กรุงเทพฯ 22 มิ.ย.-หอการค้าไทย เผยโควิด-19 ทำเงินสะพัดฟุตบอลยูโร 2020 ลดลงต่ำสุดในรอบ 10 ปี เหลือ 6.2 หมื่นล้านบาท รอประเมินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐบาลหลัง ก.ค. เชื่อเอกชนพบนายกฯ พรุ่งนี้ ขอทบทวนวงเงินใหม่ ทั้งปียังคงไว้ที่ร้อยละ 2
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยถึงผลสำรวจ”พฤติกรรมและการใช้จ่ายของผู้บริโภค ในช่วงมหกรรมฟุตบอลยูโร ปี2020″ พบว่า สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 มีผลกับพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชนทำให้มีการใช้จ่ายน้อยลง ทั้งในส่วนของการใช้จ่ายในระบบและนอกระบบ ส่งผลทำให้เงินสะพัดโดยรวมในช่วงฟุตบอลยูโร 2020 ลดลงร้อยละ 20.3 ต่ำสุดในรอบ 10 ปี โดยมีมูลค่าอยู่ที่ 62,440 ล้านบาท
ทั้งนี้ โดยแยกเป็นเงินสะพัดในระบบจากการซื้อสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์การดูฟุตบอลและอาหารจัดเลี้ยง 15,200 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 15.1 และมีเงินสะพัดนอกระบบจากการพนันฟุตบอล 45,800 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 22.3 ซึ่งการเล่นพนันส่วนใหญ่เป็นการเล่นพนันออนไลน์ และมีเป้าหมายเพื่อต้องการเงินรางวัล ไม่ได้เล่นเพื่อแฟชั่นหรือความสนุกสนาน และมีการใช้เงินในแต่ละนัดเฉลี่ย 1,000-5,000 บาท โดยที่มาของเงินมาจากเงินออมและรายได้ปกติ
อย่างไรก็ตามเม็ดเงินจำนวนดังกล่าวจะมีผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมในปีนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 แล้วทั้งปีขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 2 โดยความเชื่อมั่นของประชาชนจะสามารถกลับมาได้หากการกระจายวัคซีนของรัฐบาลทำได้ตามแผนและสามารถควบคุมการระบาดของโควิด-19 ให้อยู่ในวงจำกัดได้ สามารถเดินหน้าเปิดประเทศได้ตามการประกาศของนายกรัฐมนตรี 120 วัน โดยใช้ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์เป็นโมเดล สร้างความเชื่อมั่น
นอกจากนี้ หอการค้าไทยจะมีการประเมินผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลอีกครั้งหลังเดือนกรกฎาคมนี้ โดยต้องรอดูเม็ดเงินในการกระตุ้นเศรษฐกิจลงสู่ระบบก่อน แต่ในเบื้องต้นเห็นว่า วงเงินจากโครงการคนละครึ่งเพียง3,000 ล้านบาทเป็นวงเงินที่อาจน้อยเกินไป ไม่เพียงพอกับการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสที่ 3 และโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้มีเสียงตอบรับจากประชาชนน้อยไม่มีผลในการฟื้นเศรษฐกิจ และการเข้าพบนายกรัฐมนตรีของภาคเอกชนในวันพรุ่งนี้ เชื่อว่าจะมีการเสนอขอทบทวนวงเงินจำนวนดังกล่าวจากโครงการคนละครึ่งและการปัดฝุ่นโครงการช็อปดีมีคืนซึ่งเป็นโครงการเดิมนำกลับมาใช้อีกครั้ง รวมถึงการแก้ไขปัญหาของภาคธุรกิจในการเข้าถึง Soft Loan การปรับโครงสร้างหนี้และสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เพราะยังติดขัดในระบบต่างๆไม่สามารถกระจายในการให้ความช่วยเหลือภาคธุรกิจได้อย่างกว้างขวาง โดยเชื่อว่ารัฐบาลจะมีมาตรการที่ผ่อนคลายมากขึ้น .-สำนักข่าวไทย