ชัวร์ก่อนแชร์ : ท้องอิ่มดื่มน้ำอุ่น ก่อนฉีดวัคซีน ป้องกันอาการไม่สบาย จริงหรือ ?

1 พฤษภาคม 2564
ตรวจสอบข้อเท็จจริง / เรียบเรียง โดย : พีรพล อนุตรโสตถิ์, กลาง ณัฐนที

บนสังคมออนไลน์ แชร์คำแนะนำว่า “ท้องต้องอิ่ม ดื่มน้ำอุ่น ก่อนฉีดวัคซีน ช่วยป้องกันอาการไม่สบายได้” ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ ตรวจสอบกับอาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ยืนยันว่า “ไม่เป็นความจริง”

บทสรุป : ไม่จริง และ ไม่ควรแชร์ต่อ
ไม่มีหลักฐานทางวิชาการยืนยันว่า ท้องอิ่มและดื่มน้ำอุ่นก่อนฉีดวัคซีน จะช่วยป้องกันอาการไม่สบายได้

ข้อมูลที่ถูกแชร์
เพื่อนนักเรียนเก่า เป็นคนเห๋อเป่ยคุยกับคนสิงคโปร์ เรื่องการฉีดวัคซืนโควิด 
สิ่งที่ต้องระวังก่อนฉีดวัคซีนโควิด
1. ท้องต้องอิ่ม (ฉีดหลังอาหาร)
2. ดื่มน้ำอุ่น หรือ น้ำอุณหภูมิห้อง 250 ซีซี (หนึ่งแก้วกาแฟ)
ถ้าทำได้สองอย่างนี้ ตอนฉีดวัคซีนจะไม่มีอาการไม่สบาย ความรู้สึกแย่มาก
ปกติคนเราก็ต้องกินอาหาร ดื่มน้ำอยู่แล้ว โปรดทำสองสิ่งนี้ก่อนฉีดวัคซีนโควิด 
อย่า ฉีดวัคซีนตอนหิว หรือท้องว่าง ให้ฉีดหลังอาหาร และอย่าดื่มน้ำเย็น ให้ดื่มน้ำอุณหภูมิห้อง หรืออุ่นๆ หนึ่งแก้วเต็ม 250 ซีซี
หลังฉีดวัคซีนอาจจะรู้สึกไม่ค่อยสบาย 10-15 นาทีเท่านั้น บางคนไม่รู้สึกอะไรเลย
โปรดบอกต่อเพื่อนๆ

สืบหาต้นตอ ข้อมูลที่ถูกแชร์
ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ ตรวจสอบหาแหล่งที่มา พบว่า มีการแชร์กันในต่างประเทศ ทั้งภาษาจีน และ ภาษาอังกฤษ ก่อนจะถูกแปลเป็นภาษาไทย และส่งต่อกันในแอปพลิเคชัน Line มีลำดับเวลาโดยประมาณ ดังนี้

ช่วงวันที่ 15 มีนาคม 2564 มีการแชร์คลิปเสียงความยาว 4.09 นาที ผ่านกลุ่ม Line ที่ไต้หวัน พร้อมกับข้อความระบุว่า เป็นคำแนะนำเรื่องการฉีดวัคซีนจากเพื่อนชาวสิงคโปร์ อย่างไรก็ตาม ยังไม่พบแหล่งที่มาของคลิปเสียงที่แน่ชัดว่าเป็นของบุคคลใด

ต่อมามีการสรุปข้อความจากคลิปเสียงเป็นภาษาจีนพร้อมคำแปลเป็นภาษาอังกฤษพร้อมแนบภาพประกอบ โพสต์บนสังคมออนไลน์ ทั้งบนแอปพลิเคชัน Facebook และ Line 

Taiwan FactCheck Center ตรวจสอบข้อเท็จจริงเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2564 และสรุปว่า ข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลที่ “ผิด”

และในช่วงวันเดียวกันนั้น ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ พบข้อความดังกล่าวถูกแชร์เป็นภาษาไทยครั้งแรก


FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง
ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ สำนักข่าวไทย อสมท ตรวจสอบกับ รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ ภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยืนยันว่า “ความเชื่อเรื่อง ท้องต้องอิ่มและดื่มน้ำอุ่นหรือน้ำอุณหภูมิห้องก่อนฉีดวัคซีน จะช่วยป้องกันอาการไม่สบายหลังฉีดวัคซีนได้ เป็นความเชื่อที่ไม่ได้มีหลักฐานทางวิชาการมาสนับสนุน”

รศ.นพ.ธีระ อธิบายว่า การกินอาหารให้อิ่มไม่มีผลต่อการแพ้วัคซีนหรือแพ้ยาชนิดใด ๆ ซึ่งต่างจากกรณีที่กินยาหลังอาหาร เช่น ยาแก้ปวด ที่ต้องกินหลังอาหารเพื่อป้องกันไม่ให้ยาดังกล่าวกัดกระเพาะ นอกจากนี้ยังไม่มีหลักฐานทางวิชาการที่สนับสนุนว่า หากท้องอิ่มก่อนฉีดวัคซีนแล้วจะช่วยป้องกันอาการไม่สบายต่าง ๆ หลังฉีดวัคซีนได้ ทั้งนี้การดื่มน้ำอุ่นก็ไม่มีผลต่อการแพ้วัคซีน และไม่มีหลักฐานทางวิชาการมาสนับสนุนความเชื่อนี้เช่นเดียวกัน คาดว่าเป็นข่าวลือที่แชร์ต่อกันมาเท่านั้น

ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ อาการไม่สบายหลังฉีดวัคซีนโควิด-19
รศ.นพ.ธีระ กล่าวว่า อาการไม่สบายหลังฉีดวัคซีนนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ โดยไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นกับใคร แต่กลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มคนที่มีโรคประจำตัวที่ทำให้ภูมิคุ้มกันไม่ค่อยดี เมื่อฉีดวัคซีนแล้วอาจจะไม่มีอาการข้างเคียง เพราะร่างกายตอบสนองต่อวัคซีนน้อยกว่าคนทั่วไป นอกจากนี้ยังพบว่า การฉีดวัคซีนเข็มที่สองมีโอกาสเกิดปฏิกิริยามากกว่าเข็มแรก เพราะเข็มแรกเปรียบเสมือนการทำให้ร่างกายรู้จักคุ้นเคยกับตัวสารเคมีชนิดนี้ก่อน เมื่อฉีดเข็มที่สองร่างกายคุ้นเคยกับสารเคมีนี้แล้วจึงมีปฏิกิริยาตอบสนองได้มากกว่า ดังนั้น แม้ว่าฉีดวัคซีนเข็มแรกแล้วไม่มีอาการ แต่เมื่อฉีดวัคซีนเข็มสองก็อาจจะมีอาการได้

วิธีการเตรียมตัวที่ถูกต้อง ก่อนฉีดวัคซีนโควิด-19
รศ.นพ.ธีระ แนะนำว่า เมื่อถึงวันที่จะเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ควรตรวจสอบว่าต้องฉีดวัคซีนที่ไหน อย่างไร เวลาใด และประเมินร่างกายในวันนั้นว่าแข็งแรงดีหรือไม่ หากรู้สึกไม่สบาย ครั่นเนื้อครั่นตัว เป็นไข้ ไอ เจ็บคอ หรือมีอาการอื่น ๆ ไม่ควรเข้ารับการฉีดวัคซีนเด็ดขาด เนื่องจากการฉีดวัคซีนจำเป็นต้องทำในช่วงที่สุขภาพร่างกายแข็งแรง มิฉะนั้นประสิทธิภาพในการสร้างภูมิคุ้มกันอาจไม่ดีเท่าที่ควร

หากมีอาการไม่สบายแต่ยังเข้ารับการฉีดวัคซีน หรือไม่สบายแล้วกินยาลดไข้ก่อนมาฉีดวัคซีน เมื่อเกิดอาการไม่พึงประสงค์ขึ้น แพทย์จะไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นอาการป่วยไข้ธรรมดา หรือเป็นอาการข้างเคียงหลังฉีดวัคซีน นอกจากนี้ยังไม่ควรฉีดวัคซีนชนิดอื่น ๆ ในเวลาใกล้เคียงกับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ควรเว้นระยะห่างประมาณ 1 เดือน  หรือ 4 สัปดาห์ เพื่อให้แน่ใจว่าวัคซีนที่รับไปไม่มีปัญหาจริง ๆ 

กรมควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสุขยังมีคำแนะนำ เกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติตัวก่อนและหลังฉีดวัคซีนโควิด-19 ดังนี้

แนวทางปฏิบัติตัวก่อนฉีดวัคซีนโควิด-19 
1. ตรวจสอบเป็นผู้ที่ยังไม่ควรฉีดวัคซีน
          – หากตั้งครรภ์ ควรเลื่อนนัดเป็นช่วงหลังคลอดแล้ว
          – กำลังรักษาอาการป่วยรุนแรง ควรเลื่อนนัดไปก่อนจนกว่าหายดี
          – มีอาการป่วยก่อนฉีดวัคซีน เช่น ไข้สูง ท้องเสียรุนแรง ควรเลื่อนนัดไปก่อน
2. ตรวจสอบเป็นผู้ที่เคยมีประวัติแพ้วัคซีน หรือแพ้ยา ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ก่อนฉีดวัคซีน
3. พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ควรงดอาหารก่อนการฉีดวัคซีน
4. ตรวจสอบเป็นกลุ่มเป้าหมาย ที่ได้รับการลงทะเบียนฉีดวัคซีนได้ 
          – บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข เจ้าหน้าที่ด่านหน้า
          – ประชาชนทั่วไปในพื้นที่เสี่ยง ผู้ที่มีโรคประจำตัว 6 กลุ่ม และภาวะอ้วน
5. ไม่ควรรับประทานยาแก้ไข้ / ยาแก้ปวดก่อนฉีดวัคซีน เพราะยาอาจไปกดภาวะการอักเสบทำให้การตอบสนองของวัคซีนลดลง

แนวทางปฏิบัติตัวหลังฉีดวัคซีนโควิด-19
1. สังเกตอาการข้างเคียงที่โรงพยาบาลก่อนกลับบ้านอย่างน้อย 30 นาที
2. เมื่อกลับบ้านแล้ว อาจมีอาการข้างเคียง เช่น มีผื่น ปวด บวมบริเวณที่ฉีด หรือมีไข้ต่ำ ๆ ซึ่งหลังจากได้รับวัคซีน 30 นาที – 2 ชั่วโมง อาการจะค่อย ๆ ลดลง แต่ถ้าไข้สูงมาก รีบกลับมาพบแพทย์ หรือโทรแจ้ง 1669
3. หลังจากรับวัคซีน 3 วัน โอกาสแพ้หรือมีผลข้างเคียงพบน้อยมาก ควรสังเกตอาการต่อไปจนครบ 30 วัน

คำแนะนำของสิงคโปร์
นอกจากนี้ เมื่อตรวจสอบไปที่เว็บไซต์ vaccine.gov.sg ซึ่งเป็นแหล่งให้ข้อมูลเกี่ยวกับการให้วัคซีนของประเทศสิงคโปร์ ก็ไม่พบว่ามีคำแนะนำตามข้อความที่แชร์กันแต่อย่างใด ทางการสิงคโปร์ให้คำแนะนำว่า ก่อนฉีดวัคซีนอย่าลืมพกบัตรประจำตัว มาถึงจุดนัดพบให้ตรงเวลา สวมเสื้อแขนสั้นหรือเสื้อที่แขนหลวมพอจะพับขึ้นได้ หากรู้สึกไม่สบายให้เลื่อนการนัดหมายไปก่อน

บทสรุป : ไม่จริง และ ไม่ควรแชร์ต่อ
รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ ยืนยันว่า “ท้องต้องอิ่มและดื่มน้ำอุ่นหรือน้ำอุณหภูมิห้องก่อนฉีดวัคซีน จะช่วยป้องกันอาการไม่สบายหลังฉีดวัคซีนได้ เป็นความเชื่อที่ไม่ได้มีหลักฐานทางวิชาการมาสนับสนุน” พร้อมแนะนำว่า ต้องศึกษาวัคซีนก่อนตัดสินใจฉีด วันที่จะไปฉีดต้องประเมินสุขภาพตนเองว่าแข็งแรงดีหรือไม่ หลังฉีดวัคซีนแล้วการ์ดต้องไม่ตก ให้ปฎิบัติตัวตามมาตรฐานการควบคุมป้องกันโรคเช่นเดิม

ข้อมูลอ้างอิง
Taiwan FactCheck Center : https://tfc-taiwan.org.tw/articles/5168
MyGoPen : https://www.mygopen.com/2021/03/250cc.html
MyGoPen : https://today.line.me/tw/v2/article/vx9nzE
Facebook : https://web.facebook.com/YipinStudio/posts/4387055784642231
Facebook : https://web.facebook.com/marybarbara.wang/posts/10159906201939739
เว็บไซต์โครงการฉีดวัคซีนของประเทศสิงคโปร์ : https://www.vaccine.gov.sg/faq
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข : https://fb.watch/5cM_DXn0yT/

🎯 หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์” 🎯
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: https://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare


ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

ประชุม JBC วันแรกเป็นไปด้วยดี สองฝ่ายหารือตรงไปตรงมา

14 มิ.ย.- โฆษก กต. เผยการประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายหารือกันอย่างตรงไปตรงมา พร้อมย้ำไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก สำหรับการประชุมจะเสร็จสิ้นในวันพรุ่งนี้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย – กัมพูชา หรือ JBC ครั้งที่ 6 ว่าตั้งแต่เมื่อเช้า หลังจากคณะผู้แทนไทยฯ ที่นำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย เดินทางถึงกรุงพนมเปญเมื่อวานนี้ ได้รับรายงานความคืบหน้ามาเป็นระยะ และเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็ได้เรียกประชุมผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ที่ขอให้เรียกประชุมและรายงานความคืบหน้าเป็นระยะ เพื่อจะได้มีข้อสั่งการ นายนิกรเดช กล่าวว่า การประชุมเริ่มจากที่พบหารือระหว่างสองประธานไทย-กัมพูชา กลุ่มเล็ก จากนั้นได้เริ่มการประชุม JBC เต็มคณะ เพื่อหารือประเด็นทางเทคนิค ที่อยู่ในขอบเขตการทำงานของ JBC เช่นการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการสำรวจภูมิประเทศ ขณะนี้การประชุมก็ยังคงดำเนินอยู่ ซึ่งช่วงบ่ายก็จะเป็นการหารือตามระเบียบวาระที่วางไว้ เช่นการพูดคุยด้านเทคนิค และคาดว่าจะมีการประชุมไปจนถึงวันพรุ่งนี้ บรรยากาศการประชุมเป็นไปด้วยดี และทั้งสองฝ่ายกำลังเดินหน้าหารือกันตามวาระ ถือว่าการประชุมเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายเดินหน้าคุย และปรับความคิดหากันด้วยดี ฝ่ายไทยหวังว่าการประชุมครั้งนี้จะมีส่วนช่วยลดความ ตึงเครียดของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น […]

ประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” ยึด MOU43 แก้ปมชายแดน-ลดตึงเครียด

14 มิ.ย.- “ไทย-กัมพูชา” แถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม JBC เจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกัน และการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบ MOU43 นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย เป็นประธานการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) ร่วมกับนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา ทั้งสองฝ่ายกล่าวถ้อยแถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ในการเจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกันและการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ. 2543 (MOU 43) เพื่อประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาชายแดนและลดความตึงเครียดที่มีอยู่ ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการของทั้งสองฝ่าย ประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานเชิงเทคนิคที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กรมแผนที่ทหาร กองทัพบก กองทัพเรือ สำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา (เทียบเท่ากระทรวง) กระทรวงกลาโหมกัมพูชา กองทัพภาคต่าง ๆ ของกัมพูชา รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาของกัมพูชาทุกจังหวัด -สำนักข่าวไทย

Cambodia and Thailand hold a closed-door meeting ahead of the official meeting of JBC in Phnom Penh

ไทย-กัมพูชา หารือกลุ่มเล็กก่อนประชุม JBC

พนมเปญ 14 มิ.ย. – สื่อกัมพูชารายงานว่า กัมพูชาและไทย ได้เปิดการหารือกลุ่มเล็กฝ่ายละ 5 คน ก่อนการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือเจบีซี (JBC) ที่กรุงพนมเปญ ในวันนี้ เว็บไซต์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานว่า ในการหารือกลุ่มเล็กที่มีผู้ร่วมเข้าเพียง 10 คน ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายเจีย ฬำ  รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบกิจการชายแดน ส่วนฝ่ายไทยนำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงต่างประเทศด้านกิจการชายแดน ซึ่งเป็นนักการทูตผู้เชี่ยวชาญช่วงข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร พร้อมกับเผยแพร่ภาพชุดการหารือดังกล่าว.-814.-สำนักข่าวไทย

รวบแล้ว! โจรชิงทองที่ลำพูน หนีกบดานพัทยา

พัทยา 14 มิ.ย.- หนีไม่รอด! รวบโจรบุกเดี่ยวชิงทอง จ.ลำพูน หนีกบดานพัทยา สารภาพติดการพนันออนไลน์ จากกรณีเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2568 เกิดเหตุคนร้ายรูปร่างสูงประมาณ 160-165 ซม. ทราบชื่อต่อมาคือ นายประกร อายุ 47 ปี ขี่รถจักรยานยนต์สีดำ บุกเดี่ยวเข้าไปชิงทองคำรูปพรรณ จากห้างทองฯ อ.ป่าซาง จ.ลำพูน ได้สร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 5 บาท ไปจำนวน 2 เส้น มูลค่ากว่า 500,000 บาท แล้วหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ล่าสุดตำรวจ สภ.จว.ชลบุรี ได้เบาะแสว่า นายประกร ที่มีหมายจับศาลจังหวัดลำพูน ในข้อหากระทำความผิดฐาน “วิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม” หลังก่อเหตุได้หนีมากบดานในพื้นที่จังหวัดชลบุรี จึงนำกำลังออกติดตาม กระทั่งพบตัวนายประกร อยู่ภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านพัทยากลาง เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าจับกุม เจ้าตัวให้การยอมรับ เป็นผู้ก่อเหตุวิ่งราวทองจากห้างทองในพื้นที่จังหวัดลำพูนจริง หลังก่อเหตุได้หนีมายังพื้นที่เมืองพัทยาและนำทองไปขายในห้างทองแห่งหนึ่ง ตอนแรก คิดว่าจะเดินทางเข้ามาตัว แต่ก็สายไปเนื่องจากมาโดนเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวได้เสียก่อน ส่วนสาเหตุที่ก่อเหตุลงไปนั้นเนื่องจากตนเองติดการพนันออนไลน์ จนเงินหมด […]