ข้อโต้แย้งนักกีฬาหญิงกับสตรีข้ามเพศ

15 มิถุนายน 2566
แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


หนึ่งในประเด็นที่สร้างข้อถกเถียงในวงการกีฬามากที่สุดช่วงปีที่ผ่านมา คือคำถามเรื่องความเหมาะสมของการอนุญาตให้นักกีฬาข้ามเพศ (Transgender) สามารถแข่งขันกีฬากับผู้ที่อัตลักษณ์ทางเพศสอดคล้องกับเพศกำเนิด (Cisgender) โดยเฉพาะกรณีเรื่องความได้เปรียบทางสรีระของนักกีฬาสตรีข้ามเพศ (Trans Woman) หรือชายที่แปลงเพศเป็นหญิง เมื่อเปรียบเทียบกับนักกีฬาหญิงทั่วไป

กรณีที่จุดประเด็นไปทั่วโลก เกิดขึ้นเมื่อปี 2022 เมื่อ ลีอา โทมัส นักกีฬาว่ายน้ำของมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักกีฬาข้ามเพศคนแรกที่คว้าชัยชนะในการแข่งขันกีฬาระดับมหาวิทยาลัยของสหรัฐอเมริกาหรือ NCAA Division I หลังจากคว้าชัยในรายการว่ายน้ำฟรีสไตล์ 500 เมตรหญิง โดยเอาชนะ เอ็มมา ไวแยนต์ เจ้าของเหรียญเงินโอลิมปิกที่กรุงโตเกียวเมื่อปี 2021 ที่เข้ามาเป็นที่ 2 ได้สำเร็จ และเข้ามาเป็นที่ 5 ร่วมในการแข่งขันว่ายน้ำฟรีสไตล์ 200 เมตรหญิง


(ลีอา โทมัส นักว่ายน้ำสตรีข้ามเพศ)

อย่างไรก็ดี ก่อนเข้ารับการแปลงเพศ ลีอา โทมัส เคยลงแข่งให้กับทีมนักว่ายน้ำชายของมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียระหว่างปี 2017 ถึง 2020 มาก่อน การหันมาแข่งในกับนักว่ายน้ำหญิง ทำให้อันดับของเขาขยับขึ้นอย่างรวดเร็ว ในประเภทฟรีสไตล์ 500 เมตร เพิ่มจากอันดับที่ 65 ในกลุ่มนักว่ายน้ำชายมาเป็นที่ 1 ในกลุ่มนักว่ายน้ำหญิง ส่วนประเภทฟรีสไตล์ 200 เมตร เพิ่มจากอันดับที่ 554 ในกลุ่มนักว่ายน้ำชายมาเป็นที่ 5 ในกลุ่มนักว่ายน้ำหญิง

ปลายเดือนมีนาคม 2023 เกิดข้อโต้แย้งเมื่อนักวิ่งสตรีข้ามเพศ 2 ราย ได้แก่ อาธีน่า ไรอัน และ โลเรลไล บาร์เรทท์ ผ่านการคัดตัวในการแข่งขันวิ่ง 1,600 เมตรหญิง ระหว่างโรงเรียนไฮสคูลในแต่ละเขตของรัฐแคลิฟอร์เนีย เพื่อหาตัวแทน 3 รายไปแข่งขันรอบสุดท้ายในระดับรัฐ โดยทั้งสองเข้ามาเป็นที่ 2 และ 3 ตามลำดับ

การให้สิทธิ อาธีน่า ไรอัน และ โลเรลไล บาร์เรทท์ ลงแข่งขันกับนักเรียนหญิง สร้างเสียงวิจารณ์ไม่น้อย เพราะทั้งสองเคยแข่งวิ่งแข่งกับนักเรียนชายก่อนการแปลงเพศทั้งคู่


มีการนำเวลาที่ทั้งสองทำได้ในการแข่งขันกับเด็กผู้หญิงไปเทียบกับการแข่งขันของเด็กผู้ชายในสนามเดียวกัน ปรากฏว่าทั้งคู่จะเข้าเส้นชัยเป็นคนสุดท้ายหากลงแข่งกับเด็กผู้ชาย

(ความไม่พอใจของนักกีฬาหญิง
ที่ถูกแย่งตำแหน่งโดยนักกีฬาสตรีข้ามเพศ
)

ทั้งสองเหตุการณ์สร้างข้อโต้เถียงในวงการกีฬาของสหรัฐอเมริกา เมื่อการเปิดโอกาสให้นักกีฬาสตรีข้ามเพศแข่งกับนักกีฬาหญิง ถูกมองว่าเป็นการลิดรอนสิทธิของนักกีฬาหญิง แม้แต่ เคทลิน เจนเนอร์ สตรีข้ามเพศ ผู้คว้าเหรียญทองโอลิมปิกปี 1976 จากกีฬาทศกรีฑาสมัยที่ยังไม่แปลงเพศ ก็มองว่า การให้สตรีข้ามเพศมาแข่งกับผู้หญิง เป็นการทำลายความยุติธรรมในวงการกีฬาหญิงอย่างร้ายแรง

ที่น่าสนใจก็คือ กฎหมายที่ช่วยให้สตรีข้ามเพศสามารถแข่งขันกีฬากับผู้หญิงในสหรัฐอเมริกาได้ปัจจุบัน เป็นผลมาจากการออกกฎหมายเพื่อปกป้องสิทธิการเข้าถึงกีฬาอย่างเท่าเทียมของเยาวชนเพศหญิง สหรัฐอเมริกาบังคับใช้เมื่อกว่า 50 ปีที่แล้ว

(แพทซี มิงก์ นักการเมืองอเมริกันเชื้อสายญี่ปุ่น
ผู้ร่างกฎหมาย Title IX
)

กฎหมาย Title IX

กฎหมายดังกล่าวเป็นรู้จักในชื่อ Title IX เป็นกฎหมายมนุษยชนที่มีผลบังคับใช้ในปี 1972 ซึ่งบังคับให้สถานที่ศึกษาที่ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลกลาง ห้ามออกนโยบายกีดกันทางเพศในโรงเรียน รวมถึงการเปิดโอกาสให้นักเรียนหญิงเข้าถึงกิจกรรมด้านกีฬาอย่างเท่าเทียมกับนักเรียนชาย

ผ่านมาครึ่งศตวรรษ กฎหมาย Title IX ได้รับการยกย่องว่าเป็นเครื่องมือสำคัญที่เพิ่มการมีส่วนร่วมทางการกีฬาของเยาวชนหญิงอเมริกัน และช่วยยกระดับวงการกีฬาหญิงอย่างแท้จริง

ข้อมูลจากเว็บไซต์ TED-Ed ระบุว่าในปี 1972 มหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกามีสัดส่วนนักกีฬาหญิงเพียง 15% และมีนักกีฬาหญิงในระดับไฮสคูลเพียง 7% เท่านั้น

แต่ผลวิจัยเมื่อปี 2006 พบว่าผลจาก Title IX ทำให้มีนักกีฬาหญิงในระดับไฮสคูลเพิ่มขึ้นถึง 9 เท่า และมีนักกีฬาหญิงในระดับมหาวิทยาลัยเพิ่มขึ้นถึง 450%

ข้อมูลจาก Richard Nixon Foundation พบว่าในปี 2014 มีนักกีฬาหญิงร่วมแข่งขันกีฬาระดับมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกากว่า 2 แสนคน ส่วนปี 2015 พบว่ามีนักกีฬาหญิงร่วมแข่งขันกีฬาระดับไฮสคูลในสหรัฐอเมริกากว่า 3.2 แสนคน

(กระแสนิยมกีฬาฟุตบอลในกลุ่มนักเรียนหญิงอเมริกัน
อันเป็นผลมาจากกฎหมาย Title IX)

กีฬาที่ได้รับอานิสงส์จากกฎหมาย Title IX มากที่สุดคือกีฬาฟุตบอล เมื่อพบว่าสัดส่วนนักกีฬาหญิงในกีฬาฟุตบอลทั้งระดับไฮสคูลและมหาวิทยาลัยเพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่งผลต่อการพัฒนานักกีฬาระดับทีมชาติ และมีส่วนทำให้ทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติสหรัฐอเมริกากลายเป็นทีมชั้นนำของโลก ครองอันดับ 1 จากการจัดอันดับ FIFA ranking อย่างยาวนานตั้งแต่เดือนมิถุนายนปี 2017 จนถึงปัจจุบัน ด้วยสถิติคว้าเหรียญทองโอลิมปิก 4 สมัยและแชมป์โลก 4 สมัย

กระทั่งมาถึงสมัยรัฐบาลของ บารัค โอบามา ผู้นำของพรรคเดโมแครต ที่ขยายขอบเขตความเท่าเทียมทางเพศของกฎหมาย Title IX ให้ครอบคลุมถึงเยาวชนที่มีความหลากหลายทางเพศ โดยให้สถานศึกษาปฏิบัติต่อนักเรียนตามอัตลักษณ์ทางเพศ (Gender Identity) ของนักเรียนคนนั้น ๆ เช่น นักเรียนหญิงที่ยืนยันว่าตนเองมีเพศสภาพเป็นบุรุษข้ามเพศ สามารถเข้าเรียนในชั้นที่มีแต่นักเรียนชายได้ ส่วนนักเรียนชายที่ยืนยันว่าตนเองมีเพศสภาพเป็นสตรีข้ามเพศ สามารถเข้าเรียนในชั้นที่มีแต่นักเรียนหญิงได้

แต่เมื่อถึงสมัยที่ โดนัล ทรัมป์ ผู้นำของพรรครีพับลิกันครองอำนาจในปี 2017 ได้มีการยกเลิกข้อกำหนดของกฎหมาย Title IX เรื่องการปฏิบัติต่อนักเรียนตามอัตลักษณ์ทางเพศหลายอย่าง เช่น ไม่อนุญาตให้นักเรียนใช้ห้องน้ำโรงเรียนตามอัตลักษณ์ทางเพศ (Gender Identity) แต่ต้องยึดตามเพศกำเนิด (Sexuality) เป็นหลัก

กระแสการต่อต้านนักกีฬาสตรีข้ามเพศ ภายใต้การกดดันของนักการเมืองอนุรักษ์นิยม ส่งผลให้ปัจจุบันมีนักกีฬาสตรีข้ามเพศถูกห้ามแข่งขันกีฬาใน 20 รัฐ

(ผลโหวตคัดค้านสตรีข้ามเพศ
แข่งกีฬาในโรงเรียนกับผู้หญิง
)

ความเห็นต่างทางการเมือง

เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกาได้รับรองกฎหมาย ห้ามไม่ให้โรงเรียนและมหาวิทยาลัยที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลกลาง อนุญาตให้นักกีฬาข้ามเพศที่ได้รับการระบุเพศตอนเกิดว่าเป็นผู้ชาย แข่งขันกีฬากับนักเรียนหญิง ด้วยคะแนนเสียงโหวตเห็นชอบ 219 เสียง และไม่เห็นชอบ 203 เสียง โดยผู้โหวตเห็นชอบทั้งหมดคือส.ส. ฝั่งรีพับลิกันที่ผลักดันกฎหมาย ส่วนผู้โหวตไม่เห็นชอบทั้งหมดมาจากส.ส. เดโมแครตที่คัดค้านกฎหมาย

ส.ส. ฝั่งรีพับลิกัน รวมถึงกลุ่มสิทธิสตรีมองว่า ผลโหวตคือความสำเร็จของการดำรงความยุติธรรมในวงการกีฬาหญิง

ส่วนส.ส. ฝั่งเดโมแครต มองว่ากฎหมายดังกล่าวจะเป็นการขัดขวางเยาวชนเพศทางเลือกจากการมีส่วนร่วมในกิจกรรมของโรงเรียน ซึ่งส่งผลต่อการพัฒนาทักษะด้านการเข้าสังคมและการทำงานเป็นทีมของเด็ก ๆ โดยย้ำว่าจำนวนนักกีฬาระดับเยาวชนที่เป็นคนข้ามเพศมีอยู่น้อยมาก เช่นในรัฐยูทาห์มีนักกีฬาระดับไฮสคูลประมาณ 85,000 คน มีเพียง 4 คนที่เป็นคนข้ามเพศ และมีเพียงรายเดียวเท่านั้นที่ลงแข่งขันในกีฬาของเด็กผู้หญิง กฏหมายดังกล่าวจึงถูกมองจากส.ส. ฝั่งเดโมแครตว่า ไม่ต่างจากการใช้กฎหมายเพื่อรังแกเด็กที่เป็นคนข้ามเพศ

แม้จะได้รับชัยชนะจากการโหวตในสภาผู้แทนราษฎร แต่กฎหมายฉบับนี้แทบไม่มีโอกาสมีผลบังคับใช้ เนื่องจากวุฒิสภาที่ครองเสียงส่วนใหญ่โดยนักการเมืองฝั่งเดโมแครต ไม่มีทางเห็นชอบกับกฎหมายดังกล่าว ซึ่งทางทำเนียบขาวก็ยืนยันว่า โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา พร้อมที่จะใช้สิทธิวีโต้กฎหมายฉบับนี้เช่นกัน

แม้จะรู้ว่ากฎหมายดังกล่าวแทบไม่มีโอกาสมีผลบังคับใช้ในรัฐบาลของ โจ ไบเดน แต่ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ว่า พรรครีพับลิกันกำลังนำประเด็นสวัสดิภาพในโรงเรียนมาใช้หาเสียงกับเหล่าผู้ปกครอง เพื่อหวังเพิ่มคะแนนนิยมในการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จะมีขึ้นในปีหน้า

(เซบาสเตียน โค ประธานกรีฑาโลก
ออกกฎควบคุมสตรีข้ามเพศในกรีฑาหญิง)

นโยบายขององค์กรกีฬา

เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2021 คณะกรรมการโอลิมปิกสากลหรือ IOC ได้ระบุนโยบายเกี่ยวกับอัตลักษณ์ทางเพศและความหลากหลายทางเพศของนักกีฬาโอลิมปิก โดยให้ความสำคัญกับทั้งประเด็นการมีส่วนร่วม (Inclusive) และความยุติธรรม (Fairness) ก่อนลงความเห็นว่า แต่ละองค์กรกีฬาควรกำหนดนโยบายเพื่อแก้ปัญหาเกี่ยวกับการได้เปรียบเสียเปรียบของนักกีฬาในแต่ละประเภทด้วยตนเอง

เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2023 กรีฑาโลกหรือ World Athletics ได้ปรังปรุงนโยบายเกี่ยวกับนักกีฬาสตรีข้ามเพศ โดยระบุว่านักกีฬาสตรีข้ามเพศจะสามารถแข่งกรีฑาประเภทหญิงได้ ก็ต่อเมื่อนักกีฬาสตรีข้ามเพศรายนั้น ๆ ยุติการเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ก่อนที่อายุจะเข้าสู่ Stage ที่ 2 ตามมาตรฐานของ Tanner Stages (มีด้วยกัน 5 ระดับ Stage ที่ 1 คือเริ่มเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ ส่วน Stage ที่ 5 คือช่วงที่การเจริญพันธุ์สมบูรณ์) หรือยุติการเจริญพันธุ์ก่อนอายุ 12 ปี

และหลังจากนั้นจะต้องรักษาระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนหรือฮอร์โมนเพศชายในซีรัมของเลือดไม่เกิน 2.5 nmol/L ตลอดเวลาที่อยู่ในอาชีพนักกรีฑา จากเดิมที่เคยกำหนดให้ไม่เกิน 5 nmol/L

ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนมีผลต่อการสร้างมวลกล้ามเนื้อ ความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อ และระดับของฮีโมโกลบินในเลือด

ปกติผู้ชายจะมีระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนประมาณ 10 – 35 nmol/L ส่วนผู้หญิงส่วนใหญ่จะมีระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนไม่เกิน 2.4 nmol/L

การกำหนดระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนไม่เกิน 2.5 nmol/L ยังใช้สำหรับนักกีฬาหญิงที่มีความผิดปกติของพัฒนาการระบบอวัยวะเพศหรือ DSD จนมีฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนมากกว่าผู้หญิงทั่วไป โดยกำหนดให้นักกีฬาหญิงที่มีอาการ DSD ต้องมีระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนไม่เกิน 2.5 nmol/L เป็นเวลา 24 เดือนก่อนเข้าร่วมการแข่งขัน

เซบาสเตียน โค ประธานกรีฑาโลกยืนยันว่า การปรับปรุงนโยบายดังกล่าวเพื่อปกป้องความยุติธรรมในวงการกรีฑา ตัวเขาเองให้ความสำคัญกับทั้งการมีส่วนร่วม (Inclusive) และความยุติธรรม (Fairness) แต่ถ้าให้ความสำคัญกับสิ่งใดมากกว่า เขายอมรับว่าเลือกความยุติธรรมมาเป็นที่ 1

กรีฑาโลกเป็นหนึ่งในหลายองค์กรกีฬาระดับนานาชาติที่ออกนโยบายจำกัดการแข่งขันกีฬาของนักกีฬาสตรีข้ามเพศกับนักกีฬาหญิง โดยปีที่แล้ว กีฬาทางน้ำโลกหรือ World Aquatics และสหภาพจักรยานระหว่างประเทศหรือ UCI ต่างกำหนดให้นักกีฬาสตรีข้ามเพศต้องมีระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนไม่เกิน 2.5 nmol/L ก่อนอนุญาตให้แข่งกับนักกีฬาหญิงเช่นเดียวกัน ส่วนรักบี้โลกหรือ World Rugby ประกาศห้ามไม่ให้นักกีฬาสตรีข้ามเพศแข่งรักบี้กับนักกีฬาหญิงโดยสิ้นเชิง โดยอ้างประเด็นการได้เปรียบทางสรีระและการป้องกันการบาดเจ็บจากการแข่งขัน

(โจแอนนา ฮาร์เปอร์
ผู้สนับสนุนให้สตรีข้ามเพศแข่งกีฬากับผู้หญิง
)

ความเห็นที่แตกต่างในแวดวงวิทยาศาสตร์

  • ฝ่ายสนับสนุนให้สตรีข้ามเพศแข่งกับผู้หญิง

แม้องค์กรกีฬาจะยืนยันว่า การออกนโยบายกีดกันนักกีฬาสตรีข้ามเพศจากการแข่งขันกีฬากับผู้หญิงเป็นไปตามข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ แต่การอ้างเรื่องความได้เปรียบทางสรีระของกีฬาสตรีข้ามเพศกับนักกีฬาหญิงก็ยังเป็นข้อถกเถียงในวงการวิทยาศาสตร์อย่างแพร่หลาย

โจแอนนา ฮาร์เปอร์ นักศึกษาดุษฎีบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยลัฟโบโร ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นนักกรีฑาสตรีข้ามเพศ และทำงานวิจัยเกี่ยวกับนักกีฬาสตรีข้ามเพศมาอย่างยาวนาน วิจารณ์นโยบายกีดกันนักกีฬาสตรีข้ามเพศกรีฑาโลก เนื่องจากปัจจุบันยังมีงานวิจัยอยู่น้อยมากที่ยืนยันได้ว่านักกีฬาสตรีข้ามเพศมีความได้เปรียบนักกีฬาหญิง เพราะนอกจากกล้ามเนื้อแล้ว ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของนักกีฬายังรวมถึงปริมาณฮีโมโกลบินในเลือดอีกด้วย

ฮีโมโกลบินจะทำหน้าที่ลำเลียงออกซิเจนไปเลี้ยงยังอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ซึ่งจำเป็นต่อการเคลื่อนไหวระหว่างออกกำลังกายและการแข่งขันกีฬา ซึ่งผู้ชายจะมีปริมาณฮีโมโกลบินมากกว่าผู้หญิง

งานวิจัยปี 2021 ที่โจแอนนา ฮาร์เปอร์ทำร่วมกับนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยลัฟโบโร พบว่าแม้สตรีข้ามเพศจะยังมีมวลกล้ามเนื้อมากกว่าผู้หญิง แต่พบว่าปริมาณฮีโมโกลบินอยู่ในระดับเดียวกับผู้หญิงทั่วไป จึงเป็นหลักฐานที่ยืนยันได้ว่า สตรีข้ามเพศไม่มีความได้เปรียบทางกายเมื่อเทียบกับผู้หญิง

โจแอนนา ฮาร์เปอร์ ย้ำว่าที่ผ่านมาไม่เคยมีนักกีฬาสตรีข้ามเพศรายใดทำลายสถิติในการแข่งขันกีฬาสำคัญ ๆ ของผู้หญิง แสดงให้เห็นว่าสตรีข้ามเพศไม่มีข้อได้เปรียบทางกายเมื่อเทียบกับผู้หญิง นอกจากนี้การกำหนดระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนอาจเป็นปัญหาสำหรับนักกีฬาสตรีข้ามเพศที่เป็นเยาวชน เนื่องจากแต่ละคนจะมีช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการเข้ารับบำบัดด้วยฮอร์โมนไม่เหมือนกัน

ความเห็นที่แตกต่างในแวดวงวิทยาศาสตร์

  • ฝ่ายคัดค้านไม่ให้สตรีข้ามเพศแข่งกับผู้หญิง

อย่างไรก็ดี งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยโอตาโก ประเทศนิวซีแลนด์ เมื่อปี 2022 ซึ่งเผยแพร่โดยสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NIH) ยืนยันว่า นักกีฬาสตรีข้ามเพศที่ผ่านการบำบัดด้วยฮอร์โมนแล้ว ก็ยังมีข้อได้เปรียบด้านสรีระเหนือกว่านักกีฬาหญิงเช่นเดิม เนื่องจากอิทธิพลของฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนไม่ได้ส่งผลต่อร่างกายของผู้ชายช่วงที่เริ่มโตเป็นหนุ่มเท่านั้น แต่เริ่มมีผลตั้งแต่ทารกยังเป็นตัวอ่อนเลยทีเดียว ส่งผลให้โครงสร้างและการทำงานของสมองของผู้ชายและผู้หญิงมีความแตกต่างตั้งแต่ยังเด็ก โดยสามารถพบความแตกต่างได้ตั้งแต่อายุ 8 ขวบ

แม้นักกีฬาสตรีข้ามเพศจะเข้ารับการบำบัดเพื่อลดปริมาณฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนแล้ว แต่ก็ยังมีปริมาณฮอร์โมนก็ยังสูงกว่าผู้หญิงอยู่ดี

งานวิจัยที่ศึกษาสตรีข้ามเพศจำนวน 98 ราย พบว่าหลังเข้ารับการบำบัด ทุกรายมีปริมาณฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนลดลง แต่เกือบทุกรายยังมีปริมาณฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนสูงกว่าผู้หญิงทั่วไป

งานวิจัยพบว่า ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนทำให้ผู้ชายมีกล้ามเนื้อมากกว่า, แขนขายาวกว่า, กระดูกเชิงกรานแคบกว่า, หายใจได้ดีกว่า ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่ทำให้ผู้ชายแข็งแรงกว่าผู้หญิง ซึ่งการลดปริมาณฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนในภายหลัง ไม่ทำให้ข้อได้เปรียบเหล่านี้หมดไป

ส่วนการบำบัดด้วยการเพิ่มฮอร์โมนเพศหญิงชนิดเอสโตรเจน สามารถช่วยปรับเปลี่ยนโครงสร้างและพฤติกรรมของสตรีข้ามเพศได้อย่างมาก และช่วยให้โครงสร้างสมองมีความคล้ายกับผู้หญิงมากขึ้น แต่กระบวนการดังกล่าวต้องใช้เวลาหลายปี และอาจไม่ช่วยให้โครงสร้างสมองเหมือนกับผู้หญิงได้อย่างสมบูรณ์

แม้ฮอร์โมนเอสโตรเจนทำให้มวลกล้ามเนื้อลดลง แต่พบว่าไม่ช่วยให้ความหนาแน่นของเส้นใยกล้ามเนื้อหรือความแข็งแรงของกล้ามเนื้อลดลง

งานวิจัยที่เผยแพร่ผ่านทางวารสารการแพทย์ British Journal of Sports Medicine เมื่อเดือนมกราคม 2021 เป็นการศึกษาความแข็งแรงของสตรีข้ามเพศในกองทัพอากาศสหรัฐอเมริกา ด้วยการเปรียบเทียบระยะเวลาที่ใช้ในการวิ่งระยะทาง 1.5 ไมล์กับผู้หญิง เพื่อวัดความเร็วของการวิ่งระหว่างช่วงก่อนและหลังจากการบำบัดด้วยฮอร์โมน

พบว่าก่อนการบำบัดด้วยฮอร์โมน สตรีข้ามเพศวิ่งเร็วกว่าผู้หญิงประมาณ 21% แต่หลังจากเข้ารับการบำบัดด้วยฮอร์โมนเป็นเวลาถึง 2 ปี กลุ่มสตรีข้ามเพศก็ยังวิ่งเร็วกว่าผู้หญิงประมาณ 12%

(อิทธิพลของฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน
ที่มีต่ออวัยวะต่าง ๆ ของผู้ชาย
)

ความต่างระหว่างชายและหญิง

กล้ามเนื้อ

งานวิจัยพบว่า ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนส่งผลให้ผู้ชายมีกล้ามเนื้อท่อนบนมากกว่าผู้หญิง 2 เท่า และมีกล้ามเนื้อท่อนล่างมากกว่าผู้หญิง 30%

กระดูก

กระดูกที่ใหญ่กว่าของผู้ชายช่วยเพิ่มพื้นที่ให้มวลของกล้ามเนื้อมีปริมาณมากขึ้น เช่นคนที่ไหล่กว้างจะมีความแข็งแรงบริเวณกล้ามเนื้อท่อนบนมากกว่า

กระดูกที่ใหญ่กว่าเพิ่มพลังการหมุนตัวที่ดีกว่า ช่วยให้การขว้างและการกระโดดมีพลังมากกว่า

กระดูกที่ใหญ่กว่ายังช่วยป้องกันอาการบาดเจ็บได้ดีกว่า และทำให้ผู้ชายมีความอดทนต่อความเจ็บปวดได้มากกว่าผู้หญิง

กระดูกเชิงกราน

ผู้หญิงมีกระดูกเชิงกรานที่กว้างกว่าผู้ชายเพื่อช่วยในการคลอดลูก โดยเฉลี่ยผู้หญิงมีกระดูกเชิงกรานกว้าง 5.12 นิ้ว ผู้ชายมีกระดูกเชิงกรานกว้าง 4.33 นิ้ว

งานวิจัยปี 2003 ของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เออร์วิน พบว่ากระดูกเชิงกรานที่แคบกว่ามีผลต่อการทำมุมของหัวเข่าและกล้ามเนื้อต้นขา เพื่อใช้สำหรับการออกแรงระหว่างการยืดหัวเข่า ส่งผลให้ผู้ชายและสตรีข้ามเพศมีแรงมากกว่าในการทำกิจกรรมที่เกี่ยวกับการเตะฟุตบอล, ปั่นจักรยาน หรือการกระโดดจากท่านั่งยอง ๆ

งานวิจัยพบว่า การบำบัดด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจนไม่ช่วยให้โครงสร้างกระดูกเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด

หัวใจ ปอด และการหายใจ

ผู้หญิงมีปอดที่เล็กกว่าผู้ชายประมาณ 10-12% และยังมีกะบังลมที่สั้นกว่า ส่งผลให้การหายใจเอาออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายทำได้น้อยกว่าผู้ชาย

ผู้หญิงยังมีหัวใจที่เล็กกว่าผู้ชายประมาณ 85% โดยมีหัวใจห้องล่างซ้ายที่สูบฉีดเลือดไปอวัยวะต่าง ๆ เล็กกว่า และมีอัตราการสูบฉีดหัวใจที่เบากว่าผู้ชายถึง 1 ใน 3

นอกจากนี้ ผู้ชายยังมีปริมาณฮีโมโกลบินที่จำเป็นต่อการลำเลียงออกซิเจนมากกว่าผู้หญิงประมาณ 12% โดยเริ่มเห็นได้ชัดตั้งแต่เริ่มโตเป็นหนุ่ม

ปัจจัยดังกล่าวทำให้ผู้ชายมีความสามารถในการเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อจากปริมาณออกซิเจนได้ดีกว่าผู้หญิง

นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเซา เปาโลในประเทศบราซิล ทำการศึกษาสตรีข้ามเพศสุขภาพแข็งแรงจำนวน 15 คน ซึ่งมีอายุเฉลี่ยที่ 34 ปี เริ่มเข้ารับการแปลงเพศตอนอายุเฉลี่ยที่ 17 ปี และมีระยะเวลาเฉลี่ยในการใช้ฮอร์โมนบำบัดมานาน 14.4 ปี

ทีมวิจัยได้สำรวจความแข็งแรงของกลุ่มสตรีข้ามเพศกับผู้ชายและผู้หญิง ด้วยการใช้เครื่องวัดแรงบีบมือและการวิ่งบนสายพาน

ทีมวิจัยพบว่า แม้กลุ่มสตรีข้ามเพศจะมีปริมาณฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนเท่ากับผู้หญิง แต่พบว่ามีมวลกล้ามเนื้อมากกว่าผู้หญิง 40% มีความแข็งแรงของกล้ามเนื้อมากกว่า 19% และมีการทำงานของหัวใจและปอดดีกว่า 20%

สมอง

ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนยังช่วยให้ผู้ชายเคลื่อนไหวได้ดีกว่าผู้หญิง

ผลการสแกน MRI พบความเชื่อมโยงระหว่างสมองของผู้ชายและความสามารถด้านการการเคลื่อนไหว (Motor) และการรับรู้เชิงพื้นที่ (Visual-Spatial Awareness) ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่สำคัญต่อการแข่งขันกีฬา

การโต้แย้งด้วยข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบัน

BBC Sport ได้เชิญบุคลากรในแวดวงวิทยาศาสตร์ที่มีความเห็นขัดแย้งกันเรื่องการแข่งขันกีฬาระหว่างสตรีข้ามเพศและผู้หญิง ให้มาแสดงความเห็นในรายการ The Sports Desk เมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2022 โดยให้แสดงความเห็นในประเด็นเดียวกัน ผู้ร่วมรายการได้แก่ โจแอนนา ฮาร์เปอร์ นักวิทยาศาสตร์ด้านการกีฬาและสตรีข้ามเพศ จากมหาวิทยาลัยลัฟโบโร ประเทศอังกฤษ และ รอส ทักเกอร์ นักวิทยาศาสตร์ด้านการกีฬา ที่มองว่าความแตกต่างทางกายของเด็กผู้ชายช่วงเริ่มเป็นหนุ่ม ทำให้ผู้ชายได้เปรียบผู้หญิงอย่างมากในเชิงกีฬา

(รอส ทักเกอร์ ผู้คัดค้านไม่ให้สตรีข้ามเพศแข่งกีฬา
กับผู้หญิง (ซ้าย) และ โจแอนนา ฮาร์เปอร์
)

1.สตรีข้ามเพศมีข้อได้เปรียบที่ไม่เป็นธรรมเมื่อแข่งขันกีฬากับผู้หญิงหรือไม่?

โจแอนนา ฮาร์เปอร์ : การมีข้อได้เปรียบ ไม่ใช่การเอาเปรียบที่ไม่เป็นธรรมเสมอไป ยกตัวอย่างเช่น นักกีฬาถนัดซ้ายได้เปรียบนักกีฬาถนัดขวาในหลายชนิดกีฬา เห็นได้ชัดในกีฬาฟันดาบ ขณะที่ประชากรถนัดซ้ายมีเพียง 10% แต่มีนักกีฬาฟันดาบที่เป็นคนถนัดซ้ายถึง 40% แต่กระนั้นนักกีฬาฟันดาบที่ถนัดมือคนละข้าง ก็ยังสามารถแข่งขันร่วมกันได้ แม้จะมีข้อได้เปรียบเสียเปรียบกันอยู่ก็ตาม

รอส ทักเกอร์ : เมื่อเด็กผู้ชายเริ่มเข้าสู่อายุ 13-14 ปี อิทธิพลของฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนจะเริ่มส่งผลต่อร่างกายของพวกเขาอย่างมาก ทั้งมวลกล้ามเนื้อ ความหนาแน่นของกระดูก ขนาดของปอดและหัวใจ ปริมาณของฮีโมโกลบิน สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อการแข่งขันกีฬา การลดปริมาณฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนในภายหลังไม่ทำให้ข้อได้เปรียบเหล่านี้หมดไป

แม้การลดปริมาณฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนจะทำให้สตรีข้ามเพศเกิดข้อเสียเปรียบบางอย่าง เนื่องจากยังคงมีโครงสร้างร่างกายที่ใหญ่กว่าผู้หญิง แต่การมีปริมาณกล้ามเนื้อลดลง ส่งผลให้การออกกำลังมีประสิทธิภาพลดลง แต่ข้อได้เปรียบโดยรวมยังถือว่ามีมากกว่าผู้หญิง

2.สตรีข้ามเพศควรถูกแบนจากกีฬาผู้หญิงหรือไม่?

รอส ทักเกอร์ : เหตุผลที่มีการแยกกีฬาเป็นประเภทชายและหญิง ก็เพื่อปกป้องนักกีฬาหญิงจากการเสียเปรียบเพราะความแตกต่างของฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

หากไม่มีงานวิจัยที่ยืนยันได้ว่า ความได้เปรียบดังกล่าวไม่มีเหลืออยู่ในนักกีฬาสตรีข้ามเพศ การปกป้องสิทธินักกีฬาหญิงจึงเป็นมาตรการที่เหมาะสมกว่า ซึ่งเขาเชื่อว่าหลักฐานจากงานวิจัยในปัจจุบัน เพียงพอที่จะยืนยันได้ถึงความได้เปรียบของนักกีฬาสตรีข้ามเพศ และคิดว่าไม่ควรให้สตรีข้ามเพศแข่งขันกับนักกีฬาหญิงในตอนนี้

โจแอนนา ฮาร์เปอร์ : การวิจัยเกี่ยวกับสตรีข้ามเพศยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น กว่าจะได้บทสรุปที่ชัดเจนอาจต้องรอเวลาอีกอย่างน้อย 20 ปี ในระหว่างนี้เธอเห็นว่าควรจะอนุญาตให้นักกีฬาสตรีข้ามเพศแข่งขันกีฬากับผู้หญิงได้ จนกว่าจะมีหลักฐานที่ชัดเจนว่ามีความได้เปรียบที่ไม่เป็นธรรมจริง ๆ

3.ในอนาคตสตรีข้ามเพศจะครองความยิ่งใหญ่ในวงการกีฬาหญิงเลยหรือไหม?

โจแอนนา ฮาร์เปอร์ : เหตุการณ์เช่นนั้นไม่มีทางเกิดขึ้น เพราะนักกีฬาสตรีข้ามเพศมีน้อยมาก ในสหรัฐอเมริกามีนักกีฬาหญิงระดับมหาวิทยาลัยปีละกว่า 2 แสนคน แต่มีนักกีฬาสตรีข้ามเพศระดับมหาวิทยาลัยเพียงปีละ 1-2 พันคน คิดเป็น 0.5-1% เท่านั้น และยังมีไม่กี่คนที่ลงแข่งขัน

รอส ทักเกอร์ : จำนวนนักกีฬาไม่ใช่ประเด็น ประเด็นอยู่ที่ความเหมาะสมของหลักการ ทุกวันนี้มีนักกีฬาสตรีข้ามเพศคว้าชัยชนะในกีฬาของผู้หญิงมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อถึงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกปี 2028 จำนวนดังกล่าวอาจจะมีเพิ่มขึ้นอีกหลายสิบราย หากปัญหาดังกล่าวไม่ได้รับการแก้ไข

4.ควรแยกการแข่งขันกีฬาสำหรับคนข้ามเพศเลยดีไหม?

โจแอนนา ฮาร์เปอร์ : สัดส่วนของคนข้ามเพศปัจจุบันมีเพียงแค่ 1% ของประชากรโลก การสร้างกีฬาที่มีแต่คนข้ามเพศแข่งขันโดยเฉพาะจึงเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะกีฬาประเภททีม

รอส ทักเกอร์ : เป็นแนวคิดที่น่าสนใจและมีความเป็นไปได้ในอนาคต แต่ปัจจุบันยังมีปัญหาหลายอย่าง เพราะการเป็นคนข้ามเพศยังเป็นเรื่องผิดกฎหมายบางประเทศ การแบ่งกีฬาสำหรับคนข้ามเพศอาจเกิดขึ้นในอนาคต หากทัศนคติต่อคนข้ามเพศในสังคมต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น

ข้อมูลอ้างอิง :

https://www.newsweek.com/emma-weyant-transgender-swimmer-lia-thomas-ncaa-1689362
https://www.outkick.com/caitlyn-jenner-transgender-racing-high-school-sports-state-championship/
https://youtu.be/sEgw_yRGV_k
https://apnews.com/article/congress-transgender-women-sports-ban-athletes-1c58c20cac2b191e323e4376d7949a2d
https://www.theguardian.com/sport/2023/mar/23/world-athletics-council-excludes-transgender-women-from-female-events
https://resources.fina.org/fina/document/2022/06/19/525de003-51f4-47d3-8d5a-716dac5f77c7/FINA-INCLUSION-POLICY-AND-APPENDICES-FINAL-.pdf
https://assets.ctfassets.net/761l7gh5x5an/5Qwu5ycbagkT3ApUSZg9N9/524bb4660a48772adfda590c8a2c415c/Chapter_V_-_Trangender_athletes_ENG_29072022.pdf
https://www.world.rugby/the-game/player-welfare/guidelines/transgender
https://www.science.org/content/article/world-athletics-banned-transgender-women-competing-does-science-support-rule
https://bjsm.bmj.com/content/55/15/865
https://www.dailymail.co.uk/health/article-12111455/The-trans-advantage-womens-sports-explained.html
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC9331831/
https://bjsm.bmj.com/content/55/11/577
https://www.bbc.com/sport/61346517

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน

กัมพูชา 15 มิ.ย.- ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน ซึ่งการหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ประชุมครั้งต่อไปเดือน ก.ย.นี้ ฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 เอกอัครราชทูตประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย และนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา เป็นประธานร่วมในพิธีปิดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) และลงนามบันทึกการประชุมร่วมกัน ที่กรุงพนมเปญ การหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร ทั้งสองฝ่ายกล่าวขอบคุณที่การประชุมสำเร็จลุล่วงด้วยดี โดยเน้นย้ำความสำคัญและประสิทธิภาพของ JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีหลักในการเจรจาเขตแดนระหว่างสองประเทศ การประชุมครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งมีความยาวทั้งหมดประมาณ 800 กิโลเมตร และมีส่วนช่วยลดความตึงเครียดบริเวณชายแดน ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายยังมีภารกิจที่ต้องหารือและดำเนินการร่วมกันต่อไป โดยฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JBC สมัยพิเศษครั้งต่อไปในเดือนกันยายนนี้ ปัจจุบัน ไทยกับกัมพูชามีกลไกความร่วมมือในประเด็นชายแดนร่วมกัน 3 ระดับหลัก ได้แก่ (1) JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีที่สำคัญในการหารือกันทางเทคนิคและข้อกฎหมายระหว่างประเทศ (2) คณะกรรมการชายแดนทั่วไป […]

“อนุทิน”​ ยกคณะ สส.​-​ขรก.มหาดไทย​ เยือนอุดรฯ

อุดรธานี ​15 มิ.ย.​- “อนุทิน”​ โหมโรง​ ยกคณะ สส.​-​ขรก.มหาดไทย​ เยือนอุดรธานี​ เปิดตัว​ “อดิศักดิ์​” ไทยสร้างไทย บอก​ “นู๋หนู​-​ดู๋ดี๋”​ ซี้กัน​ อวยเป็น สส.คุณภาพ​ ภูมิใจไทย​ ภูมิใจแทน​ รอบหน้าขอชาวอุดรฯ​ เลือกเป็น สส.ภท.​ โอดแทนชาวบ้าน​ ซัด​ห่วย 3 ปี งบโยธาแค่​ 700 ล้าน​ บอกถ้าเลือกภูมิใจไทยซัดไปแล้ว​ 3,000 ล้าน​ เหน็บ​ถนน 4 เลน ใครทำให้กุดอย่าไปเลือก นายอนุทิน​ ชาญ​วี​รกูล​ รองนายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ พร้อมด้วยนายอรรษิษฐ์​ สัมพันธรัตน์​ ปลัดกระทรวงมหาดไทย​ และผู้บริหารระดับสูง​ ลงพื้นที่เทศบาลตำบลจำปี​ อำเภอศรีธาตุ​ จังหวัดอุดรธานี​ เพื่อพบปะประชาชน ที่โรงเรียนศรีธาตุพิทยาคม​ โดยมี​นายอดิศักดิ์ แก้วมุงคุณทรัพย์ สส.อุดรธานี​ พรรคไทยสร้างไทย​ ให้การต้อนรับ โดยนายอนุทิน​ ได้รับฟังการรายงานความคืบหน้าการ​แก้ไขปัญหา​ในพื้นที่ ก่อนจะขึ้นเวทีพร้อมกับ […]

จับตาประชุม JBC วันที่ 2 หลังกัมพูชายื่นศาลโลก

กัมพูชา 15 มิ.ย.-ผู้สื่อข่าวกัมพูชา รายงานการประชุม JBC ไทย-กัมพูชา วันที่ 2 เริ่มขึ้นแล้ว ที่กรุงพนมเปญ หลังวานนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป โดยมีการประชุมวงเล็กก่อน จากนั้นอาจมีการแถลงร่วมกัน ต้องจับตาว่าวันนี้จะได้ข้อยุติหรือไม่ รวมถึงท่าทีของแต่ละฝ่าย หลังกัมพูชายื่นศาลโลก.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ เปิดทำเนียบต้อนรับ “โอปอล สุชาตา” พรุ่งนี้

ทำเนียบ 15 มิ.ย.-รัฐบาลเตรียมเปิดตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบฯ ต้อนรับ “โอปอล สุชาตา” Miss World 2025 ร่วมโชว์พลังหญิง นำเสนอวัฒนธรรมที่สร้างสรรค์ให้กับประเทศไทยในทุกมิติ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (วันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน 2568) รัฐบาลเตรียมเปิดตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ให้การต้อนรับ “โอปอล” นางสาวสุชาตา ช่วงศรี Miss World คนแรกของประเทศไทย ที่เพิ่งคว้ามงกุฎระดับโลกในการประกวด Miss World ประจำปี 2025 ที่ประเทศอินเดีย มีกำหนดการเข้าพบนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในเวลา 10.00 น. การพบปะกันในครั้งนี้ ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งพลังของสตรีไทย ที่สามารถสร้างชื่อเสียงและแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในประเด็นสิทธิสตรี การศึกษา และการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของนโยบายรัฐบาลในปัจจุบัน การเข้าเยี่ยมคารวะของ Miss World 2025 ยังเป็นการส่งสารเชิงบวกต่อประชาคมโลกว่า ประเทศไทยมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านความเท่าเทียมทางเพศอีกด้วย […]