กรมป่าไม้ สานต่อ 5 ภารกิจสู่ปีที่ 125 พ่วงจ้างงาน 3 หมื่นตำแหน่ง

18 ก.ย. – “กรมป่าไม้” จัดพิธีบวงสรวงรำลึกคุณความดีบรรพชนและวีรชนป่าไม้ เนื่องในโอกาสครบรอบวันสถาปนา 124 ปี 18 กันยายน 2563 ประกาศสานต่อ 5 ภารกิจ เพื่อก้าวสู่ปีที่ 125 เดินหน้าพัฒนาระบบปฏิบัติการ “พิทักษ์ไพร” ใช้เทคโนโลยีดาวเทียมไล่ต้อนแก๊งรุกป่า ส่งเสริมปลูกไม้มีค่า ขยายผลป่าชุมชน 15,000 แห่ง เร่งจัดสรรที่ดิน 5 ลุ่มน้ำ และเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้ประเทศ พร้อมขับเคลื่อนภารกิจด่วนช่วยคนไทยสู้ภัย “โควิด” ลุยจ้างงาน 30,000 อัตรา ทั่วประเทศ


วันที่ 18 กันยายน 2563 นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ข้าราชการ และพนักงานกรมป่าไม้ ได้ร่วมกันทำพิธีถวายเครื่องสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 5 และวางพวงมาลา ณ อนุสาวรีย์วีรชนป่าไม้ เพื่อรำลึกถึงคุณความดีของบรรพชนและวีรชนป่าไม้ เนื่องในโอกาสครบรอบ 124 ปี วันสถาปนากรมป่าไม้ ภายในงานมีพิธีมอบโล่รางวัล เกียรติบัตร หนังสือชมเชยแก่ผู้ช่วยเหลือราชการกรมป่าไม้ และรางวัลอื่น ๆ โดยมี นายธเนศพล ธนบุณยวัฒน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้เกียรติเป็นประธานในการมอบรางวัลในโอกาสนี้ นายธเนศพล ธนบุณยวัฒน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้กล่าวถึงแนวทางการดำเนินงานของกรมป่าไม้ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักของประเทศที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลรักษาทรัพยากรป่าไม้มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยได้พัฒนาและปรับปรุงแนวทาง

การดำเนินงานที่มุ่งเน้นการสร้างความสมดุลระหว่างการอนุรักษ์และพัฒนาให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศชาติด้วยการสร้างเครือข่าย และเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลรักษาป่าไม้ในท้องถิ่นมากขึ้น โดยใช้หลักนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ควบคู่กันไปในการปฏิบัติงาน โดยสร้างความเข้าใจให้กับพี่น้องประชาชนในการใช้ประโยชน์และดูแลรักษาทรัพยากรป่าไม้ ซึ่งการแก้ไขปัญหาดังกล่าวจำเป็นต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบให้ประชาชนได้รับความยุติธรรมด้วยกันทุกฝ่าย และเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายได้ร่วมกันพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน เพื่อมิให้ประชาชนเดือดร้อนและถูกเพิกถอนสิทธิในการอยู่อาศัยและการทำกินในพื้นที่เดิม นอกจากนี้ จะต้องไม่ส่งผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และอยู่ภายใต้มาตรการอนุรักษ์ดิน น้ำ และป่าไม้ ควบคู่กับการบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาดสำหรับนายทุนและกลุ่มชนที่มีการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้


นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลา 124 ปีที่ผ่านมา กรมป่าไม้ได้มุ่งมั่นปฏิบัติภารกิจการบริหารทรัพยากรป่าไม้ของชาติให้เกิดความสมดุลและยั่งยืน โดยปัจจุบันได้กำหนดวิสัยทัศน์การเป็นหน่วยงานที่มุ่งมั่นรักษาป่า ส่งเสริมไม้มีค่า ป่าชุมชน คนอยู่กับป่า เพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อความสุขของคนไทย โดยมีภารกิจ 5 ด้าน ที่เรามุ่งมั่นดำเนินการในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ประกอบด้วยการป้องกันและรักษาป่า โดย กรมป่าไม้ ร่วมกับ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA พัฒนาระบบปฏิบัติการพิทักษ์ไพร โดยนำเทคโนโลยีภาพถ่ายดาวเทียมความละเอียดสูง มาวิเคราะห์ความเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ป่า เพื่อตรวจจับการรุกป่าแบบเรียลไทม์ โดยหากพบความผิดปกติที่ป่าบริเวณใด ระบบจะส่งการแจ้งเตือนถึงกรมป่าไม้และส่งข้อมูลต่อไปยังแอปพลิเคชันในสมาร์ทโฟนของเจ้าหน้าที่ ซึ่งมีระบบนำทางเข้าไปตรวจสอบยังจุดต้องสงสัย โดยที่ผ่านมาระบบสามารถระบุพื้นที่ให้เจ้าหน้าที่เข้าทำการจับกุมการบุกรุกป่าได้ถึงกว่า 2,000 ไร่ “เทคโนโลยีที่เรานำมาใช้ มีความละเอียดมากจนสามารถตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ได้ในระดับ 1 ไร่ และยังสามารถมองเห็นในพื้นที่ลับตา เช่น บริเวณหลังเขา หรือ ในหุบ ทำให้การตรวจสอบจับกุมเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ในระยะหลังจะไม่ค่อยมีข่าวการบุกรุกพื้นที่ป่ารายใหญ่ เพราะเราป้องปรามได้ตั้งแต่ต้น จนสามารถตรึงพื้นที่ป่าไว้ที่ 32% ของเนื้อที่ประเทศ และมีแนวโน้มจะทำให้เพิ่มขึ้นได้”

อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวต่อว่า สำหรับภารกิจที่ 2 คือ การส่งเสริมไม้มีค่า โดยหลังจากการแก้ไข พ.ร.บ.ป่าไม้ เปิดทางให้ประชาชนสามารถปลูกไม้หายากและไม้มีค่าได้อย่างถูกกฎหมาย กรมป่าไม้ จึงได้ส่งเสริมการปลูกไม้มีค่าเพื่อเป็นป่าเศรษฐกิจ โดยจัดตั้ง สำนักเศรษฐกิจการป่าไม้ ดำเนินการให้ความรู้กับประชาชนเกี่ยวกับการปลูกไม้มีค่าบนที่ดินกรรมสิทธิ์และที่ดินที่ได้รับอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ เช่น ที่ดิน สปก. และ คทช.เพื่อนำไปสู่การค้า โดยมีการสนับสนุนทั้งด้านการจัดหากล้าไม้ การให้คำแนะนำด้านการปลูกป่าที่เหมาะสมกับพื้นที่ การดูแลรักษา และการเข้าร่วมโครงการขอรับการสนับสนุนจากรัฐ

ขณะเดียวกันยังได้ดำเนินการพัฒนาระบบการตรวจรับรองไม้ โดยเริ่มตั้งแต่การตัด การเคลื่อนย้าย และการแปรรูปให้ได้ตามมาตรฐานสากล เช่น อียู เฟล็กที ของสหภาพยุโรป เพื่อป้องกันไม้ผิดกฎหมายเข้ามาสู่ระบบ ซึ่งจะทำให้เกิดการยอมรับจากนานาชาติ และนำไปสู่การขยายตลาดการค้าไม้ระหว่างประเทศเพื่อรองรับแผนการส่งเสริมการปลูกไม้มีค่า โดยตั้งเป้าประเทศไทยจะมีป่าเศรษฐกิจ 15% ของพื้นที่ประเทศ


สำหรับภารกิจที่ 3 คือ เรื่องป่าชุมชน โดยในรอบปีที่ผ่านมา กรมป่าไม้ได้เร่งผลักดันการออกอนุบัญญัติหรือกฎหมายลูกภายใต้ พ.ร.บ.ป่าชุมชน พ.ศ.2562 เพื่อสร้างกลไกการขับเคลื่อนและดูแลป่าชุมชนในระดับต่าง ๆ เช่น คณะกรรมการระดับชุมชน คณะกรรมการระดับจังหวัด และคณะกรรมการระดับนโยบาย ซึ่งทั้งหมดได้ดำเนินการจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขณะเดียวกันก็มีการรับรองการจัดตั้งป่าชุมชนไปแล้ว 11,327 แห่ง ซึ่งใกล้จะบรรลุเป้าหมาย 15,000 แห่ง เนื้อที่ 10 ล้านไร่ทั่วประเทศแล้ว

ภารกิจต่อมา คือ การส่งเสริมคนอยู่กับป่า หรือการจัดสรรที่ดินทำกินให้กับราษฎรยากไร้ที่รุกเข้ามาทำกินในพื้นที่ป่าก่อนปี 2557 เป้าหมายรวม 12.5 ล้านไร่ ในพื้นที่ลุ่มน้ำ 1, 2, 3, 4 และ 5 ซึ่งปีที่ผ่านมามีการดำเนินการตรวจรับรองสิทธิให้กับประชาชนไปมากพอสมควร แต่ยังต้องเร่งดำเนินการให้ได้ตามโรดแมป โดยเฉพาะการจัดสรรที่ดินในส่วนของพื้นที่ลุ่มน้ำ 3, 4 และ 5 ให้ครบตามเป้าหมาย 1 ล้านไร่ ภายในปี 2564 ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการไปจนเสร็จสิ้นแล้วประมาณ 7 แสนไร่ เพื่อให้ชาวบ้านสามารถเข้าอยู่ในพื้นที่ได้อย่างถูกกฎหมาย รวมทั้งประสานกลไกช่วยเหลือในการพัฒนาอาชีพ ส่งเสริมการใช้ประโยชน์พื้นที่อย่างเหมาะสมมีการอนุรักษ์ดิน น้ำ และพื้นที่ป่าพร้อม ๆ กัน เพื่อให้คนอยู่กับป่าได้อย่างยั่งยืน

ส่วนภารกิจสุดท้าย คือ การเพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อความสุขของคนไทย โดยยุทธศาสตร์ชาติ 50 ปี กำหนดว่า ประเทศไทยต้องมีพื้นที่สีเขียวอย่างน้อย 55% ของพื้นที่ ซึ่งจะมีทั้งป่าธรรมชาติ ป่าเศรษฐกิจตามนโยบายการส่งเสริมปลูกไม้มีค่า และป่าในเมือง รวมถึงการปลูกต้นไม้ในชุมชนหรือที่สาธารณะ ที่ผ่านมา กรมป่าไม้ ได้ดำเนินการสนับสนุนด้วยการผลิตกล้าไม้แจกจ่ายให้ประชาชนและหน่วยงานต่าง ๆ นำไปปลูก โดยกรมป่าไม้ได้ผลิตกล้าไม้เพื่อแจกจ่ายแล้วจำนวน 60 ล้านกล้า และปีนี้ตั้งเป้าขยับขึ้นมาเป็น 79.9 ล้านกล้า พร้อมกับดำเนินโครงการรวมใจไทยปลูกต้นไม้เพื่อแผ่นดิน เทิดพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ 10 โดยรณรงค์ให้ประชาชนมารับต้นไม้ไปปลูกและลงทะเบียนเพื่อติดตามต้นกล้าแต่ละต้น ซึ่งปัจจุบันมีผู้มาลงทะเบียนแล้ว 20 ล้านกล้า จากเป้าหมาย 100 ล้านกล้า นอกจากนี้ กรมป่าไม้ยังได้ทำระบบรับรองกล้าไม้เอาไว้ด้วย เพื่อเป็นช่องทางให้ประชาชนหารายได้จากการเพาะกล้า และสร้างแรงจูงใจให้เกิดการปลูกต้นไม้อีกทางหนึ่ง

อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวต่อว่า นอกจากภารกิจหลักทั้ง 5 ด้านดังกล่าว ในรอบปีที่ผ่านมา กรมป่าไม้ยังได้เข้าไปมีส่วนช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยมีการจ้างงานให้ประชาชนเข้าไปช่วยงานป่าไม้ทั่วประเทศ 5,000 คน และในปี 2564 ยังได้รับการสนับสนุนงบประมาณภายใต้โครงการกู้เงินของรัฐบาล เพื่อนำมาจ้างงานในตำแหน่งต่าง ๆ เช่น จ้างงานฟื้นฟูป่าจ้างลาดตระเวน จ้างเพาะกล้าไม้ สร้างเรือนเพาะชำชุมชน และเป็นผู้ช่วยเจ้าหน้าที่ดำเนินการเรื่องการจัดที่ดินชุมชนและป่าชุมชน รวม 30,000 คน ในอัตราค่าจ้างเดือนละ 9,000 บาท เป็นเวลา 12 เดือน

“ภารกิจทั้ง 6 ด้านนี้ คือ สิ่งที่เราได้ลงมือทำตลอดปีที่ผ่านมา และเป็นเป้าหมายสำคัญที่จะต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องให้สำเร็จในช่วงของการก้าวย่างสู่ปีที่ 125 ของกรมป่าไม้ ทั้งเรื่องการรักษาป่าที่ต้องเข้มงวดต่อไป การส่งเสริมการปลูกไม้มีค่า การขยายผลป่าชุมชนให้ครบ 15,000 ชุมชน การจัดสรรที่ดินทำกินให้แล้วเสร็จในทุกพื้นที่ และการรณรงค์เพิ่มพื้นที่สีเขียว ทั้งหมดนี้ คือ ความท้าทายที่เราจะต้องทำให้บรรลุตามเป้าหมายให้เร็วที่สุด” .- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

กัมพูชา ทำหนังสือส่งถึงไทย ปฏิเสธวางกับระเบิดช่องบก

กัมพูชา 19 ก.ค.-กัมพูชาทำหนังสือส่งถึงไทย ปฏิเสธวางกับระเบิดช่องบก ลั่นยึดมั่นอนุสัญญาออตตาวา ประณามคัดค้าน การผลิต และแสดงความเสียใจผู้ได้รับผลกระทบ พร้อมผลักดันสู่กระบวนการพิสูจน์ เพื่อรักษามิตรภาพ ความปลอดภัย ไม่กล่าวหาซึ่งกัน เมื่อวันที่ 19 ก.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราชอาณาจักรกัมพูชา ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ได้ทำหนังสือ ถึงทางการไทย เรื่อง การปฏิเสธต่อการนําเสนอของสื่อมวลชนไทยจำนวนหนึ่ง กรณีทหารไทย 3 นาย ได้รับบาดเจ็บจากทุ่นระเบิดในพื้นที่มุมเบ็ย (ช่องบก) สำานักงานปฏิบัติการทุ่นระเบิคและช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากทุ่นระเบิดแห่งชาติกัมพูชา (สํานักงานทุ่นระเบิด) ขอแจ้งว่า เมื่อไม่นานมานี้ มีสื่อมวลชนไทยจํานวนหนึ่งได้อ้างอิงแหล่งข้อมูลจากข้าราชการระดับสูงของไทย และเผยแพร่เกี่ยวกับทหารไทย 3 นายได้รับบาดเจ็บจากระเบิด เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 บริเวณพิกัด WA 220861 (ยืนยันโดยฝ่ายไทย) อยู่ในพื้นที่มุมเบ็ย (ช่องบก) การเผยแพร่ดังกล่าว มีเจตนา กล่าวหาโดยไม่มีมูลความจริงและไม่มีการตรวจสอบที่ชัดเจนว่ากัมพูชาได้วางทุ่นระเบิดใหม่ ในการนี้สํานักงานทุ่นระเบิด ขอชี้แจงดังนี้ 1.สํานักงานทุ่นระเบิดขอปฏิเสธและปัดตกทั้งหมดต่อเนื้อหาข่าวที่เผยแพร่โดยมีเจตนากล่าวหาว่า กัมพูชาได้วางทุ่นระเบิดใหม่ 2.กัมพูชา […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมาก

กทม. 19 ก.ค.-กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก คลื่นลมทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศฉบับที่ 5 เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย คลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน (มีผลกระทบในช่วงวันที่ 19-24 กรกฎาคม 2568) ประเทศไทยจะมีฝนตกหนักหลายพื้นที่และมีฝนตกหนักมากบางแห่ง บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบน ประเทศลาวตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังค่อนข้างแรง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มจังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากฝนตกหนักถึงหนักมากมีดังนี้ วันที่ 19 กรกฎาคม 2568ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดหนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานีภาคกลาง: จังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี และสระบุรีภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ระยอง จันทบุรี และตราดภาคใต้: จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี […]

รวบแล้ว “เสือปุ่น” หัวหน้าแก๊งปล้นเงิน 3.4 ล้าน กลางห้างดัง

กรุงเทพฯ 18 ก.ค. – สืบนครบาลจับ “เสือปุ่น” หัวหน้าแก๊งปล้นเงิน 3.4 ล้าน กลางห้างดัง พร้อมสมุน หลังหนีซุกบ้านเช่าย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี เร่งล่าอีก 1 ยังหลบหนี กรณีคนร้าย 7 คน แก๊งเสือปุ่น ใช้อาวุธปืนและมีด ก่อเหตุปล้นเงินสด 3.4 ล้านบาท จากผู้มาซื้อคริปโตฯ เหตุเกิดที่ลานจอดรถชั้น 1 ห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง เมื่อคืนวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ความคืบหน้าล่าสุด พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบก.สส.บช.น.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น.) และตำรวจ บก.สส.บช.น. ร่วมกันจับกุม นายวรวัฒน์ หรือ เสือปุ่น อายุ 43 ปี […]

เดินหน้าเอาผิดหญิงกัมพูชาชี้หน้าด่าไล่ทหารไทย

18 ก.ค. – ปกติคดีทำร้ายร่างกายและจิตใจ ไม่ใช่คดีใหญ่ แต่เมื่อเป็นคู่กรณีไทย-กัมพูชา ในสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดน จึงกลายเป็นคดีระดับประเทศที่ผู้บังคับบัญชาให้ความสำคัญ และดำเนินการอย่างรัดกุม ทั้งคดีอดีตทหารพรานทำร้ายร่างกายทหารกัมพูชา และคดีหญิงกัมพูชา ชี้หน้าด่าไล่ทหารไทยบริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์.-สำนักข่าวไทย