กรมป่าไม้ สานต่อ 5 ภารกิจสู่ปีที่ 125 พ่วงจ้างงาน 3 หมื่นตำแหน่ง

18 ก.ย. – “กรมป่าไม้” จัดพิธีบวงสรวงรำลึกคุณความดีบรรพชนและวีรชนป่าไม้ เนื่องในโอกาสครบรอบวันสถาปนา 124 ปี 18 กันยายน 2563 ประกาศสานต่อ 5 ภารกิจ เพื่อก้าวสู่ปีที่ 125 เดินหน้าพัฒนาระบบปฏิบัติการ “พิทักษ์ไพร” ใช้เทคโนโลยีดาวเทียมไล่ต้อนแก๊งรุกป่า ส่งเสริมปลูกไม้มีค่า ขยายผลป่าชุมชน 15,000 แห่ง เร่งจัดสรรที่ดิน 5 ลุ่มน้ำ และเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้ประเทศ พร้อมขับเคลื่อนภารกิจด่วนช่วยคนไทยสู้ภัย “โควิด” ลุยจ้างงาน 30,000 อัตรา ทั่วประเทศ


วันที่ 18 กันยายน 2563 นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ข้าราชการ และพนักงานกรมป่าไม้ ได้ร่วมกันทำพิธีถวายเครื่องสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 5 และวางพวงมาลา ณ อนุสาวรีย์วีรชนป่าไม้ เพื่อรำลึกถึงคุณความดีของบรรพชนและวีรชนป่าไม้ เนื่องในโอกาสครบรอบ 124 ปี วันสถาปนากรมป่าไม้ ภายในงานมีพิธีมอบโล่รางวัล เกียรติบัตร หนังสือชมเชยแก่ผู้ช่วยเหลือราชการกรมป่าไม้ และรางวัลอื่น ๆ โดยมี นายธเนศพล ธนบุณยวัฒน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้เกียรติเป็นประธานในการมอบรางวัลในโอกาสนี้ นายธเนศพล ธนบุณยวัฒน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้กล่าวถึงแนวทางการดำเนินงานของกรมป่าไม้ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักของประเทศที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลรักษาทรัพยากรป่าไม้มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยได้พัฒนาและปรับปรุงแนวทาง

การดำเนินงานที่มุ่งเน้นการสร้างความสมดุลระหว่างการอนุรักษ์และพัฒนาให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศชาติด้วยการสร้างเครือข่าย และเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลรักษาป่าไม้ในท้องถิ่นมากขึ้น โดยใช้หลักนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ควบคู่กันไปในการปฏิบัติงาน โดยสร้างความเข้าใจให้กับพี่น้องประชาชนในการใช้ประโยชน์และดูแลรักษาทรัพยากรป่าไม้ ซึ่งการแก้ไขปัญหาดังกล่าวจำเป็นต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบให้ประชาชนได้รับความยุติธรรมด้วยกันทุกฝ่าย และเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายได้ร่วมกันพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน เพื่อมิให้ประชาชนเดือดร้อนและถูกเพิกถอนสิทธิในการอยู่อาศัยและการทำกินในพื้นที่เดิม นอกจากนี้ จะต้องไม่ส่งผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และอยู่ภายใต้มาตรการอนุรักษ์ดิน น้ำ และป่าไม้ ควบคู่กับการบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาดสำหรับนายทุนและกลุ่มชนที่มีการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้


นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลา 124 ปีที่ผ่านมา กรมป่าไม้ได้มุ่งมั่นปฏิบัติภารกิจการบริหารทรัพยากรป่าไม้ของชาติให้เกิดความสมดุลและยั่งยืน โดยปัจจุบันได้กำหนดวิสัยทัศน์การเป็นหน่วยงานที่มุ่งมั่นรักษาป่า ส่งเสริมไม้มีค่า ป่าชุมชน คนอยู่กับป่า เพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อความสุขของคนไทย โดยมีภารกิจ 5 ด้าน ที่เรามุ่งมั่นดำเนินการในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ประกอบด้วยการป้องกันและรักษาป่า โดย กรมป่าไม้ ร่วมกับ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA พัฒนาระบบปฏิบัติการพิทักษ์ไพร โดยนำเทคโนโลยีภาพถ่ายดาวเทียมความละเอียดสูง มาวิเคราะห์ความเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ป่า เพื่อตรวจจับการรุกป่าแบบเรียลไทม์ โดยหากพบความผิดปกติที่ป่าบริเวณใด ระบบจะส่งการแจ้งเตือนถึงกรมป่าไม้และส่งข้อมูลต่อไปยังแอปพลิเคชันในสมาร์ทโฟนของเจ้าหน้าที่ ซึ่งมีระบบนำทางเข้าไปตรวจสอบยังจุดต้องสงสัย โดยที่ผ่านมาระบบสามารถระบุพื้นที่ให้เจ้าหน้าที่เข้าทำการจับกุมการบุกรุกป่าได้ถึงกว่า 2,000 ไร่ “เทคโนโลยีที่เรานำมาใช้ มีความละเอียดมากจนสามารถตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ได้ในระดับ 1 ไร่ และยังสามารถมองเห็นในพื้นที่ลับตา เช่น บริเวณหลังเขา หรือ ในหุบ ทำให้การตรวจสอบจับกุมเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ในระยะหลังจะไม่ค่อยมีข่าวการบุกรุกพื้นที่ป่ารายใหญ่ เพราะเราป้องปรามได้ตั้งแต่ต้น จนสามารถตรึงพื้นที่ป่าไว้ที่ 32% ของเนื้อที่ประเทศ และมีแนวโน้มจะทำให้เพิ่มขึ้นได้”

อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวต่อว่า สำหรับภารกิจที่ 2 คือ การส่งเสริมไม้มีค่า โดยหลังจากการแก้ไข พ.ร.บ.ป่าไม้ เปิดทางให้ประชาชนสามารถปลูกไม้หายากและไม้มีค่าได้อย่างถูกกฎหมาย กรมป่าไม้ จึงได้ส่งเสริมการปลูกไม้มีค่าเพื่อเป็นป่าเศรษฐกิจ โดยจัดตั้ง สำนักเศรษฐกิจการป่าไม้ ดำเนินการให้ความรู้กับประชาชนเกี่ยวกับการปลูกไม้มีค่าบนที่ดินกรรมสิทธิ์และที่ดินที่ได้รับอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ เช่น ที่ดิน สปก. และ คทช.เพื่อนำไปสู่การค้า โดยมีการสนับสนุนทั้งด้านการจัดหากล้าไม้ การให้คำแนะนำด้านการปลูกป่าที่เหมาะสมกับพื้นที่ การดูแลรักษา และการเข้าร่วมโครงการขอรับการสนับสนุนจากรัฐ

ขณะเดียวกันยังได้ดำเนินการพัฒนาระบบการตรวจรับรองไม้ โดยเริ่มตั้งแต่การตัด การเคลื่อนย้าย และการแปรรูปให้ได้ตามมาตรฐานสากล เช่น อียู เฟล็กที ของสหภาพยุโรป เพื่อป้องกันไม้ผิดกฎหมายเข้ามาสู่ระบบ ซึ่งจะทำให้เกิดการยอมรับจากนานาชาติ และนำไปสู่การขยายตลาดการค้าไม้ระหว่างประเทศเพื่อรองรับแผนการส่งเสริมการปลูกไม้มีค่า โดยตั้งเป้าประเทศไทยจะมีป่าเศรษฐกิจ 15% ของพื้นที่ประเทศ


สำหรับภารกิจที่ 3 คือ เรื่องป่าชุมชน โดยในรอบปีที่ผ่านมา กรมป่าไม้ได้เร่งผลักดันการออกอนุบัญญัติหรือกฎหมายลูกภายใต้ พ.ร.บ.ป่าชุมชน พ.ศ.2562 เพื่อสร้างกลไกการขับเคลื่อนและดูแลป่าชุมชนในระดับต่าง ๆ เช่น คณะกรรมการระดับชุมชน คณะกรรมการระดับจังหวัด และคณะกรรมการระดับนโยบาย ซึ่งทั้งหมดได้ดำเนินการจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขณะเดียวกันก็มีการรับรองการจัดตั้งป่าชุมชนไปแล้ว 11,327 แห่ง ซึ่งใกล้จะบรรลุเป้าหมาย 15,000 แห่ง เนื้อที่ 10 ล้านไร่ทั่วประเทศแล้ว

ภารกิจต่อมา คือ การส่งเสริมคนอยู่กับป่า หรือการจัดสรรที่ดินทำกินให้กับราษฎรยากไร้ที่รุกเข้ามาทำกินในพื้นที่ป่าก่อนปี 2557 เป้าหมายรวม 12.5 ล้านไร่ ในพื้นที่ลุ่มน้ำ 1, 2, 3, 4 และ 5 ซึ่งปีที่ผ่านมามีการดำเนินการตรวจรับรองสิทธิให้กับประชาชนไปมากพอสมควร แต่ยังต้องเร่งดำเนินการให้ได้ตามโรดแมป โดยเฉพาะการจัดสรรที่ดินในส่วนของพื้นที่ลุ่มน้ำ 3, 4 และ 5 ให้ครบตามเป้าหมาย 1 ล้านไร่ ภายในปี 2564 ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการไปจนเสร็จสิ้นแล้วประมาณ 7 แสนไร่ เพื่อให้ชาวบ้านสามารถเข้าอยู่ในพื้นที่ได้อย่างถูกกฎหมาย รวมทั้งประสานกลไกช่วยเหลือในการพัฒนาอาชีพ ส่งเสริมการใช้ประโยชน์พื้นที่อย่างเหมาะสมมีการอนุรักษ์ดิน น้ำ และพื้นที่ป่าพร้อม ๆ กัน เพื่อให้คนอยู่กับป่าได้อย่างยั่งยืน

ส่วนภารกิจสุดท้าย คือ การเพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อความสุขของคนไทย โดยยุทธศาสตร์ชาติ 50 ปี กำหนดว่า ประเทศไทยต้องมีพื้นที่สีเขียวอย่างน้อย 55% ของพื้นที่ ซึ่งจะมีทั้งป่าธรรมชาติ ป่าเศรษฐกิจตามนโยบายการส่งเสริมปลูกไม้มีค่า และป่าในเมือง รวมถึงการปลูกต้นไม้ในชุมชนหรือที่สาธารณะ ที่ผ่านมา กรมป่าไม้ ได้ดำเนินการสนับสนุนด้วยการผลิตกล้าไม้แจกจ่ายให้ประชาชนและหน่วยงานต่าง ๆ นำไปปลูก โดยกรมป่าไม้ได้ผลิตกล้าไม้เพื่อแจกจ่ายแล้วจำนวน 60 ล้านกล้า และปีนี้ตั้งเป้าขยับขึ้นมาเป็น 79.9 ล้านกล้า พร้อมกับดำเนินโครงการรวมใจไทยปลูกต้นไม้เพื่อแผ่นดิน เทิดพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ 10 โดยรณรงค์ให้ประชาชนมารับต้นไม้ไปปลูกและลงทะเบียนเพื่อติดตามต้นกล้าแต่ละต้น ซึ่งปัจจุบันมีผู้มาลงทะเบียนแล้ว 20 ล้านกล้า จากเป้าหมาย 100 ล้านกล้า นอกจากนี้ กรมป่าไม้ยังได้ทำระบบรับรองกล้าไม้เอาไว้ด้วย เพื่อเป็นช่องทางให้ประชาชนหารายได้จากการเพาะกล้า และสร้างแรงจูงใจให้เกิดการปลูกต้นไม้อีกทางหนึ่ง

อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวต่อว่า นอกจากภารกิจหลักทั้ง 5 ด้านดังกล่าว ในรอบปีที่ผ่านมา กรมป่าไม้ยังได้เข้าไปมีส่วนช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยมีการจ้างงานให้ประชาชนเข้าไปช่วยงานป่าไม้ทั่วประเทศ 5,000 คน และในปี 2564 ยังได้รับการสนับสนุนงบประมาณภายใต้โครงการกู้เงินของรัฐบาล เพื่อนำมาจ้างงานในตำแหน่งต่าง ๆ เช่น จ้างงานฟื้นฟูป่าจ้างลาดตระเวน จ้างเพาะกล้าไม้ สร้างเรือนเพาะชำชุมชน และเป็นผู้ช่วยเจ้าหน้าที่ดำเนินการเรื่องการจัดที่ดินชุมชนและป่าชุมชน รวม 30,000 คน ในอัตราค่าจ้างเดือนละ 9,000 บาท เป็นเวลา 12 เดือน

“ภารกิจทั้ง 6 ด้านนี้ คือ สิ่งที่เราได้ลงมือทำตลอดปีที่ผ่านมา และเป็นเป้าหมายสำคัญที่จะต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องให้สำเร็จในช่วงของการก้าวย่างสู่ปีที่ 125 ของกรมป่าไม้ ทั้งเรื่องการรักษาป่าที่ต้องเข้มงวดต่อไป การส่งเสริมการปลูกไม้มีค่า การขยายผลป่าชุมชนให้ครบ 15,000 ชุมชน การจัดสรรที่ดินทำกินให้แล้วเสร็จในทุกพื้นที่ และการรณรงค์เพิ่มพื้นที่สีเขียว ทั้งหมดนี้ คือ ความท้าทายที่เราจะต้องทำให้บรรลุตามเป้าหมายให้เร็วที่สุด” .- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! โจรบุกเดี่ยวชิงทอง 163 บาท กลางห้างย่านบางบ่อ

สมุทรปราการ 20 ส.ค. – หนีไม่รอด รวบโจรสวมชุดไรเดอร์ บุกเดี่ยวชิงทองกลางห้างดัง จ.สมุทรปราการ กวาดทอง 163 บาท พบของกลางบางส่วนซุกตู้ลำโพงในบ้าน จากกรณีคนร้ายแต่งตัวคล้ายไรเดอร์ สวมหมวกกันน็อกเต็มใบ สะพายกระเป๋าข้าง บุกเข้าไปในร้านทอง พร้อมใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงาน ก่อนกระโดดข้ามตู้หน้าร้าน กวาดสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนักรวม 163 บาท เป็นทองคำรูปพรรณประเภทสร้อยข้อมือ หนัก 5 บาท ประมาณ 5 เส้น น้ำหนัก 25 บาท, น้ำหนัก 3 บาท ประมาณ 30 เส้น น้ำหนักรวม 90 บาท, หนัก 2 บาท ประมาณ 24 เส้น น้ำหนักรวม 48 บาท (รวมสร้อยข้อมือ 79 เส้น) ก่อนวิ่งขึ้นรถ จยย.ที่จอดอยู่ด้านหน้า […]

หลักฐานชัด! ทหารกัมพูชาลอบวางทุ่น PMN-2 ภูมะเขือ

19 ส.ค.- กองทัพเรือพบหลักฐานสำคัญ ยืนยันทหารกัมพูชาลักลอบใช้ทุ่นระเบิด PMN-2 บริเวณภูมะเขือ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 ชุดเก็บกู้กวาดล้างที่ 1 หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมกองทัพเรือ (นปท.ทร.) ซึ่งสนับสนุนการปฏิบัติงานเก็บกู้และกวาดล้างทุ่นระเบิดในพื้นที่ภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ ร้อย ร.132 พัน.13 (ฐานเหนือเมฆ) ตรวจพบโทรศัพท์มือถือของทหารกัมพูชาที่ทิ้งไว้ในพื้นที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบภายในเครื่อง พบคลิปวิดีโอและภาพถ่ายที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ทหารกัมพูชากำลังถือทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 พร้อมทั้งมีการบันทึกเสียงเป็นภาษาเขมร คาดว่าเป็นการสาธิตวิธีการใช้งาน ก่อนนำไปลักลอบฝังในพื้นที่ชายแดนไทย หลักฐานจากโทรศัพท์ยังระบุวันเวลาที่ถ่ายภาพและวิดีโอไว้อย่างชัดเจน จึงนับเป็นพยานหลักฐานสำคัญที่ยืนยันพฤติกรรมการละเมิดข้อตกลง และการใช้ทุ่นระเบิด ซึ่งขัดต่ออนุสัญญาระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ นปท.ทร. ได้แสดงถึงความรอบคอบและไหวพริบในการตรวจสอบหลักฐานทันที ก่อนส่งมอบให้หน่วยกองทัพบกในพื้นที่ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป. – สำนักข่าวไทย

“ทศพล” รุดมอบมาลัย “ภูมิธรรม” หลัง ครม.ชงนั่งผู้ว่าฯ เชียงใหม่

กองบินตำรวจ 20 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เตรียมแถลงจับยาเสพติดลอตใหญ่ “ทศพล” รุดมอบมาลัย หลัง ครม.ชงนั่งผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 8.00 น. ที่กองบินตำรวจ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เดินทางมาขึ้นเครื่อง เพื่อไปแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดล็อตใหญ่ ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พลตํารวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร อธิบดีกรมการปกครอง นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ เลขานุการ รมว.มหาดไทย ร่วมเดินทางด้วย ทั้งนี้เมื่อนายภูมิธรรมเดินทางมาถึง นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการ กระทรวงมหาดไทย ที่ ครม. มีมติเมื่อ 19 ส.ค. แต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้นำพวงมาลัยมามอบให้นายภูมิธรรมและปลัดกระทรวงมหาดไทย และร่วมเดินทางกับคณะด้วย โดยมีสีหน้ายิ้มแย้ม อย่างไรก็ตามก่อนเดินทางเลขาธิการ ป.ป.ส. ได้รายงานสถานการณ์ยาเสพติดให้นายภูมิธรรมรับทราบ.-319.-สำนักข่าวไทย

มท.ชง ครม.แต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กลอต 25 ตำแหน่ง

กทม.19ส.ค.-มท.ชง ครม.แต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กลอต 25 ตำแหน่ง ผู้ว่าฯ หนองบัวลำพู ผงาดขึ้นอธิบดี พช. โยก “สยาม” นั่งพ่อเมืองปากน้ำ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำแหน่งบริหารระดับสูงให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 25 ตำแหน่ง อาทิ นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นผู้ว่าฯ สมุทรปราการ นายจุมพฎ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าฯ บึงกาฬ เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าฯ ตาก เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสุรศักดิ์ อักษรกุล ผู้ว่าฯ หนองบัวลำภู เป็นอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร เป็นผู้ว่าฯ ชลบุรี นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

ศาลยกฟ้อง “ทักษิณ” คดี ม.112 – พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

กทม. 22 ส.ค.-ศาลชั้นต้นยกฟ้อง “ทักษิณ” คดี ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เจ้าตัวยิ้มและกล่าวคำพูดแรกขอบคุณทีมทนายความ ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษายกฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในความผิดมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เนื่องจากศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานฝ่ายโจทก์ เห็นว่าคลิปเสียงที่โจทก์นำมาเป็นหลักฐานไม่มีการพิสูจน์ว่าเป็นคลิปที่มีการตัดต่อหรือไม่ และศาลเชื่อว่าบทสัมภาษณ์น่าจะมากกว่าความยาวของคลิปดังกล่าว จึงพิพากษายกฟ้อง หลังฟังคำพิพากษา นายทักษิณ ยิ้มและกล่าวคำพูดแรกขอบคุณทีมทนายความ หลังจากนี้จะได้ทำงานเพื่อประเทศชาติอย่างเต็มที่.-สำนักข่าวไทย

“ทักษิณ” ผูกเนกไทเหลือง มาฟังคำตัดสินคดี ม.112

กทม. 22 ส.ค.-“ทักษิณ” มาก่อนเวลา สวมสูท-ผูกเนกไทเหลือง มาฟังคำตัดสินคดี ม.112 ก่อนสวมกอด “พินทองทา” และโบกมือทักทายสื่อฯ-มวลชนเสื้อแดง ก่อนขึ้นห้องพิจารณาที่ 902 ด้านตำรวจ สน.พหลฯ จัดกำลังดูแลความเรียบร้อยตามความเหมาะสม ต่อมาเวลา 09.20 น. นางสาวพินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนกลางนายทักษิณชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาถึงศาลอาญารัชดา โดยจอดรถบริเวณด้านข้างอาคารศาลอาญา จากนั้นในเวลาไล่เลี่ยกันนายทักษิณ เดินทางมาถึงศาลอาญาด้วยรถยนต์ส่วนตัว โดยมาด้วยชุดสูทสีกรมท่า เสื้อเชิ้ตสีขาวผูกเนกไทสีเหลือง ก่อนจะสวมกอดกับลูกสาว และเดินเข้าไปบริเวณด้านในอาคารศาลอาญารัชดาทันทีเพื่อเข้าสู่ห้องพิจารณาคดีที่ 902 ในเวลา 10.00 น. ตามที่ศาลนัดพิพากษาตัดสินคดีวันนี้ ขณะที่มาตรการรักษาความปลอดภัย พันตำรวจเอกมารุต สุดหนองบัว ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน ให้ข้อมูลว่า ในวันนี้เจ้าหน้าที่ศาลอาญาได้ประสานขอกำลังสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน ให้เข้ามาช่วย ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย ซึ่งตำรวจสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน ทั้งในและนอกเครื่องแบบได้เข้ามาช่วยดูแลรักษาความปลอดภัยภายในพื้นที่โดยมีการวางกำลังเสริมกับตำรวจศาลและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของศาลตามความเหมาะสม โดยก่อนหน้านี้ทางกลุ่มแกนนำมวลชนเสื้อแดงได้มีการประสานกับฝ่ายสืบสวนว่าจะเข้ามาจัดกิจกรรมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ให้กำลังใจ และจับภาพรวมการข่าวก็ยังไม่พบอะไรที่น่าเป็นกังวล ขณะเดียวกันพบมีมวลชนจำนวนหนึ่งเดินทางมาปักหลักที่บริเวณลานจอดรถของศาลอาญาพร้อมใจกันสวมใส่เสื้อสีแดง และสกรีนข้อความให้กำลังใจพร้อมรูปของนายทักษิณ เป็นการให้กำลังใจเดินทางมาให้กำลังใจนายทักษิณเดินทางมาจากในพื้นที่กรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ซึ่งตำรวจศาลและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของศาลอาญาได้มีการกันพื้นที่ เพื่อให้กลุ่มมวลชนอยู่ พื้นที่ที่จัดเตรียมไว้ให้เพื่อไม่ให้กระทบกับประชาชน และเจ้าหน้าที่ที่เดินทางมาที่ศาลอาญา.-420.-สำนักข่าวไทย

ฝ่ายกัมพูชามาถึงแล้ว ร่วมประชุม RBC ชุดใหญ่ที่สระแก้ว

สระแก้ว 22 ส.ค.-การประชุม RBC ระดับกองเลขาฯ ไทย-กัมพูชา รอข้ามคืน ฝ่ายกัมพูชาส่งข้อเสนอให้ผู้บังคับบัญชาตรวจ ก่อนเปิดโต๊ะเจรจา ‘ตี1’ เสร็จ ‘ตี2’ นำเข้า RBC วงใหญ่ 10 โมงเช้าวันนี้ ซึ่งฝ่ายกัมพูชามาถึงแล้วตามกำหนด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (RBC) ในระดับกองเลขานุการ ที่สโมสรนายทหาร มณฑลทหารบกที่ 19 ซึ่งเดิมกำหนดในเวลา 14.00 น. วันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา มาถึงเวลา 18.00 น. กองทัพภาคที่ 1 และกองทัพบก ชี้แจงว่า การประชุมยังดำเนินการอยู่ ผ่านทางโทรศัพท์และอีเมล ซึ่งฝ่ายกัมพูชาต้องให้ผู้บังคับบัญชาของตัวเองพิจารณา ก่อนขึ้นโต๊ะเจรจากับฝ่ายไทย จนถึงเวลาประมาณ 00.05 ของวันที่ 22ส.ค. พลโท ซอ กึมปะ รองผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 5 ประธานคณะทำงาน และคณะของฝ่ายกัมพูชา เดินทางมาถึง สโมสร […]

ประชุม RBC ระดับเลขาฯ ไม่ยกเลิก หลังมีข่าวส่อแววล่ม

สระแก้ว 21 ส.ค.- ไม่ล่ม! การประชุม RBC ระดับเลขานุการ ยังไม่ยกเลิก กระบวนการหารือยังคงดำเนินต่อไป แม้ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวส่อล่ม เนื่องจากฝ่ายกัมพูชายังไม่เดินทางมาเข้าร่วม ภายหลังการประชุม คณะกรรมการร่วมชายแดนในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ถูกเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 27 สิงหาคม 2568 หลายฝ่ายจับตาไปที่การประชุมของกองทัพภาคที่ 1 ซึ่งจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (22 ส.ค.) แต่ปรากฏว่าวันนี้ เมื่อถึงเวลาประชุม RBC ระดับเลขานุการ ทางฝ่ายกัมพูชายังไม่ได้เดินทางมา บรรยากาศที่สโมสรนายทหาร มณฑลทหารบกที่ 19 จ.สระแก้ว การประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย – กัมพูชา (RBC) สมัยวิสามัญ ซึ่งตามกำหนดในเวลา 14.00 น. จะมีการประชุม กองทัพภาคที่ 1 นำโดย พลตรี สุรวิชญ์ แดงจันทร์ เสนาธิการกองทัพภาคที่ 1 เป็นประธานคณะทำงาน ฝ่ายไทย ขณะกัมพูชา นำโดย พลโท ซอ […]