“ปวีณา” ช่วย 2 หญิงไทยถูกบังคับค้าประเวณีที่เมียนมา

17 ก.พ. – “ปวีณา” ช่วย 2 หญิงไทยถูกจีนเทาหลอกบังคับค้าประเวณีที่เมืองเมียวดี กักขังบังคับเซ็นกู้เงิน เตือนภัย หญิงไทยอย่าหลงเชื่อไปทำงานโดยไม่ตรวจสอบก่อน


วันที่ 17 ก.พ.67 เวลา 13.00 น. ที่มูลนิธิปวีณา ปทุมธานี : “ปวีณา” ช่วย 2 หญิงไทยถูกจีนเทาบังคับค้าประเวณีที่เมืองเมียวดี โดยนางปวีณา เดินทางไปรับทั้ง 2 คน ที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ได้ประสานหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ จ.ตาก ช่วย 2 สาวออกจากขุมนรกได้ ขอบคุณทุกหน่วยงานที่ให้การช่วยเหลือ วันนี้เดินทางถึงมูลนิธิฯ เพื่อให้ข้อมูลรายละเอียด เตรียมแจ้งความ ปคม. ขยายผลเข้าข่ายค้ามนุษย์หรือไม่ พร้อมตรวจร่างกาย รพ.ตำรวจ เพื่อพื้นฟูร่างกายและจิตใจ “ปวีณา” เตือนภัย หญิงไทยอย่าหลงเชื่อไปทำงานโดยไม่ตรวจสอบก่อน จะถูกหลอกบังคับค้าประเวณี กักขังบังคับเซ็นกู้เงิน สุดท้ายต้องใช้หนี้โดยค้าประเวณี ถูกทำร้ายเงินก็ไม่ได้ เหมือนตกนรกทั้งเป็น

สืบเนื่องจากวันที่ 12 ก.พ.67 น.ส.เอ และน.ส.บี อายุ 28 ปีเท่ากัน (ทั้งสองนามสมมุติ) สองสาวเพื่อนสนิท ร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือมาทางเพจเฟซบุ๊ก มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี แจ้งว่า ทั้งสองคนถูกบังคับค้าประเวณีอยู่ที่สถานบันเทิง KTV เมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา ถูกข่มขู่ทำร้าย และกำลังจะถูกขายต่อไปร้านอื่น ขอความช่วยเหลือให้ได้กลับบ้านที่ไทยด้วย หลังรับเรื่อง นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ได้โทรศัพท์ไปพูดคุยกับหญิงสาวทั้งสองคน โดย น.ส.เอ และ น.ส.บี ได้ส่งโลเคชั่นมาให้ ก่อนจะประสานหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ จ.ตาก ให้ความช่วยเหลือสองสาวออกมาได้คืนวันที่ 15 ก.พ.67 และนางปวีณา ได้เดินทางไปรับด้วยตัวเองที่ชายแดน อ.แม่สอด จ.ตาก ก่อนจะให้อยู่ในความดูแลมูลนิธิปวีณาฯ เพื่อช่วยเหลือพาแจ้งความ ปคม. เพื่อขยายผลเข้าข่ายค้ามนุษย์หรือไม่ พร้อมตรวจร่างกายที่รพ.ตำรวจ


น.ส.เอ เล่าว่า ตนเป็นคนภาคอีสาน ก่อนหน้านี้ตนทำงานเป็นเซลล์ขายรถยนต์อยู่ที่กรุงเทพฯ ช่วงเดือน พ.ย.66 ได้ไปเที่ยวกับเพื่อนที่ อ.แม่สอด จ.ตาก และได้พบกับชาวจีนคนหนึ่งบอกว่า ตนเองเปิดสถานบันเทิงที่จ.ตาก และชักชวนให้ไปทำงานพี่อาร์ด้วย โดยจะมีรายได้เดือนละ 3-4 หมื่น รวมค่าทิปแขก ค่าดื่มแล้ว จะได้เดือนละ 1-2 แสนบาท หลังจากวันนั้นตนก็กลับมาทำงานที่กรุงเทพฯ แต่ก็ยังมีการติดต่อพูดคุยกับคนจีนดังกล่าวอยู่ตลอด ช่วงปลายเดือน ธ.ค.66 ตนจึงตัดสินใจลาออกจากงานก่อนเดินทางไปคนเดียวที่แม่สอดหวังจะทำงาน คนจีนดังกล่าวให้ตนนั่งรถไปลงที่ บขส. แม่สอด จ.ตาก จากนั้นให้คนมารับเดินทางโดยรถยนต์อีก 3 ทอด ก่อนจะไปนั่งเรือข้ามฟาก ซึ่งตนไม่รู้ว่าฝั่งตรงข้ามนั้นเป็นพื้นที่ของประเทศเมียนมา

เมื่อเดินทางไปถึงที่ร้านจึงรู้ว่าเป็นฝั่งประเทศเมียนมาเพราะเห็นการแต่งตัวของผู้คนและมีคนถือปืนตามจุดต่างๆ ภายหลังจึงรู้ว่าเป็นฝั่งเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา บอสคนจีนเป็นผู้หญิงให้ทำงานพีอาร์เอนเตอร์เทนลูกค้า แต่ไม่เคยเจอหน้าหนุ่มคนจีนที่แนะนำ ที่นั่นไม่มีการบังคับค้าประเวณี ช่วง 10 วันแรกได้เงินถึง 3-4 หมื่นบาท ตนเห็นว่ารายได้ดีจึงได้ชักชวนน.ส.บี เพื่อนสนิทมาทำงานด้วยวันที่ 10 ม.ค.67 ช่วงที่น.ส.บีไปถึง บอสคนจีนได้คัดเกรดหญิงสาว และบังคับให้ตนกับ น.ส.บี ค้าประเวณี แต่ตนกับ น.ส.บี ไม่ยอมทำจึงถูกขายต่อไปร้านที่ 2 ในวันที่ 13 ม.ค.67 บอสเจ้าของร้านเป็นผู้ชายชาวจีนให้ตนกับ น.ส.บี เซ็นสัญญาเป็นหนี้รวมกัน 260,000 บาท และบังคับให้ค้าประเวณีใช้หนี้ ข่มขู่จะทำร้าย ตนกับ น.ส.บี กลัวมากจึงต้องยอมทำ แต่ทำไปก็ไม่เคยได้เงินและยอดหนี้ก็ไปไม่ลด ต้องทนทุกข์ทรมานสุดจะทนจึงขอความช่วยเหลือมายังมูลนิธิปวีณาฯ ทางเพจเฟซบุ๊ก เมื่อวันที่ 12 ก.พ.67

ด้านน.ส.บี เล่าว่า ตนเป็นพนักงานขับรถบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เป็นเพื่อนกับน.ส.เอ มา 4-5 ปีแล้ว น.ส.เอ บอกว่าไปทำงานเป็นพีอาร์รายได้ดี เป็นช่วงที่ตนกำลังอยากจะเปลี่ยนงานเพราะรายได้ไม่เพียงพอจึงตัดสินใจเดินทางไปทำงานด้วย ไปถึงไม่กี่วันก็ถูกบังคับให้ค้าประเวณีและถูกขายต่อพร้อมกับน.ส.เอ ทางบอสชายคนจีนบังคับให้ค้าประเวณีเพราะเป็นหนี้กันรวมกัน 260,000 บาท ถ้าไม่ทำจะถูกทำร้าย จึงต้องยอมรับลูกค้าทั้งที่ไม่อยากทำ ตนเจอลูกค้าซาดิสม์ ทำร้าย ตบตีช้ำไปทั้งตัวก็ต้องทน ทางร้านไม่ช่วย ถ้าลูกค้าไม่พอใจไม่จ่ายเงิน ทางร้านก็จะมาต่อว่าดุด่าและให้เป็นหนี้เพิ่ม และบอสคนจีนบอกจะขายตนกับ น.ส.เอ ให้กับร้านอื่นต่อในวันที่ 11 ก.พ.67 ตนจึงอ้างกับบอสคนจีนว่าทางญาติกำลังจะหาเงินมาไถ่ตัววันที่ 15 ก.พ.67 เพื่อยื้อเวลา ก่อนตัดสินใจร่วมกับ น.ส.เอ ขอความช่วยเหลือมายังมูลนิธิปวีณาฯ ทางเพจเฟซบุ๊ก โดยนางปวีณา ได้คุยโทรศัพท์กับตนและน.ส.เอ ตนจึงให้รายละเอียดพร้อมทั้งแจ้งพิกัดที่อยู่ให้ทราบ


นางปวีณา กล่าวว่า หลังรับเรื่องได้ประสานหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่จ.ตาก เพื่อให้การช่วยเหลือ น.ส.เอ และ น.ส.บี ทันที ซึ่งการช่วยเหลือไม่ใช่เรื่องง่ายและอาจจะช่วยไม่ได้ทุกคน จากนี้จะพาทั้งสองคนเข้าแจ้งความกับ ปคม. สอบสวนขยายผล พร้อมพาไปตรวจร่างกาย รพ.ตำรวจ เพื่อพื้นฟูร่างกายและจิตใจ

ทั้งนี้อยากฝากเตือนสาวไทยที่คิดอยากจะทำงานสบายรายได้ดีให้พึงระวัง อย่าหลงเชื่อใครง่ายๆ เพราะงานสบายรายได้ดีไม่มีจริง อย่าหลงเชื่อ ใครที่คิดจะข้ามชายแดนไปทำงานไม่ว่าจะเป็น ด้านตรงข้าม จ.ตาก จ.เชียงราย จ.เชียงใหม่ อาจถูกหลอกบังคับค้าประเวณี กักขังบังคับเซ็นกู้เงิน สุดท้ายต้องใช้หนี้โดยค้าประเวณี ถูกทำร้ายเงินก็ไม่ได้ เหมือนตกนรกทั้งเป็น และเนื่องจากทางเมียนมามีสถาณการณ์การสู้รบเกิดขึ้นในเมืองยิ่งทำให้เป็นอุปสรรคในการช่วยเหลือ และตอนนี้ยากหลายเท่ามาก บางทีก็อาจจะไม่สามารถช่วยเหลือกลับมาได้เลย

ในวันที่ 16 ก.พ.67 หลังจากการเดินทางไปช่วยเหลือ 2 สาวไทย นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ พร้อมด้วยคณะ ได้เดินทางมาพบปะประสานงานกับกองกำลังนเรศวร ซึ่งรับผิดชอบในการรักษาความสงบเรียบร้อย และป้องกันอธิปไตย ในพื้นที่ ชายแดน ไทย -เมียนมา ด้านจ.ตาก และ จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อขอรับทราบสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดน และ หารือแนวทางป้องกัน และการช่วยเหลือ คนไทยที่ถูกล่อลวงไปทำงานในสถานบันเทิง บริเวณแนวชายแดน ด้านตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตาก โดยมี พ.อ.ไมตรี ชูปรีชา รองผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวร และคณะ ให้การต้อนรับ ในโอกาสนี้ ทางมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้กล่าวชื่นชมและให้กำลังใจ กับ เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ชายแดน และพร้อมจะร่วมมือกับทุกหน่วยงาน ช่วยกันป้องกันไม่ให้ คนไทยถูกล่อลวงไปทำงานผิดกฎหมายในลักษณะดังกล่าวอีก .-414-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์

PEA ตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา 5 จุด

เริ่มแล้ว การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) รับนโยบาย สมช.สั่งตัดไฟฟ้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในฝั่งเมียนมา 5 จุด เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้

บุกจับกำนันหญิงแหนบทองคำ ฉ้อโกง 41 ล้าน

ตำรวจพิษณุโลกเปิดปฏิบัติการ “หักขาไก่” นำ 10 หมายจับ รวบตัว “กำนันหญิงแหนบทองคำ” ประธานกองทุนหมู่บ้าน กับคณะกรรมการกองทุนฯ ร่วมฉ้อโกงประชาชน หลังชาวบ้าน 140 ราย แจ้งความ มูลค่าความเสียหาย 41 ล้านบาท

ชาวเมียวดีหวั่นถูกตัดไฟฟ้า เตรียมเทียนไข-ไฟโซลาร์เซลล์

ชาวบ้านเมียวดี ฝั่งเมียนมา ตรงข้ามชายแดนแม่สอด จ.ตาก หวั่นไทยตัดไฟฟ้า กระทบวงกว้าง เตรียมเทียนไข-ไฟโซลาร์เซลล์-เครื่องปั่นไฟ รับมือ ด้าน PEA ชี้ตัดไฟเมียนมาอาจสูญเปล่า หากไม่พิจารณาให้ครบถ้วน

ข่าวแนะนำ

รวบแล้วนักโทษหนีเรือนจำนนทบุรี จนมุมที่ จ.ชลบุรี

จับได้แล้วนักโทษชายหนีเรือนจำจังหวัดนนทบุรี ระหว่างออกกองงานภายนอก จนมุมที่หน้าโรงแรมแห่งหนึ่งย่านบางแสน จ.ชลบุรี ก่อนนำตัวมาสอบสวนและดำเนินคดีที่ สภ.เมืองนนทบุรี

ตัดไฟ 5 จุดชายแดนเมียนมา วันแรก กระทบชาวบ้านหลายหมื่นคน

หลังทางการไทยตัดไฟฟ้าที่เชื่อมโยงไปยังเมืองเมียวดี ฝั่งเมียนมา ตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตาก ส่งผลชาวบ้านแห่กักตุนน้ำมัน โรงพยาบาลเมียวดีได้รับผลกระทบในการเก็บเวชภัณฑ์ที่ต้องใช้ตู้แช่

ตร.ปัตตานีเร่งล่า 6 คนร้ายควงปืนปล้นร้านสะดวกซื้อ

อุกอาจ 6 คนร้าย พร้อมอาวุธมีด-ปืน ยกพวกปล้นร้านสะดวกซื้อใน อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ได้เงินไป 4,492 บาท ตำรวจเร่งไล่กล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ ที่คนร้ายใช้เป็นเส้นทางหลบหนี

นายกฯ​ ยกคณะเยือนจีน หารือความร่วมมือรอบด้าน

นายกรัฐมนตรี​ ยกคณะเยือนจีนอย่างเป็นทางการ หารือความร่วมมือรอบด้าน แก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์-อาชญากรรมข้ามชาติ ย้ำไทยปลอดภัย พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนตลอดปี สานต่อ​รถไฟความเร็วสูง-แลนด์บริดจ์ ขณะที่เตรียมรับแพนด้ายักษ์คู่ใหม่​ และจะไปให้กำลังใจนักกีฬาไทยแข่งเอเชียนเกมส์ฤดูหนาว