สน.ลาดพร้าว 29 พ.ย. – “พล.ต.ต.นพศิลป์” รอง ผบช.น. แถลงผลทลายแก๊งอ้างตัวเป็นตำรวจ ปล้นทรัพย์ชาวต่างชาติ โดยจับกุมคนร้ายได้ในพื้นที่พระนครศรีอยุธยา 2 คน เหลืออีก 1 ที่ยังหลบหนี
พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธนันท์ธร รัตนสิทธิภาคย์ ผบก.น.4 พ.ต.ท.ธรรศพงศ์ พัฒนกิตติสกุล รรท. ผกก.สน.ลาดพร้าว และตำรวจ บก.สส.บก.น.4 และตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ลาดพร้าว จับกุม 3 ผู้ต้องหาแอบอ้างเป็นตำรวจปล้นทรัพย์นักท่องเที่ยวต่างชาติ ประกอบด้วย 1.นายกิตติชัย หรือ กุ่ย/โน้ต ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 5782/2567 ในข้อหา “ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีหรือใช้อาวุธปืน โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม และแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงานโดยตนเองมิได้เป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจกระทำการนั้น” โดยจับกุมได้ที่โรมแรมแห่งหนึ่ง ใน อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา และนายพงษ์พัฒน์ หรือ ฟี่ หมายจับศาลอาญา 5783/2567 ในข้อหาเดียวกัน ส่วนอีก 1 ราย ที่ยังหลบหนี คือ นายฐิติพงษ์ หรือ ปาล์ม หมายจับศาลอาญา 5781/2567
พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายนที่ผ่านมา มีผู้เสียหายชาวต่างชาติ 2 คน ซึ่งได้เดินทางมาจากประเทศเวียดนาม เพื่อจะท่องเที่ยวในประเทศไทย และได้นัดเจอกับเพื่อนชาวไทยเพื่อให้พานำเที่ยวในประเทศไทย โดยนัดหมายที่ร้านนิมมาน ถนนคลองลำเจียก ซอยคลองลำเจียก 31 แขวงนวมินทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ เพื่อมารอรับรถ ระหว่างที่นั่งรอเพื่อนชาวไทยได้มีคนร้ายไม่ทราบชื่อ จำนวน 3 คน ขับรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า ยาริส สีขาว แต่งกายคล้ายตำรวจ สวมเสื้อเกราะ เสื้อคลุม และห้อยบัตรเจ้าพนักงาน อีกทั้งยังพกพาวิทยุสื่อสารและอาวุธปืน เข้ามาอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อมาทำการตรวจค้น โดยอ้างว่ารถยนต์ดังกล่าวเป็นรถยนต์ที่ถูกใช้ในการขนส่งยาเสพติดจำนวนหลายครั้ง และเจ้าหน้าที่ได้ติดตามเฝ้าดูมาโดยตลอด และจะขอตรวจค้นรถยนต์คันดังกล่าว
ทั้งนี้เนื่องจากผู้เสียหายทั้ง 2 เป็นชาวเวียดนาม ไม่สามารถฟังและเข้าใจภาษาไทยได้ โดยสื่อสารผ่านทาง “กูเกิ้ลทรานสเลท” ด้วยความกลัวของผู้เสียหาย ซึ่งไม่เคยมีประวัติการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด จึงยินยอมให้คนร้ายทั้ง 3 ทำการตรวจค้น คนร้ายทั้ง 3 ขอตรวจสอบพาสปอร์ตและได้ตรวจค้นกระเป๋าสะพาย ซึ่งภายในมีเงินสด 120,000 บาท และกุญแจรถยนต์
จากนั้นนายกิตติชัย หรือ กุ่ย ซึ่งเป็น 1 ในคนร้าย ทำการยึดกระเป๋าของผู้เสียหาย และเดินออกจากห้องไป โดยให้คนร้าย 2 คน ที่เหลือ เฝ้าจับตาดูผู้เสียหาย อีกทั้งยังมีการนำอาวุธปืนลูกโม่มาถือไว้ในมือ ผู้เสียหายทั้ง 2 จึงไม่กล้าขัดขืน จนกระทั่งนายกิตติชัย นำกุญแจรถยนต์จากกระเป๋าของผู้เสียหายไปไขรถยนต์ คันดังกล่าว และขับขี่หลบหนีไปทันทีโดยใช้เส้นทาง ถ.เกษตร-นวมินทร์ จากนั้นคนร้าย 2 คน ที่คุมตัวผู้เสียหายไว้ ได้เดินออกจากห้องที่เกิดเหตุ คนร้ายข่มขู่ผู้เสียหายด้วยว่าเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างปฎิบัติหน้าที่เกี่ยวกับยาเสพติดหากขัดขืนเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการใช้กำลัง
พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวว่า หลังจากก่อเหตุเสร็จคนร้ายทั้ง 2 ได้เดินออกไปและขึ้นรถยนต์โตโยต้า ของคนร้ายหลบหนีไป ตาม ถ.เกษตร-นวมินทร์ จนกระทั่งผู้เสียหายรอเป็นเวลานาน จึงออกจากห้องมาดู พบว่ารถยนต์และเงินสดจำนวน 120,000 บาท ถูกคนร้ายนำไปแล้ว เมื่อเพื่อนชาวไทยของผู้เสียหายมาถึง และทราบเรื่องที่เกิดขึ้น จึงพามาแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.ลาดพร้าว โดย ฝ่ายสืบสวน สน.ลาดพร้าว ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณโดยรอบจุดเกิดเหตุ จนได้ตำหนิรูปพรรณของคนร้าย 3 คน ที่ร่วมกันก่อเหตุปล้นทรัพย์สินชาวเวียดนาม และตรวจสอบเส้นทางการหลบหนีของคนร้ายมาโดยตลอด
ตำรวจได้ติดตามหาข้อมูลจนกระทั่งได้พยานหลักฐานพอสมควรที่จะออกหมายจับ จึงยื่นคำร้องต่อศาลอาญาขอออกหมายจับ และสามารถสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้ 1 ราย อีก 2 รายหลบหนี และจะเร่งรัดจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายจนครบทุกราย
จากการสอบสวนนายกิตติชัย ให้การว่า วันเกิดเหตุ นายฐิติพงษ์ และนายพงษ์พัฒน์ ได้ชวนตัวเองไปยังร้านนิมมาน เพื่อตั้งใจไปปล้นทรัพย์ชาวเวียดนาม ซึ่งเห็นว่ากำลังขาดแคลนเงิน และผู้เสียหายเป็นชาวต่างชาติ ไม่น่ามาแจ้งความต่อตำรวจ หลังก่อเหตุได้เงินส่วนแบ่ง จำนวน 40,000 บาท ส่วนรถยนต์ของผู้เสียหาย นำไปส่งให้นายใหญ่ ที่ตลาดย่านสายไหม จากนั้นได้แยกย้ายกันหลบหนี จนกระทั่งถูกจับกุมในที่สุด
สำหรับกรณีดังกล่าวส่งผลให้ภาพลักษณ์ของประเทศเสียหายอย่างมากและส่งผลกระทบกับนักท่องเที่ยวโดยตรง ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าคนร้ายกลุ่มนี้ไม่ใช่ตำรวจแต่เป็นเพียงพลเรือนที่มีการแอบอ้างเท่านั้น ขอให้นักท่องเที่ยวเชื่อมั่นในความปลอดภัยและประเทศไทยพร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยวในทุกๆ ชาติ ซึ่งทางตำรวจได้มีมาตราการในการป้องกันดูแลนักท่องเที่ยว โดยมีการบูรณาการร่วมกันหลายหน่วยงาน อาทิ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจนครบาล เพื่อดูแลความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวที่เข้ามายังประเทศไทย.-419- สำนักข่าวไทย