ชัวร์ก่อนแชร์ : แฉไทม์ไลน์ข่าวปลอม “สาวเล่าประสบการณ์แพ้วัคซีน”

12 พฤษภาคม 2564
ตรวจสอบข้อเท็จจริง / เรียบเรียง โดย : พีรพล อนุตรโสตถิ์, กลาง ณัฐนที

สืบหาต้นตอ เผยข้อเท็จจริง กรณีข่าวปลอม “สาวแพ้วัคซีน” ที่แพร่สะพัด สร้างความตื่นตระหนกบนหน้าสื่อ ไล่เรียงไทม์ไลน์ แท้จริงแล้วมีที่มาที่ไปอย่างไร ?

บทสรุป : ข้อมูลโยงมั่ว ไม่ควรแชร์ต่อ
• ภาพและบทความ ไม่เกี่ยวข้องกัน
• ภาพ ถูกนำมาเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต มาจากจังหวัดลพบุรี ไม่ใช่จังหวัดอุดรธานี 
• บทความ เป็นเรื่องราวที่เล่าโดยหญิงคนหนึ่งในจังหวัดอุดรธานี ซึ่งแพทย์ยืนยันว่ามีความจริงเพียงบางส่วน และหายดีแล้ว

ข้อมูลที่ถูกแชร์
รูปภาพแขนและขาที่มีผื่นสีแดงจำนวนมาก ถูกแชร์มาพร้อมกับ บทความเล่าประสบการณ์ฉีดวัคซีนซิโนแวค ของหญิงสาวชาวอุดรธานี ขึ้นต้นข้อความว่า…

“ชิโนแวค มีปัญหาจริง ๆ เรื่องวัคซีนซิโนแวค ค่ะ ขออนุญาติ ใช้พื้นที่นี้แชร์ข้อมูล เพื่อเป็นข้อตัดสินใจ ในการฉีดซิโนแวค นะคะ ต้องบอกก่อนนะคะว่า side effect ไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน เกิดแค่กับบางคน หนูขออนุญาติแชร์เรื่องของหนู เผื่อจะเป็นประโยชน์กับคนที่ฉีดแล้วเกิดอาการ และกำลังตัดสินใจฉีดนะคะ…”

โดยใจความสำคัญคือ ตนเองได้ทำการฉีดวัคซีนซิโนแวค  เข็มที่ 2 จากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดอุดรธานี หลังฉีดวัคซีนได้เพียง 3 นาที เริ่มมีอาการชาทั่วร่างกาย และมีอาการหายใจไม่สะดวก โดยกระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดไว้ว่าอาการดังกล่าวจะหายเป็นปกติภายใน 72 ชั่วโมง ทางโรงพยาบาลจึงไม่ได้ทำการรักษาใด ๆ เพียงเฝ้าสังเกตอาการเท่านั้น เมื่อครบ 72 ชั่วโมง ตนเองยังคงมีอาการชาทั่วร่างกาย ทางโรงพยาบาลได้ทำการ CT Scan ผลออกมาเป็นปกติ แพทย์เข้าใจว่าไม่มีเลือดออกในสมองและให้กลับบ้านได้ แต่ตนเองมีเลือดออกในสมองจริง จึงปรึกษาแพทย์ที่โรงพยาบาลราชวิถี กรุงเทพมหานคร และได้รับยา Nimodepine ซึ่งเป็นยาลดภาวะเลือดออกในสมองมารับประทาน อาการจึงดีขึ้น

ข้อมูลชุดดังกล่าวถูกแชร์อย่างแพร่หลายบน Twitter, Facebook, Line และบนเว็บไซต์ต่าง ๆ รวมทั้งมีผู้ส่งเรื่องเข้ามาสอบถามข้อเท็จจริงกับศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์


FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง
ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ สำนักข่าวไทย อสมท ตรวจสอบพบว่า ภาพและบทความที่แชร์ไม่มีความเกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด เป็นการแอบอ้างนำรูปภาพของบุคคลอื่นมาแชร์ร่วมกับบทความ ซึ่งแพทย์และบุคคลในบทความ ยืนยันว่า ขณะนี้มีอาการเป็นปกติดีแล้ว และไม่ได้มีเลือดออกในสมองอย่างที่มีการแชร์กัน

4 พ.ค. 2564 – เริ่มต้นจากบทความ “สาวอุดรแพ้วัคซีน” 
ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ ตรวจสอบพบว่า เริ่มมีการเผยแพร่บทความเล่าประสบการณ์แพ้วัคซีนบน Facebook โดยที่ไม่พบว่ามีภาพแขนและขาที่มีผื่นสีแดงประกอบอยู่ด้วย เป็นเพียงบทความเล่าประสบการณ์เท่านั้น  เช่น โพสต์ของ Chonthan Duangtar

7 พ.ค. 2564 – ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ ได้รับบทความ
ต่อมาเริ่มมีการนำบทความดังกล่าว ไปเผยแพร่ต่อบนสังคมออนไลน์ต่าง ๆ ทั้งบนเว็บไซต์, Twitter, Facebook และ Line ทำให้มีผู้ส่งเรื่องเข้ามาสอบถามข้อเท็จจริงกับศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์

9 พ.ค. 2564 (21.24 น.)  – เจ้าของภาพ ประกาศฟ้องร้องดำเนินคดี
บุคคลในภาพได้โพสต์ข้อความบน Facebook ส่วนตัวว่า ไม่อนุญาตให้มีการเผยแพร่รูปภาพของตนเองโดยเด็ดขาด ข้อมูลที่แชร์กันนั้นไม่เป็นความจริง เนื่องจากตนเองยังไม่ได้รับการวินิจฉัยว่าแพ้วัคซีน และจะดำเนินการเอาผิดทางกฎหมายหากยังมีการนำไปเผยแพร่ต่อ 

9 พ.ค. 2564 (21.46 น.) – ภาพแขนและขาที่มีผื่นสีแดง เผยแพร่กับข้อความอื่น
พบภาพแขนและขาที่มีผื่นสีแดงถูกเผยแพร่ร่วมกับข้อความระบุว่า “พยาบาล รพ.หนองม่วง แพ้วัคซีน” โดยเป็นการเผยแพร่บน Twitter อย่างไรก็ตามโพสต์ดังกล่าวถูกลบภายในวันเดียวกันนั้น

10 พ.ค. 2564 (10.22 น.) – ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ ได้รับภาพ
ข้อความและรูปภาพดังกล่าวถูกนำมาเผยแพร่ต่อใน Line โดยมีการเพิ่มเติมข้อมูลว่า “พยาบาล รพ.หนองม่วง ต.ลำคลอง อ.เมือง กฬสินธุ์ แพ้วัคซีนโควิด” และมีผู้ส่งเรื่องเข้ามาสอบถามข้อเท็จจริงกับศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ ทั้งนี้ ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ไม่มี “โรงพยาบาลหนองม่วง” แต่มี “โรงเรียนบ้านหนองม่วง” ตำบลลำคลอง อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์

10 พ.ค. 2564 (13.27 น.) – โรงพยาบาลหนองม่วง ชี้แจง ตัวตนบุคคลในภาพ
ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์จึงตรวจสอบไปที่โรงพยาบาลหนองม่วง ได้รับการยืนยันว่า เป็นภาพของบุคลากรในสังกัดจริง แต่ยังไม่ได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่าเป็นอาการแพ้วัคซีน  และขณะนี้หายเป็นปกติแล้ว ทางโรงพยาบาลยังระบุด้วยว่า ภาพดังกล่าวถูกเผยแพร่ไปโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของภาพ ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาดำเนินคดีกับผู้เผยแพร่

10 พ.ค. 2564 (14.00 น.) – แพทย์ยืนยันอาการเจ้าของบทความ “เป็นปกติแล้ว”
สำหรับเนื้อหาที่อยู่ในบทความ ซึ่งระบุว่า มีการอ้างถึงการฉีดวัคซีนเข็มที่สอง ที่จังหวัดอุดรธานี และพบอาการไม่พึงประสงค์ จากนั้นได้ติดต่อกับแพทย์ที่โรงพยาบาลราชวิถี โดยที่บทความไม่ได้ระบุรายละเอียดของวันที่ฉีด หรือวันที่ปรึกษาแพทย์ 

ทั้งนี้ เมื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงช่วงเวลาการฉีดวัคซีนที่จังหวัดอุดรธานี จากข้อมูลของกรมควบคุมโรครายงานว่า มีการฉีดวัคซีนเข็มที่สองครั้งแรกเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2564 จึงคาดว่า หากเหตุการณ์ตามบทความเกิดขึ้นจริง ก็จะเป็นช่วงระหว่างวันที่ 23 เมษายน ถึง 3 พฤษภาคม 2564

พญ.พัชริดา กลิ่นพะยอม รองผู้อำนวยการศูนย์โอบอุ้ม-ดูแล-ห่วงใย หรือ โรงพยาบาลสนามจังหวัดอุดรธานี ได้ชี้แจงระหว่างการแถลงข่าวสถานการณ์โควิด-19 ของจังหวัดอุดรธานี ประจำวันที่ 10 พฤษภาคม 2564 โดยยืนยันว่า ข้อมูลที่แชร์กัน มีความจริงเพียงบางส่วนเท่านั้น

“หญิงสาวในบทความเข้ารับการฉีดวัคซีนซิโนแวค เข็มที่ 2 และมีอาการชาทั่วร่างกายมากกว่า 72 ชั่วโมงจริง แต่ขณะนี้หญิงสาวคนดังกล่าวยืนยันว่าหายเป็นปกติแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ทำการเอกซเรย์สมองพบว่า ระบบประสาทและสมองเป็นปกติดีทุกประการ ดังนั้นที่บอกว่ามีอาการเลือดออกในสมองเล็กน้อยนั้นไม่เป็นความจริง ส่วนการที่อ้างว่า แพทย์โรงพยาบาลอื่นให้ยา Nimodepine  ทำให้รู้สึกดีขึ้น ยานี้มีสรรพคุณช่วยลดเลือดออกในสมอง ทำให้เส้นเลือดขดตัว ซึ่งหญิงสาวไม่มีอาการเลือดออกในสมอง การที่อาการดีขึ้นจึงไม่เกี่ยวข้องกับยาที่ได้รับ แต่เป็นระยะเวลาที่สามารถดีขึ้นได้เองอยู่แล้ว” พญ.พัชริดา กล่าว

พญ.พัชริดา ยังกล่าวอีกว่า ปัจจุบันจากการฉีดวัคซีนซิโนแวค ทั่วประเทศยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตหรือเป็นอัมพาต สำหรับบุคคลที่ฉีดวัคซีนซิโนแวค  แล้วมาอาการชาร่างกายไม่มากนัก สามารถฉีดวัคซีนได้ตามปกติ

คำอธิบายของแพทย์ข้างต้น สอดคล้องกับประกาศจากสมาคมประสาทวิทยาแห่งประเทศไทย โดย พญ.ทัศนีย์ ตันติฤทธิศักดิ์ นายกสมาคมฯ ยืนยันว่า ผู้ได้รับวัคซีนโควิด-19 บางคน ที่มีอาการชาบางส่วนของร่างกาย หรือข้างใดข้างหนึ่งของร่างกาย หรือมีอาการอ่อนแรงเล็กน้อย ทำให้รู้สึกใช้งานได้ไม่เป็นปกตินั้น พบว่า ไม่ได้เกิดจากโรคหลอดเลือดสมอง (โรคอัมพาต) และตรวจไม่พบลิ่มเลือดอุดตันหรือเลือดออกในสมอง รวมทั้ง อาการดังกล่าวหายเองได้ ขณะที่อาการข้างเคียงทางระบบประสาทที่พบรุนแรง พบได้น้อยมากประมาณ 1-2 คน ต่อการฉีด 1 ล้านครั้ง และสามารถรักษาได้ ทั้งนี้ การฉีดวัคซีนทุกชนิด สามารถทำให้เกิดอาการทางระบบประสาทได้ และส่วนใหญ่ไม่รุนแรง

10 พ.ค. 2564 (19.20 น.) – สาวอุดร ออกมาขอโทษ
นพ.ทวีรัชต์ ศรีกุลวงศ์ รองนายแพทย์สาธารณสุข จ.อุดรธานี  และผู้อำนวยการโรงพยาบาลอำเภอบ้านผือ จ.อุดรธานี ในฐานะ “มิสเตอร์วัคซีน” ของจังหวัดอุดรธานี ได้โพสต์ข้อความ ที่เป็นคำขอโทษของหญิงสาวในบทความ ซึ่งชี้แจงว่า ตนไม่มีเจตนาที่จะเผยแพร่ข้อความเป็นสาธารณะ เป็นการแบ่งปันในกลุ่มส่วนตัวเท่านั้น แต่มีผู้นำข้อมูลนี้ไปเผยแพร่นอกกลุ่ม ทำให้เกิดการแชร์ข้อมูลโดยที่ไม่ตรงตามจุดประสงค์ของตน

“ก่อนอื่นต้องขอโทษทุกคนก่อนนะคะ ที่ข้อความของหนูทำให้หลาย ๆ คน ไม่สบายใจ อาจจะเข้าใจคลาดเคลื่อน และกังวลต่อการฉีดวัคซีน ซึ่งตอนนี้ข้อความของหนูได้ถูกแชร์ออกไปอย่างรวดเร็วมาก จึงขออนุญาตชี้แจงดังต่อไปนี้ค่ะ

1. หนูไม่ได้มีเจตนาที่จะเผยแพร่ข้อความนี้เป็นสาธารณะ เหตุผลที่หนูเขียนข้อความนี้ในตอนแรก เพราะมีพี่ ๆ ที่สนิทสนมกันถามไถ่อาการมา และอยากให้เล่าเรื่องอาการหลังการฉีดวัคซีน ซึ่งหนูได้เล่าลงในกลุ่มส่วนตัวเท่านั้น ซึ่งการเข้ามาในกลุ่มนี้ต้องได้รับคำเชิญก่อน ไม่ใช่โพสต์สาธารณะอย่างที่หลาย ๆ คนเข้าใจว่ามีการโพสต์ลงใน Facebook  หนูจึงมีความบริสุทธิ์ใจที่จะเล่าอาการของตัวเองเพื่อเป็นประโยชน์กับพี่ๆ น้องๆ ที่สนิทกันเท่านั้น  ไม่คิดว่าจะมีการนำข้อมูลนี้ออกไปนอกกลุ่มและแชร์กันต่อ จนเกิดกรณีนี้ขึ้น 

ตอนนี้หนูได้รับความเสียหายจากการแชร์ข้อมูลที่ได้ถูกนำออกไปด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้อง ตัวอย่าง เช่น มีสำนักข่าวบางสำนักได้เผยแพร่ข้อมูลขอองหนู แต่รูปภาพประกอบไม่ใช่รูปของหนูโดยที่อาจจะไม่ทราบว่า ข้อมูลเหล่านั้นถูกนำออกมาอย่างไม่ได้รับความยินยอม  หรือข้อมูลที่ถูกแชร์ไป บางเพจมีการเติมข้อความบางข้อความ เช่น วัคซีนยี่ห้อนี้มีปัญหาจริงๆ ซึ่งหนูไม่ได้พูด หรือมีการตัดข้อความบางข้อความออกไป คิดว่าต้องออกมาชี้แจงซึ่งได้มีการปรึกษาทนายไว้ด้วยค่ะ 

2. หนูไม่ใช่คนที่ต่อต้านการฉีดวัคซีน เนื่องจากหนูยังมองเห็นประโยชน์ของการฉีดวัคซีน หนูลงชื่อสมัครใจที่จะฉีดวัคซีนด้วยตนเอง หลังจากฉีดโดสแรกทุกอย่างผ่านไปด้วยดีทำให้มั่นใจที่จะฉีดโดสที่ 2 ขอไม่พูดถึงอาการทางคลินิกอีก และขอให้เรื่องอาการทางคลินิกเป็นเรื่องของผู้เชี่ยวชาญไปนะคะ จริง ๆ แล้วการฉีดวัคซีนเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งจะฉีดยี่ห้อไหนขอให้เป็นวิจารณญาณของแต่ละท่าน

3. วัคซีนนี้ทุกคนรู้ว่ามันเป็นเรื่องใหม่ ไม่ว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ไม่เชี่ยวชาญทุกคนจึงให้ความสนใจ การเกิดผลข้างเคียงก็อาจจะเกิดขึ้นได้ ประชาชนเลยคาดหวังว่ามากว่าจะมีการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดในกรณีที่เกิดผลข้างเคียง การเกิดผลข้างเคียงไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน

4. ขอขอบคุณ คุณหมอทุก ๆ ท่าน ที่ได้ให้การรักษา ให้คำปรึกษากับหนู ให้ความช่วยเหลือ คิดว่าหลายท่านได้รับผลกระทบจากความที่ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้นนี้ หนูได้ขอบคุณและขอโทษเป็นการส่วนตัวไปแล้วแต่ก็ขอพูดอีกทีไว้ตรงนี้ด้วยนะคะ”

ศ.นพ.สมศักดิ์ เทียมเก่า อายุรแพทย์ระบบประสาท เผยแพร่เนื้อหาเพื่ออธิบายข้อเท็จจริงเกี่ยวกับบทความที่แชร์กัน โดยแบ่งเป็นประเด็นย่อย ๆ เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง


12 พ.ค. 2564 (19.20 น.) – รมว.ดีอีเอส สั่งฟ้องผู้เผยแพร่ข่าวปลอม และสื่อที่เกี่ยวข้อง
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) สั่งฟ้อง 3 บัญชี Facebook – Twitter รวมถึงสื่อที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นต้นตอเผยแพร่ข้อมูลเท็จ กรณีสาวอุดรฯ แพ้วัคซีน เข้าข่ายความผิดตามพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และพระราชบัญญัติพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560

บทสรุป : โยงมั่ว ไม่ควรแชร์ต่อ
รูปภาพและบทความที่แชร์ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน เป็นการแอบอ้างนำรูปภาพของบุคคลอื่น มาแชร์ร่วมกับบทความของอีกบุคคลหนึ่ง การแชร์ต่อทำให้เกิดความเข้าใจผิด ตื่นตระหนก และเสี่ยงถูกดำเนินคดีโดยผู้เสียหายได้

ข้อมูลอ้างอิง
ข้อมูลที่ถูกแชร์ : https://web.facebook.com/chontan2016/posts/1635255916668343
โพสต์เจ้าของภาพ : https://web.facebook.com/namaing.puangkrasin/posts/3994082677294562
ข่าวอุดร ข่าวโฮมเคเบิ้ล : https://fb.watch/5pRcA7JCw3/
โพสต์ขอโทษ : https://web.facebook.com/toto.srikulwong/posts/3429186200515795
รมว.ดีอีเอส สั่งฟ้อง : https://web.facebook.com/prmdes.official/posts/1191459697955761

🎯 หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: https://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare


ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% ไม่พอใจเข้มปราบแก๊งคอลฯ

กระทรวงวัฒนธรรม 26 ก.ค.- “แพทองธาร” เปิดใจ ขอคนไทยรักกัน หันไปทะเลาะกับคนนอกประเทศก่อน ชี้ขัดแย้งกันเองยังรอได้ แฉกัมพูชาไม่พอใจไทยร่วมมือลาว – เมียนมา ปราบคอลเซ็นเตอร์ เผยสื่อนอกยังตั้งข้อสังเกต “กพช.” สั่งปิด รร.ยิงวันแรก เหมือนรู้ล่วงหน้าจะมีการรบ ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมติดตามมาตรการการรับมือ และช่วยช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้เสียชีวิตในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 4 จังหวัด ที่กระทรวงวัฒนธรรม โดยนางสาวแพทองธารได้ยืนยันแถลงการณ์ของรัฐบาล ตามที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้แถลงไปเมื่อวานนี้ ที่ระบุว่ากัมพูชาถือว่าเป็นอาชญากรรมสงครามขั้นรุนแรง วิธีการต่าง ๆ ขัดต่อหลักสันติวิธีของกฎหมายระหว่างประเทศ และขัดหลักมนุษยธรรมที่ได้ปฏิบัติมาตลอด สถานการณ์ความรุนแรง เป็นสิ่งที่รัฐบาลได้ย้ำตลอดว่าไม่อยากให้เกิดขึ้น สิ่งสำคัญที่สุด คือชีวิตของประชาชน เป็นสิ่งที่เรายึดถือ และพยายามไม่ให้เกิดการเสียเลือดเสียเนื้อ จนฝ่ายกัมพูชาได้ยิงก่อน ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา นางสาวแพทองธารยังกล่าวว่า มีสำนักข่าวต่างประเทศตั้งข้อสังเกตว่า จริงๆ แล้วเรามีหลักฐาน มีดิจิทัลฟุตปริ้นท์ที่สามารถทำให้เห็นว่าใครเป็นคนเริ่มก่อน และมีการตั้งข้อสังเกตว่าในวันนั้นนักเรียนของเราที่อยู่ชายแดนไปโรงเรียนตามปกติ […]

“เสธ.เบิร์ด” ชี้เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” ถือเป็นภัยคุกคาม

26 ก.ค.- “เสธ.เบิร์ด” ชี้ เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” วิถีไกล 130 กม. ถือเป็นภัยคุกคาม มองไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากกรณีกองทัพภาคที่ 2 เตือนเฝ้าระวังกัมพูชายิงขีปนาวุธ PHL-03 วิถีไกล 130 กม. เพื่อพุ่งเป้าหมายพื้นที่ยุทธศาสตร์และที่ตั้งทหารนั้น ล่าสุด พล.ต.วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวว่า การขยับขีปนาวุธ PHL-03 เป็นการขู่ และถือเป็นภัยคุกคาม ดังนั้นถ้าไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากการที่กัมพูชากล่าวหาว่า ไทยใช้ปฏิบัติการทางอากาศเกินกว่าเหตุนั้น เราไม่ทำเกินกว่าเหตุ แต่สิ่งที่เราทำนี้เป็นเหตุผล เพราะฝ่ายกัมพูชา เคลื่อนกำลังจำนวนมากมาประชิดชายแดน ใช้อาวุธยิงระยะไกลทำร้ายประชาชนของไทย ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน สถานีบริการน้ำมัน ทำให้ประชาชนชาวไทยบาดเจ็บ และเสียชีวิต จากการมีภาพข่าวการเคลื่อนอาวุธยิงระยะไกล ถือว่าเป็นการข่มขู่คุกคามความมั่นคงของไทยอย่างชัดเจน ดังนั้นการปฏิบัติการทางอากาศ เพื่อลดการสูญเสีย สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้การปฏิบัติการทางอากาศของไทยทำลายเป้าหมายทางทหารเท่านั้น และมีความแม่นยำ -สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมน่านลดต่อเนื่อง ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย

น่าน 26 ก.ค.- สถานการณ์น้ำท่วมตัวเมืองน่าน ลดลงต่อเนื่อง ส่วนอีกหลายจุดยังอ่วม ท่วมสูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย ย่านการค้าและเศรษฐกิจสำคัญของเมืองน่าน บริเวณถนนสุมณเทวราช ซึ่งเคยน้ำท่วมสูงเกือบถึงคอ แต่ตอนนี้น้ำลดลงเหลือประมาณหน้าขา เท่ากับลดไปราว 1 เมตร แต่บริเวณโดยรอบยังมีน้ำท่วมเต็มพื้นที่ โดยเฉพาะที่ลุ่มต่ำ ยังท่วมสูงกว่า 1 เมตร ทีมข่าวได้เข้าไปสำรวจความเสียหายของโรงแรงแห่งหนึ่งกลางเมืองน่าน ซึ่งสภาพภายในเต็มไปด้วยคราบโคลน รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ที่จอดไว้เสียหายจำนวนมาก ขณะที่เจ้าของร้านค้าย่านนี้ เริ่มสำรวจความเสียหายจากน้ำท่วม อีกจุดหนึ่งที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักคือที่โรงพยาบาลน่านที่ถูกน้ำท่วมสูงเต็มพื้นที่ 40 ไร่ บางจุดท่วมเกือบมิดหัว ตอนนี้น้ำลดแล้ว แต่ตามอาคารต่างๆ น้ำทะลักท่วมยาเวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์ได้รับความเสียหาย แต่ผู้ป่วยใน ราว 3 ร้อยคน ยังปลอดภัย คุณหมอ พยาบาลและเจ้าหน้าที่เร่งช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาด เพื่อให้โรงพยาบาลกลับมาเปิดบริการตามปกติให้เร็วที่สุด ช่วงสายที่ผ่านมา นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายใจกลางเขตเศรษฐกิจเมืองน่านด้วย -สำนักข่าวไทย