆ เช่นเดียวกัน” นายกรัฐมนตรี ระบุ
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า สุโขทัยเป็นจังหวัดที่มีความสำคัญในเชิงประวัติศาสตร์ของประเทศ และเป็นเมืองมรดกโลก เป็นที่ตั้งของอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย และศรีสัชนาลัย ต้องขอขอบคุณชาวสุโขทัย และกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรมที่เตรียมการรับมือล่วงหน้า ไม่ให้โบราณสถานสำคัญของชาติ ได้รับผลกระทบในปีนี้ และทุก ๆ ปีที่ผ่านมา ซึ่งนอกจากการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว หลักการทำงานที่ยึดเสมอในการบริหารราชการแผ่นดินก็คือ ต้องคิดถึงการพัฒนาเพื่อวันข้างหน้าคู่ขนานกันไป
“เรื่องน้ำท่วม-ฝนแล้ง ย่อมกระทบการทำมาหากินของพี่น้องประชาชนหลากหลายสาขาอาชีพ ซึ่งจำเป็นต้องปรับตัว เช่น พี่น้องเกษตรกรจำเป็นต้องมีอาชีพเสริม การแปรรูป การสร้างมูลค่าเพิ่มจากพืชผลทางการเกษตร การค้าออนไลน์ เป็นต้น เพราะสภาพลมฟ้าอากาศในปัจจุบันมีความรุนแรงมากกว่าในอดีต เมื่อเกิดภัยพิบัติครั้งเดียวอาจทำให้หมดตัวได้ ทำให้ชีวิตตกอยู่ในความเสี่ยงที่คาดเดาไม่ได้ รัฐบาลจึงพยายามผลักดันและส่งเสริมเกษตรกรอย่างต่อเนื่องในหลากหลากรูปแบบ ทั้งการปลูกพืชหมุนเวียน การทำเกษตรแปลงใหญ่ เกษตรอินทรีย์ สมาร์ทฟาร์มเมอร์ รวมทั้งนโยบายตลาดนำการผลิต จะได้ไม่มีผลผลิตออกมาซ้ำออกมาล้นตลาดจนราคาตกต่ำ จึงควรลงทะเบียนปลูกพืชต่าง ๆ ที่เหมาะสมในเชิงพื้นที่ ทั้งในและนอกเขตชลประทาน เพื่อจะได้บริหารจัดการน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสมในเชิงปริมาณ เพื่อการเตรียมตลาดภายในและภายนอกประเทศรองรับ” นายกรัฐมนตรี ระบุ
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า รัฐบาลจัดให้มีระบบการลงทะเบียนเกษตรกร ทั้งเพาะปลูก-ประมง-ปศุสัตว์ ซึ่งทำให้การช่วยเหลือของรัฐ ทั้งเรื่องการประกันภัย ประกันราคา เยียวยาภัยพิบัติ มีความสะดวก รวดเร็ว สิ่งสำคัญของการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนและการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งนี้ คือการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดจากทั้งภาครัฐ ภาคประชาชน และทุกภาคส่วน ขอชื่นชมข้าราชการยุคใหม่ที่ทำงานเชิงรุกมากขึ้น ลุกออกไปช่วยเหลือประชาชน ไม่ใช่เพียงรอให้ประชาชนที่เดือดร้อนเข้ามาขอความช่วยเหลือถึงที่ตั้ง
“นี่คือเกียรติและศักดิ์ศรีของข้าราชการที่แท้จริง ที่ผมขอยกย่อง นอกจากนั้น พี่น้องประชาชนทุกท่าน ต้องเรียนรู้และปรับตัวกับสิ่งใหม่ ๆ ที่ภาครัฐให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องในรูปแบบของโครงการต่าง ๆ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาทั้งตนเองและสังคมรอบตัว สิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดกลไกการทำงานที่เข้มแข็งในทุกชุมชน ซึ่งเมื่อรวมกันแล้วจะสร้างพลังที่ยิ่งใหญ่ให้ประเทศชาติเข้มแข็งขึ้นอย่างแน่นอน จากการประสานพลังของเราทุกคนครับ” นายกรัฐมนตรี ระบุ.-สำนักข่าวไทย