กรมทางหลวงเร่งระดมช่วยประชาชนเดือดร้อนจากอุทกภัย 26 จังหวัด

กรุงเทพฯ 14 ก.ย.-กรมทางหลวง แจ้งมีอุทกภัยบนทางหลวง ระหว่างวันที่ 7-14 กันยายน 2564 พบทางหลวงถูกน้ำท่วม/ดินสไลด์ 26 จังหวัด 48 สายทาง เร่งระดมเข้าช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่แล้ว


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีที่มีหลายพื้นที่ของประเทศมีฝนตกหนัก น้ำป่าไหลหลาก ส่งผลให้ถนนที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมทางหลวง (ทล.) ในพื้นที่หลายจังหวัดเกิดน้ำท่วมและดินสไลด์ ทำให้ประชาชนในพื้นที่และบริเวณใกล้เคียงไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้ และหน่วยงานในสังกัดกรมทางหลวงได้ลงพื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวกปลอดภัยให้กับประชาชน ตามนโยบายของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังพายุดีเปรสชัน ”โกนเซิน” พร้อมดำเนินการตามแผนป้องกันสาธารณภัยอย่างเคร่งครัดและมีประสิทธิภาพ โดยเตรียมความพร้อมในการป้องกัน การฟื้นฟู และการเยียวยาหลังสถานการณ์คลี่คลายในทุกมิติ พร้อมทั้งเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง

นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานในสังกัด ประกอบด้วย สำนักบริหารบำรุงทาง, สำนักงานทางหลวง, ศูนย์สร้างทาง, ศูนย์สร้างและบูรณะสะพาน แขวงทางหลวง และหมวดทางหลวงทั่วประเทศ เตรียมพร้อมบุคลากร เครื่องมือ และเครื่องจักร ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือประชาชนทันที ตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม 


โดยในระหว่างวันที่ 7-14 กันยายน 2564 พบทางหลวงถูกน้ำท่วมและดินสไลด์ จำนวน 26 จังหวัด 48 สายทาง ดังนี้

ภาคกลาง จำนวน 6 จังหวัด สายทาง 16 สายทาง

1. จ.สมุทรปราการ (7 สายทาง) ได้แก่ ทล.3 ตอน แบริ่ง-ท้ายบ้าน, ทล.34 ตอน ทางเข้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-บางวัว, ทล.3117 ตอน คลองด่าน-บางบ่อ, ทล. 3268 ตอน สำโรง-บางเมือง, ทล.3413 ตอน ทางเข้าบางบ่อ, ทล.3344 ตอน อุดมสุข-สมุทรปราการ, ทล.3901 ตอน พระประแดง-บา


2. จ.ปทุมธานี (1 สายทาง) ได้แก่ ทล.1 ตอน สนามกีฬาธูปะเตมีย์-ต่างระดับคลองหลวง 

3. จ.พิษณุโลก (1 สายทาง) ได้แก่ ทล.1086  ตอน พิษณุโลก-มะขามสูง

4. จ.สุโขทัย (2 สายทาง) ได้แก่ ทล.101 ตอน คลองโพธิ์-ท่าช้าง และ ทล.1048 ตอน หอรบ-สวรรคโลก

5. จ.เพชรบูรณ์ (4 สายทาง) ได้แก่ ทล.2216 ตอน โคกมน-กกกะทอน, ทล.2008 ตอน หล่มสัก-น้ำก้อ, ทล.2343 ตอน สักหลง-วังมล, ทล.2466 ตอน หล่มสัก-สักหลง  

6. จ.กำแพงเพชร (1 สายทาง) ได้แก่ ทล.1 ตอน โนนปอแดง-ปากดง

ภาคตะวันออก จำนวน 3 จังหวัด 4 สายทาง

7. จ.ตราด (1 สายทาง) ได้แก่ ทล.3 ตอน เขาสมิง-แม่น้ำตราด  

8. จ.ชลบุรี (2 สายทาง) ได้แก่ ทล.331 ตอน เนินโมก-แปลงยาว และ ทล.3241 ตอน ศรีราชา-อ่างเก็บน้ำหนองค้อ

9. จ.ปราจีนบุรี (1 สายทาง) ได้แก่ ทล.3077 ตอน ศาลนเรศวร-เขาใหญ่ 

ภาคใต้ จำนวน 2 จังหวัด 2 สายทาง

10. จ.ตรัง (1 สายทาง) ได้แก่ ทล.4046 ตอน ตรัง-สิเกา

11. จ.สตูล (1 สายทาง) ได้แก่ ทล.404 ตอน บ้านนา-ละงู

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 8 จังหวัด 16 สายทาง

12. จ.สกลนคร (1 สายทาง) ได้แก่ ทล.2094 ตอน ผาอินทร์-ท่าก้อน 

13. จ.มหาสารคาม (1 สายทาง) ได้แก่ ทล.213 มหาสารคาม-หนองขอน 

14. จ.ร้อยเอ็ด (2 สายทาง) ได้แก่ ทล.215 ตอน สุวรรณภูมิ-สาหร่าย และ ทล.2116 ตอน โพนทอง-ห้วยคล้อ

15. จ.กาฬสินธ์ (3 สายทาง) ได้แก่ ทล.12 ตอน ห้วยสีดา-ลำน้ำพาน, หนองผ้าอ้อม-สี่แยกสมเด็จ, ทล.227 ตอน กาฬสินธุ์-แยกดงแหลม และ ทล.2336 ตอน หนองผ้าอ้อม-กุฉินารายณ์

16. จ.ชัยภูมิ (1 สายทาง) ได้แก่ ทล.2174 ตอน จัตุรัส-บำเหน็จณรงค์ 

17. จ.นครราชสีมา (5 สายทาง) ได้แก่ ทล.2 ตอน ไร่โคกสูง-โคกกรวด, ทล.201 ตอน หินกล่อง-ด่านขุนทด และตอน ทางต่างระดับสีคิ้ว-หินกล่อง, ทล.205 ตอน โคกสวาย-แขวงทางหลวงนครราชสีมาที่ 1, ทล.2090 ตอน ปางแก-อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และ ทล.2247 ตอน ป่าไผ่-ปากช่อง     

18. จ.ยโสธร (1 สายทาง) ได้แก่ ทล.2169 กุดชุม-เลิงนกทา 

19. จ.เลย (2 สายทาง) ได้แก่ ทล.201 ตอน ผานกเค้า-หลักร้อยหกสิบ  และ ทล.2114  ตอน ด่านซ้าย-ปากหมัน 

ภาคตะวันตก จำนวน 3 จังหวัด 5 สายทาง

20. จ.ตาก (3 สายทาง) ได้แก่ ทล.1 ตอน วังเจ้า-ตาก-วังม่วง, ทล.12 ตอน แม่ละเมา-ตาก เกิดดินสไลด์ 1 ช่องจราจร และ ทล.1175 ตอน ห้วยส้มป่อย-เจดีย์ยุทธหัตถี เกิดดินสไลด์ ต้นไม้หักโค่นปิดทับผิวทาง 

21. จ.กาญจนบุรี (1 สายทาง) ทล.3306 ตอน หนองปรือ-สระกระโจม 

22. จ.เพชรบุรี (1 สายทาง) ได้แก่ ทล.4 ตอน สระพระ-ห้วยทรายใต้

ภาคเหนือ จำนวน 4  จังหวัด 5 สายทาง

23. จ.เชียงใหม่ (2 สายทาง) ได้แก่ ทล.108 ตอน เชียงใหม่-ปากทางลี่ และ ทล.1012 ตอน ฮอด-วังลุง

24. จ.ลำพูน (1 สายทาง) ได้แก่ ทล.1274 ตอน ลี้-แม่บอน      

25. จ.แพร่ (1 สายทาง) ได้แก่ ทล.1124 ตอน ปางกุ่ม-วังชิ้น เกิดน้ำป่าไหลหลาก กัดเซาะคอสะพาน 

26. จ.ลำปาง (1 สายทาง) ได้แก่ ทล.1124 ตอน ท่าผา-ปางกุ่ม น้ำป่าไหลหลากกัดเซาะสะพานขาด

สำหรับในกรณีที่เกิดดินสไลด์ ต้นไม้หักโค่นปิดทับผิวทาง คอสะพานขาด กรมทางหลวงได้ดำเนินการเคลียร์พื้นที่และซ่อมแซมเส้นทางดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว และเปิดให้บริการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนผู้ใช้เส้นทางหลวงเดินทางด้วยความระมัดระวัง เพื่อความปลอดภัย และหลีกเลี่ยงเส้นทางที่คาดว่าจะเกิดความสุ่มเสี่ยง พร้อมขอให้ปฏิบัติตามป้ายเตือน ป้ายแนะนำ และคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด และหากประชาชนต้องการสอบถามสภาพเส้นทาง สภาพการจราจร หรือต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อได้ที่สำนักงานทางหลวง แขวงทางหลวง หมวดทางหลวงในพื้นที่ และสายด่วนกรมทางหลวง 1586 (โทรฟรีทุกเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง).-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

9 ทันโลก : แจงด่วน! คณะมนตรีความมั่นคง ไทยนี้รักสงบ

25 ก.ค. – นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะร่วมประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ตามที่กัมพูชาร้องขอไว้ รายงาน 9 ทันโลก พาไปติดตามบทบาทและโอกาสของไทยบนเวทีสำคัญนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาตินานเกือบ 80 ปี จะได้แสดงบทบาทอีกครั้งในคณะมนตรีความมั่นคง ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญในการสื่อสารกับประชาคมโลก ถึงการกระทำของกัมพูชา ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศหลายด้าน รวมถึงกฎบัตรสหประชาชาติที่ไทยยึดมั่น ในห้องประชุมนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาติ ลำดับที่ 55 จะทำหน้าที่อีกครั้งในภารกิจด้านสันติภาพ ตั้งแต่เข้าเป็นสมาชิกเมื่อปี 2489 ที่นี่ไทยเคยทำหน้าที่ประธานการประชุมคณะมนตรีความมั่นคง โดยพลอากาศเอก สิทธิ เศวตศิลา และหม่อมหลวง พีระพงศ์ เกษมศรี ทำหน้าที่สองวาระ ในปี 2528 และ 2529 ในเวลาที่สงครามเย็นคุกรุ่น มาในวันนี้ไทยกำลังจะมีโอกาสอันดีที่ได้ใช้ช่องทางการทูตสำคัญ เสาหลักความมั่นคงของสหประชาชาติ ในอีกบทบาทหนึ่งที่ยังคงอยู่บนพื้นฐานการแสวงหาสันติภาพตามกลไกนี้ เมื่อประเทศสมาชิก ในกรณีนี้คือกัมพูชา ร้องขอให้เปิดประชุมเร่งด่วน สมาชิกคณะมนตรีซึ่งมีสมาชิกถาวร 5 ประเทศ และสมาชิกไม่ถาวร 10 ประเทศ พิจารณากรณีที่เป็นภัยคุกคามใดต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ เช่น กรณีการปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชา […]

น่านยังอ่วม บางจุดน้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร

น่าน 25 ก.ค. – เข้าสู่วันที่ 3 น้ำท่วมใหญ่เป็นประวัติการณ์ของเมืองน่าน แม้ระดับน้ำลดลงบ้างแล้ว แต่ในตัวเมือง-เขตเศรษฐกิจยังท่วมสูง บางจุดระดับน้ำเกือบ 2 เมตร ขณะที่ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” นำทีมกู้ภัยฝ่ากระแสน้ำเชี่ยวเข้าช่วยเหลือชาวบ้าน .-สำนักข่าวไทย

มีผลทันที! ประกาศกฎอัยการศึก 8 อำเภอ “จันทบุรี-ตราด”

25 ก.ค.- กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ประกาศใช้กฎอัยการศึกบางพื้นที่ มีผลทันที กองทัพเรือ โดย กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด “ประกาศใช้กฎอัยการศึก” บางพื้นที่ ดังนี้ ตามที่ได้มีประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ลงวันที่ 19 กันยายน 2549 ให้ใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549 เวลา 21.05 นาฬิกา ซึ่งต่อมาได้มีพระบรมราชโองการเลิกใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ และให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ ลงวันที่ 31 ธันวาคม 2550 นั้น โดยที่ปรากฏว่าประเทศกัมพูชาได้ใช้กำลังและอาวุธรุกรานเข้ามาในราชอาณาจักรไทยตลอดแนวชายแดน จึงมีความจำเป็นโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ที่ต้องใช้กำลังทหาร ตำรวจ พลเรือน ตลอดจนประชาชนชาวไทยทุกคน เพื่อป้องกันประเทศให้พ้นจากภัยคุกคามอันมีที่มาจากภายนอกราชอาณาจักรดังกล่าว เพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดน ตลอดจนชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และจำเป็นต้องประกาศใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 176 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 จึงให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 จังหวัดจันทบุรี อำเภอเมืองจันทบุรี […]

จรวด BM-21 ตกในพื้นที่สุรินทร์ 6 ลูก เร่งอพยพคนเพิ่ม

สุรินทร์ 25 ก.ค. – กระสุนของฝั่งกัมพูชามาตกไกลกว่าเหตุปะทะปี 2554 ตามที่เจ้าหน้าที่คาดการณ์ ล่าสุดมีจรวด BM-21 จำนวน 6 ลูก ตกในพื้นที่ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เตรียมอพยพประชาชนไปยังที่ปลอดภัยกว่า .-สำนักข่าวไทย