ชัวร์ก่อนแชร์ : แฉไทม์ไลน์ข่าวปลอม “สาวเล่าประสบการณ์แพ้วัคซีน”

12 พฤษภาคม 2564
ตรวจสอบข้อเท็จจริง / เรียบเรียง โดย : พีรพล อนุตรโสตถิ์, กลาง ณัฐนที

สืบหาต้นตอ เผยข้อเท็จจริง กรณีข่าวปลอม “สาวแพ้วัคซีน” ที่แพร่สะพัด สร้างความตื่นตระหนกบนหน้าสื่อ ไล่เรียงไทม์ไลน์ แท้จริงแล้วมีที่มาที่ไปอย่างไร ?

บทสรุป : ข้อมูลโยงมั่ว ไม่ควรแชร์ต่อ
• ภาพและบทความ ไม่เกี่ยวข้องกัน
• ภาพ ถูกนำมาเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต มาจากจังหวัดลพบุรี ไม่ใช่จังหวัดอุดรธานี 
• บทความ เป็นเรื่องราวที่เล่าโดยหญิงคนหนึ่งในจังหวัดอุดรธานี ซึ่งแพทย์ยืนยันว่ามีความจริงเพียงบางส่วน และหายดีแล้ว

ข้อมูลที่ถูกแชร์
รูปภาพแขนและขาที่มีผื่นสีแดงจำนวนมาก ถูกแชร์มาพร้อมกับ บทความเล่าประสบการณ์ฉีดวัคซีนซิโนแวค ของหญิงสาวชาวอุดรธานี ขึ้นต้นข้อความว่า…

“ชิโนแวค มีปัญหาจริง ๆ เรื่องวัคซีนซิโนแวค ค่ะ ขออนุญาติ ใช้พื้นที่นี้แชร์ข้อมูล เพื่อเป็นข้อตัดสินใจ ในการฉีดซิโนแวค นะคะ ต้องบอกก่อนนะคะว่า side effect ไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน เกิดแค่กับบางคน หนูขออนุญาติแชร์เรื่องของหนู เผื่อจะเป็นประโยชน์กับคนที่ฉีดแล้วเกิดอาการ และกำลังตัดสินใจฉีดนะคะ…”

โดยใจความสำคัญคือ ตนเองได้ทำการฉีดวัคซีนซิโนแวค  เข็มที่ 2 จากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดอุดรธานี หลังฉีดวัคซีนได้เพียง 3 นาที เริ่มมีอาการชาทั่วร่างกาย และมีอาการหายใจไม่สะดวก โดยกระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดไว้ว่าอาการดังกล่าวจะหายเป็นปกติภายใน 72 ชั่วโมง ทางโรงพยาบาลจึงไม่ได้ทำการรักษาใด ๆ เพียงเฝ้าสังเกตอาการเท่านั้น เมื่อครบ 72 ชั่วโมง ตนเองยังคงมีอาการชาทั่วร่างกาย ทางโรงพยาบาลได้ทำการ CT Scan ผลออกมาเป็นปกติ แพทย์เข้าใจว่าไม่มีเลือดออกในสมองและให้กลับบ้านได้ แต่ตนเองมีเลือดออกในสมองจริง จึงปรึกษาแพทย์ที่โรงพยาบาลราชวิถี กรุงเทพมหานคร และได้รับยา Nimodepine ซึ่งเป็นยาลดภาวะเลือดออกในสมองมารับประทาน อาการจึงดีขึ้น

ข้อมูลชุดดังกล่าวถูกแชร์อย่างแพร่หลายบน Twitter, Facebook, Line และบนเว็บไซต์ต่าง ๆ รวมทั้งมีผู้ส่งเรื่องเข้ามาสอบถามข้อเท็จจริงกับศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์


FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง
ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ สำนักข่าวไทย อสมท ตรวจสอบพบว่า ภาพและบทความที่แชร์ไม่มีความเกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด เป็นการแอบอ้างนำรูปภาพของบุคคลอื่นมาแชร์ร่วมกับบทความ ซึ่งแพทย์และบุคคลในบทความ ยืนยันว่า ขณะนี้มีอาการเป็นปกติดีแล้ว และไม่ได้มีเลือดออกในสมองอย่างที่มีการแชร์กัน

4 พ.ค. 2564 – เริ่มต้นจากบทความ “สาวอุดรแพ้วัคซีน” 
ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ ตรวจสอบพบว่า เริ่มมีการเผยแพร่บทความเล่าประสบการณ์แพ้วัคซีนบน Facebook โดยที่ไม่พบว่ามีภาพแขนและขาที่มีผื่นสีแดงประกอบอยู่ด้วย เป็นเพียงบทความเล่าประสบการณ์เท่านั้น  เช่น โพสต์ของ Chonthan Duangtar

7 พ.ค. 2564 – ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ ได้รับบทความ
ต่อมาเริ่มมีการนำบทความดังกล่าว ไปเผยแพร่ต่อบนสังคมออนไลน์ต่าง ๆ ทั้งบนเว็บไซต์, Twitter, Facebook และ Line ทำให้มีผู้ส่งเรื่องเข้ามาสอบถามข้อเท็จจริงกับศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์

9 พ.ค. 2564 (21.24 น.)  – เจ้าของภาพ ประกาศฟ้องร้องดำเนินคดี
บุคคลในภาพได้โพสต์ข้อความบน Facebook ส่วนตัวว่า ไม่อนุญาตให้มีการเผยแพร่รูปภาพของตนเองโดยเด็ดขาด ข้อมูลที่แชร์กันนั้นไม่เป็นความจริง เนื่องจากตนเองยังไม่ได้รับการวินิจฉัยว่าแพ้วัคซีน และจะดำเนินการเอาผิดทางกฎหมายหากยังมีการนำไปเผยแพร่ต่อ 

9 พ.ค. 2564 (21.46 น.) – ภาพแขนและขาที่มีผื่นสีแดง เผยแพร่กับข้อความอื่น
พบภาพแขนและขาที่มีผื่นสีแดงถูกเผยแพร่ร่วมกับข้อความระบุว่า “พยาบาล รพ.หนองม่วง แพ้วัคซีน” โดยเป็นการเผยแพร่บน Twitter อย่างไรก็ตามโพสต์ดังกล่าวถูกลบภายในวันเดียวกันนั้น

10 พ.ค. 2564 (10.22 น.) – ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ ได้รับภาพ
ข้อความและรูปภาพดังกล่าวถูกนำมาเผยแพร่ต่อใน Line โดยมีการเพิ่มเติมข้อมูลว่า “พยาบาล รพ.หนองม่วง ต.ลำคลอง อ.เมือง กฬสินธุ์ แพ้วัคซีนโควิด” และมีผู้ส่งเรื่องเข้ามาสอบถามข้อเท็จจริงกับศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ ทั้งนี้ ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ไม่มี “โรงพยาบาลหนองม่วง” แต่มี “โรงเรียนบ้านหนองม่วง” ตำบลลำคลอง อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์

10 พ.ค. 2564 (13.27 น.) – โรงพยาบาลหนองม่วง ชี้แจง ตัวตนบุคคลในภาพ
ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์จึงตรวจสอบไปที่โรงพยาบาลหนองม่วง ได้รับการยืนยันว่า เป็นภาพของบุคลากรในสังกัดจริง แต่ยังไม่ได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่าเป็นอาการแพ้วัคซีน  และขณะนี้หายเป็นปกติแล้ว ทางโรงพยาบาลยังระบุด้วยว่า ภาพดังกล่าวถูกเผยแพร่ไปโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของภาพ ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาดำเนินคดีกับผู้เผยแพร่

10 พ.ค. 2564 (14.00 น.) – แพทย์ยืนยันอาการเจ้าของบทความ “เป็นปกติแล้ว”
สำหรับเนื้อหาที่อยู่ในบทความ ซึ่งระบุว่า มีการอ้างถึงการฉีดวัคซีนเข็มที่สอง ที่จังหวัดอุดรธานี และพบอาการไม่พึงประสงค์ จากนั้นได้ติดต่อกับแพทย์ที่โรงพยาบาลราชวิถี โดยที่บทความไม่ได้ระบุรายละเอียดของวันที่ฉีด หรือวันที่ปรึกษาแพทย์ 

ทั้งนี้ เมื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงช่วงเวลาการฉีดวัคซีนที่จังหวัดอุดรธานี จากข้อมูลของกรมควบคุมโรครายงานว่า มีการฉีดวัคซีนเข็มที่สองครั้งแรกเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2564 จึงคาดว่า หากเหตุการณ์ตามบทความเกิดขึ้นจริง ก็จะเป็นช่วงระหว่างวันที่ 23 เมษายน ถึง 3 พฤษภาคม 2564

พญ.พัชริดา กลิ่นพะยอม รองผู้อำนวยการศูนย์โอบอุ้ม-ดูแล-ห่วงใย หรือ โรงพยาบาลสนามจังหวัดอุดรธานี ได้ชี้แจงระหว่างการแถลงข่าวสถานการณ์โควิด-19 ของจังหวัดอุดรธานี ประจำวันที่ 10 พฤษภาคม 2564 โดยยืนยันว่า ข้อมูลที่แชร์กัน มีความจริงเพียงบางส่วนเท่านั้น

“หญิงสาวในบทความเข้ารับการฉีดวัคซีนซิโนแวค เข็มที่ 2 และมีอาการชาทั่วร่างกายมากกว่า 72 ชั่วโมงจริง แต่ขณะนี้หญิงสาวคนดังกล่าวยืนยันว่าหายเป็นปกติแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ทำการเอกซเรย์สมองพบว่า ระบบประสาทและสมองเป็นปกติดีทุกประการ ดังนั้นที่บอกว่ามีอาการเลือดออกในสมองเล็กน้อยนั้นไม่เป็นความจริง ส่วนการที่อ้างว่า แพทย์โรงพยาบาลอื่นให้ยา Nimodepine  ทำให้รู้สึกดีขึ้น ยานี้มีสรรพคุณช่วยลดเลือดออกในสมอง ทำให้เส้นเลือดขดตัว ซึ่งหญิงสาวไม่มีอาการเลือดออกในสมอง การที่อาการดีขึ้นจึงไม่เกี่ยวข้องกับยาที่ได้รับ แต่เป็นระยะเวลาที่สามารถดีขึ้นได้เองอยู่แล้ว” พญ.พัชริดา กล่าว

พญ.พัชริดา ยังกล่าวอีกว่า ปัจจุบันจากการฉีดวัคซีนซิโนแวค ทั่วประเทศยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตหรือเป็นอัมพาต สำหรับบุคคลที่ฉีดวัคซีนซิโนแวค  แล้วมาอาการชาร่างกายไม่มากนัก สามารถฉีดวัคซีนได้ตามปกติ

คำอธิบายของแพทย์ข้างต้น สอดคล้องกับประกาศจากสมาคมประสาทวิทยาแห่งประเทศไทย โดย พญ.ทัศนีย์ ตันติฤทธิศักดิ์ นายกสมาคมฯ ยืนยันว่า ผู้ได้รับวัคซีนโควิด-19 บางคน ที่มีอาการชาบางส่วนของร่างกาย หรือข้างใดข้างหนึ่งของร่างกาย หรือมีอาการอ่อนแรงเล็กน้อย ทำให้รู้สึกใช้งานได้ไม่เป็นปกตินั้น พบว่า ไม่ได้เกิดจากโรคหลอดเลือดสมอง (โรคอัมพาต) และตรวจไม่พบลิ่มเลือดอุดตันหรือเลือดออกในสมอง รวมทั้ง อาการดังกล่าวหายเองได้ ขณะที่อาการข้างเคียงทางระบบประสาทที่พบรุนแรง พบได้น้อยมากประมาณ 1-2 คน ต่อการฉีด 1 ล้านครั้ง และสามารถรักษาได้ ทั้งนี้ การฉีดวัคซีนทุกชนิด สามารถทำให้เกิดอาการทางระบบประสาทได้ และส่วนใหญ่ไม่รุนแรง

10 พ.ค. 2564 (19.20 น.) – สาวอุดร ออกมาขอโทษ
นพ.ทวีรัชต์ ศรีกุลวงศ์ รองนายแพทย์สาธารณสุข จ.อุดรธานี  และผู้อำนวยการโรงพยาบาลอำเภอบ้านผือ จ.อุดรธานี ในฐานะ “มิสเตอร์วัคซีน” ของจังหวัดอุดรธานี ได้โพสต์ข้อความ ที่เป็นคำขอโทษของหญิงสาวในบทความ ซึ่งชี้แจงว่า ตนไม่มีเจตนาที่จะเผยแพร่ข้อความเป็นสาธารณะ เป็นการแบ่งปันในกลุ่มส่วนตัวเท่านั้น แต่มีผู้นำข้อมูลนี้ไปเผยแพร่นอกกลุ่ม ทำให้เกิดการแชร์ข้อมูลโดยที่ไม่ตรงตามจุดประสงค์ของตน

“ก่อนอื่นต้องขอโทษทุกคนก่อนนะคะ ที่ข้อความของหนูทำให้หลาย ๆ คน ไม่สบายใจ อาจจะเข้าใจคลาดเคลื่อน และกังวลต่อการฉีดวัคซีน ซึ่งตอนนี้ข้อความของหนูได้ถูกแชร์ออกไปอย่างรวดเร็วมาก จึงขออนุญาตชี้แจงดังต่อไปนี้ค่ะ

1. หนูไม่ได้มีเจตนาที่จะเผยแพร่ข้อความนี้เป็นสาธารณะ เหตุผลที่หนูเขียนข้อความนี้ในตอนแรก เพราะมีพี่ ๆ ที่สนิทสนมกันถามไถ่อาการมา และอยากให้เล่าเรื่องอาการหลังการฉีดวัคซีน ซึ่งหนูได้เล่าลงในกลุ่มส่วนตัวเท่านั้น ซึ่งการเข้ามาในกลุ่มนี้ต้องได้รับคำเชิญก่อน ไม่ใช่โพสต์สาธารณะอย่างที่หลาย ๆ คนเข้าใจว่ามีการโพสต์ลงใน Facebook  หนูจึงมีความบริสุทธิ์ใจที่จะเล่าอาการของตัวเองเพื่อเป็นประโยชน์กับพี่ๆ น้องๆ ที่สนิทกันเท่านั้น  ไม่คิดว่าจะมีการนำข้อมูลนี้ออกไปนอกกลุ่มและแชร์กันต่อ จนเกิดกรณีนี้ขึ้น 

ตอนนี้หนูได้รับความเสียหายจากการแชร์ข้อมูลที่ได้ถูกนำออกไปด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้อง ตัวอย่าง เช่น มีสำนักข่าวบางสำนักได้เผยแพร่ข้อมูลขอองหนู แต่รูปภาพประกอบไม่ใช่รูปของหนูโดยที่อาจจะไม่ทราบว่า ข้อมูลเหล่านั้นถูกนำออกมาอย่างไม่ได้รับความยินยอม  หรือข้อมูลที่ถูกแชร์ไป บางเพจมีการเติมข้อความบางข้อความ เช่น วัคซีนยี่ห้อนี้มีปัญหาจริงๆ ซึ่งหนูไม่ได้พูด หรือมีการตัดข้อความบางข้อความออกไป คิดว่าต้องออกมาชี้แจงซึ่งได้มีการปรึกษาทนายไว้ด้วยค่ะ 

2. หนูไม่ใช่คนที่ต่อต้านการฉีดวัคซีน เนื่องจากหนูยังมองเห็นประโยชน์ของการฉีดวัคซีน หนูลงชื่อสมัครใจที่จะฉีดวัคซีนด้วยตนเอง หลังจากฉีดโดสแรกทุกอย่างผ่านไปด้วยดีทำให้มั่นใจที่จะฉีดโดสที่ 2 ขอไม่พูดถึงอาการทางคลินิกอีก และขอให้เรื่องอาการทางคลินิกเป็นเรื่องของผู้เชี่ยวชาญไปนะคะ จริง ๆ แล้วการฉีดวัคซีนเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งจะฉีดยี่ห้อไหนขอให้เป็นวิจารณญาณของแต่ละท่าน

3. วัคซีนนี้ทุกคนรู้ว่ามันเป็นเรื่องใหม่ ไม่ว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ไม่เชี่ยวชาญทุกคนจึงให้ความสนใจ การเกิดผลข้างเคียงก็อาจจะเกิดขึ้นได้ ประชาชนเลยคาดหวังว่ามากว่าจะมีการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดในกรณีที่เกิดผลข้างเคียง การเกิดผลข้างเคียงไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน

4. ขอขอบคุณ คุณหมอทุก ๆ ท่าน ที่ได้ให้การรักษา ให้คำปรึกษากับหนู ให้ความช่วยเหลือ คิดว่าหลายท่านได้รับผลกระทบจากความที่ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้นนี้ หนูได้ขอบคุณและขอโทษเป็นการส่วนตัวไปแล้วแต่ก็ขอพูดอีกทีไว้ตรงนี้ด้วยนะคะ”

ศ.นพ.สมศักดิ์ เทียมเก่า อายุรแพทย์ระบบประสาท เผยแพร่เนื้อหาเพื่ออธิบายข้อเท็จจริงเกี่ยวกับบทความที่แชร์กัน โดยแบ่งเป็นประเด็นย่อย ๆ เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง


12 พ.ค. 2564 (19.20 น.) – รมว.ดีอีเอส สั่งฟ้องผู้เผยแพร่ข่าวปลอม และสื่อที่เกี่ยวข้อง
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) สั่งฟ้อง 3 บัญชี Facebook – Twitter รวมถึงสื่อที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นต้นตอเผยแพร่ข้อมูลเท็จ กรณีสาวอุดรฯ แพ้วัคซีน เข้าข่ายความผิดตามพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และพระราชบัญญัติพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560

บทสรุป : โยงมั่ว ไม่ควรแชร์ต่อ
รูปภาพและบทความที่แชร์ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน เป็นการแอบอ้างนำรูปภาพของบุคคลอื่น มาแชร์ร่วมกับบทความของอีกบุคคลหนึ่ง การแชร์ต่อทำให้เกิดความเข้าใจผิด ตื่นตระหนก และเสี่ยงถูกดำเนินคดีโดยผู้เสียหายได้

ข้อมูลอ้างอิง
ข้อมูลที่ถูกแชร์ : https://web.facebook.com/chontan2016/posts/1635255916668343
โพสต์เจ้าของภาพ : https://web.facebook.com/namaing.puangkrasin/posts/3994082677294562
ข่าวอุดร ข่าวโฮมเคเบิ้ล : https://fb.watch/5pRcA7JCw3/
โพสต์ขอโทษ : https://web.facebook.com/toto.srikulwong/posts/3429186200515795
รมว.ดีอีเอส สั่งฟ้อง : https://web.facebook.com/prmdes.official/posts/1191459697955761

🎯 หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: https://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare


ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ลิณธิภรณ์” แจงปมสะกดคำผิด ยอมรับผิดพลาดพร้อมแก้ไข

กระทรวงวัฒนธรรม 4 ก.ค.- “ลิณธิภรณ์” ยอมรับดรามาใช้ภาษาไทยสะกดคำผิด พร้อมแก้ไขปรับปรุงตัว รับปากจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก บอก บางครั้งรีบพิมพ์ไม่ได้ตรวจทาน ทำเกิดผลเสียทุกวันนี้ แจงมีปัญหาสุขภาพ อาจทำให้ออกเสียงควบกล้ำไม่ได้ น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์ถึงดรามาเรื่องการใช้ภาษาไทยในโซเชียลมีเดีย ว่า ตนขอยอมรับอย่างซื่อตรง ว่าบางครั้งในการสะกดคำของตนเองก็มีความผิดพลาด ซึ่งบางครั้งใช้การพิมพ์ด้วยเสียงผ่านโทรศัพท์มือถือ และได้โพสต์ข้อความไปแล้ว ก่อนจะมารู้ตัวอีกทีก็ผ่านไป 2-3 ชั่วโมง มันเป็นความผิดพลาด อันนี้ตนยอมรับด้วยความจริงใจ และวันนี้ตนก็เข้าใจดีว่าเมื่อมานั่งตำแหน่งตรงนี้ สิ่งที่จำเป็นต้องทำ คือต้องปรับปรุง และคิดว่าหลังจากนี้ความผิดพลาดเหล่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้น เพราะตนก็อยากเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเด็กและเยาวชน ของประเทศเหมือนกัน รวมถึงอีกสิ่งที่ตนอยากจะบอกคือการออกเสียงควบกล้ำ ซึ่งเป็นผลกระทบ จากปัญหาสุขภาพ แต่ส่วนหนึ่งตนก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวว่า วันนี้ตนเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในภาพนโยบายใหญ่ คงต้องขึ้นอยู่กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาฯ ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยใน รายละเอียดที่ชัดเจน และจะเข้ากระทรวงพร้อมกันในวันที่ 8 กรกฎาคม สำหรับตนหากใครที่เคยติดตาม ก็เคยเป็นคนหนึ่งที่ พูดเรื่องการศึกษาในส่วนของพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด ตั้งแต่เป็นโฆษกพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะเรื่องการลดค่าสอบทีแคส (TCAS) รวมถึงเรื่องการทำโครงการ ด้านสุขภาพภาวะจิต และอาจจะเป็นโครงการหนึ่งที่ตนจะสานต่อ […]

มอบ “จิราพร” เข้าร่วมประชุมผู้นำ BRICS ที่บราซิล

ทำเนียบ 3 ก.ค.-มอบ “จิราพร” เข้าร่วมประชุมผู้นำ BRICS ครั้งที่ 17 ที่บราซิล 6-7 ก.ค.นี้ นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมผู้นำกลุ่ม BRICS ครั้งที่ 17 ระหว่างวันที่ 6 – 7 กรกฎาคม 2568 ร่วมกับผู้นำจาก 10 ประเทศสมาชิกกลุ่ม BRICS และประเทศหุ้นส่วนจากหลากหลายประเทศ ที่นครรีโอเดจาเนโร สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล โดยไทยเข้าร่วมในฐานะประเทศหุ้นส่วนของกลุ่ม BRICS (Partner Country) สำหรับการประชุมผู้นำกลุ่ม BRICS จะจัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “เสริมสร้างความร่วมมือโลกใต้เพื่อการสร้างธรรมาภิบาลที่ครอบคลุมและยั่งยืนยิ่งขึ้น โดยบราซิลในฐานะประธานกลุ่ม BRICS ปีนี้ ให้ความสำคัญกับประเด็นหลัก 6 ด้าน ได้แก่ (1) สาธารณสุข (2) การค้า การลงทุน และการเงิน (3) การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (4) ธรรมาภิบาลของปัญญาประดิษฐ์ […]

Hun Sen, at event marking ruling party's 74th founding anniversary

ฮุน เซน เรียกร้องปั๊ม ปตท. งดนำเข้าน้ำมันจากไทย

พนมเปญ 3 ก.ค.- นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ยังคงเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเรียกร้องให้เจ้าของปั๊ม ปตท.เลิกนำเข้าน้ำมันจากไทย และหันไปนำเข้าจากประเทศอื่นแทน สื่อของกัมพูชารายงานว่า นายฮุน เซน พูดถึงเรื่องนี้ในระหว่างการประชุมกับครูและนักเรียนที่ศูนย์การศึกษาและฝึกอบรมในจังหวัดไพรแวงในวันนี้ เรียกร้องให้เจ้าของปั๊มน้ำมัน ปตท.ทุกแห่งในกัมพูชาเลิกนำเข้าน้ำมันจากไทย และหันไปนำเข้าน้ำมันจากประเทศอื่น ๆ แทน ไม่ว่าจะเป็นจากเวียดนาม  มาเลเซีย หรือสิงคโปร์ โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนชื่อปั๊ม แม้ว่า ปตท.จะเป็นรัฐวิสาหกิจของไทยก็ตาม นอกจากนี้นายฮุน เซนยังพูดถึงเรื่องที่ไทยเคยขู่ว่าจะตัดไฟฟ้า ตัดอินเทอร์เน็ต ห้ามขายเชื้อเพลิง และอื่นๆ ให้กัมพูชาด้วยว่า เมื่อไทยขู่มากัมพูชาก็ตอบโต้ทันที กัมพูชาต้องพึ่งพาตนเองให้ได้เพื่อรับมือกับภัยคุกคามในอนาคตเหมือนกับที่กำลังเผชิญจากไทยในเวลานี้ แม้ว่าจะมีแรงกดดันจากไทย แต่กัมพูชาก็ได้ดำเนินการไปแล้ว ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความสามารถในการพึ่งพาตนเองได้ของกัมพูชา ประธานวุฒิสภากัมพูชาเน้นย้ำว่า มาตรการทั้งหมดที่กัมพูชาได้ดำเนินไปนั้นเป็นการตอบโต้โดยตรงกับภัยคุกคามจากฝ่ายไทย รวมทั้งการที่ไทยปิดด่านพรมแดนแต่เพียงฝ่ายเดียว เขาแสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่า การเจรจากับไทยจะเริ่มขึ้นได้ ต่อเมื่อฝ่ายไทยจะต้องยอมเปิดด่านทุกจุดอย่างเต็มรูปแบบเหมือนที่เคยทำก่อนวันที่ 7 มิถุนายนแล้วเท่านั้น.-816(814).-สำนักข่าวไทย

เปิด 7 จุดยืน “ปชน.” ทางออกประเทศหาก “แพทองธาร” พ้นเก้าอี้

กรุงเทพฯ 4 ก.ค. – พรรคประชาชนโพสต์เฟซบุ๊กแสดง 7 จุดยืน หาก “แพทองธาร” พ้นตำแหน่ง เปิดเงื่อนไขโหวตนายกฯ คนใหม่ พรรคประชาชนโพสต์เฟซบุ๊กแสดง 7 จุดยืน หาก “นายกฯ แพทองธาร” พ้นจากตำแหน่ง เพื่อนำพาประเทศไปสู่ทางออกที่จะเป็นประโยชน์ที่สุดสำหรับประชาชนทุกคน ดังนี้ 1.สิ่งที่ประเทศต้องการมากที่สุด คือรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ มีความชอบธรรม และสามารถตั้งทีมบริหารจากความรู้ความสามารถ ไม่ใช่จากการต่อรองผลประโยชน์ทางการเมือง2.รัฐบาลที่จะมีคุณสมบัติดังกล่าวจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากสภาชุดปัจจุบัน ทางออกสำหรับประเทศจึงเป็นการจัดให้มี “การเลือกตั้งใหม่” โดยเร็ว3.รักษาการนายกฯ ควรประกาศให้ชัดเจนว่าจะใช้อำนาจที่ตนเองมี ในการเดินหน้าสู่การยุบสภา เพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชนผ่านคูหาเลือกตั้ง4.หากรักษาการนายกฯ ไม่ทำ และมีเหตุใดที่ทำให้นายกรัฐมนตรีแพทองธาร พ้นจากตำแหน่ง กระบวนการในการเลือกนายกฯ คนใหม่ จะต้องนำไปสู่การได้มาซึ่งนายกฯ ที่พร้อมเดินหน้าสู่การยุบสภา5.เพื่อให้ประเทศไม่ถูกบีบไปสู่ทางตันหรือการใช้อำนาจนอกครรลองประชาธิปไตย เราพร้อมจะพิจารณาลงมติให้กับผู้เสนอตัวเป็นนายกฯ คนใหม่คนใดก็ตาม ที่ยอมรับ “เงื่อนไข” ในการเป็นรัฐบาลชั่วคราว โดยทางพรรคประชาชนจะไม่เข้าร่วมรัฐบาลและจะไม่มีใครจากพรรคประชาชนไปเป็นรัฐมนตรี 6.“เงื่อนไข” ในการเดินหน้าสู่การยุบสภา สำหรับนายกฯ คนใหม่ จะต้องประกอบไปด้วยอย่างน้อย6.1 การประกาศเส้นตายว่าจะยุบสภาภายในสิ้นปี6.2 การยืนยันภารกิจเฉพาะหน้าที่จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาดังกล่าว (เช่น การดำเนินการให้มีการจัดประชามติพร้อมกับการเลือกตั้ง เพื่อถามประชาชนเรื่องการมี […]

ข่าวแนะนำ

“แพทองธาร” หารือผู้บริหาร ก.วัฒนธรรม

ก.วัฒนธรรม 4 ก.ค.-“แพทองธาร” หารือผู้บริหาร ก.วัฒนธรรม แจงข่าวปลอมไทยคืนวัตถุโบราณ 20 รายการ ให้กัมพูชาไม่จริง ชี้ทำตั้งแต่ “รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์” พร้อมสั่งเบรกจัดสรรงบฯ คืนวัตถุโบราณกัมพูชา จ่อแจ้งความคนปล่อยเฟกนิวส์ ปลุกปั่น “กลุ่มปราสาทตาเมือน” ยันอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยไทย ช่วงบ่ายวันนี้ (4 ก.ค.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานการประชุมหารือร่วมกับผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม โดย น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นการประชุมครั้งแรก มีข้อที่อยากจะฝากเอาไว้ และอยากจะให้ช่วยกันผลักดัน รวมถึงอยากจะอัปเดตข้อมูลให้ฟัง ซึ่งวันนี้ตนได้ทำการบ้านมาเล็กน้อย และรู้สึกดีใจที่จะได้ฟังจากทุกคนว่า แต่ละหน่วยงานแต่ละฝ่ายทำอะไรกันอยู่บ้าง และในกระทรวงฯ มีอะไรที่อยากให้ดำเนินการเพิ่มเติมบ้าง ประเด็นแรก อยากจะขอชี้แจงเรื่องข่าวปลอม เรื่องการส่งคืนวัตถุโบราณ จำนวน 20 รายการ ให้กับประเทศกัมพูชา ตนขอยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง เพราะการคืนวัตถุโบราณให้กับประเทศกัมพูชา มีมาตั้งแต่สมัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ในปี พ.ศ. 2558 ซึ่งประเทศไทยได้คืนไปแล้ว […]

“สุชัชวีร์” ไขก๊อก “ปชป.” เล็งรวมคนตั้งพรรคใหม่

พรรคประชาธิปัตย์ 4 ก.ค.- “สุชัชวีร์” ไขก๊อก ลาออก “ปชป.” เตรียมรวมคนตั้งพรรคใหม่ ทำการเมืองระดับประเทศ เน้นพัฒนาคนจากการศึกษา ลั่นถ้าการศึกษาเปลี่ยนไม่ได้ อย่าหวังว่าประเทศไทยจะมีอนาคต ส่อไม่ลงผู้ว่าฯ กทม.ต่อ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ ดร.เอ้ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมาที่พรรคประชาธิปัตย์ในเวลา 10.00 น. เพื่อกราบไหว้พระแม่ธรณีบีบมวยผม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำพรรค ดร.สุชัชวีร์ เปิดเผยว่า ในช่วงเช้าได้ให้เลขานุการส่วนตัวยื่นหนังสือลาจากเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองของคณะกรรมการการเลือกตั้งและนายทะเบียนพรรคประชาธิปัตย์เรียบร้อยแล้ว และต้องขอกราบขอบคุณสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และหัวหน้าพรรคซึ่งตนได้โทรศัพท์เรียนให้ทราบถึงการตัดสินใจไปแล้ว รวมทั้งขอบคุณกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ที่ให้เกียรติ ทำงานกับพรรคการเมืองที่มีประวัติศาสตร์มายาวนาน ขอยืนยันชัดเจนว่าไม่ได้เกิดจากความขัดแย้งใด ๆ แต่มาจากอุดมการณ์และความฝันของตนที่ออกมาทำงานการเมือง ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงในประเทศจริง ๆ เพราะวันนี้ประเทศไทยกำลังอยู่ในภาวะที่วิกฤติ และสถานการณ์ขณะนี้รอไม่ได้ ดังนั้นด้วยความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาของประเทศที่เริ่มต้นจากการพัฒนาคนเรื่องการศึกษา ถือเป็นความตั้งใจอันแน่วแน่และเป็นการตัดสินใจอย่างรอบคอบว่าจากนี้เป็นต้นไปจะใช้ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ทั้งหมด มาใช้ในการเปลี่ยนแปลงประเทศ และเริ่มต้นจากการเปลี่ยนเรื่องของการศึกษา ถ้าเราไม่เปลี่ยนเราแพ้เวียดนามแน่นอน ซึ่งเรื่องนี้ตนยอมไม่ได้ เมื่อถามว่าส่วนหนึ่งในเหตุผลการลาออกคือ พรรคประชาธิปัตย์ยังตัดสินใจร่วมรัฐบาลอยู่ใช่หรือไม่ นายสุชัชวีร์ กล่าวว่า นั่นเป็นการตัดสินใจของพรรค ตนให้เกียรติหัวหน้าพรรคและผู้ใหญ่ในพรรค และไม่ใช่เหตุผลที่ตัดสินใจลาออก เพราะตนมีเหตุผลชัดเจนอย่างที่กล่าวมา ซึ่งสถานการณ์ในประเทศไทยตอนนี้ วิกฤติทางการเมือง […]

ปิดลงทะเบียน “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ย้ายไปแอปฯ “ทางรัฐ”

4 ก.ค.- “สรวงศ์” รมว.ท่องเที่ยวฯ สั่งปิดลงทะเบียน “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ชั่วคราว หลังพบปัญหาต่อเนื่อง เตรียมย้ายไปเปิดใหม่ผ่านแอปฯ “ทางรัฐ” ยันไม่กระทบผู้ที่ลงทะเบียนรับสิทธิแล้ว นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาการลงทะเบียน “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ที่เริ่มเปิดเมื่อวันที่ 1 ก.ค. ที่ผ่านมา ก่อนเกิดปัญหาต่อเนื่องจนถึงขณะนี้ เพื่อให้เกิดความสะดวกและรวดเร็วขึ้น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่าอยู่ระหว่างพิจารณา 2 แนวทาง คือ ล่าสุดเช้าวันนี้ นายสรวงศ์ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวไทย ว่า ล่าสุดยังได้รับรายงานถึงปัญหาการลงทะเบียนมาอย่างต่อเนื่อง จึงสั่งการให้หยุดการลงทะเบียน “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ผ่านทางเว็บไซต์ www.เที่ยวไทยคนละครึ่ง หรือแอปฯ Amazing Thailand ตั้งแต่บัดนี้ทันที แล้วให้ย้ายไปลงทะเบียนที่แอปฯ “ทางรัฐ” เพราะมีระบบยืนยันตัวตนในแอปฯ อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเพิ่มขั้นตอน ส่วนจะเริ่มได้เมื่อใด ณ เวลานี้ยังตอบชัดเจนไม่ได้ แต่วันนี้ (4 ก.ค.) จะหารือกับทีมเทคนิค ฝ่ายไอทีว่าจะสามารถย้ายระบบมาลงทะเบียนได้เร็วที่สุดเมื่อใด ยืนยันจะรีบดำเนินการให้เร็วที่สุด […]

ต้อนรับอบอุ่น “ภูมิธรรม-เดชอิศม์” เข้ามหาดไทยวันแรก

กระทรวงมหาดไทย 4 ก.ค.- “ภูมิธรรม” พร้อม “เดชอิศม์” เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระสังฆราช ก่อนเข้า ก.มหาดไทย วันแรก สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และมอบนโยบาย โดยมีข้าราชการและเจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางเข้าปฏิบัติหน้าที่เป็นวันแรก โดยมี น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย คณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย อธิบดี หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ร่วมให้การต้อนรับ โอกาสนี้ นายภูมิธรรม นำคณะเข้าถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว บริเวณหน้าพระอุโบสถ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร และเข้าเฝ้าถวายเครื่องสักการะสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ณ พระตำหนัก และเข้าสักการะสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ณ อาคารสัมฤทธิ์วิทยากร ภายในวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร จากนั้น นายภูมิธรรม และคณะ […]