เพิ่มช่องทางผู้เอาประกันภัยที่ติดเชื้อโควิด และรักษาพยาบาลแบบ Home Isolation

กรุงเทพฯ 20 ส.ค. – สมาคมประกันวินาศภัยไทย จับมือ ทรู ดิจิทัล และ TPA เพิ่มช่องทางให้บริการผู้เอาประกันภัยที่ติดเชื้อ COVID-19 และรักษาพยาบาลแบบ Home Isolation เข้าถึงบริการ Telemedicine ได้อย่างรวดเร็ว


นายอานนท์ วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในประเทศไทยที่ยังคงมีจำนวนผู้ติดเชื้อโรค COVID-19 อยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่องและส่งผลกระทบต่อการให้บริการทางการแพทย์ ทำให้ผู้ป่วย COVID-19 ไม่สามารถเข้าถึงระบบการรักษาพยาบาลได้อย่างทันท่วงที ภาครัฐจึงได้นำแนวทางการรักษาแบบ Home Isolation หรือการรักษาตัวเองจากที่บ้านมาใช้ เพื่อช่วยให้ผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการ หรือผู้ป่วย COVID-19 กลุ่มสีเขียวที่มีอาการไม่รุนแรง ได้เข้ารับการรักษาอย่างรวดเร็วขึ้น ดังนั้นเพื่อเป็นการดูแลผู้ป่วยซึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยที่ติดเชื้อ COVID-19 ที่อยู่ในกลุ่มสีเขียวได้เข้าถึงการรักษาของแพทย์ได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน สมาคมประกันวินาศภัยไทย จึงได้มีแนวทางให้บริการกับผู้เอาประกันภัยที่ติดเชื้อ COVID-19 และรักษาพยาบาลแบบ Home Isolation ให้เข้าถึงบริการ Telemedicine ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งในเบื้องต้นได้รับความร่วมมือจากสมาคมนายหน้าประกันภัยไทยในการประสานงานกับผู้ให้บริการ Telemedicine พร้อมทั้งมอบหมายให้คณะทำงานของสมาคมฯ ประกอบด้วย นายโอฬาร วงศ์สุรพิเชษฐ์ เลขาธิการสมาคมฯ นายปิยะพัฒน์ วนอุกฤษฏ์ ประธานคณะกรรมการประกันภัยอุบัติเหตุและสุขภาพ และ นายวาสิต ล่ำซำ ประธานคณะกรรมการพัฒนาธุรกิจและวิชาการประกันภัย เพื่อดำเนินการต่อไป

ทั้งนี้ นายโอฬาร วงศ์สุรพิเชษฐ์ เลขาธิการ สมาคมประกันวินาศภัยไทย ได้กล่าวถึงความร่วมมือกันระหว่าง สมาคมประกันวินาศภัยไทย ทรู ดิจิทัล และ Third Party Administration หรือ TPA ว่า เป็นบริการปรึกษาแพทย์ผ่านแอปพลิเคชัน True HEALTH สำหรับผู้เอาประกันภัยที่มีกรมธรรม์ประกันภัย COVID-19 ที่มีความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล หากติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ได้เข้ารับการรักษาพยาบาลแบบ Home Isolation ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้เอาประกันภัยสามารถเข้าถึงการดูแลรักษาของแพทย์ได้อย่างรวดเร็ว และช่วยให้ผู้เอาประกันภัยสามารถเบิกค่าสินไหมทดแทนได้ง่ายขึ้นอีกด้วย


สำหรับบริษัทประกันวินาศภัยที่เข้าร่วมในบริการ Telemedicine สำหรับผู้เอาประกันภัย COVID-19 มีจำนวน 16 บริษัท ได้แก่

  1. บมจ.กรุงเทพประกันภัย
  2. บมจ.เจมาร์ท ประกันภัย
  3. บมจ.เดอะ วัน ประกันภัย
  4. บมจ.ทิพยประกันภัย
  5. บมจ.เทเวศประกันภัย
  6. บมจ.ไทยเศรษฐกิจประกันภัย
  7. บมจ.ธนชาตประกันภัย
  8. บมจ.นวกิจประกันภัย
  9. บมจ.ประกันภัยไทยวิวัฒน์
  10. บมจ.ฟอลคอนประกันภัย
  11. บมจ.เมืองไทยประกันภัย
  12. บมจ.วิริยะประกันภัย
  13. บมจ.สินมั่นคงประกันภัย
  14. บมจ.อาคเนย์ประกันภัย
  15. บมจ.เอเชียประกันภัย 1950
  16. บมจ.เอฟดับบลิวดีประกันภัย

นายอดิภัทร ชัยชนะสกุล กรรมการผู้จัดการ ธุรกิจดิจิทัล เฮลท์ บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ทรู ดิจิทัล พัฒนาแพลตฟอร์มดูแลสุขภาพอัจฉริยะ ทรู เฮลท์ เพื่อเพิ่มช่องทางให้คนไทยสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ผ่านระบบออนไลน์ได้ง่าย ๆ จากทุกที่ทั่วประเทศ โดยไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาล พร้อมมอบประสบการณ์ดูแลสุขภาพในยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบครบวงจร ทั้งพบหมอออนไลน์ รับยาที่บ้าน และ เคลมประกันได้ ไม่ต้องสำรองจ่าย ด้วยฟังก์ชันใหม่ล่าสุด “เทเลเมดิเคลม” (TeleMediClaim+) ซึ่งความร่วมมือกับ สมาคมประกันวินาศภัยไทย และ TPA ในครั้งนี้ ทรู เฮลท์ ต่อยอดฟังก์ชัน “เทเลเมดิเคลม” ไปอีกขั้น เพิ่มทางเลือกให้ผู้ป่วย COVID-19 กลุ่มสีเขียวที่มีกรมธรรม์ประกันภัย COVID-19 ของบริษัทประกันวินาศภัยที่เข้าร่วมโครงการ สามารถปรึกษาแพทย์และผู้เชี่ยวชาญจากชีวีบริรักษ์คลินิกเวชกรรม ผ่านแอปพลิเคชัน True HEALTH ได้ทั้งในรูปแบบของการโทร แช็ต และวิดีโอคอล (VDO Call) พูดคุยกับแพทย์ได้จากทุกที่แบบเรียลไทม์ พร้อมมีบริการส่งยาตามใบสั่งแพทย์ถึงหน้าบ้านทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัดทั่วประเทศ และสามารถเคลมประกันเบิกค่าสินไหมทดแทนตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ได้ทันที มั่นใจว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นอีกหนึ่งพลังในการดูแลช่วยเหลือผู้ป่วยโรค COVID-19 ที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน ให้สามารถเข้าถึงการรักษาได้อย่างทั่วถึง สะดวกและรวดเร็ว โดยไม่ต้องกังวลกับค่ารักษาพยาบาลและค่ายาด้วยความคุ้มครองจากกรมธรรม์ประกันภัย COVID-19

นางฐิตาพร ธารากิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยรี เซอร์วิสเซส จำกัด (THRES) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการภายใต้แบรนด์ TPA ในการจัดการสินไหมทดแทนให้กับบริษัทประกันภัย กล่าวว่า บริษัทมีระบบเพื่อเชื่อมต่อข้อมูลการตรวจสอบสิทธิและการเคลมของผู้เอาประกันภัย พร้อมทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการเคลมมืออาชีพ ได้ให้การสนับสนุนโครงการของสมาคมประกันวินาศภัยไทยในครั้งนี้ โดยแอปพลิเคชันของบริษัทจะรองรับข้อมูลการประกันภัยโควิดจากบริษัทประกันภัยและจะเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มดูแลสุขภาพอัจฉริยะ ทรู เฮลท์ แบบ Real Time เพื่อให้ผู้เอาประกันสามารถปรึกษาแพทย์ผ่านแอปพลิเคชัน True HEALTH และรับยาได้ นอกจากนี้ บริษัทยังมี mobile application ที่ชื่อ TPA Care ให้ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบสิทธิความคุ้มครองด้วยตนเองได้อีกด้วย เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการให้บริการ


ทั้งนี้ ผู้เอาประกันภัยที่มีกรมธรรม์ประกันภัยซึ่งให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลจากโรค COVID-19 สามารถใช้บริการ Telemedicine ได้แล้ววันนี้ เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน True HEALTH ที่แอปสโตร์และเพลย์สโตร์ และลงทะเบียนเพื่อเริ่มต้นใช้งาน จากนั้นตรวจสอบสิทธิ์กับเจ้าหน้าที่ผ่าน “แช็ต” และ ปรึกษาแพทย์ได้ทันทีหลังได้รับอนุมัติ โดยเลือกคลินิก “Telemedicine สำหรับผู้เอาประกันภัย” สมาคมประกันวินาศภัยไทย หวังเป็นอย่างยิ่งว่าความร่วมมือในการให้บริการ Telemedicine ผ่านแอปพลิเคชัน True HEALTH จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้เอาประกันภัยที่ป่วยด้วยโรค COVID-19 และรักษาพยาบาลแบบ Home Isolation ได้รับบริการทางการแพทย์ที่ดี สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้เอาประกันภัยทุกคนหายป่วยจากโรค COVID-19 และสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติได้โดยเร็ว . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

ยกอำนาจให้ทหารตัดสินใจ เปิดด่าน-สร้างรั้วชายแดน

ศรีสะเกษ 21 ก.ย.- “อนุทิน” ยกอำนาจให้ “ทหาร” ตัดสินใจ ‘เปิดด่าน-สร้างรั้วชายแดน’ ลั่น ขอหนุนทหารปักธงไทยให้คนไทยชื่นใจ ส่วนรัฐบาลขอเดินหน้าการทูต ยันไม่มีใครล็อบบี้ได้ ส่วนการเจรจาจะทำหลังยุติเหตุก่อกวน จ่อคุมเข้มพื้นที่เพิ่มเติม นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องการปิดด่านและการสร้างรั้วตามแนวชายแดนไทย กัมพูชา โดยระบุว่า ได้ทำความเข้าใจกับการทหารแล้ว ว่าเมื่อตนได้เข้ารับตำแหน่งฝ่ายบริหารประเทศเมื่อไหร่ ก็จะให้ทหารได้ตัดสินใจเต็มที่ รัฐบาลที่กำลังเข้ามาจะให้การสนับสนุน เคารพการตัดสินใจของฝ่ายการทหาร ส่วนรัฐบาลจะทำเรื่องการทูต และเงื่อนไขที่ต้องเจรจาต่าง ๆ นายอนุทิน ย้ำว่า ต้องมีความชัดเจนว่าเราไม่ยอมรับเงื่อนไข แต่เขาต้องยอมรับเงื่อนไขเราเท่านั้น จึงจะดำเนินการเรื่องอื่นต่อไปได้ ตนอยากให้มีความชัดเจนในตรงนี้ เพราะที่ผ่านมามีการคาดคะเนหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของผู้นำต่างประเทศโทรมาล็อบบี้ตน “ ผมล็อบบี้ไม่ได้หรอกครับ ผมไม่มีใครมาล็อบบี้ได้ ผมต้องทำให้กับคนคนไทย ประเทศไทยเท่านั้น ไม่มีการต่อรองใด ๆ จนกว่าเขาจะรับเงื่อนไขที่เราตั้งไว้”นายอนถทิน กล่าว ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงการจัดการของรัฐบาล เนื่องจากยังมีอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) บินวนอยู่รอบภูมะเขือ นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องการทหารขอให้ทหารตัดสินใจ อยากปักธงไทยตรงไหน ขอให้ไปปักให้คนไทยได้ชื่นใจ ในที่ที่เป็นของคนไทย […]

แก๊งค้ายาขนไอซ์ 450 กก. ซิ่งรถชนเกาะกลางถนน จ.อุดรธานี

อุดรธานี 21 ก.ย.-แก๊งยาเสพติดซิ่งรถยนต์ชนเกาะกลางถนน ในพื้นที่ อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบถึงกับอึ้ง พบไอซ์ 450 กก. ซุกอยู่ในกระสอบหลังรถ ส่วนคนในรถอาศัยจังหวะชุลมุนหลบหนีไปได้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อคืนที่ผ่านมา 22.30 น. เจ้าหน้าที่รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถยนต์เสียหลักชนวงเวียนบ้านเหล่าอุดม ต.บ้านจันทน์ อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ที่เกิดเหตุพบรถยนต์อเนกประสงค์ สภาพด้านหน้าพังยับเยิน และไม่พบตัวคนขับอยู่ในจุดเกิดเหตุ เบื้องต้น เจ้าหน้าที่จึงเข้าทำการตรวจค้นภายในรถ ที่เบาะนั่งด้านหลัง ถึงกับอึ้ง เพราะพบกระสอบ 9 ใบ อัดแน่นอยู่ด้านหลัง ตรวจสอบภายในกระสอบ มีห่อพลาสติกใสและถุงสีฟ้าลายเสือดาวรวม 448 ห่อ น้ำหนักกว่า 448 กิโลกรัม ภายในห่อมีผลึกขาวใส ลักษณะผลึกคล้าย ไอซ์ นอกจากนี้ ยังพบบัตรประชาชน นายสุทธิโชค อายุ 17 ปี ชาว อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย ตรวจสอบพบ มีประวัติคดียาเสพติด 3 คดี ส่วนทะเบียนรถ […]

อุดพนังกั้นน้ำสำเร็จ น้ำท่วมหล่มสักเริ่มคลี่คลาย

เพชรบูรณ์ 21 ก.ย.-น้ำท่วมตัวอำเภอหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ รวมทั้งย่านการค้า เริ่มลดลงแล้ว หลังเจ้าหน้าที่อุดพนังกั้นน้ำที่พังลงมาได้สำเร็จ และน้ำในแม่น้ำป่าสักลดลง จุดที่พนังกั้นน้ำริมแม่น้ำป่าสักแตกยาวกว่า 10 เมตร ทำให้น้ำทะลักเข้าท่วมเขตเศรษฐกิจ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เจ้าหน้าที่สามารถปิดพนังกั้นน้ำที่พังลงมาได้แล้ว แม้จะยังไม่ 100% ทำให้ยังมีน้ำรั่วซึมเข้ามาบ้าง แต่ช่วยลดปริมาณน้ำจากแม่น้ำป่าสักที่ทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนและอาคารร้านค้าหลายร้อยหลังในย่านการค้าของหล่มสักลงได้ ส่งผลให้น้ำที่ท่วมหลายจุดตั้งแต่เมื่อวานลดลง บางจุดเริ่มเห็นผิวถนนแล้ว และคาดว่าจะลดลงต่อเนื่อง หลังระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักที่ไหลผ่านตัวอำเภอหล่มสัก ลดลงเฉลี่ยชั่วโมงละ 10 เซนติเมตร จนต่ำกว่าพนังที่ทางเทศบาลเสริมขึ้นมาแล้ว แต่ยังมีบ้านเรือนตามชุมชนที่อยู่ริมน้ำใกล้จุดพนังแตก ถูกน้ำท่วมขังอยู่บ้าง ขณะที่ชาวบ้านหลายครอบครัวเร่งนำข้าวของเครื่องใช้ที่ถูกน้ำท่วมเสียหายออกมาล้างทำความสะอาด เร่งล้างคราบโคลนภายในบ้านกันบ้างแล้ว หลังต้องเจอน้ำท่วมหนักถึง 2 รอบ ในช่วง 3 สัปดาห์ และกว่าจะอุดพนังกั้นน้ำที่พังลงมาได้สำเร็จไม่ใช่เรื่องง่าย เจ้าหน้าที่ต้องใช้ความพยายามตลอดทั้งคืน ระดมกำลังคนและเครื่องจักรหนักเข้ากู้สถานการณ์ อุดรอยรั่วซ่อมพนังกั้นน้ำ ตรงข้ามสวนดงตาล ที่พังลงมายาวกว่า 10 เมตร โดยใช้แบริเออร์ กระสอบทรายบิ๊กแบ็ก วางอุดรอยรั่วได้สำเร็จ แม้ตอนนี้ยังคงมีน้ำรั่วซึมเข้ามาจากจุดพนังแตกอยู่บ้าง แต่หากระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักลดลงอย่างต่อเนื่องแบบนี้ คาดว่าสถานการณ์น้ำท่วมในเขตเทศบาลเมืองหล่มสักจะลดลงต่อเนื่อง.-สำนักข่าวไทย

ทบ.ชี้แจงปมกัมพูชาประท้วงไทย ย้ำพื้นที่อยู่ในเขตไทย

กทม. 21 ก.ย.-กองทัพบก ชี้แจงปมกัมพูชาประท้วงไทย ย้ำพื้นที่อยู่ในเขตไทย ไม่ใช่พื้นที่พิพาท กรณีกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ออกแถลงการณ์เมื่อ 20 ก.ย.68 ระบุว่า “กัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงและคัดค้านอย่างเป็นทางการต่อรัฐบาลไทย เกี่ยวกับเจตนาที่จะใช้กฎหมายภายในประเทศของไทยกับพลเมืองกัมพูชาในหมู่บ้านโจกเจย และหมู่บ้านไปรจัน ตำบลโอเบยเจือน อำเภอโอโจรว จังหวัดบันเตียเมียนเจย โดยมีรายละเอียดกล่าวหาฝ่ายไทยว่า ฝ่ายไทยอ้างสิทธิ์ใช้กฎหมายภายในประเทศกับพลเมืองกัมพูชาในพื้นที่พิพาท โดยการอ้างสิทธิ์ดังกล่าวของไทยละเมิดพันธกรณีตามกฎบัตรสหประชาชาติ (มาตรา 2(3) และ 2(4)) เป็นการละเมิดบันทึกความเข้าใจ MOU 2000 ว่าด้วยการสำรวจและปักปันเขตแดนทางบก ขัดต่ออำนาจหน้าที่ของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม ขอเรียกร้องให้ไทยยุติกิจกรรมที่บ่อนทำลายความพยายามลดความตึงเครียด ตามข้อตกลงหยุดยิง พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงต่อกรณีนี้ว่า ฝ่ายไทยมีสิทธิและหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมายภายในประเทศกับบุคคลที่อยู่ในเขตดินแดนของไทย ซึ่งเป็นหลักการสากลที่ทุกประเทศยอมรับ และขอยืนยันว่า พื้นที่ที่ฝ่ายไทยอาจจำเป็นต้องดำเนินการก่อนนั้น ไม่ได้อยู่ในเขตของพื้นที่ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ อย่างที่ฝ่ายกัมพูชาพยายามบิดเบือน แต่อยู่ในเขตอธิปไตยของประเทศไทยอย่างชัดเจน ซึ่งทำให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างถูกต้องตามหลักอธิปไตยของรัฐ ส่วนเรื่องพันธกรณีตามกฎบัตรสหประชาชาติ ในมาตรา 2(3) ที่ได้ระบุไว้ว่า “รัฐสมาชิกต้องระงับข้อพิพาทระหว่างประเทศด้วยวิธีสันติ เพื่อไม่ให้สันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศตกอยู่ในอันตราย” นั้น ในความเป็นจริงกลับพบว่า ฝ่ายกัมพูชามักจะเป็นผู้ละเมิด อย่างกรณีการปลุกปั่น จัดฉาก […]