“แพทองธาร” ยกคติ “ทำวันนี้ให้ดีที่สุด” โต้ “ทักษิณ” ไม่เคยสั่งล้มดิจิทัลวอลเล็ต

อาคารวอยซ์ สเปซ 18 ส.ค.- “แพทองธาร” เปิดใจหลังนั่งนายกฯ ไม่มีใครอยากซ้ำรอยพ่อ-อา ยกคติ “ทำวันนี้ให้ดีที่สุด” โต้ “ทักษิณ” ไม่เคยสั่งล้มดิจิทัลวอลเล็ต แต่ต้องรับฟังความเห็นเพิ่ม ยืนยันไม่มีการครอบงำรัฐบาล หวังให้ช่วยงานโดยไม่ผิดกฎหมาย ลั่นไม่เคยได้ยินปมตัดนามสกุล “วงษ์สุวรรณ” พ้น ครม.


ภายหลังแถลงข่าว นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดให้สื่อมวลชนถามตอบถึงนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตจะยังเป็นนโยบายเรือธงของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ เพราะมีกระแสข่าวว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สั่งให้ล้มโครงการดังกล่าว นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า นายทักษิณไม่ได้สั่งให้ล้ม เพราะจริงๆ แล้วนโยบายอะไรก็ตามเราต้องปรึกษากับพรรคร่วมรัฐบาลด้วย และคงปฏิเสธไม่ได้ว่านายทักษิณคงไม่สามารถลบภาพทางการเมืองออกได้ เพราะเป็นคนที่หลายคนในที่นี้ให้ความเคารพนับถือ ซึ่งเมื่อมีคนขอคำปรึกษาท่านก็พร้อมให้คำปรึกษาตามประสบการณ์ที่มี ย้ำว่าการตั้งใจทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต คือการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของประเทศ แน่นอนว่าปีที่แล้วที่เราหาเสียงเลือกตั้งโดยใช้โครงการดิจิทัลวอลเล็ตนั้นเป็นโครงการที่เราศึกษาและสังเคราะห์นโยบายมาเป็นอย่างดีแล้ว แต่ในช่วงเวลา 1 ปีที่ผ่านมา มีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมาย สภาพเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงไป เราจะต้องศึกษาและรับฟังความคิดเห็น แน่นอนว่าต้องอยู่ในกรอบพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วินัยการเงินการคลัง ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องทำต่อไปและรายละเอียดต้องมีความชัดเจน รวมถึงต้องรับฟังความคิดเห็นอย่างต่อเนื่อง ฉะนั้นความตั้งใจนี้ยังต้องอยู่แน่นอน

เมื่อถามต่อว่านายทักษิณในฐานะคุณพ่อได้ให้คำแนะนำอย่างไรบ้าง หลังจากนี้จะมีส่วนเข้ามาช่วยงานทางการเมืองอย่างไรบ้าง เพราะมีกระแสเรื่องของการครอบงำ นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า ย้ำว่าไม่ใช่การครอบงำแน่นอน เพราะตนและทุกคนในครอบครัวมีความคิดเป็นของตัวเอง เราปรึกษาและให้เกียรติกันทางความคิด แต่สุดท้ายเมื่อใครอยู่บทบาทไหนก็ต้องมีความคิดเป็นของตนเอง แน่นอนว่าความคิดเห็นของครอบครัวหรือคนที่เคารพนับถือย่อมมีส่วนสำคัญ ซึ่งในเรื่องของตำแหน่งยังไม่ได้คิดไว้ เพราะจริงๆ แล้วนายทักษิณไม่ได้อยากมีตำแหน่งอะไร และคิดว่าบางครั้งกฎหมายหรืออะไรก็ตาม เราก็ต้องดูความอ่อนไหวในตรงนี้ด้วยว่าเราจะสามารถใช้วิสัยทัศน์ของท่านได้ โดยที่ไม่โดนอะไรก็น่าจะดีเหมือนกัน เพราะวิสัยทัศน์ของท่านก็เป็นสิ่งที่พัฒนาประเทศมาแล้ว และเป็นสิ่งที่ทำให้คนไทยอ้าปากได้ ฉะนั้นคงห้ามไม่ได้กับสิ่งที่ตนต้องขอคำแนะนำจากท่าน


เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่ระบุว่านายทักษิณบอกว่าจะไม่ให้คนนามสกุล “วงษ์สุวรรณ” อยู่ร่วมในคณะรัฐมนตรี (ครม.) นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า ยังเร็วไป และยังไม่ได้คุยกับพรรคร่วมรัฐบาล ยังไม่ทราบว่าจะมีนามสกุลใด และไม่มีนามสกุลใด แต่ด้วยความสัจจริงตนไม่เคยได้ยินประโยคนี้จากนายทักษิณ

เมื่อถามอีกว่ามีการปรามาสว่าการได้รับตำแหน่งดังกล่าวมาจากนายทักษิณ และตัวเองไม่มีประสบการณ์อะไรมาก่อน นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า ปัญหาประเทศต้องถูกแก้ไขก่อน วันนี้ตนในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรีพร้อมจะทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุด พร้อมเข้าหาทุกภาคส่วน เข้าหาทุกคน ไม่ว่าจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีหลายคน เพราะเชื่อว่าทุกคนที่มีความสามารถ ทั้งนี้ ตนเชื่อว่าไม่มีงานใหญ่เช่นนี้ที่ไหนที่คนหนึ่งคนจะทำสำเร็จ แต่ตนมีความตั้งใจ มีความเคารพ มีความเชื่อในความสามารถของทุกคน ฉะนั้นแม้จะไม่สามารถสร้างประสบการณ์ได้เพียงการดีดนิ้วครั้งเดียว แต่จะต้องขอคำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์ทั้งหมด เพื่อทำให้การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครั้งนี้มีความหมายและผลักดันนโยบายเพื่อประเทศชาติให้มากที่สุด

เมื่อถามว่ากลัวจะโดนคดีแบบเดียวกับคุณพ่อหรือคุณอาหรือไม่ นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า ไม่มีใครอยากโดนกับคุณพ่อและคุณอา ซึ่งคุณพ่อและคุณอาไม่อยากให้เป็นแบบนี้ ฉะนั้นตนมีความตั้งใจที่จะได้ทำหน้าที่ที่ตนได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด ถูกต้องที่สุด และเราจึงต้องมองไปที่เป้าหมาย เพราะหากมองเรื่องความกังวลก็จะไม่ไปถึงเป้าหมาย ทั้งนี้ ตนจะทำให้ดีที่สุดเพื่อไม่ให้โดนคดี


เมื่อถามว่ามองอย่างไรกับกรณีที่นายทักษิณพ้นโทษช่วงเดียวกับที่ตัวเองได้รับตำแหน่ง นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า เป็นเกียรติสูงสุดที่คุณพ่อได้รับการอภัยโทษ ไม่ว่าจะวันไหนก็ตาม ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนและครอบครัวสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้

จากนั้นผู้สื่อข่าวต่างประเทศได้ถามต่อถึงการทำงานในฐานะนายกรัฐมนตรี นางสาวแพรทองธาร ยืนยันว่าจะสานต่อนโยบายที่นายเศรษฐา และรัฐบาลเก่าเคยได้เดินหน้าไว้ รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นให้กับต่างประเทศ ส่วนการปรึกษานายทักษิณ จะมีตามปรึกษาตามสิ่งที่เคยมีประสบการณ์และความรู้ความสามารถที่นายทักษิณมี

เมื่อถามว่าจะใช้คติอะไรในการทำหน้าที่ นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า “คติง่ายๆ คือทำวันนี้ให้ดีที่สุด”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการแถลงเปิดใจและตอบคำถามสื่อมวลชนเสร็จสิ้น นางสาวแพทองธารได้เดินเข้าไปยกมือไหว้นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมทั้งยกมือขวากำหมัดชนกัน เพื่อเป็นการให้กำลังใจซึ่งกันและกัน

จากนั้นผู้สื่อข่าวถามนายเศรษฐาว่าเป็นการบอกว่าต้องซ้อมหมัดไว้เยอะๆ ใช่หรือไม่ นายเศรษฐาไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว แต่หัวเราะพร้อมยกมือปฏิเสธ ก่อนที่นายกฯ จะเดินไปขอบคุณบรรดารัฐมนตรี พรรคร่วมรัฐบาล และ สส.พรรคเพื่อไทย ที่มายืนให้กำลังขณะแถลงข่าว

อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่าในพิธีรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งนางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และช่วงแถลงข่าวเปิดใจ ไม่พบ พล.ต.อ.พัชรวาท มาร่วมในวันนี้ด้วย

จากนั้นเวลา 11.50 น. นายกรัฐมนตรีเดินทางกลับ โดยระบุว่าจะไปหาเพื่อน และยังไม่มีกำหนดการทางการอื่น ขอให้มีการตั้ง ครม. ก่อน

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะสามารถเซต ครม. ได้เมื่อไร ภายในสัปดาห์นี้จะแล้วเสร็จหรือไม่ นายกรัฐมนตรีไม่ตอบ แต่ระบุว่าไม่สัมภาษณ์แล้ว พร้อมชวนสื่อมวลชนมาถ่ายรูปเซลฟี่ ขณะที่ประชาชนที่มารอแสดงความยินดีก็ขอถ่ายรูปร่วม

ก่อนเดินทางกลับนายกรัฐมนตรีได้หันมาสอบถามว่าคณะทำงานว่าเป็นนายกฯ แล้วยังสามารถเดินทางไปเรียน หลักสูตรมินิ วปอ. ได้หรือไม่ ทีมงานและผู้สื่อข่าวจึงยืนยันว่ายังสามารถเดินทางไปเรียนได้ตามปกติ

จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เดินทางกลับออกจากอาคารวอยซ์ สเปซ ระหว่างทางได้ถ่ายรูปเซลฟี่กับผู้ให้การสนับสนุน รวมทั้งรับช่อดอกไม้แสดงความยินดี โดยเมื่อผู้สื่อข่าวจะปฏิบัติหน้าที่ที่ไหน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่ายังไม่แน่ใจ เดี๋ยวจะแจ้งให้ทราบอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง

ทั้งนี้ ทางคณะทำงานนายกรัฐมนตรีชี้แจงว่าในวันพรุ่งนี้ (19 ส.ค.) นายกรัฐมนตรีจะมีการประชุมย่อยวงเล็ก ที่อาคารชินวัตร 3 และจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหากมีอะไรที่เป็นทางการ.-312-สำนักข่าวไทย

อนุทิน, แพทองธาร, ครม., ตระกูลวงษ์สุวรรณ,

อาคารวอยซ์ สเปซ 18 ส.ค. – “อนุทิน” ดีใจ “อุ๊งอิ๊ง” นั่งนายกฯ บอกให้กำลังใจตลอดตั้งแต่ยังไม่ได้ตำแหน่ง ร้องหลังถูกถามตระกูลวงษ์สุวรรณ โดนปรับพ้น ครม. ลั่นเป็นอำนาจนายกฯ ไม่ก้าวล่วงโดยเด็ดขาด

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังพิธีรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ว่าดีใจ ความต่อเนื่องจะได้ดำเนินต่อไป ไม่มีการหยุดชะงัก ตนเองให้กำลังใจท่านตลอดเวลาตั้งแต่ยังไม่ได้เป็นนายกฯ เคยเรียนกับท่านว่าเมื่อถึงเวลาก็ต้องทำงานหนัก

ส่วนเรื่องการปรับ ครม. ถือว่าเป็นรัฐบาลใหม่แล้ว นายกฯ ต้องเป็นผู้พิจารณาความเหมาะสมให้บุคคลดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเพื่อบริหารประเทศ โดยโควตารัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย ส่วนตัวไม่ชอบใช้คำนี้ เพราะเป็นการทำงานด้วยกันในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล หวังว่าทุกอย่างจะดำเนินต่อไปด้วยความราบรื่นและมีประสิทธิภาพ เราต้องสานงานต่อ เพราะสภาพพรรคร่วมรัฐบาลยังดำรงอยู่ แต่ละพรรคมีนโยบายและการทำงานที่ต้องต่อเนื่อง นายกฯ จะมีนโยบายเพิ่มเติมสั่งข้อราชการอะไรใหม่ เราก็พร้อมรับไปปฏิบัติ

เมื่อถามว่าการันตีพรรคภูมิใจไทยได้คุมกระทรวงมหาดไทยเหมือนเดิมใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มีอะไรมาการันตี เราเป็นพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากนี้ ส่วนการตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เป็นอำนาจของนายกฯ แต่เพียงผู้เดียว ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลเราตอบอะไรไม่ได้

ส่วนกระแสข่าวที่จะดึงพรรคประชาธิปัตย์มาร่วมรัฐบาลจะทำให้โควตารัฐมนตรีเปลี่ยนแปลงหรือไม่นั้น ต้องถามพรรคเพื่อไทย เราเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ทราบว่าพรรคแกนนำรัฐบาลไปหารือกับพรรคอื่นๆ หรือไม่

ผู้สื่อข่าวถามว่าเห็นว่า ครม. ของนางสาวแพทองธารจะปรับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ออก นายอนุทินร้อง “อู้” ก่อนจะกล่าวว่า เรื่องการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี เป็นอำนาจโดยเต็มของนายกฯ เราไปก้าวล่วงไม่ได้โดยเด็ดขาด ส่วนการแถลงนโยบายต่อรัฐสภานั้น พรรคภูมิใจไทยจะประชุมพรรควันอังคารนี้ คงจะเอาคณะกรรมการบริหารพรรค เช่น นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และนายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการสัมภาษณ์ นายอนุทินบ่นว่า “โอเคนะ ร้อนเดี๋ยวหน้าไหม้” จากนั้นได้เข้าไปทักทายนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ด้วย.-312-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณอีสาน-ตะวันออก-ใต้ฝั่งตะวันตก

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคอีสาน ภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณ จ.จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดจันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาว เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาว และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง […]

“ภูมิธรรม” นำจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568

สนามหลวง 12 ส.ค.- “ภูมิธรรม” และภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 เวลา 20.05 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นางอภิญญา เวชยชัย ภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 โดยมีประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกาและคู่สมรส ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญพร้อมคู่สมรส คณะรัฐมนตรีและคู่สมรส เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ พลเรือน และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง เมื่อรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และภริยา ถึงบริเวณพิธีท้องสนามหลวง ขึ้นสู่เวที รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกา […]

จากแม่ถึงลูกทหารบาดเจ็บ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

ขอนแก่น 12 ส.ค. – ครอบครัวตระกูลบุญธรรมในอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ที่ลูกชายทหารเกณฑ์บาดเจ็บจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา แม้สื่อสารกันน้อย แต่ความรักของแม่ลูก ไม่ได้ลดน้อยลง และพร้อมสนับสนุนลูกชายสู่เส้นทางทหารอาชีพตามความตั้งใจ หลังไปเป็นรั้วของชาติ แล้วเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ลั่นพร้อมใช้สิทธิปกป้องกำลังพล-ปรับแผนลาดตระเวน

12 ส.ค.- “แม่ทัพภาค2” ชี้เขมรแอบลอบวางทุ่นระเบิด ละเมิดเงื่อนไขหยุดยิง หวังยั่วยุ พร้อมใช้สิทธิปกป้องคุ้มครองกำลังพล เป็นเรื่องหน้างานไม่เกี่ยวเจรจา เชื่อเขมรไม่ยอมรับตามเงื่อนไขที่ไทยเสนอ เล็งใช้กล้องวงจรปิด ปรับแผนการลาดตระเวน เผยรายงานรัฐบาล-ผบ.ทบ.แล้ว จ่อประท้วงระดับสากล เมื่อวันที่ 12 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่ทหารพราน ร้อย.ทพ.2610 เหยียบกับระเบิดระหว่างปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน ในพื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บสูญเสียขาซ้าย 1 นาย คือ ส.อ.ธีรพล เพียขันที ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว ซึ่งเหตุเกิดในจุดแนววางรั้วลวดหนามทางด้านทิศตะวันตก ถ้าหันหน้าเข้าเขมรจะอยู่ฝั่งขวาของตัวปราสาท และห่างจากตัวปราสาทประมาณ 1 กิโลเมตร เรียกว่าช่องจุ๊บตาโมก สันนิษฐานว่าเขมรลักลอบมาวางระกับเบิดช่วงที่ถอนกำลังทหารออกไป ซึ่งวันนี้ทหารไปตรวจสอบแนววางลวดหนาม บริเวณดังกล่าวอยู่ในเขตแดนไทย เป็นเส้นทางที่ใช้ลาดตระเวนประจำอยู่ในฝั่งไทยอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นการยั่วยุ ผิดเงื่อนไขการหยุดยิง เพราะการวางทุ่นระเบิด ถือเป็นการยิงเหมือนกัน เราจะมีมาตรการตอบโต้ และรายงานให้รัฐบาลรับทราบตามขั้นตอนแล้ว หลังจากนี้จะนำไปสู่ขั้นตอนการประท้วงในระดับสากล พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ […]