รวบ “เคนลี เทคมีเอาท์ฯ” หลอกตุ๋นผู้เสียหายหลายคดี

กรุงเทพฯ 12 ก.พ. – ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.สุทธิสาร รวบตัว “เคนลี เทคมีเอาท์ฯ” ผู้ต้องหาฉ้อโกง หลอกต้มตุ๋นหลายคดี มีผู้เสียหายหลายสิบราย


เมื่อเวลา 14.30 น. วันนี้ (12 ก.พ.) ที่ สน.สุทธิสาร ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ออมสิน ตรารุ่งเรือง ผบก.สอท.3 พ.ต.อ.เกรียงไกร รับงาม ผกก.1 บก.สอท.3 พ.ต.อ.ชูศักดิ์​ เคทอง ผกก.2​ บก.สอท.2 สั่งการให้ พ.ต.ท.ภัทรเดช ภัทรบุตรเพชร พ.ต.ท.วิชาญ กลิ่นบุบผา รอง ผกก.1 บก.สอท.3 พ.ต.ท.สุระ​ จันทร์แก้ว พ.ต.ท.พลเดช​ สังข์ศิริ พ.ต.ท.ฐิตนนท์​ วิชัยกุลจิรทัพ รอง​ ผกก.2​ บก.สอท.2 พ.ต.ท.สิงหราช พิมพะกร สว.กก.1 บก.สอท.3 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สอท.2 และ กก.สส.บก.น.2 จับกุมนายอธิคุณ โชติธนัสปิติ อายุ 25 ปี หรือ เคนลี เทคมีเอาท์ ไทยแลนด์ หลังหลอกต้มตุ๋นผู้เสียหายหลายราย ตามหมายจับศาลแขวงพระนครเหนือ เลขที่ 76/2564 ลงวันที่ 1 ก.พ.64 ข้อหาฉ้อโกง เหตุเกิดท้องที่ สน.สุทธิสาร และหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรี เลขที่ 496/2563 ลงวันที่ 2 ธ.ค.63 ข้อหาทุจริต หลอกหลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อมูลความจริง เพื่อเอาทรัพย์สินผู้อื่น และผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ เหตุเกิดท้องที่ สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี โดยจับกุมผู้ต้องหาได้ที่บ้านเลขที่ 477 ซอยรังสิต-นครนายก 27 ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เบื้องต้นชุดจับกุมควบคุมตัวนายอธิคม ส่งพนักงานสอบสวน สน.สุทธิสาร เพื่อดำเนินคดี ต่อมาเมื่อผู้เสียหายกว่า 10 ราย ที่มีมูลค่าความเสียหายรวมกันกว่า 10 ล้านบาท ทราบข่าว ได้เดินทางมาดูตัวผู้ต้องหา

นายสุธรรม ลาภมีมาก อายุ 52 ปี ทำธุรกิจค้าขายหน้ากากอนามัย หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา หลานสาวอายุ 25 ปีของตน ทำงานบริษัทแห่งหนึ่ง ย่านบางรัก รู้จักกับนายอธิคม จากแอปฯ หาคู่ จีบกันอยู่สักพัก นายอธิคม อ้างว่าสามารถซื้อไอโฟน 12 ได้ในราคาถูก ประมาณ 30,000 บาท และได้ของแถมจำนวนมาก หลานสาวตนโอนเงินไปให้ แต่ไม่ได้ของ อ้างสารพัดว่า รอลงนามซื้อขายกับหุ้นส่วน 3 คน บัญชีของนายอธิคมถูกอายัดบ้าง ให้โอนเข้าบัญชีหุ้นส่วนคนอื่น โอนอยู่หลายครั้ง รวมเงินหลายแสนบาท และบอกว่า เงินที่โอนมาก่อนหน้านี้จะคืนให้ จึงหลงเชื่อ ต่อมานายอธิคมใช้อุบายใหม่ ถ้าหลานสาวตนต้องการเงินคืนทั้งหมด ต้องช่วยเหลือตัวเองผ่านทางโทรศัพท์ให้ดู แต่ก็ไม่ยอมคืนเงินให้อีก และข่มขู่ว่าจะเอาคลิปช่วยตัวเองไปปล่อยให้อับอาย หลานสาวตนเกิดความกลัว ต้องโอนเงินให้อีกหลายครั้ง รวมเป็นเงินกว่า 2 ล้านบาท ทั้งนี้ หลานสาวตนซึ่งรักเหมือนลูกจะมาขอเงินตนตลอด ตนสงสัยจึงถามจนรู้ความจริง และเข้าแจ้งความที่ สน.ทุ่งคร


ด้าน น.ส.มุธิดา เข็มอุทา อายุ 22 ปี ผู้เสียหายอีกราย เล่าว่า ผู้ต้องหาทำทีชักชวนให้ตนเองซื้อโทรศัพท์ไอโฟน 12 ในราคา 30,000 บาท พร้อมของแถมจำนวนมาก ซึ่งถูกกว่าราคาท้องตลาด ประกอบกับตนเองเห็นว่า ผู้ต้องหาเป็นแฟนของรุ่นพี่ที่สนิท จึงเชื่อใจสั่งซื้อไปจำนวน 1 เครื่อง แต่ผ่านมานานเป็นเดือน กลับยังไม่ได้โทรศัพท์ ตนเองจึงทวงถาม ผู้ต้องหาอ้างว่า เปิดบริษัทเกี่ยวกับเครื่องสำอาง ก่อนจะประสบปัญหาทางการเงิน ทำให้บัญชีธนาคารของตนนั้นถูกอายัด จึงขอร้องให้ตนช่วยโอนเงินมาที่บัญชีธนาคารของผู้ต้องหาอีกหลายสิบครั้ง เพื่อใช้เป็นเครดิตให้ธนาคารเชื่อว่าบัญชีมีความเคลื่อนไหว ตนเองอยากได้เงินที่จ่ายไปก่อนหน้าคืน จึงยอมโอนเงินให้ ประกอบกับมีคนอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารโทรศัพท์มาแจ้งยอดการโอนเงินทุกครั้ง นอกจากนี้ ผู้ต้องหายังข่มขู่ว่า หากไม่ยอมโอนเงินมาช่วย ตนจะถูกดำเนินคดีในข้อหาปลอมแปลงเอกสารและฉ้อโกงไปด้วย จึงยอมโอนเงินไปให้อีกหลายครั้ง ภายในระยะเวลากว่า 3 เดือน เบ็ดเสร็จมูลค่าความเสียหายร่วม 700,000 บาท

มีรายงานว่า หลังผู้เสียหายนำชื่อชายคนนี้ไปตรวจสอบในโลกออนไลน์ ก็พบประวัติเคยฉ้อโกงมาแล้วหลายคดี และพบมีผู้เสียหายปัจจุบันรวมกลุ่มแลกเปลี่ยนข้อมูลกันอยู่ ซึ่งจากการสอบถามในกลุ่มก็พบมีพฤติการณ์หลอกลวงในแบบอื่นๆ อีก เช่น หลอกขายสินค้าแบรนด์เนม แต่ไม่ส่งสินค้าให้ หลอกร่วมลงทุนทำธุรกิจร้านสะดวกซื้อ เหตุเกิดช่วงเดือนมีนาคม 2563 ถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ยังพบมีพฤติการณ์บ่ายเบี่ยง ข่มขู่จะทำร้ายร่างกายผู้เสียหายหรือญาติ หากนำเรื่องนี้ไปแจ้งความ หรือโพสต์ประจานลงโซเชียลมีเดีย

ส่วนเหตุที่ทำให้แต่ละคดีล่าช้าออกไป เพราะชายคนนี้พยายามคืนเงินบางส่วน เพื่อให้ผู้เสียหายมีความหวังว่าจะได้เงินที่เหลือกลับคืนมา และหากถูกอายัดเงินในบัญชี ก็จะใช้เรื่องนี้ไปกดดันผู้เสียหายว่า ไม่สามารถนำเงินมาคืนได้ เพราะเงินถูกอายัดอยู่ และหากอยากได้เงินคืน ต้องโอนเงินมาเพิ่ม เพื่อใช้เป็นเครดิตในบัญชีธนาคาร ทำให้เกิดความเสียหายไม่สิ้นสุด


มีรายงานอีกว่า ผู้ต้องหารายนี้มีชื่อเล่นว่า “เคนลี” เคยเข้าร่วมหาคู่รัก ในรายการ “เทคมีเอาท์ ไทยแลนด์” ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 เเละรายการ “รู้ไหมใครโสด” ทางช่อง one อีกด้วย. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตร.เร่งขยายผลปมอธิการบดี ม.ดัง ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น

สน.บางซื่อ 12 ก.ย. – อธิการบดีมหาวิทยาลัยชื่อดัง กลายเป็นเหยื่อมิจฉาชีพออนไลน์ ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น สูญเงินกว่า 38 ล้านบาท ตำรวจนครบาลเร่งสอบสวน อายัดเงินทันกว่า 3 ล้านบาท ขยายผลโยงบัญชีม้ากว่า 20 บัญชี จากกรณีอธิการบดีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ถูกเครือข่ายมิจฉาชีพหลอกลงทุน เสียหายกว่า 38 ล้านบาท พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 และ พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางมาร่วมสอบปากคำผู้เสียหายด้วยตัวเอง ที่สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ ช่วงเที่ยงที่ผ่านมา พล.ต.ต.พัลลภ เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าว พนักงานธนาคารได้ตรวจพบความผิดปกติการถอนเงินจากบัญชีผู้เสียหาย แล้วโอนเงินไปยังบัญชีอื่น 3 บัญชี ซึ่งเป็นบัญชีนิติบุคคล หรือบริษัท เป็นจำนวนเงินกว่า 1 ล้าน 9 แสนบาท จึงได้อายัดไว้ก่อนและติดต่อจากศูนย์ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบไปยังผู้เสียหาย ก่อนทราบว่าผู้เสียหายได้เอาเงินไปลงทุนเทรดหุ้น พร้อมให้ผู้เสียหายตรวจสอบว่า เงินที่โอนไปลงทุนนั้นสามารถถอนออกจากบัญชีในระบบบริษัทได้หรือไม่ ปรากฏว่าผู้เสียหายไม่สามารถถอนเงินได้ เจ้าหน้าที่จึงแน่ใจว่าถูกเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง […]

“เฉลิมชัย” ไขก๊อกหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว

พรรคประชาธิปัตย์ 12 ก.ย.-“เฉลิมชัย” ไขก๊อกจากหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว ด้าน “ชัยชนะ” ยันไม่มีขัดแย้ง ในพรรครักกันดี ไม่มีแพแตก นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ยื่นหนังสือลาออกจากหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ว่า ตนก็เพิ่งทราบข่าว โดยไม่ได้มีการบอกกล่าวล่วงหน้ามาก่อน แต่ยืนยันว่าในพรรคไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งอะไร รักกันดี ทุกคนแต่การตัดสินใจลาออกครั้งนี้เป็นอย่างไรต้องไปถามนายเฉลิมชัยเอง แต่ยืนยันว่า หัวหน้าพรรคกรรมการบริหารพรรค ทุกคนมีความรักใคร่กันดี และตนเชื่อว่านายเฉลิมชัยก็เป็นคนหนึ่งที่รักพรรคประชาธิปัตย์ และทำงานให้กับพรรคมาโดยตลอด ซึ่งตนก็รู้สึกเสียดายและใจหายซึ่งที่ผ่านมานายเฉลิมชัย ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณหรือบอกอะไร สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ จะดำเนินการอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า ก็ต้องดำเนินการตามข้อบังคับพรรคและตามกฎหมาย โดยต้องเรียกประชุมวิสามัญ เพื่อนเลือก หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคใหม่เมื่อถามว่าบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องทำหน้าที่กันต่อไป ส่วนกรรมการบริหารพรรคก็มาเลือกคัดสรรกันใหม่ และหลังจากนี้ต้องรอดูว่าใครจะเข้ามาบริหารพรรค และกำหนดนโยบายทิศทางพรรคอย่างไร แต่ตนก็เป็นสมาชิกพรรคคนหนึ่งที่ยังยืนหยัด อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อถามว่าการที่นายเฉลิมชัย ลาออกตอนนี้ เป็นสัญญาณอะไรหรือไม่เนื่องจาก มีไทม์ไลน์ จะยุบสภา ภายใน สี่ เดือน จะไปสังกัดพรรคอื่นหรือไม่ ได้ชัยชนะกล่าวว่าอย่ามองเช่นนั้น เพราะตนเชื่อว่านายเฉลิมชัย […]

“รมต.สุชาติ​” ตั้งสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน-​สีกา

ทำเนียบ 12 ก.ย.- “รมต.สุชาติ​” ตั้งคณะกรรมการสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน​-​สีกา​ หลังถูกร้องสะพัดว่อนโซเชียล​ คาด​ไม่เกิน​ 1 สัปดาห์รู้ผล​ ย้ำให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย นายสุชาติ​ ตันเจริญ​ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเปิดเผยว่า​ มีข้อร้องเรียน ถึงพฤติกรรมของเจ้าอาวาส วัดโสธรวรารามวรวิหาร เกี่ยวกับการประพฤติปฏิบัติไม่ถูกต้อง เข้าข่ายกระทำความผิดพระธรรมวินัย อีกทั้งยังมีข้อมูลเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ โดยการร้องเรียนเป็นเรื่องทรัพย์สินและเรื่องสีกา ซึ่งเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ เป็นเจ้าคณะจังหวัด และเป็นพระสังฆาธิการด้วย ดังนั้นจึงต้องให้ความเป็นธรรม ทั้งกับผู้ร้องและประชาชน รวมถึงตัวเจ้าอาวาสด้วย เพราะหากไม่เป็นความจริงจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ตนจึงได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นประธาน​ ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบหาข้อเท็จจริงให้ปรากฏ​ โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูง​ รวมถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ​ และให้ผู้ตรวจของสำนักนายกรัฐมนตรีเข้าไปเป็นคณะกรรมการด้วย เพราะไม่ทราบว่าในโลกออนไลน์พูดเพื่อความสนุกสนานหรือไม่ แต่ยอมรับว่าตนก็ได้ยินเรื่องนี้มานาน มีเค้าโครง​ ยืนยันว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และให้ผู้ร้องสบายใจ​ แต่หากเจ้าอาวาสทำผิดก็ต้องแบบว่าไปตามระเบียบกฎหมาย และต้องแจ้งให้สำนักงานพระพุทธศาสนาดำเนินการต่อไป เมื่อถามว่าวางกรอบระยะเวลาการตรวจสอบไว้เท่าใด นายสุชาติ​ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้วาง แต่คาดว่าไม่น่าจะเกิน 1 สัปดาห์ เพราะจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นพื้นที่ของตน ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้ และตนก็เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ประชาชนเลือกมาเป็นผู้แทน […]

นายกฯ โต้ข่าวเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา เชื่อปชช.เข้าใจ

เมืองทองธานี 12 ก.ย.- นายกฯ โต้ข่าว เปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา บอก ขอเป็นรัฐบาลอย่างเป็นทางการก่อน ชี้ ขั้นตอนยังมีอีกเยอะ เชื่อประชาชนเข้าใจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสความชัดเจนในการเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ทำไมข่าวออกไปอย่างนั้นก็ไม่รู้ ไปบิดเบือน เท่าที่ตนดู พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ก็ยังไม่ได้พูดอะไรชัดเจนขนาดนั้น ต้องคำนึงถึงประชาชนคนไทยเป็นหลักก่อนอยู่แล้ว เมื่อถามถึง กระแสการต่อต้านการเปิดด่าน นายกรัฐมนตรีระบุ ขอให้ตนเข้าไปรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้เรายังไม่สามารถให้นโยบายอะไรได้ และการกระทำต่างๆ ยังถือว่าอยู่ภายใต้รัฐบาลปัจจุบันอยู่ ยังไม่ใช่รัฐบาลของตน เมื่อถามต่อว่า ท่าทีของ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาค 2 และ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ที่คัดค้านการเปิดด่าน เพราะอาจจะเป็นการส่งเสริมบ่อนการพนันและสแกมเมอร์ นายอนุทิน กล่าวว่า เท่าที่ตนทราบไม่ได้อยู่ดี ๆ จะไปเปิดด่านได้เลย เพราะต้องมีการบรรลุข้อตกลงอะไรอีกเยอะแยะ เมื่อปฏิบัติ ซึ่งต้องรอคณะรัฐบาลของตนเข้าปฏิบัติที่อย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้ตนยังไม่สามารถไปสั่งการหรือให้นโยบายอะไรได้ เมื่อถามว่า […]

ข่าวแนะนำ

“เพื่อไทย” คว้าชัยเลือกตั้งซ่อม สส. เขต 7 เชียงราย

เชียงราย 14 ก.ย. – ผลคะแนนเลือกตั้ง สส.เชียงราย เขต 7 แทนตำแหน่งที่ว่าง (อย่างไม่เป็นทางการ) ณ เวลา 19.39 น. “สง่า พรมเมือง” พรรคเพื่อไทย คะแนนนำโด่งทิ้งคู่แข่ง “สุทัศน์ ยาละ” พรรคประชาชน กว่า 2 หมื่นคะแนน ขณะที่เพจเฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทย โพสต์ขอบคุณประชาชนเทคะแนนให้ “สง่า” คว้าชัย. – สำนักข่าวไทย

ดีอีเร่งปลดล็อกระงับบัญชีที่ไม่เกี่ยวกับบัญชีม้า

กรุงเทพฯ 14 ก.ย. – ดีอีเร่งปลดล็อกระงับบัญชีธนาคารชั่วคราวให้ประชาชนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบัญชีม้า แจงระงับจำนวนเงินเฉพาะที่โอนออกไปจากบัญชีต้องสงสัยเท่านั้น ไม่ได้ระงับทั้งบัญชี ยังคงทำธุรกรรมได้ปกติ ส่วนบัญชีม้าจะไม่ปลดล็อกเด็ดขาด พร้อมแจงการอายัดบัญชีทำได้เฉพาะกรณีที่มีหมายจากตำรวจเท่านั้น ศาสตราจารย์พิเศษ วิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เป็นประธานการประชุมการดำเนินมาตรการเพิกถอนการระงับบัญชีธนาคารชั่วคราวในบัญชีที่อาจมีความเกี่ยวข้องกับบัญชีม้าของมิจฉาชีพ ซึ่งเป็นผลมาจากการบังคับใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สมาคมธนาคารไทย สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ศาสตราจารย์พิเศษ วิศิษฏ์ เปิดเผยว่า ตามที่มีกรณีประชาชนได้รับผลกระทบจากการระงับบัญชีธนาคารชั่วคราว ซึ่งเป็นมาตรการในการตรวจสอบและปิดกั้นบัญชีม้าของมิจฉาชีพ เพื่อติดตามเส้นทางการเงิน และนำเงินจากการก่ออาชญากรรมออนไลน์ของมิจฉาชีพกลับคืนมาให้กับผู้เสียหาย เป็นกลไกตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 ตามมาตรา 6 และมาตรา 7 ซึ่งธนาคารมีหน้าที่ในการระงับการทำธุรกรรมทางการเงินเป็นการชั่วคราว โดยจะมีการระงับจำนวนเงินเฉพาะที่โอนออกไปจากบัญชีต้องสงสัยเท่านั้น ไม่ได้ระงับทั้งบัญชีแต่อย่างใด ซึ่งบัญชีธนาคารนั้นยังคงสามารถทำธุรกรรมได้อยู่ตามปกติ ในส่วนของการอายัดบัญชีเป็นกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการอายัดบัญชี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา โดยมีหมายอายัดเท่านั้น ทั้งนี้ […]

จนท.ห้ามล่าสัตว์ป่า หายตัวปริศนา 3 วัน หลังไปขายลอตเตอรี่

อุทัยธานี 14 ก.ย.- แม่เศร้าลูกชาย ซึ่งเป็น จนท.เขตห้ามล่าสัตว์ป่าห้วยทับเสลา หายตัวปริศนา 3 วัน หลังออกเวรไปเร่ขายลอตเตอรี่ แต่จนถึงขณะนี้ ยังติดต่อไม่ได้ นางจำรัส อายุ 57 ปี ชาวบ้านบึงเจริญ หมู่ 9 ตำบลระบำ อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี นำเบาะแส เป็นภาพจากกล้องวงจรปิด มอบให้สื่อมวลชน ช่วยเป็นกระบอกเสียง ในการตามหาลูกชาย คือนายเอกฉัตร อายุ 39 ปี ลูกจ้าง เจ้าหน้าที่ห้ามล่าสัตว์ป่าห้วยทับเสลา ต.ระบำ อำเภอลานสัก จ.อุทัยธานี หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยนาน 3 วัน โดยภาพวงจรปิดเมื่อวันที่ 7 กันยายน นายเอกฉัตรนำแผงลอตเตอรี่มาขาย ที่ร้านของชำของแม่ ก่อนจะขี่รถจักรยานยนต์ สีแดงออกไป กระทั่งล่าสุด วันที่ 11 กันยายน กล้องอีกจุดจับภาพนายเอกฉัตร ขี่รถจักรยานยนต์ สีเขียว ทะเบียน 1ขอ […]

ทลายแก๊งเงินกู้ดอกเบี้ยโหด ร้อยละ 600 ต่อปี

14 ก.ย.- ตำรวจสอบสวนกลาง ทลายแก๊งเงินกู้ดอกเบี้ยโหด ร้อยละ 600 ต่อปี พบเงินหมุนเวียนในระบบกว่า 30 ล้านบาท ตำรวจสอบสวนกลาง บุกจับนายณัฐพงษ์ อายุ 36 ปี นายวิเนตร อายุ 28 ปี และนายธีรวุฒิ อายุ 34 ปี ที่อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ข้อหาร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อโดยไม่ได้รับอนุญาต และเก็บดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด พร้อมของกลางหลายรายการ หลังมีพลเมืองดีแจ้งเบาะแสเครือข่ายเงินกู้นอกระบบเก็บดอกเบี้ยถึงร้อยละ 626.25 ต่อปี กลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจรายย่อย ที่ขาดสภาพคล่องทางการเงิน และไม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุนถูกกฎหมายได้ ผู้กู้ไม่ต้องใช้หลักฐานยืนยันตัวตนไม่ต้องใช้คนค้ำประกัน โอนเงินให้ผู้กู้ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้ง ไปบัญชีธนาคารของผู้กู้ โดยหักยอดเงินกู้เป็นดอกเบี้ยงวดแรก และงวดสุดท้ายไว้ก่อน หากผิดนัดชำระหนี้ ก็จะไประรานลูกหนี้อย่างไม่เกรงกลัวกฏหมาย. -สำนักข่าวไทย