fbpx

รมว.คลัง เผยพร้อมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโต 4-5% ปี 2565

กรุงเทพฯ 25 ส.ค. – รมว.คลัง ระบุรัฐบาลพร้อมออกมาตรการผลักดันเศรษฐกิจเติบโต 4-5% ในปี 2565


นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัญมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “Shaping Thailand’s Readiness for Post COVID-19 Economic Opportunities” ในงาน Thailand Focus 2021 ภายใต้แนวคิด “Thriving in the Next Normal” จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยระหว่างวันที่ 25-27 ส.ค.นี้ ว่า แม้ว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตถึง 7.5% ในไตรมาส 2/64 แต่สภาพการณ์ทั่วไปของเศรษฐกิจก็ยังคงไม่แข็งแกร่งนักจกาสถานการณ์โควิด-19 โดยที่อัตราการเติบโตเทียบระหว่างสองไตรมาสนับตั้งแต่ต้นปีนี้มาอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 1% การระบาดระลอกที่ 2 และ 3 ส่งผลให้การฟื้นตัวอาจจะใช้เวลานานกว่าที่คาดไว้

ที่ผ่านมาหน่วยงานสำคัญต่าง ๆ ในประเทศปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจลง อย่างเช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับลดคาดการณ์ลงมาอยู่ที่ 0.7% สำหรับปีนี้ และ 3.7% สำหรับการฟื้นตัวในปี 65 ขณะที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติปรับลดคาดการณ์ปีนี้ลงมาอยู่ที่ 0.7-1.2% จากเดิม 1.5-2.5%


สำหรับปี 65 รัฐบาลจะทุ่มสรรพกำลังและทรัพยากรเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งการเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยใช้โมเดลภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์และสมุยพลัสที่ตอนนี้ขยายไปครอบคลุมนักท่องเที่ยวจากจังหวัดอื่น ๆ ในภาคใต้ของไทย การระบาดที่ลดลงจะทำให้รัฐบาลสามารถหนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ 4-5% ในปี 65

รมว.คลัง กล่าวว่า รัฐบาลดำเนินนโยบายส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ เมื่อโควิด-19 เริ่มระบาดเมื่อต้นปีที่แล้วได้ออกมาตรการด้านการเงินอย่างรวดเร็วเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ รวมทั้งการจัดหาวัคซีนและเร่งการฉีดวัคซีนทั่วประเทศ พ.ร.ฎ.เงินกู้สองฉบับที่มีมูลค่ารวม 1.5 ล้านล้านบาทได้รับการอนุมัติ โครงการต่าง ๆ ภายใต้เงินกู้ฉุกเฉินก้อนแรก 1 ล้านล้านบาทถูกใช้ไปเกือบหมดแล้ว ขณะที่โครงการภายใต้เงินกู้ก้อนที่ 2 จำนวน 500,000 ล้านบาทก็เริ่มต้นขึ้นแล้วและจะไปสิ้นสุดในปลายปีงบประมาณหน้า

ตัวอย่างของโครงการช่วยเหลือด้านการเงินที่กระทรวงการคลังได้ดำเนินการไปแล้ว ได้แก่


  • โครงการเราชนะ ซึ่งเป็นการใช้เงินช่วยเหลือ 1000 บาท/คน/สัปดาห์ สำหรับคนที่มีคุณสมบัติตามกำหนด เป็นเวลาติดต่อกันสองสัปดาห์
  • เงินช่วยเหลือสำหรับผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพิ่มเงินช่วยเหลืออีก 200 บาทให้แก่ผู้ถือบัตรเป็นเวลาหกเดือนติดต่อกัน
  • เงินช่วยเหลือสำหรับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ที่จะให้เงินเพิ่มขึ้นอีก 200 บาทต่อเดือน โดยอิงกับเลขที่บัตรประชาชน เป็นเวลา 6 เดือนติดต่อกัน
  • โครงการคนละครึ่งเฟส 3 สำหรับผู้ที่มาลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือ รัฐจะจ่ายเงินอุดหนุนครึ่งหนึ่งเมื่อซื้อสิ่งของที่ใช้ในชีวิตประจำวัน
  • โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ รัฐบาลออก e-voucher ให้แก่ผู้ที่ลงทะเบียนสำหรับซื้อผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ตลอดจนอาหาร และบริการเพื่อรับเงินคืนจากการเสียภาษีมูลค่า เมื่อซื้อของหรือบริการจากร้านค้าที่มาลงทะเบียนไว้

นอกจากนั้น ก็ยังมีโครงการที่ออกมาเมื่อเดือนที่แล้วเพื่อช่วยเหลือแรงงานที่เป็นผู้ประกันตนภายใต้มาตรา 33, 39 และ 40 การช่วยเหลือยังรวมไปถึงนายจ้างเป็นบริษัทขนาดกลาง ขนาดเล็ก และรายย่อย ที่ว่าจ้างคนงานไม่เกิน 200 คน ส่วนนักเรียนและนักศึกษาก็ได้รับการช่วยเหลือทางด้านค่าเล่าเรียนเพื่อผ่อนเบาภาระของผู้ปกครองและตัวผู้เรียนเองด้วย และรัฐก็ยังมีโครงการช่วยจ่ายบางส่วนของค่าบริการสาธารณอย่างเช่น ค่าไฟฟ้า น้ำประปา เพื่อลดภาระของครัวเรือนอีกด้วย

ในส่วนของมาตรการด้านการเงิน กระทรวงการคลังได้ออกนโยบายให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจ เพื่อให้สถาบันการเงินเหล่านี้ร่วมมือกับธนาคารแห่งประเทศไทยในโครงการพักการชำระหนี้เป็นเวลาสองเดือนสำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs)

นายอาคม กล่าวว่า SMEs ได้รับผลกระทบอย่างมากจากมาตรการควบคุมการระบาด แต่ก็ได้รับการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องจากรัฐบาล เนื่องจากบริษัทเหล่านี้เป็นกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจ โครงการด้านการเงินอื่น ๆ เพื่อประคองภาระหนี้ของทั้งครัวเรือนและบริษัทก็อย่างเช่น การอัดฉีดสภาพคล่องเข้าไปในระบบ ไม่ว่าจะเป็นในรูปของซอฟท์ โลน, การค้ำประกันสินเชื่อ, การพักหนี้, คลินิกแก้หนี้ รวมทั้งการไกล่เกลี่ยประนอมหนี้

ขณะที่สถานภาพทางด้านการเงินของไทยนั้นยังคงแข็งแกร่ง แม้ว่ารัฐบาลจะมีโครงการกู้ยืมเป็นจำนวนเงินที่สูง แต่สัดส่วนของหนี้ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (GDP) นั้นยังคงอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ โดยอยู่ที่ 56.1% และคาดหมายว่าสัดส่วนหนี้ต่อ GDP นี้จะอยู่ต่ำกว่า 60% ในปลายปีงบประมาณนี้ อันเป็นผลมาจากการดำเนินนโยบายการคลังที่มีประสิทธิภาพ และการมีวินัยการคลังอันเข้มงวด หากต่อไปมีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มเพดานหนี้สาธารณะ คณะกรรมการนโยบายการเงิน ซึ่งตั้งขึ้นมาภายใต้ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐก็สามารถที่จะทบทวนเพื่อที่จะยกระดับเพดานดังกล่าวได้

“เราสามารถที่จะคงวินัยทางด้านการเงินเอาไว้ได้แม้ในยามที่มีความจำเป็นจะต้องเพิ่มระดับของหนี้สาธารณะขึ้น อันเนื่องมาจากการที่เราสามารถคงการจ่ายดอกเบี้ยไว้ในอัตราที่ค่อนข้างต่ำ ซึ่งเป็นผลโดยตรงมาจากยุทธศาสตร์การกู้ยืมที่หลากหลายโดยผ่านตลาดพันธบัตรสกุลเงินท้องถิ่นที่สภาพคล่องสูง

ยิ่งไปกว่านั้น นโยบายผ่อนคลายทางการเงินทำให้บรรดาอัตราดอกเบี้ยต่าง ๆ นั้นอยู่ในระดับเป็นประวัติการณ์ และก็น่าจะคงอยู่ในระดับต่ำเช่นนี้ไปจนกว่าเศรษฐกิจของประเทศจะฟื้นตัวได้ การร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดระหว่างกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทยจะยังคงดำเนินต่อไปเพื่อให้แน่ใจว่าจะมีสภาพคล่องเพียงพอสำหรับรัฐบาลจะดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ โดยไม่กระทบกับสถานะทางการเงินที่เข้มแข็งของประเทศ”นายอาคม กล่าว

ขณะที่เรายังคงต่อสู้อยู่กับการระบาดของโควิด-19 รัฐบาลก็ได้เตรียมการเพื่อจะเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยกลับมามีความก้าวหน้าอีกครั้งเมื่อการระบาดนี้จบลง และโควิด-19 ก็ไม่ได้ทำให้เราเปลี่ยนเป้าหมายไปแต่อย่างใด แท้จริงแล้ว ทำให้เรามุ่งมั่นมากขึ้นเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย ซึ่งไม่ใช่แค่เพียงการเติบโตอย่างยั่งยืน แต่หมายรวมไปถึงการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย

สำหรับยุทธศาสตร์ที่รัฐบาลวางไว้เพื่อเป็นรากฐานแห่งการเติบโตในระยะยาวของประเทศ ได้แก่

ประการแรก แก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำไม่เท่าเทียมโดยการสนับสนุนให้ทุกคนสามารถเข้าถึงโอกาสโดยถ้วนหน้า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากช่วงที่เกิดโรคระบาดนั้นอาจจะไม่เท่ากันในทุกภาค และยิ่งทำให้ปัญหาความไม่เท่าเทียมรุนแรงขึ้น ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลจึงให้คำมั่นว่าจะแก้ไขปัญหาความยากจน ในขณะเดียวกันก็สร้างการเข้าถึงโอกาสอย่างเท่าเทียมกันโดยผ่านมาตรการรองรับทางสังคมที่ทุกคนสามารถเข้าถึงและมีประสิทธิภาพ ยกตัวอย่างเช่น บัตรสวัสดิการสังคม ที่สามารถช่วยลดภาระการเงินของกลุ่มคนที่มีรายได้ต่ำ

ประการที่สอง ความต่อเนื่องของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้ลงทุนในสาธารณูปโภคพื้นฐานหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ถนน, ทางรถไฟ, การบิน และพลังงาน โครงการเหล่านี้มีความสำคัญต่อความสามารถในการแข่งขันของไทยมาก และจะทำให้เราสามารถเชื่อมต่อกับภูมิภาคอาเซียนและภูมิภาคอื่น ๆ อย่างเข้มแข็งมากขึ้น

ยิ่งไปกว่านั้น เราได้ลงทรัพยากรหลากหลายไปยังเขตระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ในฐานะที่เป็นตัวกระตุ้นนวัตกรรมและอุตสาหกรรมในอนาคต การเพิ่มแหล่งระดมทุนจากเดิมที่มีการกู้ยืมจากสถาบันการเงิน มาสู่การร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในกิจการของรัฐ PPP ก็สนับสนุนโครงการเหล่านี้ได้ดีมากขึ้น

ประการที่สาม ลดภาวะเรือนกระจกและหาวิธีแก้ไขปัญหาภาวะภูมิอากาศแปรปรวน รัฐบาลได้ตั้งเป้าหมายที่จะการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้มากที่สุดจนให้อาจถึงระดับเป็น 0 ภายในปี 2065 ซึ่งประเทศไทยก็ได้กำหนดแผนการดำเนินงานต่าง ๆ เพื่อให้ไปถึงเป้าหมาย อย่างเช่น ส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า, พลังงานทางเลือก, เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy), ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในอุตสาหกรรม รวมทั้งการปลูกป่าให้กลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง การสนับสนุนทางด้านการเงินแก่อุตสาหกรรมสีเขียวในรูปแบบของพันธบัตรเพื่อการพัฒนายั่งยืน เพื่อให้สามารถสนับสนุนการต่อสู้กับภาวะโลกร้อนในระดับโลกได้

ประการที่สี่ สร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพในการแข่งขัน เราจำเป็นจะต้องสนับสนุนอุตสาหกรรมของประเทศที่มีความแข็งแกร่งและมีศักยภาพอย่างมาก เช่น อุตสาหกรรมอาหาร ทั้งในแง่การพัฒนานวัตกรรมและกระบวนการการผลิต, การเป็นศูนย์กลางด้านการแพทย์, การเป็นศูนย์กลางโลจิสติก และการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน

ประการที่ห้า ส่งเสริมอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ประเทศไทยควรจะปรับโครงสร้างและสนับสนุนอุตสาหกรรมใหม่ที่ตอบสนองกับความต้องการของประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกได้ การพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมาย 13 ชนิดจะทำให้ผลผลิตแห่งชาติและรายได้ของประชาชนเพิ่มขึ้น ประเทศไทยมีเป้าหมายที่จะศูนย์กลางข้อมูลและดิจิทัล, อุตสาหกรรมเครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์ที่มีความฉลาด, และเทคโนโลยีชีวภาพ

ประการที่หก สร้างความเข้มแข็งและความสามารถการแข็งขันสำหรับธุรกิจรายย่อย (MSMEs) ภาคธุรกิจรายย่อยนั้นมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของเรา เพราะคิดเป็นร้อยละ 42 ของมูลค่า GDP ทั้งหมด รัฐบาลกำลังเดินหน้าส่งเสริมผู้ประกอบการรายใหม่ เปิดโอกาสให้เข้าถึงเม็ดเงินลงทุนได้ และสร้างโอกาสที่เข้าร่วมในการจัดซื้อของภาครัฐ

รมว.คลัง กล่าวอีกว่า สำหรับตลาดทุนของไทยนั้นมีความสมดุลอย่างยิ่ง ไม่เพียงมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมพัฒนาเศรษฐกิจ และความสามารถใจการแข่งขันของประเทศ ยังทำให้เราสามารถที่จะจัดการกับสภาพเศรษฐกิจได้ดีขึ้น รวมไปถึงการดูดซับแรงกระแทกต่าง ๆ เมื่อมองไปข้างหน้า การส่งเสริมศักยภาพและประสิทธิภาพของตลาดทุนหลากหลายรูปแบบเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการทำให้เศรษฐกิจในห้วงเวลาหลังโควิด-19 กลับมาแข็งแกร่ง

เหนือสิ่งอื่นใด ในโลกหลังโควิด-19 การขยายตัวทางเศรษฐกิจจะขับเคลื่อนโดยกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ อย่างเช่น รถไฟฟ้า และเศรษฐกิจดิจิทัล ตลาดทุนจะมีบทบาทสำคัญในการระดมทุนสำหรับอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มสูงเหล่านี้ รวมทั้งให้ความช่วยเหลือด้านการเงินแก่กลุ่มสตาร์ทอัพด้วย โดย ตลท.ได้นำเสนอ LIVE อันเป็นแพลตฟอร์มสำหรับการระดมทุนของ SMEs และสตาร์ทอัพ และหวังว่าในอนาคตจะเห็นนวัตกรรมด้านการเงินมากขึ้น

“เส้นทางข้างหน้ามิได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ หากเต็มไปด้วยความท้าทายและความไม่แน่นอนนานัปการ แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นเด่นชัดคือพันธสัญญาของรัฐบาลที่จะทำอย่างสุดกำลังเพื่อเอาชนะโรคระบาด ภายใต้ความร่วมมือของทุกภาคส่วน ผมเชื่อว่าเราจะสามารถมองไปในอนาคตแล้วเห็นโอกาสหลากหลายในทางเศรษฐกิจสำหรับทุกคน”นายอาคม กล่าว. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชี้อิสราเอล-อิหร่านส่งสัญญาณหาทางถอยจากสงคราม

เยรูซาเล็ม 19 เม.ย.- สื่ออิสราเอลมองว่า การที่อิหร่านพยายามปฏิเสธว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอิหร่านวันนี้ไม่ใช่การโจมตีแก้แค้นของอิสราเอล และการที่อิสราเอลยังคงนิ่งเฉยไม่ออกตัวว่าเป็นผู้กระทำ เป็นการส่งสัญญาณว่าทั้ง 2 ฝ่ายกำลังหาทางล่าถอยจากการทำสงครามในขณะที่นานาชาติกดดันให้ใช้ความอดกลั้น เว็บไซต์ไทมส์ออฟอิสราเอลรายงานว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการยืนยันจากทางการอิสราเอลว่า ได้โจมตีอิหร่านในเช้าวันนี้ ขณะที่สื่อทางการอิหร่านรายงานเพียงว่า มีการเปิดใช้งานระบบป้องกันภัยทางอากาศ และปฏิเสธรายงานข่าวเรื่องมีการโจมตีที่ตั้งทางทหารในเมืองอิสฟาฮาน ที่อยู่ห่างจากกรุงเตหะรานลงไปทางใต้ 315 กิโลเมตร โดยระบุว่าเหตุการณ์ปกติ แต่เจ้าหน้าที่อิสราเอลและสหรัฐที่ขอสงวนนามเผยกับสื่อในสหรัฐว่า เป็นฝีมือของอิสราเอล หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ของสหรัฐอ้างแหล่งข่าวอิหร่าน 3 คนว่า ฐานทัพอากาศในเมืองอิสฟาฮานถูกโจมตีแต่ไม่มีข้อมูลเรื่องความเสียหาย ไทมส์ออฟอิสราเอลมองว่า ลักษณะของการโจมตีอย่างจำกัด ซึ่งมีรายงานว่าเป็นการใช้โดรน ไม่ใช่ขีปนาวุธหรือปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ ประกอบกับการที่อิสราเอลไม่ได้ยอมรับอย่างเป็นทางการ น่าจะเปิดทางให้รัฐบาลอิหร่านสามารถปฏิเสธเรื่องความจำเป็นที่จะต้องขู่โจมตีอิสราเอลเป็นครั้งที่ 2 หลังจากระดมยิงขีปนาวุธและโดรนมากกว่า 300 ลูกใส่อิสราเอลเมื่อเช้ามืดวันที่ 14 เมษายนตามเวลาอิสราเอล เป็นสัญญาณเบื้องต้นว่า ทั้ง 2 ประเทศอาจกำลังหาทางล่าถอยจากการทำสงคราม ก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์กันอย่างกว้างขวางว่า อิสราเอลจะแก้แค้นอิหร่านตามที่แสดงท่าทีมาตลอดทั้งสัปดาห์ว่า จะไม่ยอมปล่อยให้อิหร่านโจมตีโดยไม่ตอบโต้ จุดกระแสวิตกว่า การโจมตีตอบโต้กันไปมาจะบานปลายกลายเป็นสงครามเต็มรูปแบบ อย่างไรก็ดี มีสัญญาณว่ากองกำลังป้องกันอิสราเอลได้ลดความุรนแรงของแผนการโจมตีตามที่นานาชาติกดดันให้ใช้ความอดกลั้น.-814.-สำนักข่าวไทย  

ผงะ! พบศพหนุ่มเมียนมาในแท็งก์น้ำ ดาดฟ้าหอพัก

ผงะ! พบศพหนุ่มเมียนมาสภาพเปลือย ในแท็งก์น้ำบนดาดฟ้าหอพัก ย่านมีนบุรี เสียชีวิตมาแล้ว 2 วัน คาดลงไปเล่นน้ำคลายร้อน

ระทึก! สารแอมโมเนียจากโรงน้ำแข็งรั่ว บาดเจ็บนับร้อย

ระทึกกลางดึก สารแอมโมเนียรั่วในโรงน้ำแข็ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ชาวบ้านสูดดม ได้รับผลกระทบกว่า 100 คน ต้องกระจายส่งตาม รพ. ต่างๆ

จับแล้ว! ชายอินเดียฆ่าปาดคอหญิงวัย 51 ปี

เกิดเหตุฆ่าปาดคอหญิงอายุ 51 ปี ในโรงแรมท้องที่ สน.ตลาดพลู ผู้ต้องสงสัยเป็นชายชาวอินเดียที่อยู่ด้วยกันในโรงแรม กว่า 1 สัปดาห์ ก่อนหายตัวไปหลังเกิดเหตุ ล่าสุดตามจับได้แล้ว สารภาพอ้างแค้นผู้ตายไม่คืนเงิน

ข่าวแนะนำ

“บิ๊กโจ๊ก” ถอนคำร้องเอาผิด “เศรษฐา” อ้างไม่ติดใจแล้ว

“บิ๊กโจ๊ก” ยื่น ป.ป.ช. ขอถอนคำร้องเอาผิด “นายกฯ เศรษฐา” กรณีปฏิบัติหน้าที่มิชอบตาม ม.157 อ้างไม่ติดใจดำเนินคดีแล้ว

นายกฯ เชิญ 4 ธนาคารใหญ่ ถกลดดอกเบี้ยบ้านกลุ่มเปราะบาง

นายกฯ เชิญผู้บริหาร 4 ธนาคารใหญ่ เข้าหารือ ขอให้ทั้ง 4 ธนาคาร ช่วยลดราคาดอกเบี้ยเงินกู้บ้านให้กับประชาชน ส่วนความเคลื่อนไหวทางด้านการเมือง เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เผยส่งชื่อรัฐมนตรีให้นายกฯ พิจารณาแล้ว

สถานการณ์ชายแดนแม่สอดยังไม่น่าไว้วางใจ มีเสียงปืน-ระเบิดจากฝั่งเมียนมา

สถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่สอด จ.ตาก ยังไม่น่าไว้วางใจ หลังเช้านี้ได้ยินเสียงปืนและระเบิดจากการปะทะของกองกำลังกะเหรี่ยงกับทหารเมียนมา ดังขึ้นในรอบ 3 วัน ขณะที่บ่ายนี้ (23 เม.ย.) รมว.ต่างประเทศ เตรียมลงพื้นที่

เฮลิคอปเตอร์กองทัพเรือมาเลเซียชนกันกลางอากาศ-ดับแล้ว 10

กองทัพเรือมาเลเซียกล่าวในแถลงการณ์ว่า เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพเรือมาเลเซีย 2 ลำ ชนกันกลางอากาศในระหว่างการฝึกซ้อมสำหรับการแสดงในขบวนพาเหรดของกองทัพเรือ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 10 ราย