“กรุงไทย-ธ.ก.ส.”ผนึกกำลังยกระดับบริการ เสริมความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานราก

กรุงเทพฯ 2 มิ.ย. – กรุงไทย – ธ.ก.ส. ขานรับนโยบายกระทรวงการคลัง จับมือยกระดับบริการการเงินและพัฒนาชุมชน ภายใต้โครงการ Sustainable Synergy สร้างโอกาสและความเข้มแข็งให้ระบบเศรษฐกิจฐานรากผ่าน 5 โครงการ ทั้งการให้บริการเครือข่ายเครื่อง ATM ร่วมกัน การให้ผู้ถือบัตร ATM และบัตร Debit ของ ธ.ก.ส. ซื้อสินค้าและถอนเงินสดผ่านเครื่อง EDC ของกรุงไทย บริการดิจิทัลคอมเมิร์ซแพลตฟอร์มให้เกษตรกรและวิสาหกิจชุมชน จำหน่ายสินค้าผ่านฟีเจอร์ D-Market บนแอปฯ เป๋าตัง และใช้วายุคลาวด์เพิ่มขีดความสามารถแอปฯ ธนาคารต้นไม้ และกองทุนหมู่บ้าน


นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ธนาคารทำบันทึกความร่วมมือ (MOU) โครงการ “Sustainable Synergy ประสานพลังสถาบันการเงินแห่งรัฐ พัฒนาไทยสู่ความยั่งยืน” ภายใต้การสนับสนุนของกระทรวงการคลัง กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อร่วมกันพัฒนาและยกระดับบริการทางการเงินให้เข้าถึงประชาชนครอบคลุมทุกมิติ พร้อมเพิ่มโอกาสทางการตลาดให้กับเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรให้มีช่องทางจำหน่ายสินค้าที่หลากหลาย และการพัฒนาระบบโปรแกรมการบริหารงานขององค์กรชุมชนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานราก และช่วยลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ประกอบด้วย 5 โครงการ ได้แก่ 

1. การให้บริการเครือข่ายเครื่อง ATM ร่วมกัน (White-Label ATM) ให้ลูกค้าบัตร Debit และ บัตร ATM ทั้ง 2 ธนาคาร สามารถทำธุรกรรมถอนเงิน และสอบถามยอดเงินคงเหลือ โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมการทำรายการต่างธนาคาร เริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2564 นอกจากช่วยลดต้นทุนการทำธุรกรรมการเงินแล้ว ยังช่วยให้ลูกค้าทั้ง 2 ธนาคาร เข้าถึงการทำธุรกรรมผ่านเครื่อง ATM ได้สะดวกและครอบคลุมมากขึ้น ด้วยจำนวนเครื่อง ATM รวมกันกว่า 12,000 เครื่องทั่วประเทศ 


2. เปิดให้ผู้ถือบัตร ATM และบัตร Debit ของ ธ.ก.ส. ครอบคลุมไปถึงบัตรอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) บัตรอาสาสมัครสาธารณสุข (อสส.) และบัตรสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) สามารถซื้อสินค้าและบริการโดยไม่เสียค่าธรรมเนียมผ่านเครื่อง EDC ของธนาคารกรุงไทย กว่า 76,000 เครื่องทั่วประเทศ ในร้านธงฟ้าประชารัฐ ร้านค้าทั่วไป และผ่านแอปพลิเคชันที่ร้านค้าถุงเงิน รวมทั้งสามารถถอนเงินสดจากเครื่อง EDC กับตัวแทนธนาคาร (Banking Agent) ได้ 

3.บริการดิจิทัลคอมเมิร์ซแพลตฟอร์ม สนับสนุนให้เกษตรกรและวิสาหกิจชุมชน นำสินค้ามาจำหน่ายด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจและแตกต่างผ่านฟีเจอร์ D-Market ซึ่งเป็นดิจิทัลคอมเมิร์ซแพลตฟอร์มของคนไทย บนแอปพลิเคชันเป๋าตัง ซึ่งมีฐานลูกค้าขนาดใหญ่ จากจำนวนผู้ใช้งานแอปพลิเคชันเป๋าตังกว่า 30 ล้านคน ช่วยให้ชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างยั่งยืน หนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ ตามแนวคิด “ไทยดี ไทยใช้ ไทยยั่งยืน”  

4.การเชื่อมโยงบัญชี e-Wallet สำหรับลูกค้า ธ.ก.ส. เพื่อใช้ชำระสินค้าและบริการผ่านแอปฯ เป๋าตัง ซึ่งเป็นการเพิ่มช่องทางการเข้าถึงร้านค้า ตามนโยบายภาครัฐ และเพิ่มสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจ


5.บริการวายุคลาวด์ เป็นบริการคลาวด์สาธารณะภายในประเทศที่บริษัท กรุงไทยคอมพิวเตอร์เซอร์วิสเซส จำกัด (KTBCS) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือธนาคารกรุงไทยพัฒนาขึ้นเป็น Open Source Software ที่มีเสถียรภาพ ทันสมัย รองรับความต้องการใช้งานของประชาชนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่ง   ธ.ก.ส. ได้เล็งเห็นศักยภาพ จึงนำร่องใช้วายุคลาวด์กับแอปพลิเคชันธนาคารต้นไม้ และกองทุนหมู่บ้าน

นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นการผนึกกำลังของสถาบันการเงินภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง โดยนำจุดแข็งของแต่ละแห่งมาสนับสนุนซึ่งกันและกัน เพื่อยกระดับการบริการ ทำให้ลูกค้าทั้ง 2 ธนาคาร ที่ถือบัตร ATM และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐสามารถใช้บริการตู้ ATM ได้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมการทำรายการต่างธนาคาร รวมถึงอำนวยความสะดวกให้ผู้ถือบัตร Debit ของ ธ.ก.ส. บัตรอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) บัตรอาสาสมัครสาธารณสุข (อสส.) และบัตรสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) จำนวนกว่า 2 ล้านใบ ได้รับประโยชน์จากการซื้อสินค้าและบริการโดยไม่เสียค่าธรรมเนียมผ่านเครื่อง EDC ของธนาคารกรุงไทย และผู้ถือบัตร Debit ของ ธ.ก.ส. ยังสามารถถอนเงินสดผ่านเครื่อง EDC กับตัวแทนธนาคาร (Banking Agent) ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนด้านการใช้บริการทางการเงินให้กับลูกค้า

ด้านการพัฒนาและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันขององค์กรชุมชน โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ธ.ก.ส. ได้สนับสนุนให้เกษตรกร สถาบันเกษตร และผู้ประกอบการ SMEs เกษตร นำสินค้าคุณภาพดีจากชุมชนมาจำหน่ายบนแพลตฟอร์ม Social Commerce เช่น ข้าวสารหอมมะลิ ตรา A-Rice ของสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. สุรินทร์ จำกัด (สกต.) ที่มีนวัตกรรมการกำจัดมอดโดยใช้คลื่นวิทยุ ทำให้ผู้บริโภคได้รับอาหารที่ปลอดภัยและข้าวสายพันธุ์พื้นเมืองที่ได้รับ GI เช่น ข้าวกล้องไรซ์เบอร์รี่ ข้าวก่ำ และข้าวฮางงอก เป็นต้น  ผลิตภัณฑ์กระเป๋าแปรรูปจากต้นกล้วย แบรนด์ “ตานี” จังหวัดราชบุรี น้ำช่อดอกมะพร้าว 100% แบรนด์ “Hayoung have a health” จังหวัดสมุทรสาคร  น้ำทับทิมจากไร่จรัสแสง จังหวัดนครราชสีมา กาแฟคั่วบด แบรนด์ “ก้องวัลเล่ย์ จังหวัดระนอง แคบหมูป๊อป แบรนด์ “ศิราณี” จังหวัดเชียงราย เม็ดมะม่วงหิมพานต์ จาก สกต. ศรีสะเกษ จำกัด และผลไม้ตามฤดูกาลจากกลุ่มเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนทั่วประเทศ เป็นต้น ซึ่งนอกจากทำให้ผู้บริโภคได้รับสินค้าคุณภาพจากเกษตรกรผู้ผลิตโดยตรงแล้ว ยังเป็นการสนับสนุนการสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับชุมชน  การเชื่อมโยงบัญชี e-wallet เพื่อให้ลูกค้า ธ.ก.ส. สามารถชำระสินค้าและบริการผ่านแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง ซึ่งเป็นการเพิ่มช่องทางการเข้าถึงร้านค้าได้ ตามนโยบายรัฐบาลและเพิ่มสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจ

ในส่วนของวายุคลาวด์ ธ.ก.ส. จะนำมาพัฒนาแอปพลิเคชันโครงการสำคัญ ๆ เพื่อต่อยอดด้านการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์ต่อชุมชนมากขึ้น เช่น โครงการธนาคารต้นไม้ที่ ธ.ก.ส. ได้เข้าไปสนับสนุนให้เกษตรกรรวมกลุ่มเพื่อปลูกต้นไม้ มีการประเมินมูลค่าต้นไม้เพื่อใช้เป็นทรัพย์สิน การสนับสนุนให้ชุมชนเข้าร่วมโครงการลดก๊าซเรือนกระจก เพื่อสร้างรายได้จากการจำหน่ายคาร์บอนเครดิตและมีเป้าหมายในการจัดทำระบบ GPS ที่สามารถระบุตำแหน่งของต้นไม้ เพื่อเป็นฐานข้อมูลในการตรวจสอบ โดยปัจจุบันมีชุมชนที่เข้าร่วมโครงการธนาคารต้นไม้ จำนวน 6,838 ชุมชน มีจำนวนต้นไม้ที่ปลูกเพิ่มแล้วกว่า 12.3 ล้านต้น การสนับสนุนกองทุนหมู่บ้านและกลุ่มการเงินในชนบทที่ ธ.ก.ส. ดูแลกว่า 28,000 แห่ง ให้มีระบบการบริหารจัดการที่เป็นมาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือ เช่น การจัดทำโปรแกรมช่วยปฏิบัติงานด้านสินเชื่อ เงินฝาก และระบบบัญชี เพื่อให้องค์กรการเงินชุมชน มีการยกระดับไปสู่การเป็นสถาบันการเงินประชาชนที่มีประสิทธิภาพ ช่วยสร้างโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของคนในชนบท และช่วยแก้ปัญหาหนี้สินนอกระบบ อันเป็นปัญหาสำคัญของประเทศ . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เก๋งซิ่งแหกโค้งชนเสาเหล็ก ไฟลุกไหม้คลอกคนขับดับสลด

ลพบุรี 6 มิ.ย. – เก๋งหรูซิ่งเสียงดังลั่น หมุนโชว์กลางสี่แยก ก่อนแหกโค้งชนเสาเหล็กป้ายข้างทางไฟลุกไหม้เสียหายทั้งคัน คลอกคนขับดับสลด เมื่อเวลา 03.30 น.ที่ผ่านมา ร.ต.ท.ชาตรี ทรัพย์นิยมพงศ์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองลพบุรี รับแจ้งรถเก๋งชนเสาข้างถนน ไฟลุกไหม้ทั้งคัน บนถนนทางเข้าบ้านหนองน้ำทิพย์ หมู่ 7 ต.เขาพระงาม อ.เมืองลพบุรี พร้อมแจ้งรถน้ำดับเพลิงป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลเขาพระงาม รุดไปดับไฟ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบ จุดเกิดเหตุพบไฟกำลังลุกไหม้โหมทั่วไปทั้งคันรถ สังเกตดูเบื้องต้นคนขับติดอยู่ที่เบาะนั่งสภาพหมดสติ เจ้าหน้าที่เร่งระดมฉีดน้ำใช้เวลาประมาณ 15 นาที เพลิงสงบ จากการตรวจสอบด้านซ้ายรถชนอัดอยู่กับเสาเหล็กป้ายบอกทาง สภาพเหลือแต่ซาก เบื้องต้นพบเป็นรถเก๋งยี่ห้อยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู ไม่ทราบสี-ทะเบียน ถูกไฟไหม้ เหลืออยู่ครึ่งป้าย ภายในรถพบร่างชายถูกไฟไหม้เกรียม ยังไม่ทราบชื่อว่าเป็นใครมาจากไหน สอบถามนางเล็ก ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองนั่งเฝ้าเครื่องสูบน้ำใกล้จุดเกิดเหตุ ได้ยินเสียงรถเก๋งคันดังกล่าวขับซิ่งมาจากแยกเขาพระงาม มุ่งหน้าไปทางโคกสำโรง เสียงท่ออย่างดังลั่น พอมาถึงสามแยกบ้านหนองน้ำทิพย์ ได้หมุนโชว์กลางแยก 1 รอบ จากนั้นขับไปยูเทิร์นกลับมาอีกรอบ เลี้ยวเข้าทางแยกหนองน้ำทิพย์ได้ประมาณ 300 เมตร […]

ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงิน 12 ล้าน วางทิ้งข้างถังขยะ

นนทบุรี 6 มิ.ย. – ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงินสด 12 ล้าน ในกล่องพลาสติก วางทิ้งข้างถังขยะคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จากกรณีพลเมืองดีพบธนบัตรไทยจำนวนมาก ถูกซุกซ่อนอยู่ภายในกล่องพลาสติก บริเวณคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบเอกสารเกี่ยวกับหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายและซองจดหมาย ปรากฏชื่อบุคคลและหน่วยงานรัฐในเอกสาร จึงได้ยึดธนบัตรดังกล่าวมาที่ สภ.ปากเกร็ด เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นเงินอะไร ได้มาถูกต้องหรือไม่ และใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง เบื้องต้นพบเป็นเงินสดจำนวน 12 ล้านบาท และเมื่อเจ้าหน้าที่นำสายรัดของธนบัตรดังกล่าวไปตรวจสอบ พบว่ามีการจ่ายเงินออกมาจำนวนดังกล่าวตั้งแต่ปี 2563    พลเมืองดีเล่าว่า เวลาประมาณ 20.00 น. ของเมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.) ตนและเพื่อนเดินไปลิฟต์ที่ชั้น 4 ซึ่งข้างลิฟต์เป็นที่ทิ้งขยะ เห็นกล่องสภาพดีวางอยู่ ก็จะเก็บไปใช้ ซึ่งกล่องถูกเปิดแง้มเอาไว้และมีเสื้อผ้าวางทับด้านบน จึงเปิดดูพบเงินสดฉบับละ 1,000 บาท เป็นมัดๆ จำนวนมาก จึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ ความคืบหน้าในการติดตามหาตัวคนที่นำกล่องเงินมาทิ้ง ตำรวจสืบสวน สภ.ปากเกร็ด ได้ลงพื้นที่ไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดที่พบเพื่อหาเบาะแสคนที่นำกล่องพลาสติกมาทิ้ง เบื้องต้นยังไม่พบผู้ต้องสงสัย นอกจากนี้ยังได้พยายามติดต่อกับ นายทวีวัฒน์ […]

น้ำมันรั่วลงทะเล

สั่งเจ้าท่าระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar

ชลบุรี 6 มิ.ย.- “มนพร” สั่งการกรมเจ้าท่าตั้งศูนย์ประสานงานแก้ไขปัญหาและควบคุมสถานการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar บริเวณท่าเรือบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ศรีราชา จังหวัดชลบุรี นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม สั่งการให้ นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน เพื่อ ระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar ซึ่งเป็นเรือบรรทุกน้ำมันดิบสัญชาติสิงคโปร์ หมายเลข IMO 9828962 โดยเหตุเกิดบริเวณทุ่นรับน้ำมันกลางทะเล (SBM2) ของบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ในเขตพื้นที่ศรีราชา จังหวัดชลบุรี เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 00.54 น. โดยมีสาเหตุมาจากท่อส่งน้ำมันที่ชำรุด ส่งผลให้น้ำมันดิบรั่วไหลลงสู่ทะเลในปริมาณประมาณ 20 คิว หรือราว 20 ตัน กรมเจ้าท่าได้ดำเนินการประเมินสถานการณ์โดยเร่งดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานฯ ณ โรงกลั่นน้ำมันของบริษัทไทยออยล์ จังหวัดชลบุรี เพื่อเป็นศูนย์กลางในการควบคุมเหตุการณ์ ทั้งนี้กรมเจ้าท่าในฐานะเลขานุการศูนย์ประสานงาน ได้ประสานกองทัพเรือจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ในการขจัดคราบน้ำมัน จากการสำรวจพื้นที่ พบว่าลักษณะของคราบน้ำมันเป็นคราบสีดำหรือน้ำตาลบาง ๆ […]

นักศึกษาเจอคอลเซ็นเตอร์ปั่นหัวถือมีดบุกโรงพัก

เชียงใหม่ 5 มิ.ย. – แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกนักศึกษาเชียงใหม่ สูญกว่า 2 ล้านบาท พ่อแม่เครียดหมดเนื้อหมดตัว บางรายถูกปั่นหัวให้ถือมีดบุกโรงพักเย้ยตำรวจ พบเฉพาะ สภ.ภูพิงค์ฯ มีเหยื่อโดนหลอกลักษณะนี้แล้วกว่า 300 ราย กล้องวงจรปิดบันทึกภาพนักศึกษาสาว ชั้นปีที่ 4 ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดภายใน สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นเดินไปเข็นวีลแชร์ที่อยู่ตรงหัวมุมอาคาร แล้วก็เข็นไปเข็นมาอยู่อย่างนั้น ก่อนจะถือมีดไปที่บริเวณห้องรับแจ้งความ และอ้างว่า จะมาขอพบตำรวจนายหนึ่ง แต่ไม่มีชื่อนี้อยู่ที่โรงพัก จึงขอพบ พันตำรวจเอก มนัสชัย อินทร์เถื่อน ผู้กำกับ สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ เพราะไปฆ่าคนตายมา ขณะนั้น ตำรวจสืบสวนสังเกตเห็นว่า นักศึกษาสาวมีท่าทางหวาดระแวงใส่หูฟังเหมือนกับทำตามคำสั่งใครสักคนที่สั่งการจากปลายสาย ด้านตำรวจจึงชวนพูดคุยสอบถามสักพัก จนยอมวางมีดลง จากนั้น ตำรวจจึงขอให้ดึงหูฟังออก ปรากฏว่า นักศึกษาสาวกลับได้สติขึ้นมาว่า ชายที่สั่งการทางโทรศัพท์ไม่ใช่ตำรวจจริง เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สั่งให้มาป่วนตำรวจ เนื่องจากไม่มีเงินโอนให้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตำรวจจึงตรวจสอบพบว่า ในวันเดียวกัน […]

ข่าวแนะนำ

ลอบวางระเบิด 2 จุด กลางตลาดโต้รุ่งเมืองปัตตานี

ปัตตานี 8 มิ.ย. – คนร้ายลอบวางระเบิดกลางตลาดโต้รุ่ง เขตเทศบาลเมืองปัตตานี รถจักรยานยนต์เสียหาย 2 คัน เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต วันที่ 8 มิ.ย.68 เวลา 20.00 น. เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบกลุ่มจำนวน ลอบวางระเบิดแสวงเครื่อง จำนวน 2 ลูก โดยจุดแรก วางระเบิดในถังขยะ หน้าร้านทอง บริเวณตลาดโต้รุ่ง เขตเทศบาลเมืองปัตตานี เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต รถจักรยานยนต์ได้รับความเสียหาย จำนวน 2 คัน และจุดที่ 2 วางระเบิดในถังขยะ บริเวณในซอยข้างโรงแรม หลังตลาดโต้รุ่ง เขตเทศบาลเมืองปัตตานี เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต การก่อเหตุครั้งนี้ คาดว่าเป็นการก่อเหตุเพื่อสร้างสถานการณ์ให้เกิดขึ้นในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ตามข้อมูลข่าวสารที่หน่วย ส.จว.ปัตตานี ได้ออกข่าวแจ้งเตือนไปแล้ว เมื่อวันที่ 26 พ.ค.68 เวลา 15.00 น. ปรากฏข่าวสารว่า นายมะกอเซ็ง หม้าแอ สมาชิก ผกร.ระดับปฏิบัติการ และสมาชิกจำนวน […]

นายกฯ เผยหารือกัมพูชา ตกลงปรับกำลังทหารทั้ง 2 ฝ่าย ลดเผชิญหน้า

ทำเนียบรัฐบาล 8 มิ.ย. – นายกฯ เผยหารือกับรัฐบาลกัมพูชา ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงจะร่วมกันปรับกำลังทหาร จุดที่มีการกระทบกระทั่ง เพื่อลดการเผชิญหน้า เดินหน้าใช้กลไก JBC 14 มิ.ย.นี้ นำพาความสัมพันธ์เข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า ความพยายามคลี่คลายสถานการณ์ความขัดแย้งตามแนวชายแดน โดยการปฏิบัติงานของทั้งระดับนโยบาย โดยรัฐบาล ฝ่ายความมั่นคง กองทัพ กระทรวงการต่างประเทศ และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีพัฒนาการในทางที่ดีขึ้นเป็นลำดับค่ะ ดิฉันได้หารือกับรัฐบาลกัมพูชา มีข้อสรุปที่ส่งผลดีต่อสถานการณ์ โดยทั้ง 2 ฝ่ายตกลงจะร่วมกันปรับกำลังทหาร ณ จุดที่มีการกระทบกระทั่ง เพื่อลดบรรยากาศการเผชิญหน้า และจะพัฒนาความร่วมมือโดยใช้กลไก JBC ในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ และจะมีการพูดคุยกันในทุกระดับ เพื่อนำพาความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วค่ะ ขอให้พี่น้องประชาชนติดตามสถานการณ์และข้อเท็จจริงจากรัฐบาล พร้อมทั้งเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานจนประสบผลสำเร็จต่อไป สุดท้ายนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนได้โปรดคลายความกังวล และมีความมั่นใจในการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลว่า จะไม่มีเหตุกระทบกระทั่งที่รุนแรงเกิดขึ้นแน่นอนค่ะ.-316-สำนักข่าวไทย

โฆษก ทบ. ยันทหารกัมพูชายอมถอนกำลัง-กลบคูเลต ลดตึงเครียด

8 มิ.ย. – โฆษก ทบ. ยืนยันทหารกัมพูชายอมถอนกำลังกลับไปอยู่จุดเดิม พร้อมกลบคูเลตให้คืนสู่สภาพเดิม หลังบรรลุข้อตกลงการหารือ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก ลดความตึงเครียด วันนี้ (8 มิ.ย.68)​ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ฝ่ายกัมพูชา นำโดย พล.ท.สรัย ดึก รองผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ได้เชิญฝ่ายทหารไทย โดย พล.ต.สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เข้าร่วมหารือ เพื่อเจรจาเกี่ยวกับกรณีปัญหาการรุกล้ำดินแดนในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก จากการหารือเบื้องต้น ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงในประเด็นสำคัญ คือ ฝ่ายทหารกัมพูชายินยอมถอนกำลังกลับไปยังจุดที่เคยประจำการอยู่เดิม ซึ่งอยู่ห่างจากบริเวณที่เกิดเหตุปะทะ หรือแนวต้นพญาสัตบรรณ ลึกเข้าไปในเขตแดนของประเทศกัมพูชา จุดดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ฝ่ายกัมพูชาเคยใช้เป็นแนววางกำลังฐานมาโดยตลอดในอดีต นอกจากนี้ ฝ่ายกัมพูชายังแสดงความยินยอมที่จะดำเนินการกลบคูเลตให้กลับคืนสู่สภาพธรรมชาติตามเดิม ตามข้อเสนอของฝ่ายไทย เพื่อเป็นการลดความตึงเครียด และสร้างบรรยากาศแห่งความร่วมมือ ภายหลังจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันที่จะใช้กลไกระดับคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น เป็นช่องทางในการหารือแนวทางบริหารจัดการพื้นที่อย่างเหมาะสมและยั่งยืนต่อไป.-313-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งกองกำลังสุรนารี ปรับเวลาเปิด-ปิด จุดผ่านแดนกัมพูชา 

8 มิ.ย.- เกาะติดสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา แม่ทัพภาค 2 ลงนามคำสั่งให้อำนาจผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี พิจารณาปรับเวลาเปิด-ปิด ด่านถาวรและจุดผ่อนปรนการค้า 4 ด่าน มีผลทันทีเมื่อคืนนี้ กองทัพภาคที่ 2 ออกหนังสือคำสั่ง การควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี ตามคำสั่งกองทัพบก เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ให้กองทัพภาคที่ 2 โดยกองกำลังกำลังสุรนารีมีอำนาจการควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี วิธีการและเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลา ที่จำเป็นเหมาะสม ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี ดังนี้