สภาองค์กรของผู้บริโภค ต้านต่อสัญญาสัมปทานล่วงหน้ารถไฟฟ้า

กรุงเทพฯ 20 เม.ย. – สภาองค์กรของผู้บริโภคออกแถลงการณ์ฉบับที่ 5 ย้ำรถไฟฟ้าเป็นบริการขนส่งมวลชน ครม.ต้องหยุดต่อสัญญาสัมปทานล่วงหน้าแก่เอกชน และราคารถไฟฟ้า 25 บาท เป็นราคาทึ่ทำได้จริง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภาองค์กรของผู้บริโภค ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 5 ระบุถึงกรณี ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีได้แจ้งไว้ว่าจะนำเรื่องค่ารถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่เป็นข้อถกเถียงกันอยู่เข้าครม.เพื่อลงมติ ในขณะเดียวกัน BTS ก็ออกคลิปทวงหนี้รัฐบาลออกอากาศ รวมทั้งนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เขียนบทความแสดงความคิดเห็นเรื่องต้นทุนของรถไฟฟ้า และบริษัทกรุงเทพธนาคมของ กทม. ได้ออกมาโต้เรื่องราคาเช่นกัน


โดยภาพรวม สภาองค์กรของผู้บริโภคมองเห็นว่า เป็นกระบวนการที่ชี้ชวนและบังคับให้ประชาชนจำยอมรับราคา 65 บาทที่กทม.ตั้งไว้ มีเพียงคุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ที่ออกมาให้ข้อมูลหนี้กทม. และเห็นว่า หลังปี พ.ศ. 2572 หมดสัญญาสัมปทานแล้ว รายได้ต่างๆ ของรถไฟฟ้าสามารถใช้หนี้ได้สบาย แถมสามารถลดราคาให้ประชาชนได้อีก

สภาองค์กรของผู้บริโภคขอเรียกร้องให้รัฐบาล มีหลักการเบื้องต้นของการสร้างระบบรถไฟฟ้าเพื่อให้เป็นบริการขนส่งมวลชนในการสัญจรในกรุงเทพมหานคร ที่การจราจรกำลังทำให้เมืองเป็นอัมพาต สร้างมลพิษทางอากาศ และทำลายคุณภาพชีวิตของประชาชนและระบบเศรษฐกิจของชาติ แต่เมื่อราคารถไฟฟ้ามิได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานความสามารถจ่ายได้จริงของประชาชนส่วนใหญ่ที่เป็นผู้สัญจรไปมา ระบบรถไฟฟ้าก็จะกลายเป็นสัญลักษณ์ของความล้มเหลวของรัฐบาล

สภาองค์กรของผู้บริโภค มีความเห็นโดยภาพรวมดังนี้


1. เสนอครม.ยุติการพิจารณาต่อสัญญาสัมปทานล่วงหน้าสายสีเขียว และกำหนดให้รถไฟฟ้าหลากสีเป็นบริการขนส่งมวลชนที่รัฐมีหน้าที่จัดบริการให้ประชาชนเข้าถึง พร้อมเร่งจัดทำราคารถไฟฟ้าสูงสุดที่ประชาชนสามารถจ่ายได้ต่อวัน ให้ทุกสายยุติเก็บค่าแรกเข้าที่ซ้ำซ้อน เพราะหากนำเรื่องนี้เข้าไปพิจารณา ประชาชนต้องจ่าย 65 บาทเป็นเวลา 38 ปี อย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงตามสัญญาสัมปทานสายเกินไปที่จะทำให้ประชาชนได้ราคารถไฟฟ้าที่เป็นบริการขนส่งมวลชนจริง เหมือนกับประเทศอื่นๆ ที่เขาสามารถทำให้ประชาชนจ่ายค่ารถไฟฟ้าได้ไม่เกิน 10% ของรายได้ขั้นต่ำ เพื่อคุณภาพชีวิตของประชาชน ป้องกันปัญหามลภาวะและลดปัญหาการจราจรที่ติดขัดในกรุงเทพมหานคร

2. สภาองค์กรของผู้บริโภค เสนอให้หาวิธีการใหม่ในการทำสัญญาหรือการต่อสัญญาสัมปทานที่เกี่ยวข้องกับบริการขนส่งมวลชนหรือบริการสาธารณะ รวมถึง สายสีส้มที่กำลังจะดำเนินการประมูล ไม่ให้เกิดปัญหาผลประโยชน์แอบแฝงเหมือนในอดีตและกำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต เช่น กรณีกรุงเทพมหานครยอมรับว่าได้ทำสัญญาจ้างเดินรถกับเอกชน ถึงปี 2585 เกินสัญญาสัมปทานหลักสายสีเขียวที่จะหมดในปี 2572 หากรัฐหรือ กทม.จะหักดิบไม่ต่อสัญญาจ้างบริหารกับ BTS เพื่อให้สิ้นสุดพร้อมกันในปี 2572 แม้จะทำได้แต่ก็คงจะเกิดปัญหาฟ้องร้องตามมาแน่

3. เสนอให้ยึดหลักการบริการขนส่งมวลชนทุกคนต้องขึ้นได้และไม่ค้ากำไร ยืนยันว่า 25 บาททำได้จริง จากการให้สัมภาษณ์ของพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่า กทม.ให้ข่าวว่า การกำหนดราคา 65 บาท กทม.จะได้ผลตอบแทน 240,000 ล้านบาท ตลอดสัมปทาน 30 ปี แต่จากการคาดการณ์ของกระทรวงคมนาคม หากใช้ราคา 49.83 บาท จะทำให้กทม.มีรายได้ 380,200 ล้านบาท ในระยะเวลา 30 ปี หากนำเงินจำนวนนี้ใช้หนี้เดิมในช่วง ปีพ.ศ. 2560-2572 ประมาณ 100,000 ล้านบาท กทม.ยังมีกำไรสูงถึง 280,200 ล้านบาท(380,200-100,000 = 280,200 ล้านบาท)

4. การเปิดเผยข้อมูลมากยิ่งขึ้นจะทำให้ราคารถไฟฟ้าถูกลง เช่น ค่าจ้างเดินรถควรมีราคาสูงสุดเท่าใด หากใช้ข้อมูลกระทรวงคมนาคม คำนวณค่าจ้างเดินรถ 30 ปี ไว้จำนวน 248,000 ล้านบาท หากคิดรวมค่าจ้างเดินรถเพิ่มอีก 8 ปี (2564-2572) ค่าจ้างเดินรถ ควรจะอยู่ที่ประมาณ 314,134 ล้านบาท ขณะที่นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ คิดค่าจ้างเดินรถ 38 ปี ในช่วงปี 2564-2602 รวมทั้งหมดประมาณ 841,000 ล้านบาท

5. สภาองค์กรของผู้บริโภค สนับสนุนให้รัฐบาลแก้ปัญหาระยะยาวและมองรถไฟฟ้าหลากสีทั้งระบบ ต้องรวมทุกสาย ทุกส่วนต่อขยายเป็นระบบเดียวกับบริการขนส่งมวลชนอื่นๆ ทั้งสีน้ำเงิน สีม่วง สีชมพู สีแดง สีทองสีส้ม เช่น ตั้งบริษัท Joint venture ที่มิใช่การตั้งองค์กรใหม่ขึ้นมากินหัวคิว แบบที่ผ่านๆมา แต่เป็นการถือหุ้นร่วมกันระหว่างภาครัฐกับเอกชน แบ่งค่าใช้จ่ายและรายได้ร่วมกันทุกอย่าง ต้องรวมทุกสาย ทุกส่วนต่อขยายเป็นระบบเดียวกับบริการขนส่งมวลชนอื่นๆ ที่สำคัญต้องมีราคาที่ถูกลงทั้งระบบ

6. สภาองค์กรของผู้บริโภคเสนอให้บริหารจัดการรายได้ของรถไฟฟ้าทั้งระบบ ยืนยัน 25 บาท ตลอดสายทำได้จริง นอกจากรายได้จากค่าโดยสารแล้วยังมีรายได้อื่นๆ เช่น การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์บริเวณรถไฟฟ้า การโฆษณา การจัดเก็บภาษีลาภลอยจากการพัฒนาที่ดิน หรือการจัดเก็บภาษีน้ำมันจากผู้ใช้รถยนต์โดยขึ้นภาษีน้ำมัน 20 สตางค์ต่อลิตร จะทำให้กทม.มีรายได้ประมาณ 6,500 ล้านบาทต่อปี

ทั้งนี้ สภาองค์กรของผู้บริโภค ยืนยันว่า  การจัดบริการขนส่งมวลชนเป็นพันธกิจของรัฐบาลที่มอบให้กทม. ดำเนินการแทน ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า ระบบรถไฟฟ้าเป็นบริการสาธารณะอย่างหนึ่งที่ต้องทำให้คนส่วนใหญ่เข้าถึงได้ จะนำเรื่องขาดแคลนงบประมาณมาเป็นข้ออ้างไม่ได้ เพราะมีวิธีหารายได้หลายๆทางที่จะนำมาชดเชยค่าใช้จ่ายที่ขาดทุนได้ . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ

กทม. 23 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ เฝ้าระวัง “พายุดีเปรสชัน” มีแนวโน้มทวีกำลังแรงเป็นพายุโซนร้อน กระทบไทย 24-27 ส.ค.นี้ กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนตกสะสมที่อาจเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบน และเวียดนามตอนบน สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบน ในช่วงวันที่ 25–26 ส.ค. 68 ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมแรงบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 24–27 ส.ค. 68 -สำนักข่าวไทย

โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊ก ขรก.มหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน

ทำเนียบ 23 ส.ค.- โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊กข้าราชการมหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน ด้าน “เชษฐา” เป็นอธิบดี ปภ. ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย พ้นจากตำแหน่ง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 6 ราย ดังนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.2568 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 22 ส.ค.2568 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี -สำนักข่าวไทย

จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองโกงเงินอุดหนุน ก่อนหนีกบดานลาว

22 ส.ค. – ตำรวจภูธรภาค 1 จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมือง โกงเงินอุดหนุน 17.6 ล้านบาท หนีกบดานลาว ก่อนจนมุมถูกจับกุมได้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1), พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1, พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระพุทธบาท, ตม.จว.หนองคาย, กกต.จว.หนองคาย ร่วมกันจับกุม นายพีระวิทย์ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2562 นายพีระวิทย์ เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง รับเงินอุดหนุนพรรคการเมือง เพื่อพัฒนาพรรคการเมือง จำนวนประมาณ 17.6 ล้านบาท โดยไม่มีการทำหลักฐานการเบิกจ่าย ทำให้ กกต. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายพีระวิทย์ และเหรัญญิกพรรค ต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.พระพุทธบาท โดยเลื่อนการเข้าให้ปากคำและแสดงหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน และต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองได้หลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกหมายจับในข้อหา […]

“ธีรรัตน์” สั่งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บาย 24 ชม. รับพายุคาจิกิ

กทม. 22 ส.ค.- “ธีรรัตน์” สั่งการผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บายรับมือผลกระทบ “พายุคาจิกิ” ตลอด 24 ชั่วโมง ย้ำ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนรับรู้และเตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่อง นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาวะอากาศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับผลกระทบพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ซึ่งพบว่าพื้นที่บางส่วนมีความเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังซ้ำซาก ระหว่างวันที่ 24 – 28 สิงหาคม 2568 ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ 45 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร นางสาวธีรรัตน์ ได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด 45 จังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต รวมถึงกรุงเทพมหานคร กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่หากพบว่ามีความเสี่ยง ในส่วนพื้นที่ชายฝั่ง ให้สั่งห้ามนักท่องเที่ยวเล่นน้ำและห้ามเดินเรือทุกชนิดหากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรง “ให้ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

5 ครอบครัวผู้เสียชีวิตจากระเบิดกัมพูชา ทำพิธีลอยอังคาร

ชลบุรี 24 ส.ค. – 5 ครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุกัมพูชายิงจรวดตกใส่ ทำพิธีลอยอังคาร ส่งดวงวิญญาณกลางอ่าวสัตหีบ โดยกองเรือยุทธการอำนวยความสะดวก 5 ครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุระเบิดของกัมพูชา เมื่อวันที่ 25 กรกฏาคม ประกอบด้วย ครอบครัวประชัน ซึ่งสูญเสียนางสาวรุ่งรัศ เด็กหญิงทักษพร และเด็กชายพงศภัค ครอบครัวเด็กชายกิตติศักดิ์ คำวัง ครอบครัวนางสาวอรุณรัตน์ วันศรี ครอบครัวนายสมศรี ลาภบุญ และครอบครัวนางสาวสาวิตรี อ่อนทรวง นำอัฐิผู้เสียชีวิต เดินทางจากจังหวัดศรีสะเกษ มายังกองเรือยุทธการ ตำบลสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เพื่อทำพิธีลอยอังคาร ส่งดวงวิญญาณ โดยกองเรือยุทธการอำนวยความสะดวก สนับสนุนที่พัก รวมทั้ง จัดเรือกร.702 นำครอบครัวผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีกลางอ่าวสัตหีบ พิธีเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมเกียรติ ทุกคนต่างบอกว่า แม้จะผ่านมา 1 เดือน แต่ก็ยังทำใจไม่ได้ โดยเฉพาะครอบครัวประชัน ที่ต้องภรรยาและลูกอีก 2 คนไปพร้อมกัน.-สำนักข่าวไทย

ทบ. ตรวจสอบสาเหตุพลทหารเสียชีวิตที่ปราสาทตาเมือนธม

24 ส.ค. – กองทัพบกได้รับรายงานการเสียชีวิตของกำลังพลบริเวณปราสาทตาเมือนธม ปัจจุบันอยู่ระหว่างการตรวจสอบสาเหตุ พร้อมให้การช่วยเหลือเยียวยาตามสิทธิอย่างครบถ้วน กองทัพบกขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของ พลทหาร พิทยุตท์ โสดา กำลังพลสังกัด กองพันทหารราบที่ 21 หน่วยเฉพาะกิจที่ 2 ซึ่งเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2568 เวลา 18.15 น. โดยพบร่างผู้เสียชีวิตภายในห้องสุขา บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ พลทหารพิทยุตท์ โสดา อายุ 20 ปี เป็นทหารกองประจำการ รุ่นปี 1/67 จากการสมัครใจเข้ามารับราชการในโครงการพลทหารออนไลน์ ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง พลปืนเล็ก หมู่ปืนเล็กที่ 2 หมวดปืนเล็กที่ 1 สังกัด กองร้อยทหารราบที่ 211 กองพันทหารราบที่ 21 หน่วยเฉพาะกิจที่ 2 จากการตรวจสอบเบื้องต้น ผู้เสียชีวิตไม่มีโรคประจำตัว ไม่มีประวัติเสพยาเสพติด ไม่มีภาวะความเครียด […]

แจงปมเลขบัตรประชาชน “หลวงพ่ออลงกต” ซ้ำคนตาย

กทม. 24 ส.ค.-กรมการปกครอง แจงปม “เลขประจำตัวประชาชน” หลวงพ่ออลงกต ซ้ำกับคนตาย ส่วนการเปิดพร้อมเพย์ เลขบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ตาย ซึ่งตรงกับบัญชีกองทุนอาทรประชานาถ เป็นการดำเนินการโดยธนาคารพาณิชย์ กรณีมีรายงานว่า หลวงพ่ออลงกต วัดพระบาทน้ำพุ ซึ่งมีชื่อเดิมว่า นายอลงกต พูลมุข มีชื่อซ้ำกับ นายอลงกต พลมุข ที่มีภูมิลำเนาที่ อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา และได้เสียชีวิตไปแล้วนั้น รวมทั้งวันเดือนเกิดยังตรงกัน ต่างกันเพียงปีเกิด ล่าสุดเฟซบุ๊ก กรมการปกครอง fanpage ได้โพสต์ข้อความถึงประเด็นดังกล่าว โดยระบุว่า “กรมการปกครอง ชี้แจงกรณีเลขบัตรประจำตัวประชาชนของหลวงพ่ออลงกต ตามที่ปรากฏข้อมูลจากสื่อมวลชนว่า ‘หลวงพ่ออลงกต มีเลขประจำตัวประชาชนตรงกับนายอลงกต พลมุข ซึ่งเป็นบุคคลที่เสียชีวิตแล้ว’ นั้น สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง ได้ตรวจสอบฐานข้อมูลทะเบียนราษฎรของกรมการปกครอง พบว่า พระราชวิสุทธิประชานาถ หรือ หลวงพ่ออลงกต เลขประจำตัวประชาชน x-xxxx-xxx036-50-7 ชื่อจริง อลงกต พูลมุข นามสกุล พูลมุข มีสระอู เกิดปี […]

“คาจิกิ” ทวีกำลังเป็นพายุไต้ฝุ่น ส่งผลให้ไทยฝนตกเพิ่มทุกภาค

กรุงเทพฯ 24 ส.ค.- กรมอุตุฯ ออกประกาศระบุ ช่วงเช้าที่ผ่านมา พายุโซนร้อน “คาจิกิ” ในทะเลจีนใต้ ได้ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น เตือน 57 จังหวัด เฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมาก ตั้งแต่วันที่ 24-27 ส.ค.68 นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า พายุโซนร้อน “คาจิกิ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น “กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ค่อนไปทางเหนือเล็กน้อย และมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนเข้าสู่อ่าวตังเกี๋ย ก่อนจะขึ้นฝั่งตอนบนของ ประเทศเวียดนาม และ สปป.ลาว ในช่วงวันที่ 25–26 สิงหาคมนี้ ขอบด้านหน้าของพายุ เริ่มส่งผลกระทบต่อไทยตั้งแต่วันนี้ โดยเฉพาะพื้นที่ด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีเมฆฝนเพิ่มขึ้น จากนั้นจะมีฝนตก ก่อนขยายไปยังภาคกลาง รวมทั้ง กรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคตะวันออก และ ภาคใต้ ในช่วงวันถัดไป กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนว่า อิทธิพลของพายุ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่มีกำลังแรง จะทำให้มีฝนตกเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ […]