รพ.เตรียมแจ้งความกลับสาวอ้างทำศพลูกหาย

สุพรรณบุรี 21 พ.ค. – โรงพยาบาลเตรียมแจ้งความกลับสาววัย 21 ปี อ้างทำศพลูกหาย ตรวจสอบไม่พบประวัติการฝากครรภ์และมาคลอดลูกแฝด สงสัย “ท้องทิพย์”


จากกรณีที่โลกออนไลน์มีการวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์ที่พ่อของเด็กคนหนึ่งไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊ก ขณะกำลังเปิดโลงศพลูกที่เสียชีวิต โดยอ้างว่าทางโรงพยาบาลได้นำร่างบรรจุในโลงศพส่งมาให้ พร้อมกำชับไม่ให้เปิดโลง เพราะกลัวติดเชื้อ แต่รู้สึกแปลกใจ จึงลองเปิดโลงตรวจสอบดู กลับพบว่าในโลงมีเพียงผ้าขนหนูและเสื้อผ้า ไม่มีศพลูก สร้างความเสียใจและแปลกใจเป็นอย่างมาก

สอบถามเรื่องนี้กับครอบครัว แม่เด็กให้ข้อมูลก่อนหน้านี้ว่า หมอได้ฉีดยาเร่งคลอด ทำให้เด็กออกมาก่อนกำหนด เมื่อคลอดแล้วก็นำเด็กเข้าตู้อบ ลูกของตนนั้นเป็นแฝด ชาย 1 คน หญิง 1 คน แต่พบว่าเด็กเสียชีวิตไป 1 คน ส่วนอีกคนให้ไปรับทีหลัง แล้วตอนนี้เด็กอีกคนก็หายไปด้วย


ทั้งนี้ หลังจากที่อ้างว่าศพบุตรชายหายไป ทั้งนายเกรียงไกร สุภีทรัพย์ อายุ 30 ปี และ น.ส.กรกนก เพิ่มหิรัญ อายุ 21 ปี ก็ได้ไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.เมืองสุพรรณบุรี ในวันที่ 20 พ.ค.64 เวลา 19.41 น. โดยผู้เป็นแม่ลงข้อมูลกับตำรวจว่า ศพบุตรชายหายไป หลังรับจากโรงพยาบาล เพื่อกลับไปทำการฌาปนกิจ โดยแจ้งว่า เมื่อวันที่ 11 พ.ค.64 คลอดบุตรแฝดชายและหญิง ที่ รพ.บางปลาม้า ต่อมาบุตรฝาแฝดที่เป็นผู้ชาย มีน้ำหนักน้อย ทาง รพ.บางปลาม้า จึงแนะนำให้ส่งมาอบที่ รพ.เจ้าพระยายมราช จนถึงวันที่ 17 พ.ค. ทาง รพ.แจ้งมาว่า เด็กหัวใจเต้นผิดจังหวะและหยุดหายใจ จนมาถึงวันที่ 18 พ.ค. ทาง รพ.แจ้งว่า เด็กเสียชีวิตแล้ว ผู้แจ้งจึงได้มารับศพบุตรชายของตน เมื่อวันที่ 20 พ.ค. เวลา 16.00 น. โดยได้ไปรับที่ชั้น 3 ห้องเด็ก จากนั้นพยาบาลก็นำให้ผู้แจ้งไปรับศพ ซึ่งถูกห่อผ้าอย่างมิดชิด ก่อนจะนำศพไปบำเพ็ญกุศลที่วัดสวนแตง เมื่อมาถึง ทางพระภิกษุที่นิมนต์ไว้ได้เปิดโลง เพื่อจะโยงสายสิญจน์ เตรียมทำพิธี แต่เมื่อแกะห่อผ้าที่พันมาลักษณะคล้ายมีศพเด็กอยู่ภายใน กลับไม่พบศพบุตรชายของตน จึงเกิดความสงสัยว่า เหตุใดทางโรงพยาบาลไม่นำร่างของบุตรชายมาให้ จึงมาแจ้งความลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน และผู้แจ้งทราบอีกว่า รพ.เจ้าพระยายมราช ประสานจะชดใช้ค่าเสียหาย จำนวน 500,000 บาท ขณะที่พ่อแม่ยังติดใจสาเหตุการตาย แต่ประสงค์ที่จะนำศพบุตรของตนมาบำเพ็ญกุศลตามประเพณี จึงมาแจ้งไว้เป็นหลักฐาน เพื่อที่จะประสานกับทางโรงพยาบาลต่อไป

ต่อมา รพ.เจ้าพระยายมราช ได้เชิญพ่อแม่เด็กมาสอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น และตรวจสอบข้อเท็จจริงไปยัง รพ.บางปลาม้า ซึ่งได้รับการยืนยันว่า ในช่วงเวลาดังกล่าวไม่มีการรับทำคลอดเลย และไม่มีการทำเรื่องส่งตัวเด็กมารักษาต่อที่ รพ.เจ้าพระยายมราช อีกทั้งทางโรงพยาบาลก็ไม่มีประวัติการรับผู้ป่วย และประวัติการรักษาแต่อย่างใด

จากนั้นเพื่อความสบายใจ ทาง รพ.เจ้าพระยายมราช ได้ให้พ่อแม่เด็กไปดูกล้องวงจรปิด ในช่วงเวลาที่กล่าวอ้างว่ามารับร่างเด็ก แต่ก็ไม่พบภาพของแม่ที่อ้างว่าขึ้นไปรับศพลูก ที่แผนกกุมารเวช ชั้น 3 ของโรงพยาบาลแต่อย่างใด มีเพียงภาพรถของพ่อเด็กที่ขับวนเข้ามาในโรงพยาบาล ซึ่งบอกว่ามารับภรรยาที่อุ้มร่างลูกมารออยู่ที่ประตูทางออกของโรงพยาบาล และมีแม่เด็กยืนสะพายกระเป๋าอุ้มห่อผ้าอยู่ แล้วเดินขึ้นรถ โรงพยาบาลยังได้ให้ขึ้นไปดูที่ห้องเด็กที่ทางแม่บอกว่า ลูกสาวคู่แฝดอีกคนอยู่ แต่ก็ไม่พบ และไม่มีรายชื่อเด็กหญิงอยู่ในห้องนั้น ส่วนรูปภาพแฝดเด็กหญิงอีกคนที่ทางแม่อ้างว่าได้ให้พยาบาลเข้าไปถ่ายรูปให้ โดยใช้มือถือแม่ถ่าย จากการตรวจสอบพบว่าเป็นรูปจากอินเทอร์เน็ต


วันนี้ (21 พ.ค.) รพ.เจ้าพระยายมราช ได้แถลงข่าวถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยมีนายนพฤทธิ์ ศิริโกศล รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี นพ.พงษ์นรินทร์ ชาติรังสรรค์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช นพ.อนุพันธ์ หวลบุตตา รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ และทีมแพทย์ พยาบาล ร่วมแถลง โดย นพ.อนุพันธ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบประวัติการเข้ารับการรักษาและคลอดลูก โดยได้ตรวจสอบไปที่ รพ.บางปลาม้า แล้ว พบว่า วันที่ 10 พ.ค. น.ส.กรกนก ได้เดินทางเข้ามารักษาที่ รพ.บางปลาม้า ด้วยอาการปวดท้อง ตกขาว และกระดูกอุ้งเชิงกรานอักเสบ แต่ไม่มีประวัติการฝากครรภ์และมาคลอดบุตรแฝด

ส่วนวันที่ 11 พ.ค. ที่แจ้งว่ามาคลอดลูก ยืนยันวันนั้นไม่มีการทำคลอด และไม่มีเอกสารการติดต่อส่งตัวเด็กเพื่อมารับการรักษาต่อที่ รพ.เจ้าพระยายมราช และที่ รพ.เจ้าพระยายมราช ก็ไม่มีการรับรักษาเด็ก ซึ่งหากการที่แม่กล่าวอ้างเด็กตาย มารับศพที่ชั้น 3 ก็ไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะตามระเบียบต้องมารับศพที่ห้องปลายฟ้า ซึ่งก็ไม่พบการมารับศพแต่อย่างใด รวมถึงภาพบางอย่างที่มีการกล่าวอ้าง พบว่าเป็นภาพที่มีในกูเกิลด้วย และการส่งตัวมารักษาต่อนั้น ตามระเบียบต้องมีการส่งเอกสารการตรวจของแพทย์จาก รพ.ต้นทาง มาให้ก่อน และก่อนมาก็ต้องมีการโทรผ่านระบบการส่งต่อ เพื่อทาง รพ.ปลายทาง จะได้ประสานแพทย์ จากนั้นจึงจะแจ้งให้ทาง รพ.ต้นทาง นำรถมาส่ง โดยต้องมีญาติมาด้วยในเหตุฉุกเฉิน และจะมีการลงบันทึกในระบบเวชระเบียน เพื่อบันทึกหลักฐานเก็บไว้

ด้านแพทย์ รพ.บางปลาม้า นพ.วรท สัตยาวุฒิพงศ์ แพทย์เจ้าของไข้แม่เด็ก ยืนยันว่า ผู้หญิงที่อ้างเป็นแม่เด็ก เข้ามารักษาตัวที่ รพ.บางปลาม้า จริง ในวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา แต่เป็นการรักษาอาการติดเชื้อในท่อปัสสาวะ หรืออาการตกขาว และอาการอุ้งเชิงกรานอักเสบ จึงให้ยาฆ่าเชื้อ พร้อมกับตรวจปัสสาวะว่ามีการตั้งครรภ์หรือไม่ ก็พบว่าไม่มีการตั้งครรภ์หรือคลอดบุตรมาก่อน จึงให้คนไข้กลับไปพักฟื้นที่บ้าน

วันที่ 11 พ.ค. หญิงคนดังกล่าวกลับมาอีกด้วยอาการเดิม จึงให้แอดมิทนอนโรงพยาบาล เพื่อดูอาการ จนถึงวันที่ 14 พ.ค. ก็ให้กลับบ้านไป ยืนยันว่าไม่มีการฝากครรภ์ หรือคลอดที่โรงพยาบาลแห่งนี้ และประกอบกับช่วงนี้สถานการณ์โควิด-19 ห้องคลอดโรงพยาบาลปิด และยิ่งเป็นครรภ์แฝด ทางโรงพยาบาลเป็นเพียงโรงพยาบาลศูนย์ จะไม่รับคลอดครรภ์แฝด ซึ่งตรงกับข้อมูลของ รพ.เจ้าพระยายมราช ที่ไม่พบการส่งต่อผู้ป่วยและเด็กแรกคลอดมาทำการรักษาที่โรงพยาบาล ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค. และจากวงจรปิดก็ไม่พบว่ามีรถพยาบาล รพ.บางปลาม้า เข้ามาในโรงพยาบาลแต่อย่างใด

ส่วนที่พ่อแม่เด็กอ้างว่ามีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลโทรศัพท์ติดต่อให้มารับศพนั้น ทางโรงพยาบาลได้นำเบอร์ดังกล่าวมาโทรศัพท์กลับไป พบเป็นเบอร์ของบริษัทสื่อสารแห่งหนึ่ง (ทีโอที) เบอร์ 035-535006 ส่วนอีกเบอร์ ซึ่งเป็นเบอร์มือถือ 064-2518836 ก็ไม่มีคนรับสาย ซึ่งหลักการในการรับศพจะไม่มีการโทรศัพท์แจ้งหลังผู้ป่วยเสียชีวิต แต่จะมีการแจ้งก่อนทุกครั้ง และขั้นตอนการรับศพนั้น ญาติผู้เสียชีวิตจะต้องนำเอกสารมาส่งที่ห้องเก็บศพติดต่อรับศพ ไม่ได้ติดต่อที่แผนกเด็กทารกแรกเกิดตามที่แม่เด็กอ้าง ซึ่งจากการตรวจสอบวงจรปิดก็ไม่พบแม่เด็กขึ้นไปบนชั้น 3 ของโรงพยาบาล และแพทย์ที่รับผิดชอบก็ไม่พบเด็กแฝดชายหญิงมานอนรักษาตัวที่แผนกตามที่ถูกกล่าวอ้างด้วย ส่วนเรื่องการจ่ายเงิน 500,000 บาท ที่พ่อแม่เด็กกล่าวอ้างนั้นก็ไม่เป็นเรื่องจริง เพราะโรงพยาบาลไม่ได้ทำอะไรผิด

นพ.พงษ์นรินทร์ ชาติรังสรรค์ ผู้อำนวยการ รพ.เจ้าพระยายมราช บอกว่า กรณีนี้ยังไม่เข้าใจเหตุผลว่า ทั้งคู่ต้องการอะไรจากการเรียกร้อง ซึ่งหากมีอาการป่วยจิตเวช ก็อยากรักษาอาการ โดยต้องมีการตรวจจากแพทย์เฉพาะทาง เพราะการกระทำดังกล่าวทำให้วิชาชีพแพทย์เสียหาย และโรงพยาบาลก็เสียหายเช่นกัน ขณะนี้ได้ให้ทางทีมกฎหมายของโรงพยาบาลดำเนินการตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

ขณะที่ฝ่ายญาติ ซึ่งอ้างว่าหลานเสียชีวิต แต่ศพหาย ได้ลบโพสต์เหตุการณ์เปิดโลงไม่พบเด็ก และใบแจ้งความต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ทำให้หลายคนสงสัยว่าเป็นการกุเรื่องขึ้นมาของแม่เด็กหรือไม่. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ยกระดับห้าม จยย.-รถเข็น จากกัมพูชาเข้าไทย

สระแก้ว 23 มิ.ย.-ตอบโต้ทันควัน! ไทยสั่งห้ามรถเข็น-จยย.เขมร เข้ามาเด็ดขาด บรรยากาศด่านคลองลึกตึงเครียด เจรจาระดับเจ้าหน้าที่ หลังกัมพูชางดนำเข้าน้ำมันไทย เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ก่อนการเปิดด่านฝั่งกัมพูชา ในเวลา 09.00 น. ว่า มีตึงเครียดผิดปกติ โดยปกติจะมีแรงงานกัมพูชาจำนวนมากขี่รถจักรยานยนต์ รถพ่วงข้าง และรถชาลี มารอข้ามแดนเข้ามาทำงานในตลาดโรงเกลือ แต่เช้าวันนี้ภาพดังกล่าวหายไปอย่างสิ้นเชิง หลังทางฝั่งไทย “ยกระดับตอบโต้” ต่อมาตรการของกัมพูชาที่ประกาศงดรับน้ำมันและก๊าซจากไทย กองกำลังบูรพา ได้กำหนดมาตรการควบคุมพื้นที่เพิ่มเติม เพื่อรักษาความปลอดภัยสูงสุดบริเวณพื้นที่ชายแดน และการป้องกันลักลอบกระทำผิดกฎหมายต่างๆ โดยไม่อนุญาตให้รถเข็นคนเดิน (ตั้งแต่ 2 ล้อขั้นไป), รถจักรยานยนต์ที่ติดแผ่นป้ายทะเบียนราชอาณาจักรกัมพูชา และรถจักรยานยนต์ ดัดแปลงทุกประเภท ของกัมพูชา เข้ามาในราชอาณาจักรไทย บริเวณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก, จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา บ้านหนองเอี๋ยน-สตึงบท, จุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน, จุดผ่อนปรนการค้าบ้านตาพระยา และจุดผ่อนปรนการค้าบ้านหนองปรือ โดยให้หน่วยที่รับผิดชอบ บังคับใช้มาตรการดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย. เวลา […]

ทหารกัมพูชาพาชาวบ้าน พระ-แม่ชี ขึ้นปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 23 มิ.ย.-มาแบบไหนอีก ทหารกัมพูชาพาชาวบ้าน พระสงฆ์ แม่ชีนับพัน ขึ้นปราสาทตาเมือนธม พร้อมทำพิธีกราบไหว้ หลังจากมีคณะปั่นจักรยานไทยเข้าทำกิจกรรมที่ปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ อย่างคึกคัก และมีชาวไทยจากหลายพื้นที่แห่เที่ยวให้กำลังใจทหารแนวหน้า หลังมีข่าวทั้ง 2 ฝ่ายประกาศปิดด่านเพิ่ม ขณะที่ฝั่งกัมพูชา ก็ตอบโต้ฝ่ายไทยอย่างไม่ลดละ มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเมื่อวานนี้ (22 มิ.ย.68) ตลอดทั้งวัน มีชาวบ้าน พระสงฆ์ และแม่ชี นับพันคนขึ้นมาเที่ยวบนตัวปราสาทตาเมือนธม พร้อมทำพิธีกราบไหว้ ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารไทยต้องคุมเข้มอย่างหนัก เพื่อไม่ให้ทำผิดเงื่อนไข ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมคณะ เตรียมลงพื้นที่ให้กำลังใจกำลังพล และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดด้วย.-715.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลสั่งจับกุมอุปกรณ์เสพติดรูปแบบใหม่ วางขายโจ๋งครึ่ม

ทำเนียบ 23 มิ.ย.-รัฐบาลสั่งจับกุมอุปกรณ์เสพติดรูปแบบใหม่ ล่อใจเยาวชน ทำคล้ายยาดม ลูกอม วางขายโจ๋งครึ่ม ในแพลตฟอร์มออนไลน์ เตือนผู้ปกครองเข้าถึงเยาวชนง่าย อันรายถึงชีวิต นายอนกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้สั่งการ ในการจับกุมยาเสพติดและสารเสพติดในรูปแบบต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจไซเบอร์และส่วนราชการอื่นๆ ให้ดำเนินการจับกุมและปราบปรามให้เข้มข้นขึ้น โดยสถานการณ์และสถิติการใช้ยาเสพติดในไทย ปี 2568 แม้ภาครัฐจะดำเนินมาตรการปราบปรามและสกัดกั้นการลักลอบนำเข้าและจำหน่าย รวมถึงบำบัดผู้ติดยาเสพอย่างต่อเนื่อง แต่ปัญหายาเสพติดในประเทศไทยยังคงเป็นภัยเงียบที่สร้างปัญหาและทำลายเศรษฐกิจและประชาชน โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและวัยแรงงาน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของประเทศ นายอนุกูล กล่าวว่า จากข้อมูลผลการติดตาม เฝ้าระวังผลิตภัณฑ์อันตรายต่อสุขภาพของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะนี้พบสารเสพติดพันธุ์ใหม่ กลายพันธุ์แปลงร่าง ปรับรูปแบบหน้าตาผลิตภัณฑ์ให้สวยงามน่ารักมากขึ้น โดยผลิตเลียนแบบลูกอม ปรุงรสชาติผลไม้ และออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้มีความสวยงามสดใส มีดีไซน์คล้ายกล่องขนม ดูยากขึ้น จนแยกไม่ออกว่าเป็นผลิตภัณฑ์เสพติด หรือกล่องขนม ซึ่งมีทั้งผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศและผลิตในไทย โดยวางจำหน่ายอย่างเปิดเผยในแพลตฟอร์มออนไลน์ ราคาเริ่มต้นเพียงหลักร้อยบาทเท่านั้น สำหรับผลิตภัณฑ์อันตรายที่พบมีดังนี้1.บุหรี่ไฟฟ้าพันธุ์ใหม่ GEN 6ปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ผลิตภัณฑ์ให้ดูเหมือนยาดมแท่งจนแยกไม่ออก มีการโฆษณาว่าคล้ายยาดม แต่มีส่วนผสมเป็นนิโคติน 3-5% โดยรู้จักในชื่อ พอดจมูก พอดยาดม สูบได้ทั้งทางจมูกและทางปาก […]

ชายถูกตีหัวทิ้งศพริมถนน พบก่อนตายโพสต์ภาพหลักฐานสำคัญ

สมุทรสาคร 22 มิ.ย.- พบศพชายถูกตีศีรษะเสียชีวิตริมถนน สืบหาเบาะแสจากโซเชียลเจอหลักฐานสำคัญ ตำรวจเร่งล่าตัวผู้ก่อเหตุ ผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือนายอ้วน อายุ 33 ปี สภาพถูกของแข็งตีที่ศีรษะเป็นแผลฉกรรจ์ ถูกทิ้งร่างไว้ริมถนนแคราย หมู่ 5 ต.แคราย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ข้างศพมีขวดเบียร์ตกอยู่ และฝั่งตรงข้ามมีรถจักรยานยนต์ จอดอยู่หน้าร้านโชห่วยใกล้จุดพบศพ คาดว่าเป็นของผู้เสียชีวิต โดยก่อนหน้านี้มีพลเมืองดีขับรถส่งน้ำแข็งผ่านมาพบร่าง จึงโทรแจ้งตำรวจ สภ.กระทุ่มแบนให้มาตรวจสอบ ช่วงตีสี่วันนี้   ตำรวจสังเกตเสื้อที่ผู้เสียชีวิตสวมใส่มีคำสกรีนเป็นชื่อเฟซบุ๊ก จึงเข้าไปตรวจสอบ พบว่าประมาณตีหนึ่ง ผู้เสียชีวิตสวมเสื้อตัวเดียวกัน และโพสต์ภาพคู่กอดคอกับชายคนหนึ่ง ระบุข้อความว่า “จบสะทีนะปัญหาหมู่บ้าน” และที่น่าสังเกตคือวิวในรูปเป็นริมถนนและมีขวดเบียร์ที่พบข้างศพตั้งอยู่ด้านหน้าด้วย และในโพสต์ มีคนมาแสดงความคิดเห็น ข้อความสำคัญว่า “ใครเป็นญาติครับติดต่อผมหน่อย เค้าโดนตี” เรื่องนี้ตำรวจจะเร่งตรวจสอบวงจรปิด คาดว่าจะติดตามตัวผู้ก่อเหตุได้เร็ววันนี้ .-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

คนร้ายเผารถ-วางวัตถุต้องสงสัยหลายจุดใน จ.ปัตตานี

ปัตตานี 26 มิ.ย. – คนร้ายเผารถ อบต.-วางวัตถุต้องสงสัยหลายจุดใน จ.ปัตตานี เจ้าหน้าที่เขาตรึงพื้นที่ตรวจสอบ พร้อมเพิ่มความเข้มงวดการลาดตระเวน เมื่อคืนที่ผ่านมา เกิดเหตุความไม่สงบขึ้นในพื้นที่อำเภอสายบุรี จ.ปัตตานี หลายจุด มีรายงานว่า รถของ อบต.แป้น ถูกลอบวางเพลิงจนได้รับความเสียหาย และในพื้นที่โดยรอบยังพบวัตถุต้องสงสัยหลายจุด ทั้งที่ ม.3 ต.กะรุบี ม.8 ต.ตะโละดือรามัน และ ม.4 ต.ปล่องหอยอำเภอกะพ้อ ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองได้ เข้าตรึงพื้นที่ และดำเนินการเก็บกู้ ตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยอย่างเร่งด่วน เพื่อป้องกันเหตุซ้ำซ้อน และรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน พร้อมเพิ่มความเข้มงวดในการลาดตระเวนและสอดส่องตามจุดเสี่ยง ขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต และอยู่ระหว่างการสืบสวนถึงมูลเหตุจูงใจ ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน ใช้ความระมัดระวังในการเดินทาง หลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง และหากพบวัตถุต้องสงสัยหรือเหตุผิดปกติ ขอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่โดยด่วน.-สำนักข่าวไทย

ชะตากรรมชาวตลาดโรงเกลือ หลังปิดด่านคลองลึก

สระแก้ว 25 มิ.ย. – เสียงสะท้อนจากพ่อค้าแม่ค้าในตลาดโรงเกลือ หลังปิดด่านพรมแดนคลองลึก จากที่ต้องดิ้นรนค้าขายในยุคเศรษฐกิจย่ำแย่อยู่แล้ว ยิ่งย่ำแย่ลงกว่าเดิม.-สำนักข่าวไทย

EOD ทำลายระเบิดซุก จยย.จอดทิ้งหน้าอาคารสนามบินภูเก็ต

ภูเก็ต 25 มิ.ย. – ตำรวจชุด EOD ตรวจสอบรถจักรยานยนต์ต้องสงสัยซุกระเบิด จอดทิ้งหน้าอาคารผู้โดยสารสนามบินภูเก็ต ล่าสุดยิงทำลายวัตถุระเบิดได้แล้ว อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ ยืนยันมีลูกเดียว ไม่มีผู้บาดเจ็บ-เสียชีวิต .-สำนักข่าวไทย

นายกฯ ย้ำแผนช่วยเหลือคนไทยออกจากอิสราเอล-อิหร่าน

กรุงเทพฯ 25 มิ.ย.- นายกฯ ย้ำแผนช่วยเหลือ-อำนวยความสะดวกคนไทยต้องการออกจากอิสราเอลและอิหร่าน เผยล่าสุดมี 73 คน ประสงค์จะเดินทางออกจากอิหร่าน และ 18 คนจากอิสราเอลต้องการกลับไทย ขอคนที่อยู่ต่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุรัฐบาลได้เตรียมการดูแลพี่น้องคนไทยทั้งในอิสราเอลและอิหร่าน ในกรณีที่ต้องการเดินทางกลับไทย เนื่องจากสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง โดยกระทรวงการต่างประเทศได้วางแผนช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้คนไทยที่ต้องการออกจากอิสราเอลและอิหร่านโดยรวดเร็วและปลอดภัยค่ะ ในอิหร่าน มีคนไทยรวมประมาณ 300 คน ส่วนใหญ่เป็นแรงงานและนักศึกษา ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ช่วยเหลือให้ไปพำนักชั่วคราวที่ศูนย์พักพิงที่เมือง Amol ในอิหร่านแล้ว 35 คน และอีก 4 คนไปที่ศูนย์พักพิงที่เมือง Van ในตุรกี นอกจากนั้น กระทรวงการต่างประเทศกำลังเร่งประสานงานให้คนไทย 73 คนที่ประสงค์จะเดินทางออกจากอิหร่าน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะหารือกับฝ่ายอิหร่าน เพื่อให้เร่งออก exit visa ให้ ในส่วนของอิสราเอล มีคนไทยอยู่ประมาณ 40,000 คน เกือบทั้งหมดเป็นแรงงาน สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ติดตามสอบถามความเป็นอยู่อย่างใกล้ชิด รวมทั้งไปเยี่ยมเยียนด้วย ซึ่งในชั้นนี้ […]