8 ต.ค. – ปคบ. ยึดรถหรู “แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์” เพิ่ม รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ยึดได้ 120 ล้านบาท เตรียมเปิดตู้เซฟหานาฬิกาหรู
พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ บก.ปคบ. นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านพัก 2 จุด และบริษัทของ น.ส.กรกนก หรือแม่ตั๊ก อายุ 37 ปี และนายกานต์พล หรือป๋าเบียร์ อายุ 34 ปี อีก 1 จุด ยึดของกลางเป็นรถยนต์หรู 4 คัน รถกระบะ 2 คัน และรถจักรยานยนต์อีก 5 คัน รวม 11 คัน เมื่อรวมกับที่เคยตรวจยึดรถหรูก่อนหน้านี้ไว้ 5 คัน ทำให้ขณะนี้ถือว่ายึดทรัพย์รถหรูครบทั้งหมดตามที่ปรากฎในโซเชียลมีเดียของแม่ตั๊ก รวมมูลค่ากว่า 120 ล้านบาท ทั้งนี้ รถบางคันที่ปรากฏในสื่อโซเชียลอาจดูเหมือนมีหลายคัน แต่ความจริงแล้วพบว่าเป็นการนำรถคันเดิมมาติดสติกเกอร์เปลี่ยนสี ซึ่งอยู่ระหว่างขยายผลสอบปากคำเจ้าของอู่ที่รับติดสติกเกอร์ดังกล่าว
ทางด้านบ้าน 9 หลังและโฉนดที่ดินอีก 16 แปลง ด้านตำรวจประสาน ป.ป.ง. ตรวจสอบและอายัดทรัพย์สินต่อไป แต่ในส่วนของพูลวิลลาที่พัทยานั้น พบว่ามีหลักฐานการจองซื้อ 2 หลัง แต่เนื่องจากพูลวิลลาดังกล่าวยังไม่เสร็จ จึงยังไม่มีการโอนมาเป็นชื่อแม่ตั๊กกับป๋าเบียร์ สำหรับเงินสด ตำรวจอายัดเงินในบัญชีธนาคารของบริษัทที่ทั้ง 2 คน เป็นกรรมการกว่า 24 ล้านบาท และส่วนของทรัพย์สินอื่นๆ เช่น กระเป๋าแบรนด์เนม นาฬิกาหรู และเครื่องประดับ อยู่ระหว่างการตรวจสอบเส้นทางการซื้อขาย โดยเบื้องต้นพบข้อมูลเกี่ยวกับนาฬิกา 6 จาก 8 เรือน รวมมูลค่า 28.7 ล้านบาท ที่นำไปล้างทำความสะอาด ว่าซื้อมาจากร้านใดแล้ว
นอกจากนี้ ตำรวจจะดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง โดยพนักงานสอบสวนออกหมายเรียก “เจ๊นุช บางเตย”, “เมียหรั่ง” และ “ซ้อขวัญ” เข้าให้ปากคำในวันที่ 10 และ 11 ตุลาคมนี้ ขณะเดียวกัน “กระเป๋า” เพื่อนสมัยเรียนแม่ตั๊ก จะยังไม่ออกหมายเรียก ส่วนกลุ่มดาราและอินฟลูเอ็นเซอร์ที่ร่วมไลฟ์ ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ารู้เห็นกระทำความผิดด้วยหรือไม่ ยืนยันจะให้ความเป็นธรรม ทั้งนี้ สำนวนมีความคืบหน้าไปแล้วกว่าครึ่ง โดยจะเร่งสรุปสำนวนส่งฟ้องภายในกำหนดฝากขังแม่ตั๊กและป๋าเบียร์ วันที่ 2 พฤศจิกายนนี้
อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้เสียหายซื้อทอง “แม่ตั๊ก” เข้าทวงถามความคืบหน้ากับตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครอง ถึงกระบวนการทำคดีและตรวจสอบเส้นทางการเงิน เส้นทางทรัพย์สินของแม่ตั๊ก รวมทั้งบุคคลที่อยู่เบื้องหลัง ที่อาจเข้ามาแทรกแซงคดีดังกล่าว ทำให้ผู้เสียหายไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงได้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดมาส่งมอบให้ตำรวจในวันนี้
ด้านพันตำรวจโทปริญญา ปาละ รองผู้กำกับการ (สอบสวน) กองกำกับการ 1 บก.ปคบ. ชี้แจงว่า ตั้งคณะทำงานขึ้นมาเก็บรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ มีการสอบสวนพยานในทุกมิติ และจะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จ เพื่อสรุปสำนวนส่งฟ้องผู้ต้องหาภายในวันที่ 2 พฤศจิกายนนี้อย่างแน่นอน ซึ่งหากไม่เป็นไปตามขั้นตอน พนักงานสอบสวนก็จะมีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 ทั้งนี้หากประชาชนมีหลักฐานเพิ่มเติมก็สามารถนำมามอบให้ตำรวจได้ และหากผู้เสียหายคนใดไม่มาแจ้งความภายในกรอบระยะเวลาดังกล่าว และมาแจ้งความภายหลัง ตำรวจก็สามารถตั้งเป็นคดีใหม่ได้ ขอให้ผู้เสียหายไม่ต้องกังวล.-สำนักข่าวไทย