กลุ่มบริษัท มินีแบมิตซูมิ (ประเทศไทย) จัดงานฉลองครบ 40 ปี การดำเนินธุรกิจในประเทศไทย เพื่อแสดงความขอบคุณและตอบแทนความรู้สึกอันดีที่บริษัทฯ ได้รับคำแนะนำ ความช่วยเหลือและการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนเป็นอย่างดีมาโดยตลอด
วันที่ 14 ธันวาคม 2565 เวลา 10.00 น. “สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานในพิธีเปิดอาคารใหม่ NMB Advance Technology เนื่องในโอกาสครบ 40 ปี กลุ่มบริษัท มินีแบมิตซูมิ (ประเทศไทย) ณ โรงงานบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น ประจำประเทศไทย Mr.Kazuya Nashida กล่าวแสดงความยินดี และ เวลา 19.00 น. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในงานเลี้ยงรับรอง ณ โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพมหานคร ในโอกาสนี้นายโยชิฮิสะ ไคนูมะ ประธานกลุ่มบริษัท มินีแบมิตซูมิ กล่าวถึงความเป็นมาของกลุ่มบริษัทรวมถึงการดำเนินกิจการในประเทศไทย
โดยกลุ่มบริษัท มินีแบมิตซูมิ ก่อตั้งขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่นในปี พ.ศ. 2494 และได้ขยายการลงทุนและฐานการผลิตมายังประเทศไทยในปี พ.ศ.2525 ปัจจุบันดำเนินธุรกิจในประเทศไทยครบ 40 ปี ตลอดระยะเวลา 40 ปี กับการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ถือเป็นฐานการผลิตที่ใหญ่ที่สุดบริษัทฯ มีการขยายการลงทุนและกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง มียอดเงินลงทุนสะสม ณ เดือนมีนาคม 2565 มากกว่า 108,000 ล้านบาท มีโรงงานผลิต 9 แห่ง ตั้งอยู่ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลพบุรี ปทุมธานี ชลบุรี และระยอง ปัจจุบันมีพนักงานจำนวนมากกว่า 38,000 คน มีการจ้างงานสะสมตั้งแต่ปี พ.ศ. 2525 จำนวน 253,000 คน ด้วยยอดขายมากกว่า 87,000 ล้านบาท
ท่ามกลางวิกฤติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมากมายในช่วงเวลาที่ผ่านมา เช่น วิกฤติเศรษฐกิจ สถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ รวมถึงการแพร่ระบาดโควิด-19 และปัญหาการขาดแคลนวัคซีน กลุ่มบริษัทสามารถผ่านพ้นวิกฤติต่างๆ มาได้ และดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่นและเติบโตจนถึงปัจจุบันโดยได้รับความช่วยเหลือ และการสนับสนุนในหลากหลายรูปแบบ อย่างต่อเนื่องเป็นอย่างดีจากทุกภาคส่วนของรัฐบาลไทย รวมถึงความร่วมมือ ร่วมใจจากพนักงานของกลุ่มบริษัทฯ ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้บริษัทฯ เกิดความเชื่อมั่น และตัดสินใจขยายการลงทุนที่ประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง
ในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มีการลงทุนรวมมูลค่า 5,200 ล้านบาท และขยายการลงทุนเพิ่มมูลค่า 3,000 ล้านบาท ในการสร้างอาคารใหม่ NMB Advanced Technology และเครื่องจักร เพื่อขยายกำลังการผลิต ผลิตภัณฑ์ตลับลูกปืน ซึ่งเริ่มดำเนินการผลิตเมื่อเดือนพฤศจิกายน และจัดพิธีเปิดอาคารอย่างเป็นทางการในวันที่ 14 ธันวาคม 2565
เนื่องในโอกาสครบ 40 ปีของกลุ่มบริษัทฯ เพื่อเป็นการตอบแทนคืนสู่สังคม บริษัทฯ ได้มอบรถพยาบาลฉุกเฉินจำนวน 4 คัน ให้กับโรงพยาบาล 3 แห่ง เพื่อสนับสนุนการสาธารณสุข และปลูกป่า 500 ไร่ ณ ป่าสงวนแห่งชาติ จังหวัดลพบุรี เพื่อช่วยลดปัญหาโลกร้อน ซึ่งต้นไม้เหล่านี้จะช่วยดูดซับคาร์บอนได้สูงถึง 8,600 ตันคาร์บอนในระยะเวลา 10 ปี
โดยการปลูกป่าในครั้งนี้ตรงตามปรัชญาการบริหารที่สำคัญของบริษัทฯ คือ “การเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” ซึ่งบริษัทฯ ได้กำหนดนโยบายภายใต้แนวคิดการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน Environmental Social and Corporate Governance (ESG) ผ่านทุกกิจกรรมของการดำเนินธุรกิจขององค์กร โดยมุ่งสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม ตามแนวคิด QCDESS เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างการเติบโตทางธุรกิจ ควบคู่กับการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร ผนวกกับการประกาศกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ ที่จะเป็นศูนย์กลางการพัฒนา การผลิต และการจำหน่ายสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ให้ได้ 30% ภายในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2574 และดำเนินการตามเจตนารมย์ที่จะบรรลุเป้าหมาย “Carbon Neutrality” ภายในปี พ.ศ. 2593 และในปี พ.ศ. 2563 บริษัทได้เริ่มดำเนินการผลิตสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมภายใต้ชื่อ “MinebeaMitsumi Green Products”
โดยหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในการประหยัดพลังงาน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและผลิตในประเทศไทย คือ “Smart LED Streetlights” ซึ่งมีคุณสมบัติ
- ช่วยประหยัดการใช้พลังงานไฟฟ้าและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
- มีประสิทธิภาพสูงในการสร้างโครงข่ายเพื่อเชื่อมต่อการสื่อสาร โดยผ่านระบบ IOT platform.
ด้วยจุดแข็งในการดำเนินการผลิตแบบครบวงจรของบริษัท กลุ่มบริษัทฯ มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้ผลิตพลังงานสะอาด เพื่อนำมาใช้ในกระบวนการผลิต ซึ่งทำให้สามารถผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ มีความเที่ยงตรงสูง มีความรวดเร็ว และต่อเนื่องในการส่งมอบสินค้า รวมถึงการลดต้นทุนในการผลิตตามนโยบายสิ่งแวดล้อมของกลุ่มบริษัท มินีแบมิตซูมิ เราจะคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม และอุทิศเพื่อสังคม โดยการปฏิบัติตามข้อกฎหมายสิ่งแวดล้อมของประเทศและท้องถิ่น พร้อมกับให้ความร่วมมือในการดำเนินกิจกรรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมร่วมกับชุมชนท้องถิ่นที่บริษัทตั้งอยู่ และ สนองความต้องการของลูกค้า ที่ต้องการซื้อสินค้าที่ผลิตด้วยพลังงานสะอาด กลุ่มบริษัทมินีแบมิตซูมิ ประเทศไทย จึงมีความมุ่งมั่นที่จะลงทุนในระบบการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ให้ได้ 100%
ภายใต้หลักปรัชญาการบริหาร (Corporate Philosophy) และหลักความเชื่อ 5 ประการ (Company Credo) ของบริษัทฯ ที่ยึดหลักการดำเนินงานที่โปร่งใส บริษัทฯ มีเจตจำนงค์แน่วแน่ที่จะเป็นบริษัทซึ่งพนักงานมีความภาคภูมิใจที่ได้ทำงานด้วย สร้างความไว้วางใจของลูกค้า ตอบสนองความคาดหวังของผู้ถือหุ้น คำนึงถึงการทำงานที่สอดคล้องเป็นหนึ่งเดียวกับชุมชนท้องถิ่น รวมทั้งส่งเสริมและทำประโยชน์ต่อสังคมโลก เพื่อมุ่งสู่ความสำเร็จแห่งการเติบโตและความยั่งยืน
การดำเนินการของกลุ่มบริษัทฯ จะดำเนินงานให้สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาของโลก และถือเป็นแนวนโยบายของกลุ่มบริษัท ที่มีพันธกิจในการสนับสนุน และพัฒนาสิ่งแวดล้อมโลก และมนุษยชาติให้เป็นไปอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างสังคมที่ปราศจากคาร์บอน และเพื่อการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน
บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการดูแลบุคลากร ด้วยเชื่อว่า “คน” คือทรัพยากรที่สำคัญและมีคุณค่า และจากการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมายาวนานถึง 40 ปี บริษัทฯ เชื่อมั่นในศักยภาพของคนไทย จึงกำหนดนโยบายในการดูแลพนักงานให้มีความสุข และมีคุณภาพชีวิตที่ดี ส่งผลให้พนักงานของเรา ปฎิบัติงานอย่างมีความสุข มีความภาคภูมิใจที่ได้ร่วมงานกับบริษัทฯและมีความมุ่งมั่น ตั้งใจ ที่จะผลิตสินค้าที่ดีกว่า รวดเร็วกว่า จำนวนมากกว่า ราคาถูกกว่า และด้วยวิธีที่ชาญฉลาดกว่า
กลุ่มบริษัท มินีแบมิตซูมิ ยังคงมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม และทุ่มเทให้กับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโลกอย่างยั่งยืน รวมถึงให้ความสำคัญในการดูแลและพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง ซึ่งประเทศไทยจะยังคงเป็นฐานการผลิตหลักที่สำคัญ และมีแผนที่จะขยายการลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องต่อไป