รพ.เตรียมแจ้งความกลับสาวอ้างทำศพลูกหาย

สุพรรณบุรี 21 พ.ค. – โรงพยาบาลเตรียมแจ้งความกลับสาววัย 21 ปี อ้างทำศพลูกหาย ตรวจสอบไม่พบประวัติการฝากครรภ์และมาคลอดลูกแฝด สงสัย “ท้องทิพย์”


จากกรณีที่โลกออนไลน์มีการวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์ที่พ่อของเด็กคนหนึ่งไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊ก ขณะกำลังเปิดโลงศพลูกที่เสียชีวิต โดยอ้างว่าทางโรงพยาบาลได้นำร่างบรรจุในโลงศพส่งมาให้ พร้อมกำชับไม่ให้เปิดโลง เพราะกลัวติดเชื้อ แต่รู้สึกแปลกใจ จึงลองเปิดโลงตรวจสอบดู กลับพบว่าในโลงมีเพียงผ้าขนหนูและเสื้อผ้า ไม่มีศพลูก สร้างความเสียใจและแปลกใจเป็นอย่างมาก

สอบถามเรื่องนี้กับครอบครัว แม่เด็กให้ข้อมูลก่อนหน้านี้ว่า หมอได้ฉีดยาเร่งคลอด ทำให้เด็กออกมาก่อนกำหนด เมื่อคลอดแล้วก็นำเด็กเข้าตู้อบ ลูกของตนนั้นเป็นแฝด ชาย 1 คน หญิง 1 คน แต่พบว่าเด็กเสียชีวิตไป 1 คน ส่วนอีกคนให้ไปรับทีหลัง แล้วตอนนี้เด็กอีกคนก็หายไปด้วย


ทั้งนี้ หลังจากที่อ้างว่าศพบุตรชายหายไป ทั้งนายเกรียงไกร สุภีทรัพย์ อายุ 30 ปี และ น.ส.กรกนก เพิ่มหิรัญ อายุ 21 ปี ก็ได้ไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.เมืองสุพรรณบุรี ในวันที่ 20 พ.ค.64 เวลา 19.41 น. โดยผู้เป็นแม่ลงข้อมูลกับตำรวจว่า ศพบุตรชายหายไป หลังรับจากโรงพยาบาล เพื่อกลับไปทำการฌาปนกิจ โดยแจ้งว่า เมื่อวันที่ 11 พ.ค.64 คลอดบุตรแฝดชายและหญิง ที่ รพ.บางปลาม้า ต่อมาบุตรฝาแฝดที่เป็นผู้ชาย มีน้ำหนักน้อย ทาง รพ.บางปลาม้า จึงแนะนำให้ส่งมาอบที่ รพ.เจ้าพระยายมราช จนถึงวันที่ 17 พ.ค. ทาง รพ.แจ้งมาว่า เด็กหัวใจเต้นผิดจังหวะและหยุดหายใจ จนมาถึงวันที่ 18 พ.ค. ทาง รพ.แจ้งว่า เด็กเสียชีวิตแล้ว ผู้แจ้งจึงได้มารับศพบุตรชายของตน เมื่อวันที่ 20 พ.ค. เวลา 16.00 น. โดยได้ไปรับที่ชั้น 3 ห้องเด็ก จากนั้นพยาบาลก็นำให้ผู้แจ้งไปรับศพ ซึ่งถูกห่อผ้าอย่างมิดชิด ก่อนจะนำศพไปบำเพ็ญกุศลที่วัดสวนแตง เมื่อมาถึง ทางพระภิกษุที่นิมนต์ไว้ได้เปิดโลง เพื่อจะโยงสายสิญจน์ เตรียมทำพิธี แต่เมื่อแกะห่อผ้าที่พันมาลักษณะคล้ายมีศพเด็กอยู่ภายใน กลับไม่พบศพบุตรชายของตน จึงเกิดความสงสัยว่า เหตุใดทางโรงพยาบาลไม่นำร่างของบุตรชายมาให้ จึงมาแจ้งความลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน และผู้แจ้งทราบอีกว่า รพ.เจ้าพระยายมราช ประสานจะชดใช้ค่าเสียหาย จำนวน 500,000 บาท ขณะที่พ่อแม่ยังติดใจสาเหตุการตาย แต่ประสงค์ที่จะนำศพบุตรของตนมาบำเพ็ญกุศลตามประเพณี จึงมาแจ้งไว้เป็นหลักฐาน เพื่อที่จะประสานกับทางโรงพยาบาลต่อไป

ต่อมา รพ.เจ้าพระยายมราช ได้เชิญพ่อแม่เด็กมาสอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น และตรวจสอบข้อเท็จจริงไปยัง รพ.บางปลาม้า ซึ่งได้รับการยืนยันว่า ในช่วงเวลาดังกล่าวไม่มีการรับทำคลอดเลย และไม่มีการทำเรื่องส่งตัวเด็กมารักษาต่อที่ รพ.เจ้าพระยายมราช อีกทั้งทางโรงพยาบาลก็ไม่มีประวัติการรับผู้ป่วย และประวัติการรักษาแต่อย่างใด

จากนั้นเพื่อความสบายใจ ทาง รพ.เจ้าพระยายมราช ได้ให้พ่อแม่เด็กไปดูกล้องวงจรปิด ในช่วงเวลาที่กล่าวอ้างว่ามารับร่างเด็ก แต่ก็ไม่พบภาพของแม่ที่อ้างว่าขึ้นไปรับศพลูก ที่แผนกกุมารเวช ชั้น 3 ของโรงพยาบาลแต่อย่างใด มีเพียงภาพรถของพ่อเด็กที่ขับวนเข้ามาในโรงพยาบาล ซึ่งบอกว่ามารับภรรยาที่อุ้มร่างลูกมารออยู่ที่ประตูทางออกของโรงพยาบาล และมีแม่เด็กยืนสะพายกระเป๋าอุ้มห่อผ้าอยู่ แล้วเดินขึ้นรถ โรงพยาบาลยังได้ให้ขึ้นไปดูที่ห้องเด็กที่ทางแม่บอกว่า ลูกสาวคู่แฝดอีกคนอยู่ แต่ก็ไม่พบ และไม่มีรายชื่อเด็กหญิงอยู่ในห้องนั้น ส่วนรูปภาพแฝดเด็กหญิงอีกคนที่ทางแม่อ้างว่าได้ให้พยาบาลเข้าไปถ่ายรูปให้ โดยใช้มือถือแม่ถ่าย จากการตรวจสอบพบว่าเป็นรูปจากอินเทอร์เน็ต


วันนี้ (21 พ.ค.) รพ.เจ้าพระยายมราช ได้แถลงข่าวถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยมีนายนพฤทธิ์ ศิริโกศล รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี นพ.พงษ์นรินทร์ ชาติรังสรรค์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช นพ.อนุพันธ์ หวลบุตตา รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ และทีมแพทย์ พยาบาล ร่วมแถลง โดย นพ.อนุพันธ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบประวัติการเข้ารับการรักษาและคลอดลูก โดยได้ตรวจสอบไปที่ รพ.บางปลาม้า แล้ว พบว่า วันที่ 10 พ.ค. น.ส.กรกนก ได้เดินทางเข้ามารักษาที่ รพ.บางปลาม้า ด้วยอาการปวดท้อง ตกขาว และกระดูกอุ้งเชิงกรานอักเสบ แต่ไม่มีประวัติการฝากครรภ์และมาคลอดบุตรแฝด

ส่วนวันที่ 11 พ.ค. ที่แจ้งว่ามาคลอดลูก ยืนยันวันนั้นไม่มีการทำคลอด และไม่มีเอกสารการติดต่อส่งตัวเด็กเพื่อมารับการรักษาต่อที่ รพ.เจ้าพระยายมราช และที่ รพ.เจ้าพระยายมราช ก็ไม่มีการรับรักษาเด็ก ซึ่งหากการที่แม่กล่าวอ้างเด็กตาย มารับศพที่ชั้น 3 ก็ไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะตามระเบียบต้องมารับศพที่ห้องปลายฟ้า ซึ่งก็ไม่พบการมารับศพแต่อย่างใด รวมถึงภาพบางอย่างที่มีการกล่าวอ้าง พบว่าเป็นภาพที่มีในกูเกิลด้วย และการส่งตัวมารักษาต่อนั้น ตามระเบียบต้องมีการส่งเอกสารการตรวจของแพทย์จาก รพ.ต้นทาง มาให้ก่อน และก่อนมาก็ต้องมีการโทรผ่านระบบการส่งต่อ เพื่อทาง รพ.ปลายทาง จะได้ประสานแพทย์ จากนั้นจึงจะแจ้งให้ทาง รพ.ต้นทาง นำรถมาส่ง โดยต้องมีญาติมาด้วยในเหตุฉุกเฉิน และจะมีการลงบันทึกในระบบเวชระเบียน เพื่อบันทึกหลักฐานเก็บไว้

ด้านแพทย์ รพ.บางปลาม้า นพ.วรท สัตยาวุฒิพงศ์ แพทย์เจ้าของไข้แม่เด็ก ยืนยันว่า ผู้หญิงที่อ้างเป็นแม่เด็ก เข้ามารักษาตัวที่ รพ.บางปลาม้า จริง ในวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา แต่เป็นการรักษาอาการติดเชื้อในท่อปัสสาวะ หรืออาการตกขาว และอาการอุ้งเชิงกรานอักเสบ จึงให้ยาฆ่าเชื้อ พร้อมกับตรวจปัสสาวะว่ามีการตั้งครรภ์หรือไม่ ก็พบว่าไม่มีการตั้งครรภ์หรือคลอดบุตรมาก่อน จึงให้คนไข้กลับไปพักฟื้นที่บ้าน

วันที่ 11 พ.ค. หญิงคนดังกล่าวกลับมาอีกด้วยอาการเดิม จึงให้แอดมิทนอนโรงพยาบาล เพื่อดูอาการ จนถึงวันที่ 14 พ.ค. ก็ให้กลับบ้านไป ยืนยันว่าไม่มีการฝากครรภ์ หรือคลอดที่โรงพยาบาลแห่งนี้ และประกอบกับช่วงนี้สถานการณ์โควิด-19 ห้องคลอดโรงพยาบาลปิด และยิ่งเป็นครรภ์แฝด ทางโรงพยาบาลเป็นเพียงโรงพยาบาลศูนย์ จะไม่รับคลอดครรภ์แฝด ซึ่งตรงกับข้อมูลของ รพ.เจ้าพระยายมราช ที่ไม่พบการส่งต่อผู้ป่วยและเด็กแรกคลอดมาทำการรักษาที่โรงพยาบาล ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค. และจากวงจรปิดก็ไม่พบว่ามีรถพยาบาล รพ.บางปลาม้า เข้ามาในโรงพยาบาลแต่อย่างใด

ส่วนที่พ่อแม่เด็กอ้างว่ามีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลโทรศัพท์ติดต่อให้มารับศพนั้น ทางโรงพยาบาลได้นำเบอร์ดังกล่าวมาโทรศัพท์กลับไป พบเป็นเบอร์ของบริษัทสื่อสารแห่งหนึ่ง (ทีโอที) เบอร์ 035-535006 ส่วนอีกเบอร์ ซึ่งเป็นเบอร์มือถือ 064-2518836 ก็ไม่มีคนรับสาย ซึ่งหลักการในการรับศพจะไม่มีการโทรศัพท์แจ้งหลังผู้ป่วยเสียชีวิต แต่จะมีการแจ้งก่อนทุกครั้ง และขั้นตอนการรับศพนั้น ญาติผู้เสียชีวิตจะต้องนำเอกสารมาส่งที่ห้องเก็บศพติดต่อรับศพ ไม่ได้ติดต่อที่แผนกเด็กทารกแรกเกิดตามที่แม่เด็กอ้าง ซึ่งจากการตรวจสอบวงจรปิดก็ไม่พบแม่เด็กขึ้นไปบนชั้น 3 ของโรงพยาบาล และแพทย์ที่รับผิดชอบก็ไม่พบเด็กแฝดชายหญิงมานอนรักษาตัวที่แผนกตามที่ถูกกล่าวอ้างด้วย ส่วนเรื่องการจ่ายเงิน 500,000 บาท ที่พ่อแม่เด็กกล่าวอ้างนั้นก็ไม่เป็นเรื่องจริง เพราะโรงพยาบาลไม่ได้ทำอะไรผิด

นพ.พงษ์นรินทร์ ชาติรังสรรค์ ผู้อำนวยการ รพ.เจ้าพระยายมราช บอกว่า กรณีนี้ยังไม่เข้าใจเหตุผลว่า ทั้งคู่ต้องการอะไรจากการเรียกร้อง ซึ่งหากมีอาการป่วยจิตเวช ก็อยากรักษาอาการ โดยต้องมีการตรวจจากแพทย์เฉพาะทาง เพราะการกระทำดังกล่าวทำให้วิชาชีพแพทย์เสียหาย และโรงพยาบาลก็เสียหายเช่นกัน ขณะนี้ได้ให้ทางทีมกฎหมายของโรงพยาบาลดำเนินการตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

ขณะที่ฝ่ายญาติ ซึ่งอ้างว่าหลานเสียชีวิต แต่ศพหาย ได้ลบโพสต์เหตุการณ์เปิดโลงไม่พบเด็ก และใบแจ้งความต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ทำให้หลายคนสงสัยว่าเป็นการกุเรื่องขึ้นมาของแม่เด็กหรือไม่. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไฟไหม้รถยนต์ อดีต สส.ศิริโชค วอดทั้งคัน

สงขลา 5 ก.ค.-“ศิริโชค” อดีต สส.ปชป. เผยเหตุระทึก รถยนต์ PHEV ไฟลุกไหม้วอดทั้งคันกลางดึก ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ ภาพคลิปเหตุการณ์ไฟไหม้รถยนต์ส่วนตัวของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจอดอยู่บริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา ช่วงตี 3 เมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา (5 ก.ค.68) โดยเพจเฟซบุ๊ก “ศิริโชค โสภา” ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ พร้อมระบุข้อความว่า “อุทาหรณ์สยอง! ผมตื่นมากับเปลวเพลิงกลางดึก-ไฟลุกท่วมรถ PHEV ทั้งคัน ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ! เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆ แต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียว รถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัว ไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ […]

ตาขับรถทับศีรษะหลานวัย 1 ขวบ ดับสลด

สุราษฎร์ธานี 5 ก.ค. – สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ ตายายร้องไห้แทบขาดใจ สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ หลังจากที่ตากลับจากซื้อของที่ตลาด เมื่อมาถึงบ้านซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำในอำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ขนของลงจากรถเสร็จ ระหว่างจะนำรถไปจอดไม่ทันสังเกตว่าหลานวิ่งอ้อมรถมา รู้อีกทีล้อรถหน้าด้านคนขับเหยียบเข้าที่ศีรษะของหลานแล้ว ทำให้หลานเสียชีวิตทันที เมื่อเห็นร่างหลาน ตาและยายร้องไห้แทบขาดใจ เพราะเลี้ยงหลานคนนี้มาตั้งแต่เล็กๆ ก่อนนำร่างส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลพระแสงต่อไป.- สำนักข่าวไทย

อ.อ๊อด ชี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ กรณีรถยนต์ไฟฟ้า อดีตสส.สงขลา ไฟไหม้

นครปฐม 5 ก.ค. – อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ แสดงความคิดเห็นว่า กรณีรถยนต์ไฟฟ้าของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา เกิดไฟไหม้ ถือเป็นเหตุการณ์ไม่ปกติ และแบตเตอรี่อาจจะมีปัญหา จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก Sirichok Sopha หรือ นายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ แชร์ประสบการณ์ โดยระบุข้อความว่า “เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน รถคันนี้ซื้อจากศูนย์หาดใหญ่เมื่อ 2 ปีก่อน ผมใช้งานตามปกติ และที่สำคัญคือ ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆแต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียวรถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือ ซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัวไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา” รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและกิจการเพื่อสังคม […]

สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน

กทม. 5 ก.ค.-สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน กรณีถูกชี้มูลร่วมลงชื่อเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่มีรายงานข่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ กรณีข้าราชการครูผู้รับผิดชอบงานการเงินของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี ได้ร้องขอความเป็นธรรมภายหลังถูกชี้มูลความผิดร่วมกับอดีตผู้อำนวยการโรงเรียน จากการลงนามในเอกสารเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน โดยยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต้นสังกัด และยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งลงโทษทางวินัยออกโดยเขตพื้นที่ฯ แต่อย่างใด สำหรับการดำเนินการในขั้นต่อไป สพฐ. ได้จัดเตรียมนิติกรจากส่วนกลาง เพื่อสนับสนุนการให้คำปรึกษาทางกฎหมายและการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ครูสามารถใช้สิทธิในการอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ตามมาตรา 99 แห่งพระราชบัญญัติ ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 ได้อย่างเต็มที่ เลขาธิการ กพฐ. ระบุว่า กรณีนี้สะท้อนถึงความจำเป็นที่ต้องทบทวนบทบาทภาระงานของครูในภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอน โดยเฉพาะงานด้านการเงินและพัสดุ ซึ่งมีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงเชิงกฎหมายสูง สพฐ. จึงอยู่ระหว่างการปรับปรุงระบบสนับสนุนภายในโรงเรียน เพื่อให้โครงสร้างงานสนับสนุนมีความเหมาะสมกับวิชาชีพครูมากยิ่งขึ้น “ข้าราชการครูที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตจะไม่ต้องเผชิญกระบวนการตามลำพัง สพฐ. พร้อมอยู่เคียงข้างและสนับสนุนในทุกขั้นตอน เพื่อให้สามารถใช้สิทธิและเข้าถึงความเป็นธรรมได้อย่างมั่นใจครับ” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว.-416.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ศิริโชค” เชื่อรถถูกเผาโยงการเมือง ตร.เร่งหาเบาะแสคนร้าย

6 ก.ค.- “ศิริโชค” ฟันธงเหตุรถยนต์ถูกลอบวางเพลิงมาจากเรื่องการเมือง ด้านตำรวจเร่งหาเบาะแสคนร้าย ส่วนบริษัทเจ้าของรถออกหนังสือชี้แจงสาเหตุไฟไหม้ ความคืบหน้าเหตุการณ์ไฟไหม้ รถ GWM HAVAL H6 PHEV ของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ 4 สมัย ซึ่งจอดอยู่ในบริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา เมื่อช่วงตี 3 วานนี้ (5ก.ค.68) ทำให้รถเสียหายทั้งคันและได้เข้าแจ้งความกับตำรวจสภ.นาทวี เพื่อให้ตรวจสอบว่าเป็นความบกพร่องของรถหรือลอบวางเพลิง ล่าสุดในทางคดีมีการยืนยันชัดเจนแล้วว่า เป็นการจงใจลอบวางเพลิง โดยหลังจากที่วานนี้ พนักงานสอบสวน สภ.นาทวี และตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบหาสาเหตุเพลิงไหม้รถยนต์คันนี้ ปรากฏว่าพบมียางรถยนต์จำนวน 6 เส้นถูกเผาเหลือแต่เส้นใยเหล็ก พร้อมด้วยตับสิเหรงที่ใช้มุงหลังคา ซึ่งน่าจะเป็นเชื้อเพลิงในการจุดไฟเพื่อทำการเผารถยนต์คันนี้อยู่บริเวณใต้ท้องรถ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานและประสานชุดสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแสผู้ก่อเหตุ ไม่ใช่เป็นอุบัติเหตุหรือความบกพร่องของรถแต่อย่างใด ด้านนายศิริโชค เปิดเผยว่า ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าเป็นการวางเพลิงโดยใช้ยางรถยนต์ ตับสิเหรง และใช้น้ำมันเบนซินราด จากที่ตนสังเกตแม้ว่าทางศูนย์หลักฐานจะยังไม่ยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่ว่าดูจากรูปการแล้วพุ่งเป้าไปที่คนวางเพลิง ไม่ใช่ความบกพร่องของรถ แต่มีความตั้งใจที่จะให้เป็นความบกพร่องของรถเพราะเป็นรถไฟฟ้า แต่สุดท้ายจากหลักฐานที่พบบ่งชี้ไปที่การวางเพลิง มองว่ามาจากเรื่องการเมืองมากกว่าเรื่องการสร้างสถานการณ์ด้านความมั่นคงหรือเรื่องส่วนตัว เพราะตนไม่มีความแค้นส่วนตัวกับใครไม่ได้ทำธุรกิจในพื้นที่ ไม่มีเรื่องชู้สาว สิ่งที่เดียวที่มีคือการเป็นนักการเมือง […]

รวบ “สังข์” ผู้ต้องหาแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร

6 ก.ค.- ตำรวจบุกรวบ “สังข์” ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด หลังก่อเหตุแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร จนมุมบนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ ตำรวจสอบสวนกลาง หรือ CIB จับกุมนายเกียรติศักดิ์ หรือ สังข์ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด ได้บนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวมาลงบันทึกการจับกุมที่ สน.เตาปูน และอยู่ระหว่างการควบคุมตัวกลับมาดำเนินคดีที่ สภ.เมืองสกลนคร นายเกียรติศักดิ์ ก่อเหตุหลบหนีจากห้องควบคุม สภ.เมืองสกลนคร เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 13 มิถุนายน เจ้าหน้าที่พบเบาะแสหลบซ่อนตัวบนเทือกเขาภูพาน ขณะเดียวกันโซเชียลพากันแชร์ภาพนายเกียรติศักดิ์ พบว่า เป็นบุคคลอันตรายที่อาจมีอาวุธ หากใครพบเห็นห้ามเข้าใกล้ ทั้งนี้ สภ.เมืองสกลนคร ได้ปูพรมค้นหาตามล่าตัวและตั้งรางวัลนำจับ เป็นเงิน 3 หมื่นบาทให้กับผู้แจ้งเบาะแส .-สำนักข่าวไทย

เจ้าอาวาสวัดดังพิษณุโลก ย่องลาสิกขา หลังพัวพันข่าวดัง

พิษณุโลก 6 ก.ค.- “พระ ส.” เจ้าอาวาสวัดดัง จ.พิษณุโลก ย่องลาสิกขาเงียบ หลังพัวพันข่าวดัง ขณะทางวัดยังไม่แถลงชี้แจงเกี่ยวกับสาเหตุ เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก ได้ลาสิกขาอย่างเงียบ ๆ โดย พระครูวิโรจน์ธรรมากร เจ้าอาวาสวัดกรุงกรัก เจ้าคณะตำบลท่านางงาม เขต 2 เลขานุการเจ้าคณะอำเภอบางระกำ เป็นผู้ทำพิธีลาสิกขาให้พระ ส. ท่ามกลางกระแสข่าวว่าเป็นสามีคนแรกของหญิงสาวที่รู้จักในฉายา “น้องดอกไม้” หรือสีกา ก. และยิ่งได้รับความสนใจเมื่อมีข้อมูลระบุว่า น้องดอกไม้มีบุตรสาววัย 13 ปี ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ในอดีตของพระ ส. ขณะทางวัดยังไม่มีการออกแถลงชี้แจงเกี่ยวกับสาเหตุของการลาสิกขา แต่แหล่งข่าวใกล้ชิดเผยว่าเป็นการตัดสินใจส่วนตัวของเจ้าอาวาส เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของวัดและศาสนา -สำนักข่าวไทย

ไทยเปิดด่านกรณีพิเศษ ช่วยนายพลกัมพูชาป่วยฉุกเฉิน

สระแก้ว 6 ก.ค.- เพื่อมนุษยธรรม! ไทยเปิดด่านเป็นกรณีพิเศษ ช่วยเหลือนายทหารระดับสูงกัมพูชา ป่วยฉุกเฉิน ส่งรักษาโรงพยาบาล อ.อรัญประเทศ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยังคงตึงเครียดและมีการปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ ได้เกิดภาพความประทับใจ เมื่อหน่วยงานความมั่นคงของไทย ร่วมกันตัดสินใจเปิดด่านเป็นกรณีพิเศษ เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่นายทหารระดับสูงกัมพูชา โดยเจ้าหน้าที่ไทยจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันอำนวยความสะดวกบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา เพื่อนำตัวส่งโรงพยาบาลเกษมราษฎร์อินเตอร์เนชั่นแนลอรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ เพื่อทำการรักษาให้ทันท่วงที ปัจจุบันด่านคลองลึก ยังคงปิดทำการจากปัญหาชายแดนที่ยังไม่คลี่คลาย แต่การดำเนินการดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า หลักมนุษยธรรมและความสัมพันธ์อันดีที่มีต่อกันนั้นอยู่เหนือปัญหาความขัดแย้งใด ๆ ทั้งปวง และยังแสดงถึงมิตรภาพที่แน่นแฟ้นของเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติงานของทั้งสองประเทศ -สำนักข่าวไทย